ลอง #StrongerTogether ดู

เห็นด้วยกับไอเดียคสช. ว่าแคมเปญ #prayforbangkok นั้นไม่เวิร์ก เราไม่มีอะไรต้อง pray กัน แต่เรามีอะไรต้องทำมากกว่านั้น จึงควรขยับเป็น #strongertogether ซึ่งขอตีความหมายเอาเองว่า strong หมายถึง ความเข้มแข็ง ความแข็งแกร่ง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ หลังผ่านเรื่องร้ายๆ มาเราต้องพาตัวเองให้กลับมาเข้มแข็งมากขึ้นๆ และมากกว่าเดิม โดยเรียนรู้ความผิดพลาดจากเหตุการณ์วันก่อน แล้วพัฒนาตัวเองให้เติบโตต่อทั้งภายนอกและภายใน และเราทำคนเดียวไม่ได้ จึงต้องมี Together เราจะต้องเติบโตไปด้วยกัน (สำนวนคุ้นๆ)
 
เป้าหมายของ terrorism คือ ต้องการให้เกิดความกลัว ให้คนใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้ จนคนตั้งคำถามต่อความสามารถของรัฐบาลในการดูแลชีวิตของพวกเรา เพราะฉะนั้นในภาวะเช่นนี้การ Strong หรือ การมีความเข้มแข้งทางจิตใจ สำคัญมาก ที่เราต้องช่วยกันและกัน คือ ช่วยให้คนข้างๆ ไม่ตื่นกลัว โอเคว่าจะให้กลับไปเดินเล่นพารากอนสบายใจในทันทีก็คงยาก แต่หากมีกิจธุระ มีหน้าที่การงานที่ต้องจัดการ ก็ต้องช่วยกันสร้างกำลังใจ สร้างความเข้มแข็ง ให้กลับไปเดินหน้าทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำในชีวิตต่อได้
 
เครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่อาจช่วยให้ Strong คือ Sti หรือ สติ 
 
การมีสติรู้ตัวในระหว่างการทำอะไรก็ตาม ระหว่างการเดินทางผ่านจุดเสี่ยงที่จำเป็นต้องไป รู้จักมองซ้ายมองขวา ช่วยกันสอดส่องดูแลรอบข้างและกันและกัน แต่ไม่ตื่นกลัวจนเกินไป น่าจะเป็นรูปแบบหนึ่งที่เราต้องฝึกฝนตัวเองให้ Stronger ขึ้นได้ รวมถึงการมีสติรู้ตัวว่ากำลัง "กลัว" อยู่ ก็เป็นสติแบบหนึ่ง
 
สติปัญญาในทางศาสนาพุทธ เกิดขึ้นได้อย่างไรบ้างอันนี้ไม่ทราบ แต่สติในการดำเนินชีวิตส่วนหนึ่งสร้างขึ้นได้จากการใช้เหตุใช้ผล แยกแยะอารมณ์ความรู้สึกส่วนที่เป็นความโกรธเกลียด ความหวาดกลัว ความโมโหร้าย ออกจากการวิเคราะห์และข้อเท็จจริง
 
การเร่งรีบสาดอารมณ์ความโกรธเกลียดใส่คนที่มีร่องรอยให้สงสัยว่ารู้เห็นนั้นไม่ได้แสดงความฉลาดทางวุฒิภาวะ หรือความ Stronger แต่อย่างใด กลับมีแต่จะทำให้คนในสังคมหวาดระแวงซึ่งกันและกัน และเพิ่มความเกลียดชังขึ้นในสังคมเข้าไปอีก และเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายก็อาจสำเร็จผลง่ายขึ้น โดยมีเราเป็นส่วนหนึ่งไปช่วยให้มันเกิดเร็วขึ้น
 
อาจจะดูฉลาดทางอารมณ์ หรือ Strong กว่า ถ้าในภาวะนี้คนอย่างเราๆ จะกล้าหาญยอมรับเถอะว่า "เราไม่รู้อะไรเลย" เพราะ "เราไม่มีข้อเท็จจริงอะไรเลย" ที่พอจะให้เอามาวิเคราะห์ต่อได้ แล้วก็อาศัยโอกาสนี้เรียนรู้ที่จะเลิกนิสัยตัดสินอะไรต่างๆ อย่างรวดเร็ว แชร์อะไรต่างๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งสุดท้ายเราอาจต้องเรียนรู้ที่จะ Strong พอยืดอกยอมรับว่าการจะหาตัวคนทำผิดในภาวะนี้ "เราทำอะไรไม่ได้" สิ่งที่เราทำได้และควรทำ คือ ตั้งสติและแยกแยะข้อเท็จจริง ซึ่งก็เป็นงานที่ยากพออยู่แล้ว
 
ข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริง เป็นสิ่งที่เราไม่มี 
 
ภาครัฐก็ควรจะต้องเรียนรู้ที่จะให้ข้อเท็จจริงเราเท่าที่เขารู้และไม่กระทบต่อการสอบสวน เพื่อฝึกให้ประชาชนวิเคราะห์ได้โดยมีพื้นฐานรองรับ และหาทางกลับมาใช้ชีวิตปกติให้ได้
 
ไกลไปกว่านั้น หากมีวันที่เจ้าหน้าที่รัฐจับกุมตัวใครสักคนได้ การแสดงออกถึงความเข้มแข็งทางใจ หรือ Strong นั่นคือต้องตั้งคำถามด้วยว่า จับกุมถูกตัวหรือไม่ ต้องให้ผู้ถูกจับมีสิทธิในการต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาให้ได้ด้วย ในภาวะวิกฤติอย่างนี้เท่านั้นถึงจะเป็นช่วงเวลาที่พิสูจน์การเติบโตอย่างเข้มแข็งของสังคมได้ 
 
สุดท้าย หากมีวันที่เจ้าหน้าที่รัฐจับกุมตัวใครสักคนได้ หรือจับไม่ได้แต่รู้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไหน และทำไปเพราะอะไร หากสังคมไทยช่วยกันพัฒนาตัวจนเข้มแข็งและเติบโตพอ หรือ StrongerTogether เราก็ควรพิจารณาดูที่มูลเหตุจูงใจของเขา ว่าเกิดจากความเจ็บแค้นเรื่องอะไร ถึงลงมือกระทำการได้โหดร้ายถึงเพียงนี้ และมุ่งแก้ปัญหาที่ปมความเจ็บแค้นของเขา ไม่ใช่มุ่งที่จะลงโทษให้สาสมแต่เพียงอย่างเดียว หากรัฐใดเคยไปทำให้ใครต้องโกรธเคืองถึงเพียงนั้น ประชาชนก็ควรร่วมกันเรียกร้องต่อรัฐบาลให้เลิกการกระทำเหล่านั้นเสีย เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ไม่ว่าที่ไหนในโลก 
 
ซึ่งอาจจะต้องใช้ Hashtag StrongerTogether ไปอีกนาน
 
 

เด็กหนุ่มในอพาร์ทเม้นต์

 
ชั้น 10 ของอพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่ง 

เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี นั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่คนเดียวบนชั้นนั้น

เด็กหนุ่มเพิ่งเข้าเรียนปี 1 ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง แต่วันนี้เขาขี้เกียจไปเรียน จึงนั่งเล่นคอม แชทคุยกับสาวๆ อยู่ที่บ้าน