คำนิยม 'ดา ตอร์ปิโด' ปราศรัย โดย 'ทีมพันธมิตรฯ'

ทีมข่าวการเมือง ประชาไท

บันทึกปฏิกิริยาฝ่ายขวาใหม่' ภายใต้ฉายาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' หลังจากการปราศรัยที่สนามหลวงของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด' เมื่อวันที่ 18 กรกฎคมที่ผ่านมา

โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้หยิบประเด็นการปราศรัยของดา ตอร์ปิโด' มาวิพากษ์วิจารณ์เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายคืนนับตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เป็นต้นมา กระทั่ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บ.ชน.) ขอให้ศาลอาญากรุงเทพฯ อนุมัติหมายจับเลขที่ 2209/51 ให้จับกุม น.ส.ดารณีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 22 ก.ค.

ทำให้ น.ส.ดารณี ต้องสิ้นอิสรภาพตั้งแต่ถูกจับที่บ้านพักเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา และในวันที่ 23 ก.ค. ศาลก็ยกคำร้องไม่ให้ ผศ.ดร.สุทธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ตำแหน่งประกันตัว น.ส.ดารณี

คดีของ น.ส.ดารณี ยังทำให้เกิดการออกหมายจับพ่วงนายสนธิ ลิ้มทองกุล' เมื่อวันที่ 23 ก. ค. ด้วยข้อหาเดียวกัน คือเผยแพร่ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างไรก็ตาม หลังสอบปากคำตำรวจยินยอมให้นายสนธิประกันตัว หลังจากนายสนธิพร้อมผู้สนับสนุนหลายพันคนเดินขบวนมาให้กำลังใจที่หน้ากอง บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งที่คดีนี้อยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่มีใครพูดได้ว่าดา ตอร์ปิโด' มีความผิดหรือไม่ แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำเรื่องนี้ไปขยายผล บอกว่าดา ตอร์ปิโด' หมิ่นสถาบันกษัตริย์ และบนเวทีก็เต็มไปด้วยการพิพากษา' โดยแกนนำพันธมิตรว่าต้องจัดการดา ตอร์ปิโด' ชนิดเอาให้ตาย' ‘ตบให้คว่ำ' ‘ต้องกระทืบ' ฯลฯ

บัดนี้ ปฏิกิริยาบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อดา ตอร์ปิโด' หลายวันหลายคืนได้กลายเป็นคำนิยม' มุมกลับ พวกเขาได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากสนทนาถึงดา ตอร์ปิโด' และมีส่วนกระตุ้นความกระหายใคร่รู้คำพูดคำปราศรัยของเธอ

ต่อไปนี้คือปฏิกิริยาอันเป็นความเห็นของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หวังว่าผู้อ่านจะเต็มอิ่มกับปฏิกิริยาอันกลายเป็นคำนิยม' มุมกลับให้กับคำปราศรัยของดา ตอร์ปิโด'

000

(คำชี้แจง - คำปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อไปนี้ อาจมีบางช่วงใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ และถ้อยคำบางช่วงมีความจำเป็นต้องตัดออกจึงต้องขออภัยผู้อ่านมา ณ ที่นี้)

18 กรกฎาคม 2551

น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด' ปราศรัยในที่ชุมนุมต่อต้านพันธมิตร ที่สนามหลวง

โดย ก่อนที่จะมีการกล่าวถึงการปราศรัยดังกล่าวโดย สนธิ ลิ้มทองกุล ได้มีการเผยแพร่เสียงปราศรัยดังกล่าวในอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตามหลังการกล่าวถึงคำปราศรัยดังกล่าวโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล เว็บไซต์การเมืองไทยต่างๆ ได้มีประกาศขอความร่วมมือผู้ใช้อินเตอร์เน็ตงดเผยแพร่ไฟล์และการเข้าถึงไฟล์ ดังกล่าว

000

20 กรกฎาคม 2551

มีการพูดถึงการปราศรัยของดา ตอร์ปิโด' ในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระหว่างการปราศรัยของเขา

 

สนธิ ลิ้มทองกุล

"อีนางนี่นอกจากจะต้องติดคุกแล้ว จะต้องเอามันให้ตาย ผมพูดจากตัวผมเองสาบาน อย่าให้กูเจอมึงที่ไหนนะ กูจะตบให้คว่ำเลยอีห่า มันเลวที่สุดพี่น้อง อย่าไปฟัง เพราะมันหมิ่นยิ่งกว่าหมิ่น ไอ้จักรภพว่าหมิ่นแล้ว อีนี่คูณสิบเข้าไป"

 

ลั่นเอาให้ตาย' สาบานตบให้คว่ำ'

ในเวลา 22.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตร กล่าวถึง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" หนึ่งในกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) ซึ่งปราศรัยที่เวทีสนามหลวง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา

 

โดยนายสนธิชูแผ่นซีดีขึ้นมาและบอกว่าหลักฐานอยู่ที่นี่ และกล่าวว่า "ผมไม่เคยเห็นเห็นใครเลวทรามต่ำช้า ชั่วช้ายิ่งกว่าเหี้ย เหี้ยเรียกแม่" โดยนายสนธิกล่าวว่าดา ตอร์ปิโดบังอาจปราศรัยหมิ่นสถาบันเบื้องสูง

นายสนธิกล่าวต่อว่า "พี่น้อง ... พี่น้องไม่อยากฟังหรอกว่ามันพูดว่าอย่างไร"

ผู้ชุมนุมกล่าวว่า "อยาก"

 

นายสนธิปฏิเสธว่า "ไม่ได้" และกล่าวต่อว่า "เอาสั้นๆ" และสรุปให้ผู้ชุมนุมว่า น.ส.ดารณีปราศรัยว่าอะไร เมื่อผู้ชุมนุมได้ฟังที่นายสนธิสรุป ได้แสดงความไม่พอใจ น.ส.ดารณีเป็นอย่างมาก มีการโห่ และตะโกนคำว่า "เหี้ย" ขึ้นมาเป็นระยะ

 

นายสนธิกล่าวว่าอาทิตย์หน้าจะไปแจ้งความ น.ส.ดารณี ที่ สน.ชนะสงคราม และต้องการจับตาดูว่า พล.ต.ต.อำนวย พล.ต.ท.อัศวิน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. นายตำรวจเหล่านี้จะทำงานได้รวดเร็วเหมือนกับคดีของอาจารย์สมเกียรติหรือ เปล่า โดยมีหลักฐานที่ชัดเจนอยู่ในมือแล้ว

นายสนธิยังกล่าวว่า

"อีนางนี่นอกจากจะต้องติดคุกแล้ว จะต้องเอามันให้ตาย ผมพูดจากตัวผมเองสาบาน อย่าให้กูเจอมึงที่ไหนนะ กูจะตบให้คว่ำเลยอีห่า มันเลวที่สุดพี่น้อง อย่าไปฟัง เพราะมันหมิ่นยิ่งกว่าหมิ่น ไอ้จักรภพว่าหมิ่นแล้ว อีนี่คูณสิบเข้าไป"

 

นี่ไง นปก. แล้วคนที่อยู่เบื้องหลัง นปก. คือไอ้ห้อย บุรีรัมย์ เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ผู้อยู่เบื้องหลังนายธีระชัย แสนแก้ว เกณฑ์คนไปข่มขู่ทำร้ายพันธมิตรฯ ที่อุดรธานี และการจัดตั้งคนไทยปะทะกันเองที่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทั้งหมดทำกันเป็นขบวนการ โดยไอ้ห้อยทำงานรับใช้นายมัน

 

"สังคมไทยแบ่งข้างกันชัดเจนแล้ว มึงไปยืนข้างนรกไป กูจะยืนข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" นายสนธิกล่าว

"พี่น้อง ทำไมเราต้องมาสู้ เพราะเราต้องล้างสังคมไทยใช่ไหมพี่น้อง ล้างไอ้คนชาติชั่วพวกนี้ ให้มันตกเวทีไปให้หมด ใช่ไหม"

 

"ผมไม่อยากเอ่ยคำว่าเหี้ย เพราะมันยิ่งกว่าเหี้ย มันเลวทรามต่ำช้าที่สุด ยังไม่เคยเห็นใครเลวทรามต่ำช้าเท่าอีดาตอร์ปิโด"

 

"ผมตั้งใจจะพูดหลายเรื่อง แต่มันโกรธมันคั่งแค้น มันไม่รู้ว่าจะควบคุมอารมณ์ได้อย่างไร ผมทนไม่ได้จริงๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ใช่ไหมพี่น้อง มันเกิดมาตั้งแต่ปี 2545-46 แล้ว เป็นกระบวนการมาตลอด รวมไปจนถึงกระบวนการโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ไอ้นรกป่วนกรุงพวกนี้ ไอ้โชติศักดิ์ที่ไม่ยอมยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ คดีไปถึงไหนแล้ววะตำรวจ ถ้าพวกคุณจะไม่เคารพนับถือ ราชบัลลังก์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า บอกมาสิ แยกค่ายกันให้ชัดเลย ขนาดเสื้อมันยังใส่เสื้อสีแดง X__________________________________________________X (ผู้ชุมนุมตอบ - สี แดง) ไปดูได้เลยไอ้นรกป่วนกรุงตามจังหวัดต่างๆ เสื้อสีแดงทั้งนั้น มันจงใจที่แท้จริง เห็นไหมพี่น้อง มันทำทุกอย่างให้เป็นสัญลักษณ์ไปหมด แน่จริงประกาศออกมาสิ แยกข้างให้เห็นไปเลย"

 

นายสนธิกล่าวว่าที่สังคมไทยเป็นแบบนี้ เพราะข้าราชการที่แต่ก่อนเรียกก่อนเรียกว่าข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตอนหลังทักษิณมาเปลี่ยนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา

 

เรื่องที่ผมพูด หลักฐานมีหมด ผมได้ยิน คนเอามาให้ พี่น้อง ผมตัวชาไปทั้งตัวเลย ผมนึกว่าตายแล้วกูเป็นอัมพาตหรือเปล่านี่ มือมันชา มือมันแข็ง เพราะผมนึกไม่ถึงว่าเป็นมันคำพูดออกมาจากปากคน ผมนึกว่าเป็นคำพูดออกมาจากสัตว์นรก พี่น้องอีดา พ่อแม่อีดา ทำไมไม่สั่งสอนลูกตัวเอง ชาญเชิงศิลปกุลมันก็ลูกเจ๊กคนหนึ่ง ผมก็ลูกเจ๊ก ลูกจีน แต่ผมว่าอีกหน่อยผมนี่ลูกจีนแท้ ส่วนพวกมันลูกจีนเตี๊ยะ

 

ผมบอกกับปานเทพ (พัวพงษ์พันธ์) อะไรมันจะเกิดให้มันเกิด เราอย่ามาคิดว่าเรามาแค่ขึ้นปราศรัย ผมบอกเรามาทำงานให้ประชาชน เราเป็นลูกจ้างประชาชน ถ้าประชาชนให้เรามาทุกวันเราจะมา ถ้าวันไหนประชาชนไม่ให้เรามาเราก็ไม่มา เพราะเราเป็นลูกจ้างประชาชน

 

"พี่น้องผมสาบานกับตัวเองไว้แล้ว ผมเจอมันที่ไหนผมจะตบมันให้คว่ำเลยอีนี่ มันจะเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ไทย และในประวัติศาสตร์ชีวิตผมที่ผมตบมัน พี่น้องครับผมพูดความจริงพี่น้อง เนื้อหาที่มันพูดในนี้ เลวทรามต่ำช้าชั่วช้า เหี้ยเรียกพี่ ผมยืนยัน ยืนยัน พี่น้องครับ เรามาที่นี่เราเลือกข้างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม เราเลือกยืนข้างความดีความถูกต้อง เราเลือกยืนข้างราชบัลลังก์ พระบาทสมเด็จพระนางเจ้า เราพร้อมสละชีวิตต่อสู้กับอ้ายและอีคนไหนก็ตามที่มาล่วงเกินพระองค์ท่าน ใช่ไม่ใช่ครับพี่น้อง"

000

 

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

"แหม ฟังหัวหน้าใหญ่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุลพูดตะกี้ เท่าที่ดูการ ตบ ตบ ตบ นี่ เข้าใจว่า ดา ตอร์ปิโด ฟันร่วงหมดเกลี้ยงเลยครับพี่น้อง นี่เขาเรียก ตบเพื่อชาติ ตบเพื่อสถาบัน"

 

ซูฮกสนธิ "ตบเพื่อชาติ ตบเพื่อสถาบัน"

22.30 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ขึ้นปราศรัยต่อ เขาแนะนำตัวเองเลียนนายศรัณยู วงศ์กระจ่างนักแสดงที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรว่า "สวัสดีครับ ผมศรัณยู ขอขอบคุณมากครับ" เรียกเสียงกรี๊ดจากผุ้ชุมนุม กล่าวติดตลกว่าผมปราศรัยมาเกือบตายไม่เคยได้รับการต้อนรับเท่านายตั้วเลย นายสมเกียรติยังกล่าวหา นปก. ว่า นปก.ได้ชกพระแล้วจะกระทืบเด็ก ขอให้พันธมิตรอย่าเอาเด็กมาชุมนุมตอนกลางวัน

 

ในช่วงหนึ่ง นายสมเกียรติ กล่าวถึงการปราศรัยของนายสนธิว่า

 

"ท่าน สนธิบรรเลงไปหมดแล้ว ประเภทคำที่ฉวัดเฉวียน และหนักสุดๆ เลยตั้งแต่ฟังคุณสนธิมา สงสัยไฟธาตุใกล้แตกอีกคนหนึ่งแล้วครับพี่น้อง แหม ฟังหัวหน้าใหญ่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุลพูดตะกี้ เท่าที่ดูการ ตบ ตบ ตบ นี่ เข้าใจว่า ดา ตอร์ปิโดฟันร่วงหมดเกลี้ยงเลยครับพี่น้อง นี่เขาเรียก ตบเพื่อชาติ ตบเพื่อสถาบัน"

000

 

ภูวดล ทรงประเสริฐ

"คนๆ นี้ไม่ควรจะเกิดในแผ่นดินนี้ เพราะคนๆ นี้ บัดซบเกินไปจะที่เป็นข้าฝ่าละอองธุลีพระบาท"

"คนๆ นี้แสดงความอาฆาดมาดร้าย อย่างจริงใจ จริงจัง อย่างบัดซบ อย่างสามานย์ อย่างสถุนที่สุด เท่าที่ผมเคยเจอมนุษยชาติที่พูดต่อผู้นำตัวเองอย่างนั้น"

"ผม ที่จริงเป็นคนเกลียดดูเว็บที่สุด ยังต้องไปฟังมัน ฟังด้วยความทุเรศตัวเองว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นมาในประเทศนี้ ที่ไอ้ชนชั้นนำ ที่สมุนรับใช้ของไอ้หน้าเหลี่ยมมันทำได้ขนาดนี้ พี่น้องที่รักทั้งหลาย โปรดไปเลือกหาเอาเองเถิด ถ้าถึงวันนั้น ถ้าพี่น้องจัดการอะไร พี่น้องไม่ต้องเสียดอกเสียดายเลยนะครับ กระทืบคนอย่างนี้ผมว่า กระทืบมดยังมีค่ากว่าด้วยซ้ำ"

 

รับประกัน "สามหาว บัดซบที่สุด เท่าที่พี่น้องจะเคยได้ยินมา"

ต่อมา ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวปราศรัยถึง น.ส.ดารณี หรือดา ตอร์ปิโด' โดยเปิดรูป น.ส.ดารณี ให้ผู้ชุมนุมดูผ่านจอโปรเจกเตอร์และบอกให้ผู้ชุมนุมจำหน้าบุคคลนี้ไว้และบอกว่า "คนๆ นี้ไม่ควรจะเกิดในแผ่นดินนี้ เพราะคนๆ นี้ บัดซบเกินไปจะที่เป็นข้าฝ่าละอองธุลีพระบาท"

ศ.ดร.ภูวดล กล่าวว่า น.ส.ดารณีขึ้นเวทีปราศรัย 2 ครั้งที่สนามหลวง ซึ่งเป็นเวทีที่ ศ.ดร.ภูวดลระบุว่า "มีคนฟังไม่เกิน 50 คน และมีสุนัขไม่เกิน 50 ตัว" เขายังระบุว่า

 

"มีการแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันสูงสุดของประเทศ คนๆ นี้แสดงความอาฆาดมาดร้าย อย่างจริงใจ จริงจัง อย่างบัดซบ อย่างสามานย์ อย่างสถุนที่สุด เท่าที่ผมเคยเจอมนุษยชาติที่พูดต่อผู้นำตัวเองอย่างนั้น" ศ.ดร.ภูวดลกล่าว

 

"นี่ ไม่ใช่เพียงเป็นหน้าที่ของคนไทย ที่จะต้องประณาม จำหน้าคนบัดซบนี้ไว้ได้เลย ผมขอเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเปิดเทปทั้งสองม้วนดู หาได้ง่าย ขนาดผมไม่ใช่ตำรวจยังมีของ ยังมีสิทธิได้ฟังเลย มีการไรท์ลงในเว็บไซต์เสียด้วยซ้ำ ผมอยากเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดการโดยรีบด่วนไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าไม่จัดการเรื่องนี้ก็ขอให้ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เลยครับ" ศ. ดร.ภูวดล กล่าวว่ายิ่งกว่ากรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแขพูดที่ลอส แองเจลลิส และที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อีดอกนี่ สามหาว บัดซบที่สุด เท่าที่พี่น้องจะเคยได้ยินมา

 

"มันถึงกับบอกว่า XXXXXX XXXXXX XXXXXX XXXXXX XXXXXX XXXXXX มันถามอย่างนี้เลยครับพี่น้อง"

 

เรียกร้องกระทืบ ไม่ต้องเสียดาย ชี้จาบจ้วงรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์

ศ.ดร.ภูวดลยังเรียกร้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบรรดาทหารรักษาพระองค์ทุกคนให้ "จัดการ แก้ไขปัญหาอีนางมารตัวนี้ให้เสร็จ เพราะจริงๆ แล้วอีนางตัวนี้เป็นลูกน้องใครก็รู้ ไม่ใช่เป็นลูกน้องแค่ นปก. ลูกน้อยไอ้ห้อยร้อยยี่สิบแต่นายที่แท้จริงของมันคือไอ้หน้าเหลี่ยม" ศ.ดร.ภูวดลให้เหตุผลว่า น.ส.ดารณี ปราศรัยพูดถึงความดีงามของไอ้หน้าเหลี่ยม' เปรียบเทียบไอ้หน้าเหลี่ยมเท่ากับปรีดี พนมยงค์ นอกจากนี้ยังมีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย ศ.ดร.ภูวดลให้คำจำกัดความว่า "มัน จาบจ้วงมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ชัดเจนที่สุด ไม่ต้องไปหาตำราไหนๆ มาตีความ ถ้าคุณฟังภาษาไทยได้ คุณไปจัดการ ไม่อย่างนั้นคุณก็เลิกเป็นทหารรักษาพระองค์ได้แล้วทุกคน"

 

"ผม ไม่คิดว่าคนไทย พ.ศ.นี้จะบัดซบขนาดนี้ มันสุดบัดซบ ผมเชื่อว่าเทปม้วนนี้ พี่น้องดึงออกมาได้ เพราะมันใส่ในเว็บ นปก. นะครับ ผมที่จริงเป็นคนเกลียดดูเว็บที่สุด ยังต้องไปฟังมัน ฟังด้วยความทุเรศตัวเองว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นมาในประเทศนี้ ที่ไอ้ชนชั้นนำ ที่สมุนรับใช้ของไอ้หน้าเหลี่ยมมันทำได้ขนาดนี้ พี่น้องที่รักทั้งหลาย โปรดไปเลือกหาเอาเองเถิด ถ้าถึงวันนั้น ถ้าพี่น้องจัดการอะไร พี่น้องไม่ต้องเสียดอกเสียดายเลยนะครับ กระทืบคนอย่างนี้ผมว่า กระทืบมดยังมีค่ากว่าด้วยซ้ำ"

 

ตอนท้ายของการปราศรัย ศ.ดร.ภูวดล ยังถามไปถึงบรรดานายพลผู้รักชาติ' ว่าอย่ารักแต่ปาก เพราะเข้าพิธีสวนสนามทุกวันที่ 3 ธ. ค. ท่านปฏิบัติตัว แต่งตัวเท่อย่างเดียวไม่ได้ ท่านสวนสนามด้วยผ้าสักหลาดครั้งละกี่ล้านบาท จงทำให้เห็นว่าจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดได้ไหม

 

ศ.ดร.ภูวดล ระบุว่า ดา ตอร์ปิโด "จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงที่สุด เท่าที่เคยมีคนไทยเคยวิพากษ์วิจารณ์ เคยมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เท่ากับคนๆ นี้ ไม่เคยมี เท่าที่ผมเกิดมา เท่าที่ผมศึกษามา ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์กว่า 200 ปี ไม่เคยมีใครวิจารณ์ วิพากษ์ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เท่ากับอีนางเปรตตัวนี้"

000

 

21 กรกฎาคม 2551

วันนี้ พ.อ.(หญิง) ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยกองทัพบกได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร ว่า น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ณ บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2551 โดย มีการใช้ถ้อยคำดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และถือเป็นการมิบังควรอย่างที่สุด

 

พ.อ.(หญิง) กล่าวว่า จากการกระทำดังกล่าว กองทัพบกจึงได้มีหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2551 ถึง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า กองทัพบกขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้กรุณาตรวจสอบการปราศรัยของ น.ส.ดารณี หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้ส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วในวันเดียวกัน

 

ภูวดล ทรงประเสริฐ

"มันจงใจลบหลู่ ชิงชัง เคียดแค้น มุ่งร้าย ชิงชัง ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ตามรัฐธรรมนูญ สำนักงานตำรวจ เอ็งไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไอ้ผู้บริหารทั้งหลาย ผมไม่ต้องเรียนนิติศาสตร์ เรียนประวัติศาสตร์กูก็ตีความเป็น ว่าสิ่งเหล่านี้ คือความชั่วช้า สามานย์ บัดซบ ลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจนที่สุดกว่ายุคใด สมัยใด"

 

 

ภูวดลแจ้งที่อยู่ ดา ตอร์ปิโด' ให้ผู้ชุมนุม ไปจัดการตามศรัทธา
เวลา
19.30 น. ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวปราศรัยกล่าวถึง "ระบอบขายชาติขายแผ่นดิน ภายใต้การชี้นำของไอ้หน้าหอย" เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างที่มีการถ่ายทอดสดการปราศรัยของ ศ.ดร.ภูวดล ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV จะฉายภาพบุคคลและสิ่งที่ ศ.ดร.ภูวดล กล่าวถึงทางหน้าจอโทรทัศน์ตลอด

เขาได้กล่าวถึง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด' เป็นวันที่สองว่าเป็นลูกจีนต่างด้าว พ่อแม่เป็นจีนต่างด้าว ระบุชื่อพ่อแม่ของ น.ส.ดารณี ระบุภูมิลำเนาตามบัตรประชาชน และบอกกับผู้ชุมนุมพันธมิตรว่า "ไปจัดการ ไปสนองพระเดชพระคุณ ตามศรัทธาเอาเอง"

ศ.ดร.ภูวดล กล่าวว่ารัฐบาลหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ทำอะไรกับกรณีการปราศรัยของ น.ส.ดารณีเลย กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ไปทำหน้าที่ที่สนามหลวงในช่วงหัวค่ำของวันที่ 18 นั้น ถือว่า ท่านกำลังฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะนอกจากจะไม่จับคนดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งๆ หน้าแล้ว ยังปกปิดด้วย ซึ่งการกระทำครั้งนี้มีเอกสารเยอะแยะ แม้กระทั่ง กลุ่ม นปก.ที่มีจิตวิญญาณเป็นมนุษย์ รักสถาบันยังทนไม่ได้ต้องเอาหลักฐานมาให้เรา

อ้างไม่ได้มีแค่ ดา ตอร์ปิโด' แต่ทำกันเป็นขบวนการ
ศ.ดร.ภูวดลบอกว่า พฤติกรรมของ น.ส.ดารณี ทำกันเป็นขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริงๆ และกล่าวหาว่าหลายกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทยทำกันเป็นขบวนการและเชื่อมโยงกัน

โดยเขาระบุว่า สถานีโทรทัศน์ NBT ที่ออกอากาศเรื่องการโค่นล้มราชวงศ์ฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และการล้มล้างระบอบกษัตริย์ของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ที่ทำให้พระเจ้าจอห์นที่ 1 สิ้นอำนาจ และวันที่ 14-16 เมษายน 2551 สถานี NBT ก็เสนอการเลือกตั้งในเนปาล และการล้มลงของสถาบันกษัตริย์เนปาล โดยสถานีโทรทัศน์ NBT สมัยนั้นมีนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.สำนักนายกฯ กำกับดูแลในขณะนั้น ตำรวจยังสอบสวนไปไม่ถึงไหนในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นกัน

นายภูวดลยังกล่าวหานายภูมิวัฒน์ นุกิจ ด้วย โดยระบุว่า ต่อมาในวันที่ 19 เมษายน ลูกน้องมันอีกคนคือนายภูมิวัฒน์ นุกิจ ก็มีการท้าทายพระราชอำนาจของพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการถวายฎีกาคัดค้านพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ว่าไม่มีเหมาะสมที่จะเป็นองคมนตรี "มึงเสือกอะไรไอ้ห่าเหวทั้งหลาย" คนๆ นี้อยู่ในกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ มีลูกพี่ชื่อว่านายสมบัติ บุญงามอนงค์เป็นแกนนำ นปก.รุ่นสอง คนๆ นี้และลูกพี่มันได้ออกเว็บ www.thaisayno.com ซึ่งใกล้ชิดกับนักวิชาการอนุบาลเที่ยงวันหรือมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

กล่าวหา โชติศักดิ์' ไม่ยืนเป็นการรับใช้ ไอ้หน้าหอย'
"และอีกกรณีหนึ่ง คือ วันที่ 22 เมษายน นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ซึ่งเป็นลูกน้องมันอีกที ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี นี่หน้าตามัน ซึ่งคนๆ นี้เสียชาติเกิด เสียชาติเกิดความเป็นคนใต้แท้ๆ แต่ทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ไอ้หน้าหอยและพรรคพวกมันตลอดเวลา" ศ.ดร.ภูวดลกล่าว

"ถัดจากนั้นยังมีอีหน้าหมวยอีกคนหนึ่ง น.ส.จิตรา คชเดช ประธานสหภาพแรงงานโรงงานไทรอัมพ์ แรงงานยกทรงน่ะขายยกทรง เล็กๆ ใส่วาโก้ ใหญ่ๆ ก็ใส่ไทรอัมม์ก็แล้วกัน ก็ใส่เสื้อยืดมาออกรายการที่ช่องเอ็นบีที ที่มีข้อความ "ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม" บ้านมึงสิไม่ใช่ บ้านกูใช่แน่นอน"

"พี่น้องทั้งหลายแก๊งเหล่านี้ จะมีความใกล้ชิดสนิทสนม เป็นลูกน้อง เป็นพลพรรค กับระบอบทักษิณ สร้างเครือข่ายมา 5 ปีแล้ว ซึ่งเป็นเครือข่ายของเว็บหนึ่งที่ถูกปิดไปแล้ว

แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีเว็บประชาไท มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าของวารสาร กองบรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน ซึ่งฟ้าเดียวกันฉบับล่าสุด ซึ่งกำลังจะวางขายบนแผงเร็ววันนี้ พี่น้องรู้ไหมหน้าปกเป็นรูปอะไร XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX

XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX แล้วมันเขียนว่า ขวาไทย'

มันจงใจลบหลู่ ชิงชัง เคียดแค้น มุ่งร้าย ชิงชัง ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ตามรัฐธรรมนูญ สำนักงานตำรวจ เอ็งไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไอ้ผู้บริหารทั้งหลาย ผมไม่ต้องเรียนนิติศาสตร์ เรียนประวัติศาสตร์กูก็ตีความเป็น ว่าสิ่งเหล่านี้ คือความชั่วช้า สามานย์ บัดซบ ลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจนที่สุดกว่ายุคใด สมัยใด

ศ.ดร.ภูวดล ยังกล่าวถึงเว็บประชาไท และนิตยสารฟ้าเดียว ว่าเชื่อมโยงกันเป็นขบวนการ และ ศ.ดร.ภูวดล ยังอ้างว่านิตยสารฟ้าเดียวกันอยู่ได้เพราะนายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ (น่าจะเป็นนายธนาธร แต่ ศ.ดร.ภูวดล อ่านออกเสียงแบบนี้) โดยนายธนากรเป็นบุตรชายนายพัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจซึ่งเสียชีวิตแล้ว โดยนายพัฒนาเป็นพี่ชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โดย ศ.ดร.ภูวดลได้กล่าวโจมตีกองบรรณาธิการฟ้าเดียวกัน และนายธนากรด้วยถ้อยคำรุนแรง

 

สดุดี ดา ตอร์ปิโด' ทรงคุณค่าต่อระบอบไอ้หอย
ในตอนท้ายของการปราศรัย ศ.ดร.ภูวดลกล่าวถึง ดา ตอร์ปิโด' อีกครั้งว่า "โดยเฉพาะอีดา หน้าดอ นี่แหละ จงจำไว้พี่น้อง จำหน้าไอ้คนๆ นี้ไว้ นี่แหละ ไอ้นี่ลูกจีนต่างด้าว เป็นคนกร่างที่สุด ทำตัวบัดซบที่สุด ทำตัวเป็นสมุนรับใช้ที่ทรงคุณค่าที่สุดของระบอบไอ้หอยจนถึงทุกวันนี้ วันนี้ก็ยังทำมาหาแดกที่พีทีวี และทำหน้าที่ประสานงานไปประสานงานมาในช่อง 11 ด้วยพี่น้อง พี่น้องจงจำไว้ว่า ถ้าหากสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังคงถูกลบหลู่จากคนเหล่านี้ โดยที่สำนักงานตำรวจไม่ทำอะไร พี่น้องจงจำไว้ได้เลยภายในเวลาไม่นาน ผมเชื่อว่าแผ่นดินนี้จะลุกเป็นไฟ จากความไม่พอใจที่อีนางกะหรี่ตัวนี้ด่าสถาบันสูงสุดอย่างแน่นอน" ศ.ดร.ภูวดล กล่าว

000

 

สนธิ ลิ้มทองกุล

"ถ้าสังคมเป็นแบบนี้ ถ้ามันต้องเกิดสงครามประชาชนก็ต้องเกิด ใช่ไหม"

 

ปูดหมิ่นรายใหม่ สหายสมชาย' จ้อผ่านวิทยุชุมชน
ต่อมา เวลาประมาณ
22.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวขออภัยประชาชน ที่ใช้วาจาหยาบคายไปนิดหนึ่ง' ในการปราศรัยเมื่อวันก่อน โดยผู้ชุมนุมบอกว่าไม่เป็นไร นายสนธิกล่าวต่อว่า "ผมเรียกเขาอย่างมากก็อีดา อาจารย์ภูวดลเรียกว่าอีดอก ผมลงไปถึงเวทีเขาบอกอีห่า ผมเลยไม่รู้ว่าใครหยาบ เพราะผมพูดแค่อีดา"

นายสนธิ กล่าวถึงการปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด ที่ปราศรัยบนเวทีของ นปก.ที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ซึ่งเป็นการปราศรัยต่อหน้าตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ทั้งตำรวจสันติบาล ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ไปอัดเสียง น่ามหัศจรรย์มากที่ตำรวจเหล่านั้นนั่งเฉย

"ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล รองผบ.ตร. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโณ ผบก.น.1 ก็ยังนั่งเฉย เห็นหรือยังพี่น้อง แล้วบรรดารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ยังนั่งเฉย ให้ไอ้ลูกเจ๊กอย่างผมมาพูดมื่อวันที่ 20 จึงเกิดเรื่องเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาในสังคม"

นายสนธิ ระบุ และว่านี่เกิดอะไรขึ้นในแผ่นดินไทย ผมไม่เคยคิดว่าในชีวิตผม อายุ 60 ย่าง 61 จะได้เห็น XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX แล้วตำรวจนั่งเฉยๆ ศรภ.นั่งเฉยๆ มันเกิดอะไรขึ้นพี่น้อง พี่น้องครับ สังคมไทยวันนี้มันแบ่งข้างชัดเจนแล้ว

นายสนธิ ยังกล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าเมื่อตอนเย็นวันเดียวกันมีวิทยุชุมชนคลื่นหนึ่งแถวนนทบุรี มีดีเจคนหนึ่งซึ่งเคยเข้าป่าในเขตอีสานใต้มีชื่อจัดตั้งว่าสหายสมชาย และเคยเป็นที่ปรึกษาของคนใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยเป็นฝ่ายซ้ายมาก่อน โดยนายสนธิอ้างว่าสหายสมชายคนนี้เป็นผู้ดำเนินรายการคลื่นวิทยุชุมชนดังกล่าวได้กล่าวจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงหลายประการ XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX

นายสนธิ ชี้ให้เห็นว่า คนเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงเป็นพวกเดียวกันทั้งสิ้น เป็นสัตว์ครอกเดียวกันทั้ง ดา ตอร์ปิโด' ก็เคยขึ้นเวทีร่วมกับ นายจักรภพ เพ็ญแข สหายสมชายก็เป็นที่ปรึกษาของคนใกล้ชิด พ.ต.ทักษิณ และกลุ่ม นปก.ก็มี ยี้ห้อยร้อยยี่สิบชักใยอยู่เบื้องหลัง หรือนายวีระ ที่เป็น นปก.ออกทีวีช่อง 11 แล้ว นายสมัคร ที่บอกว่าพ่อเป็นพระยา อ้างว่าจงรักภักดี มันปล่อยให้คนพวกนี้จาบจ้วงพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผย ไม่ได้ซ่อนเร้น ได้อย่างไร

"ถ้าสังคมเป็นแบบนี้ ถ้ามันต้องเกิดสงครามประชาชนก็ต้องเกิด ใช่ไหม" นายสนธิระบุ และยังกล่าวว่าการเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ภูมิใจโคตร โคตรภูมิใจ

000

 

22 กรกฎาคม 2551

กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บ.ชน.) ขอให้ศาลอาญากรุงเทพฯ อนุมัติหมายจับเลขที่ 2209/51 ให้จับกุม น.ส.ดารณีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นำไปสู่การจับกุม ดา ตอร์ปิโด' ในช่วงบ่ายในที่พักย่านพหลโยธิน และต่อมาเว็บไซต์ส่วนตัวของ ดา ตอร์ปิโด' ก็ถูกปิด

สุริยะใส กตะศิลา

"กรณีของ นายจักรภพ และ ดา ตอร์ปิโด ตนเชื่อว่า เป็นเพียงแค่เบี้ยๆ หนึ่ง แต่เชื่อว่ายังมีเบื้องหลังที่ยังทำเป็นกระบวนการ กรณีนี้ตนคิดว่าเป็นสถานการณ์อ่อนไหว รัฐบาลไม่สามารถจัดการพวกจาบจ้วงได้ กองทัพจึงต้องออกมาดำเนินการ"

 

สุริยะใสชี้รัฐบาลทำอะไรไม่ได้ กองทัพต้องออกมาจัดการพวกจาบจ้วง
เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 22 ก.ค. ระหว่างการแถลงข่าวช่วงหนึ่งของนายสุริยะใส กตะศิลา เขากล่าวถึงกรณีที่กองทัพบก มีท่าทีกับคดี "ดา ตอร์ปิโด" ว่า

ขอตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดกองทัพถึงมีความฉับไวต่อเหตุการณ์นี้ แต่ตำรวจกับรัฐบาลกลับนิ่งเฉย โดยเฉพาะตำรวจสันติบาลที่อยู่ในพื้นที่สนามหลวงกลับยังนิ่งเฉย ดังนั้น ประเด็นนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ทหารดำเนินการเหมือนกับเป็นการตบหน้ารัฐบาลและตำรวจ ซึ่งถือว่าทราบกระบวนการจาบจ้วงรัฐบาลกลับไม่มีท่าที โดยเฉพาะกรณีของ นายจักรภพ และ ดา ตอร์ปิโด ตนเชื่อว่า เป็นเพียงแค่เบี้ยๆ หนึ่ง แต่เชื่อว่ายังมีเบื้องหลังที่ยังทำเป็นกระบวนการ กรณีนี้ตนคิดว่าเป็นสถานการณ์อ่อนไหว รัฐบาลไม่สามารถจัดการพวกจาบจ้วงได้ กองทัพจึงต้องออกมาดำเนินการ

000

 

พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์

"รู้สึกดีใจกับประเทศที่สุด ที่วันนี้มีการจับกุมผู้ซึ่งผมคิดว่า บังอาจที่สุดเท่าที่ผมรับราชการมา ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเป็นแบบนี้ คำพูดที่สุภาพ คงใช้กับ ... ผมอยากจะพูดว่ามันเดียรัจฉานดีๆ นี่เอง

 

พล.อ.ปฐมพงษ์ เฟื่องการหมิ่นเชื่อมกับเรื่องสูญเสียดินแดนแน่นอน
เวลาประมาณ 19.00 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด โดยก่อนที่จะเริ่มปราศรัย ก็ได้กล่าวขอบคุณ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอบคุณเอเอสทีวี และพี่น้องประชาชนที่ดำเนินการจนนำไปสู่การจับกุมคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และทำให้ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้อีก

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า "รู้สึกดีใจกับประเทศที่สุด ที่วันนี้มีการจับกุมผู้ซึ่งผมคิดว่า บังอาจที่สุดเท่าที่ผมรับราชการมา ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเป็นแบบนี้ คำพูดที่สุภาพ คงใช้กับ ... ผมอยากจะพูดว่ามันเดียรัจฉานดีๆ นี่เองพวกนี้ เรื่องที่จะได้ดำเนินการต่อไปก็คือ ประสานงานกับคณะกรรมการพลังแผ่นดิน นำไปสู่การปฏิบัติการเชิงรุก อย่าให้อ้ายและอีคนไหน คิดบังอาจเช่นนี้ต่อไป ผมไม่เชื่อว่า คนๆ นี้ ทำอะไรโดยคนเดียว มันมีขบวนการแน่นอน จากฐานข่าวที่เราได้รับทราบ ผมได้ดำเนินการทางด้านงานข่าวกรอง และได้รู้เส้นสายของการทำงานบ้างระดับหนึ่งแล้ว"

พล.อ.ปฐมพงษ์ ย้ำว่าจากนี้ไปจะประสานกับคณะกรรมการพลังแผ่นดิน ที่มี พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เป็นประธาน เพื่อปฏิบัติการเชิงรุก มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

"จากหลักฐานด้านการข่าว พบว่า มีหลายคนร่วมเป็นขบวนการ และคนๆ นี้ไม่ได้ทำคนเดียว มีทั้งผู้สนับสนุน ผู้ปฏิบัติการ และผู้ที่เพิกเฉย คนพวกนี้ต้องกำจัดให้สิ้นซาก ก็ยังนับว่าตำรวจยังทำหน้าที่ให้ความเมตตากับนางดารณี ถ้าให้ประกันตัวออกมา ผมยังสงสัยว่าเลือดเลวๆ แบบนี้มันจะเปรอะแผ่นดินไทยหรือเปล่า และไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ผมไม่เคยคิดว่าโจรชั่ว ผู้ร้ายคนใด ซึ่งอยู่ในคุก อยู่ในที่คุมขัง ร่วมกันกับนางดารณีจะมีความชั่วร้ายเช่นนางดารณี วันนี้ก็อาจจะต้องนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะคนในที่คุมขังก็รับไม่ได้เหมือนกันว่าอีนี่มันเป็นอย่างไร" ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ระบุ และว่า การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของกลุ่มหรือคณะบุคคลใดก็แล้วแต่ เชื่อมโยงกับการสูญเสียดินแดนของประเทศอย่างแน่นอน

พล.อ.ปฐมพงษ์ เรียกร้องให้ทหารราชองครักษ์ และตำรวจราชสำนัก ให้จับตา มองดู ผู้ซึ่งกระทำการหมิ่นบรมเดชานุภาพทุก 24 ชั่วโมง คนพวกนี้ให้ความปรานีไม่ได้ แม้แต่นิดเดียว เราจะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

000

 

สนธิ ลิ้มทองกุล

"ยังมีจุลสารเพื่อสหายร่วมอุดมการณ์ไม่จำกัดชนชั้นชื่อว่า สหาย' มันเอารูปเลนินขึ้นหน้าปก มันเขียนว่าผู้นำ ผมไม่กล้าอ่านพี่น้อง อ่านไม่ได้พี่น้อง อ่านไม่ได้ เพราะว่าไอ้คนทำหนังสือเล่มนี้เหี้ยเรียกพ่อ"

 

เผย สหายสมชาย' คือชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ก่อนอัดจุลสาร สหาย' เหี้ยเรียกพ่อ
ในเวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวปราศรัยถึง สหายสมชาย' ที่เขากล่าวเมื่อวานนี้ ว่าเป็นผู้จัดรายการวิทยุชุมชนเอฟเอ็มคลื่น 102.75 ที่ออกอากาศจากนนทบุรีและถ่ายทอดสัญญาณไปที่ราชบุรี มีการพูดจาจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว โดยนายสนธิเปิดเผยว่า สหายสมชาย' คือ นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ซึ่งเคยเคลื่อนไหวในพื้นที่อีสานใต้ และคนคนนี้ยังเป็นที่ปรึกษาของที่ปรึกษาฝ่ายซ้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายสนธิ กล่าวว่า นายชูชีพคนนี้ยังเคยมาปราศรัยที่เวทีสนามหลวงด้วย พร้อมทั้งเปิดเผยว่า มีบันทึกระบุถึงการจาบจ้วงจำนวน 19 หัวข้อ ซึ่งแต่ละหัวข้อไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ ทั้งนี้ การออกอากาศของสหายสมชายที่กล่าวจาบจ้วงได้ออกอากาศต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมานี่เอง

ผมอยากถามว่า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์คนนี้ทำอะไรอยู่ มีอย่างที่ไหนปล่อยให้สถุนบ้านสถุนเมืองออกวิทยุมาพูดจาจาบจ้วงได้อย่างต่อเนื่อง นายสนธิ ระบุ และว่านอกจากนี้ ยังมีจุลสารเพื่อสหายร่วมอุดมการณ์ไม่จำกัดชนชั้นชื่อว่า สหาย' มันเอารูปเลนินขึ้นหน้าปก มันเขียนว่าผู้นำ ผมไม่กล้าอ่านพี่น้อง อ่านไม่ได้พี่น้อง อ่านไม่ได้ เพราะว่าไอ้คนทำหนังสือเล่มนี้เหี้ยเรียกพ่อ XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX กระบวนการนี้รุนแรงยิ่งขึ้นๆ รุนแรงมาก ม็อบสนามหลวงไม่รู้จะเอาใครขึ้นแล้วมันเอาไอ้เสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) ขึ้น เสธ.แดงขึ้นไปสำรากว่าไง บอกว่าเขาพระวิหารเป็นของเขมรนานแล้ว มาโวยวายทำไมกัน นี่ทหารนะ นายสนธิกล่าว และได้สาปแช่งให้ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ติดคุกจนตาย

000

 

23 กรกฎาคม 2551

ศาลยกคำร้องไม่ให้ ผศ.ดร.สุทธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ตำแหน่งประกันตัว น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด'

นอกจากนี้เมื่อ เวลา 15.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อนุมัติหมายจับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ตามคำร้องของ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความว่า เนื่องจากนายสนธิ แกนนำพันธมิตรได้ขึ้นปราศรัย การกล่าวอ้างถึงเหตุการณ์ที่ น.ส.ดารณี กล่าวข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา

ทำให้ในการปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคืนดังกล่าว ไม่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุลร่วมปราศรัยด้วย โดยแกนนำพันธมิตรที่เหลือต่างยืนยันความบริสุทธิ์ของนายสนธิว่าไม่มีเจตนาเหมือน ดา ตอร์ปิโด'

 

สุริยะใส กตะศิลา

"กรณีของ ดา ตอร์ปิโด' เชื่อหรือว่าดำเนินการตามลำพังคนเดียว อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ผมดูแล้วยังขนลุก ไม่สามารถฟังจบได้ เป็นถ้อยความที่รุนแรงมาก"

 

ยืนยันสนธิไม่หมิ่น เปรียบเทียบเหมือนบอกตำรวจจับขโมย
เวลา
00.20 น. ของเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 นายสุริยะใส กล่าวปราศรัยย้ำเจตนารมณ์ของการเปิดโปงบันทึกการปราศรัยของ ดา ตอร์ปิโด ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุลระบุชัดเจนว่า ไม่สามารถเปิดซีดีได้ เพราะอาจผิดกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าไม่มีลักษณะของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่เป็นการสรุปให้ตำรวจรีบดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้คดีอาญาของ นายจักรภพ เพ็ญแข ตำรวจไม่ได้ดำเนินการใดๆ สิ่งที่นายสนธินำมาพูดบนเวที เหมือนคนๆ หนึ่งกำลังชี้หน้าคนๆ หนึ่งให้ตำรวจจับว่าผิดซึ่งหน้า ขโมยทรัพย์สินคนอื่น ให้ตำรวจจับคนขโมย ไมใช่มาจับคนที่ชี้นิ้วว่าใครเป็นโจร ทำให้เชื่อถือกระบวนการยุติธรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้แล้ว

ถ้าเขาไม่ให้ประกันตัว เราชุมนุมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลดีไหม จะได้รู้กันพรุ่งนี้ ถ้าตำรวจตุกติกกับเรา และนายสุริยะใสยืนยันว่าผู้ชุมนุมที่ชุมนุมจะไม่มีการกดดันศาล มีแต่จะให้กำลังศาล เพราะพันธมิตรเป็นวัคซีนที่ดีของกระบวนการยุติธรรม ว่าจะไม่มีสิ่งแปลกปลอมไปทำลายล้างกระบวนการยุติธรรม

 

เผยฟังดาแล้ว ขนลุก' โบ้ยข้อหาหมิ่นใช้กับ นปก. เท่านั้น
"คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต้องใช้กล่าวหากับฝ่าย นปก. ไม่ใช่ฝ่ายพันธมิตร แกนนำผู้ปราศรัยบนเวทีไม่มีข้อคลางแคลงใจแม้แต่โน้นว่าไม่จงรักภักดี กรณีของ ดา ตอร์ปิโด' เชื่อหรือว่าดำเนินการตามลำพังคนเดียว อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ผมดูแล้วยังขนลุก ไม่สามารถฟังจบได้ เป็นถ้อยความที่รุนแรงมาก

"ที่น่าสนใจระหว่างที่นังดาปราศรัย ถ้าคนนั่งฟังจงรักภักดีด้วย ถ้าพูดจาหมิ่นเหม่พี่น้องต้องชี้หน้า ขว้างปาสิ่งของ ไล่ลงเวที แต่การกลับตรงกันข้าม ฝั่งโน้นไชโยโห่ร้อง ชอบใจ ไม่มีใครห้ามให้หยุด สาระที่นังดารณีพูดไม่ได้จบที่เวทีนั้นที่เดียว มีการขยายความในเครือข่าย มีการเปลี่ยนภาษา สาระ ไปออกรายการสดในวิทยุชุมชน แม้แต่ออกในพีทีวี เรามีหลักฐานและเตรียมดำเนินคดีกลับภายในสัปดาห์นี้"

000

 

24 กรกฎาคม 2551

แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายพันคนเดินทางมาส่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล

โดย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น เปิดเผยว่า ได้สอบปากคำนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเสร็จสิ้นแล้ว และได้มอบ พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รองผบช.น.ดูแลคดีนี้ต่อไป ซึ่งการสอบสวนได้ดำเนินตามขั้นตอน และนายสนธิ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยนายคำนูญ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้ตำแหน่งค้ำประกัน และเมื่อได้พิจารณาตำแหน่งของผู้ประกันและหลักฐานอื่นๆ ประกอบแล้ว เห็นว่าสามารถให้ประกันได้เนื่องจากมีตำแหน่งที่น่าเชื่อถือ หากผิดสัญญาที่ยื่นประกันตัวไว้ ต้องชดใช้ 300,000 บาท ซึ่งเมื่อครั้งที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้มามอบตัวที่ สน.นางเลิ้ง และ บชน.พนักงานสอบพิจารณาดูแล้วไม่น่าจะหลบหนีและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งจึงให้ประกันตัว โดยทั้งสองกรณีให้ประกันตัวเพราะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตำแหน่งค้ำประกันมั่นคง

พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า นายสนธิ ได้เข้ามอบตัวเพราะทราบข่าวจากสื่อว่าถูกออกหมายจับ ซึ่งได้ให้ทนายยื่นประกันตัวเองได้ จึงพิจารณาให้ประกันตัวได้ ส่วนกรณีของ นางสาวดารณี เชิงชาญศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ไม่ยอมมอบตัว ตำรวจต้องตามไปจับกุม ตามหมายจับ อีกทั้งสอบปากคำเสร็จก็ไม่ได้ยื่นประกันตัวทางตำรวจจึงต้องนำตัวไปฝากขัง และค้านการประกันตัว เนื่องจากเห็นว่า น่าจะมีพฤติการณ์หลบหนี ทั้งนี้ ในส่วนของนายสนธิ ได้นัดมาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันที่ 16 สิงหาคม เวลา 13.00 น.ที่ สน.นางเลิ้ง โดยจะเดินทางมาพร้อมกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งนัดวันเดียวกัน

ความเห็น

Submitted by คนไทยรักกัน on

"ในโครงการพระราชดำริต่างๆ มีหลายโครงการที่ได้ทรงประดิษฐ์ คิดค้นเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อการใช้งาน และมีพระบรมราชานุญาตให้ยื่นจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าพระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในการประดิษฐ์ คิดค้น และเข้าพระทัยถึงระบบงานทรัพย์สินทางปัญญาอย่างดี"

สำหรับผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา และจดแจ้งแล้วต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา ด้านสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร ได้แก่ สิทธิบัตรเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย (กังหันน้ำชัยพัฒนา) เครื่องกลเติมอากาศแบบอัดอากาศและดูดน้ำ การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับเครื่องยนต์สองจังหวะ การดัดแปรสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝน (ฝนหลวง) ภาชนะรองรับของเสียที่ขับออกจากร่างกาย อุปกรณ์ควบคุมการผลักดันของเหลว กระบวนการปรับปรุงสภาพดินเปรี้ยว เพื่อให้เหมาะต่อการเพาะปลูก (โครงการแกล้งดิน)

Submitted by คนไทยรักกัน on

ด้านเครื่องหมายการค้า ไม่มีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในพระปรมาภิไธย แต่พระราชทานให้บริษัท สุวรรณชาด จำกัด และมูลนิธิชัยพัฒนา จดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารวม 13 คำขอ ได้แก่ เครื่องหมายการค้าสุวรรณชาด 1 คำขอ, ทองแดง 2 คำขอ, โกลเด้นเพลส 4 คำขอ, ธรรมชาติ 5 คำขอ และมุมสบายๆ 1 คำขอ ด้านลิขสิทธิ์ ผลงานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ เช่น เพลงพระราชนิพนธ์ หนังสือต่างๆ ภาพถ่ายและภาพวาดฝีพระหัตถ์ เป็นต้น และที่ทรงจดแจ้งต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญามี 4 ผลงาน คือ ด้านวรรณกรรม 3 ผลงานคือ หนังสือแนวคิดทฤษฎีใหม่, โครงการทฤษฎีใหม่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพระมหาชนก ด้านศิลปกรรม 1 ผลงานคือ ประติมากรรมเหรียญพระมหาชนก

Submitted by คนไทยรักกัน on

ส่วนผลงานที่ได้รับการถวายการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในต่างประเทศ ได้แก่ ฝนหลวง ซึ่งได้รับการจดทะเบียนที่ยุโรป และเขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง ส่วนในสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักงานสิทธิบัตรสหรัฐฯ

นางพวงรัตน์กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 หลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาได้เคยทูลเกล้าฯถวายเหรียญรางวัล และประกาศนียบัตรต่างๆ แด่พระองค์มากมาย ได้แก่ IFIA ประเทศฮังการี ทูลเกล้าฯถวายถ้วยรางวัล IFIA CUP 2007 สำหรับผลงานกังหันน้ำชัยพัฒนา เหรียญ Genius Prize สำหรับผลงานทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียง

นอกจากนี้ สมาคมส่งเสริมการประดิษฐ์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korea Invention Promotion Association : KIPA) ทูลเกล้าฯถวายรางวัล Special Prize พร้อมประกาศนียบัตร ซึ่งถือเป็นรางวัลทรงเกียรติของนักประดิษฐ์ในระดับโลก

Submitted by คนไทยรักกัน on

“…กฏหมายนี้มีช่องโหว่เสมอ ถ้าเราถือโอกาส ในการมีช่องโหว่ ของกฎหมาย เพื่อการทุจริตนั้นเป็นสิ่งที่เลวทราม และทำให้นำไปสู่ความ หายนะแต่ถ้าใช้ช่องโหว่ในกฎหมาย เพื่อสร้างสรรค์ ก็เป็นการป้องกันมิให้ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายใน ทางทุจริต….” พระราชดำรัส พระราชทานแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาในการวางแผนการใช้ที่ดิน ณ โรงแรมรินคำ จังหวัดเชียงใหม่ 7 มกราคม 2523

Submitted by คนไทยรักกัน on

"....กฎหมายทั้งปวง จะธำรงความยุติธรรมและถูกต้อง และเที่ยงตรง มีความศักดิ์สิทธิ์และประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมหรือไม่ เพียงไร นั้นขึ้นอยู่กับ การใช้หากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ หรือด้วยเจตนาอัน ไม่สุจริตต่าง ๆ กฎหมายก็เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นภัยแก่ประชาชน..." พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ผู้สอบไล่ได้เนติบัณฑิตณ อาคารใหม่ สวนอัมพร 19 กรกฏาคม 2520

Submitted by คนไทยรักกัน on

"....ข้าพเจ้าขอฝากคติไว้เป็นเครื่องกำกับใจ มีคุณธรรมข้อหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งท่านต้องปฎิบัติอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ คือ ความสัตย์สุจริต ประเทศบ้านเมืองจะวัฒนาถาวรอยู่ได้ก็ย่อมอาศัยความสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานขอให้มั่นอยู่ในคุณธรรมทั้ง 3 ประการ คือ สุจริตต่อบ้านเมือง สุจริตต่อประชาชน และสุจริตต่อหน้าที่ ท่านจึงจะเป็นผู้ที่ควรแก่การสรรเสริญของมวลชนทั่วไป..." พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 12 มิถุนายน 2497

Submitted by คนไทยรักกัน on

สวัสดีค่ะ ทุกคน ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

Submitted by คนไทยรักกัน on

ระรินร่วงหลั่งสาย น้ำตา
เทิดทูนจอมเจ้าฟ้า นารีกรมหลวงฯ
อัญเชิญพระดวงจิต สถิต เทอญ
ทรงประทับ ณ สวรรคาลัย แดนวิมาน
น้อมกราบแทบพระบาท ทั้งสอง
ทรงสนองเบื้องบนมา นานแสน
พระกรุณาล้นเกล้ากล้า สุดยิ่ง ทดแทน
ไทยทั่วทิศทุกแดน จักแทนคุณ
ข้าพระบาทองค์น้อม เหนือเกล้า
จักเศร้าโศกา มินานแสน
ล้วนเร่งเร้างานคุณ ทดแทนไท้
สนองพระเดชองค์ไซร้ มิช้านานกาล

Submitted by คนไทยรักกัน on

ลาลับแล้วดวงแก้วพริ้งแพรวใส
สู่สวรรคาลัยไกลหนักหนา
ปวงประชาต่างสะอื้นกลืนน้ำตา
พระมาลาจากข้าไทไปนิรันดร์

น้อมอาลัยพระองค์พระทรงศรี
ต่อจากนี้ไม่มีแล้วดวงแก้วขวัญ
เคยปลดทุกข์บำรุงสุขไทยทั่วกัน
โอ้มิ่งขวัญลาลับแล้วดวงแก้วไทย

ขอพระองค์ทรงสถิตย์วิมานแก้ว
งามเพลิศแพร้วสู่สวรรคาลัย
ขอพระองค์ทรงนิทราทั้งกายใจ
ชนชาวไทยส่งเสด็จพระพี่นางฯ

Submitted by คนไทยรักกัน on

ตลอดระยะเวลา 60 ปี แห่งการเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้ทรงอุทิศพระองค์ประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ โดยทศพิธราชธรรม ด้วยพระวิริยะ อุตสาหะอย่างเต็มพระกำลัง เพื่อประโยชน์สุขของเหล่า พสกนิกรชาวไทยสมดังพระราชปฎิธานที่ได้พระราชทานไว้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” อย่างแท้จริง ทรงเป็นเสมือน “ดวงประทีป” และ “หลักชัย” ของไทยทั้งชาติ ทั้งในยามที่บ้านเมืองสงบร่มเย็น ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร และในยามที่บ้านเมืองประสบปัญหาวิกฤติต่าง ๆ ก็ตาม ด้วยเดชะพระบารมีปกเกล้าฯ ได้ทรงเป็น “หลักใจ” นำไทยทั้งชาติผ่านพ้นภาวะวิกฤติต่าง ๆ เหล่านั้น มาได้อย่างเป็นที่อัศจรรย์ใจ แก่นานาอารยะประเทศโดยเสมอมา

Submitted by คนไทยรักกัน on

ต้องสามัคคี แล้วก็ได้พูดเมื่อวานซืนนี้ ว่า ทหารก็ตาม พลเรือนก็ตาม ต้องสามัคคี เหมือนขาของเราที่จะต้องเดินสามัคคีกัน หมายความว่า ก้าวไปข้างหน้า แล้วอีกข้างหนึ่ง ก็ยันข้างหลัง และเมื่อยันข้างหลังเรียบร้อยแล้ว ก็ก้าวไปข้างหน้าอีกข้าง อันนี้ก็สามารถเดินได้ แล้วไม่หกล้ม ซึ่งถ้าไม่สามัคคี ก็บอกแล้วว่า ประเทศจะประสบความหายนะ ไม่ได้ใช้คำว่าหายนะ แต่ก็คล้ายกัน ว่าถ้าไม่สามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน ประเทศชาติล้ม ถ้าล้มก็ ผลของการล้มนั้น มีหลายอย่าง ถ้าทางกายก็ ร่างกายกระดูกหัก และต้องเข้ารักษา บางทีรักษานานๆ ไม่มีสิ้นสุด ถ้าไม่ระวังประเทศชาติก็ล่ม เมื่อล่มเราจะไปอยู่ที่ไหน ล่มก็หมายถึงว่า ลงไป จม ล่มจม ถ้าเราไม่ระวังประเทศชาติล่มจม ล่มจมก็หมายความว่า ล่มลงไปในทะเล เพราะว่าเมืองไทยนี้ก็ติดทะเล ถ้าล่มไปล่มมา ก็ลงทะเล

Submitted by คนไทยรักกัน on

ที่จริง พยายามจะอุดช่องไว้อย่างมาก เช่น น้ำจะท่วม ก็ปิด กั้น ไม่ให้น้ำท่วม แต่ที่เขาทำ น้ำจะท่วม ก็ต้องสูบน้ำออกไปใส่ในทะเล ทะเลก็ มีน้ำมากเกินไป น้ำก็ล้นเข้ามาในพื้นแผ่นดิน แล้ว มันก็ ประเทศชาติก็ล่มจม ฉะนั้น การป้องกันไม่ให้ล่มจม จะต้อง ระวังไม่ให้น้ำขึ้นมากเกินไป ซึ่งถ้าน้ำขึ้นมามากเกินไป ก็ต้องแก้ไข จะแก้ไขนี่ มีหลายวิธี จะต้องทำเขื่อน แต่ว่าเขาด่ากันว่า ถ้าทำเขื่อน เท่ากับประเทศจะจม จมในน้ำ เพราะว่าตั้งเขื่อน น้ำก็ต้องขังเอาไว้ แต่ว่าการขังน้ำ โดยใช้เขื่อน มันมีหลายวิธี ซึ่งบางที ไม่เข้าใจ ทำเขื่อนแล้วก็ น้ำก็ท่วมบางแห่ง แต่ถ้าหากว่าทำเขื่อนแล้ว ไม่ระวัง ไม่ได้บริหารเขื่อนนั้นให้ดี มันก็อาจจะทำให้น้ำท่วม

Submitted by คนไทยรักกัน on

อย่างที่เคยพูดถึง เขื่อนป่าสักฯ เขื่อนป่าสักฯ นี้ ถ้าไม่ได้ทำ ถ้าไม่ได้ทำก็จะ เสียเงินเป็นพันล้านทุกปี แล้วก็เสียเงินอย่างนี้แล้ว ไม่ได้อะไรเลย เดี๋ยวนี้ ที่ได้ทำป่าสักฯ มา ทุกปีมีผลดี คือ ทำการเกษตร กสิกรรมได้ผล แล้วเมื่อได้ผลแล้วก็ได้รายได้

Submitted by คนไทยรักกัน on

พืชผลต่างๆ ก็เน่า ถ้าพืชผลเน่าก็เท่ากับทำให้ ทำลายพืชผลนั้น ซึ่งตามปกติพืชผลขึ้นมาสามารถที่จะขายได้แต่พืชผลที่เน่า ขายไม่ได้ พืชผลที่เน่าทำให้เสียหาย แต่ที่ปลื้มใจที่ป่าสักฯ นี่น้ำท่วมมีบ้างแต่น้อยมาก คือว่า แต่ก่อนนี้ทุกปีต้องเสียเงินเป็นพันล้านสำหรับแก้ไขเรื่องน้ำท่วม เสียหายไปพันล้านไม่มีรายได้เลยมีแต่รายจ่าย ถ้ามีรายได้ก็ไม่เป็นไร น้ำท่วมที่ เวลา มีน้ำท่วมขึ้นมา ความจริงก็มีรายได้เพราะว่า อย่างเช่น ข้าว ถ้าไม่มีน้ำก็แห้ง แห้งผาก ไม่มีผล แต่อย่างไรไม่มีผลอย่างนั้นยังงอกออกมาได้ ก็ยังมีข้าว แต่อย่างถ้าข้าวถูกท่วมและเน่า ต้องเสีย ข้าวนั่นเสีย ไม่ได้ผล มีแต่ทางเสีย ไม่มีทางได้ ฉะนั้นการที่ทำเขื่อนแล้วก็ ไม่มีน้ำท่วม ก็มีจ่ายเงินสำหรับค่าทำเขื่อน แล้วก็มีเสียหายเล็กน้อย จนถึงเดี๋ยวนี้ เมืองไทยก็มีรายได้มากกว่ารายจ่าย แต่ว่าถ้าไม่ได้ทำ โครงการป้องกันไม่ให้น้ำท่วม มีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้ แล้วอย่างนี้เราก็อยู่ไม่ได้

Submitted by คนไทยรักกัน on

เดี๋ยวนี้กำลังพัฒนาไบโอดีเซล เพราะว่าถ้าใช้ดีเซล เปลือง แล้วก็ดีเซลจะหมดโลกแล้ว แต่ไบโอดีเซลของแบบฝรั่งมัน 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง หมายความว่าไบโอเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ เราไม่ยอม เราจะใช้ไบโอดีเซล 100 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าดีเซลแบบไบโอ แบบพืช ใช้ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างคราวก่อนนี้ไปนครนายก ใช้ไบโอ 100 เปอร์เซ็นต์ ไบโอ ใช้น้ำมัน น้ำมันแบบแก๊ซโซฮอล์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ 10 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่เขาใช้ ขึ้นภูเขา ขึ้นตรงเขื่อน ขึ้นชัน ก็ไปได้ดี รถใช้น้ำมันแก๊ซโซฮอล์ แบบของเราก็ขึ้นได้ดี แต่ว่าอาจจะมีน้อยหน่อย ราคาถูกกว่า ถูกกว่าดีเซลเดี๋ยวนี้ ก็ใช้ดีเซลแบบ แบบแก๊ซโซฮอล์ มาตอนนี้จะใช้ดีเซลแบบน้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์ม 100 เปอร์เซ็นต์ จะใช้ได้ ไม่ต้องใช้ดีเซลสั่งมาจากเมืองแขก คือถ้าเราใช้ดีเซลจากเมืองแขก อีกหน่อยก็หมด อีกหน่อยหมด แล้วก็ เดี๋ยวนี้เขาก็ เขาก็ไม่ใช้ แต่จะเก็บเอาไว้สำหรับมาขายให้เรา เราต้องเสียแพงๆ

Submitted by คนไทยรักกัน on

เราจะใช้ไบโอดีเซลแบบน้ำมันปาล์มที่เราปลูกเอง เราปลูกเองอาจจะมีน้อยหน่อย ก็ใช้น้อย อย่าไปฟุ่มเฟือย ใช้มากเกินไป น้ำมัน ใช้น้อยๆ หน่อย แต่เราจะมี มีใช้ ปลูก ต้นปาล์ม แล้วมาทำเชื้อเพลิง ต้นปาล์ม มาทอด มาทอดปลา ทอดอะไรต่างๆ ได้ แล้วก็มาใส่ในรถดีเซล ได้ใช้แล้ว ก็ใช้ได้ มันวิ่งช้าหน่อย วิ่งช้า ก็ไม่เป็นไร เราอย่าเร่งรีบ ชีวิตอย่าให้เร่งรีบมากเกินไป แต่ราคาก็ถูก ฉะนั้นก็ ถือหลักว่า ใช้ของราคาไม่แพงเกินไป อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับไฮสปีดดีเซล แต่ก็ไปได้ ก็ขอให้คิดว่าทำอะไร ต้องประหยัด คนก็ว่า ประหยัดๆ ดีกว่าไม่มีเลย ถ้าไม่มี ถ้าไม่มีดีเซล เราก็ต้องไปซื้ออยู่ดี

Submitted by คนไทยรักกัน on

เราไปซื้อ ก็มี 2 แห่งที่เขาขายเป็นสำคัญ ก็คือของแขก คือของฝรั่ง ของฝรั่งก็คืออเมริกัน เขาไม่ ของอเมริกันน่ะ เขาไม่ค่อยขาย เขาบอกเขาไม่มี แท้จริงเขามีเยอะ แต่ว่าเขาไม่ขายเพราะว่า เขาเก็บเอาไว้ มาขายให้เราแพงๆ ที่จริง น้ำมัน จะเป็นดีเซล หรือน้ำมันเบนซินแรงๆ มันราคาไม่ถึงที่ที่เขาขายกัน จนกระทั่งเขาแย่เพราะว่า เขาขายแพงเหลือเกิน เลยขายไม่ได้ ขายไม่ออก บางทีก็ต้อง ลดราคา เพราะฉะนั้น เราซื้อน้ำมันราคาถูกของเราเอง ถูกกว่าของฝรั่ง ของแขก แล้วก็อาจจะคุณภาพ คือกำลังน้อยกว่าดีเซล ที่ขุดจากดิน แต่ที่จริงที่ขุดจากดินนั้นน่ะ ราคาไม่น่าจะแพงอย่างนั้น แต่เราก็โลภอยากได้น้ำมันที่มีกำลัง ก็เลยยอมเสียเงิน เสียเงิน ซึ่งเราควรจะไปใช้อย่างอื่น

Submitted by คนไทยรักกัน on

ฉะนั้นก็ การที่เราเสียรู้ทั้งฝรั่ง ทั้งแขก เสียเงินให้เขา ฝรั่งกับแขก เขาได้เงินเยอะๆ ก็ไปซื้ออาวุธ เขาสำหรับสู้รบกันเอง อิรัก เขาก็มีน้ำมันมาก แต่ว่าเขาไม่ขาย เขาไม่ขายเพราะว่าเขาขายไม่ได้ ไม่มีโรงที่จะกลั่น ก็ขายให้เรา แล้วเราเอามากลั่น แล้วเราก็ขายให้แขก แต่เขาซื้อในราคาถูก เขาขายในราคาแพง ไอ้นี่มันไม่ค่อยถูกหลักของการค้า การค้าที่รัฐบาลมีผู้เชี่ยวชาญการค้า ต้องขายอะไรให้ราคาแพงจะได้มีกำไร แล้วซื้อในราคาถูก แต่เราทำตรงข้าม เราซื้ออะไรราคาแพง เราขายราคาถูก อย่างนี้เราแย่ เพราะเรา เราไม่มี ไม่มีทางที่จะขายอะไรราคาแพง เพราะเขาก็ต้องบอก อู้..เขาขาดทุน เวลาไปที่ร้านเขาก็บอก ผม..ขาดทุน เป็นเสียงภาษาแขก เสียงภาษาจีน ภาษาฝรั่ง เขาก็ต้องบอกเขาขาดทุน ถ้าเราขายในราคาแพง โห..มันแพงเกินไป แล้วก็เลยซื้อไม่ได้ เขาบอกเขาซื้อไม่ได้ เพราะว่าเวลาจะซื้อเขา เขาก็ขายไม่ได้ เขาขาดทุน

Submitted by คนไทยรักกัน on

ที่จริงเราคนไทยนี่ เราใจดีเกินไป เรายอมขาดทุนเรื่อย ความจริงถ้า ถ้าเราขายอะไรไม่ให้ขาดทุน ซื้ออะไรไม่ให้ขาดทุน เรารวย เมืองไทยนี้รวย แต่ว่า เราใจดีเกินไป ต่างประเทศเขาบอกเขาขาดทุน เราก็ลงท้ายเชื่อเขา ไม่ดี เราขาดทุนไม่ได้ ไม่รู้รัฐบาลชุดนี้จะ จะซื้ออะไรขายอะไรให้ขาดทุน หรือเปล่า แต่ก่อนนี้ ขาดทุนเสมอ ฉะนั้นก็ เราก็จะต้องพยายามจะ ทำอะไรที่ เราไม่ขาดทุน คือทำเอง ต้องทำเอง

Submitted by คนไทยรักกัน on

แล้วที่รัฐบาลสนับสนุน เศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงเนี่ย หมายความว่า เราไม่ทุกข์ว่า เขาจะว่า ว่าเราเอากำไรมากเกินไป เราไม่เอากำไรมาก เราไม่ทำให้ขาดทุน เราไม่ทำให้มี กำไรมากเกินไป เพราะเราขายกันเอง ก็กันเอง ก็ไม่ต้องขายแพง กันเองไม่ต้องซื้อแพง ฉะนั้นน่ะ เศรษฐกิจพอเพียงเนี่ย ไม่ได้หมายความว่า ขาดทุน ขาดทุนก็ขาดทุน แต่ว่า ขาดทุน กำไร ของเราเอง กันเอง

Submitted by คนไทยรักกัน on

เศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงคืออะไร ไม่ใช่เพียงพอ คือว่าไม่ได้หมายความว่า ให้ทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ทำกำไรก็ทำ ถ้าเราทำกำไรได้ดี มันก็ดี แต่ว่าขอให้พอเพียง คือถ้าเอากำไรหน้าเลือดมากเกินไป มันไม่ใช่พอเพียง

Submitted by คนไทยรักกัน on

เศรษฐกิจพอเพียง คือไม่ต้อง ไม่ต้องหน้าเลือด แล้วไม่ใช่ ไม่ใช่จะมีกำไรมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ให้พอเพียง ไม่ใช่เรื่องของการค้าเท่านั้นเอง เป็นเรื่องของการพอเหมาะ พอดี เราทำพอเหมาะพอดี ก็ดี

Submitted by คนไทยรักกัน on

คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้ • ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
• ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
• การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล

Submitted by คนไทยรักกัน on

" ถ้าไม่มี เศรษฐกิจพอเพียง เวลาไฟดับ …
จะพังหมด จะทำอย่างไร. ที่ที่ต้องใช้ไฟฟ้าก็ต้องแย่ไป.
… หากมี เศรษฐกิจพอเพียง แบบไม่เต็มที่
ถ้าเรามีเครื่องปั่นไฟ ก็ให้ปั่นไฟ
หรือถ้าขั้นโบราณกว่า มืดก็จุดเทียน
คือมีทางที่จะแก้ปัญหาเสมอ.
… ฉะนั้น เศรษฐกิจพอเพียง นี้ ก็มีเป็นขั้น ๆ
แต่จะบอกว่า เศรษฐกิจพอเพียง นี้
ให้พอเพียงเฉพาะตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้.
จะต้องมีการแลกเปลี่ยน ต้องมีการช่วยกัน.
…… พอเพียงในทฤษฎีหลวงนี้ คือให้สามารถที่จะดำเนินงานได้. "

พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา 23 ธันวาคม 2542

Submitted by คนไทยรักกัน on

" … ขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน
มีความสงบและทำงานตั้งอธิษฐาน ตั้งปณิธาน
ในทางนี้ ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพอกิน
ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่มีความความพออยู่พอกิน มีความสงบ
เปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้
เราก็จะยอดยิ่งยวดได้ …
ฉะนั้นถ้าทุกท่านซึ่งถือว่าเป็นผู้มีความคิดและมีอิทธิพล
มีพลังที่จะทำให้ผู้อื่น ซึ่งมีความคิดเหมือนกัน
ช่วยกันรักษาส่วนรวมให้อยู่ดีกินดีพอสมควร ขอย้ำพอควร
พออยู่พอกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอื่นมาแย่งคุณสมบัตินี้จากเราไปได้
ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถาวรที่จะมีคุณค่าอยู่ตลอดกาล "

พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา 23 ธันวาคม 2542

Submitted by คนไทยรักกัน on

" … ในการพัฒนาประเทศนั้นจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น
เริ่มด้วยการสร้างพื้นฐาน คือความมีกินมีใช้ของประชาชนก่อน
ด้วยวิธีการที่ประหยัดระมัดระวัง แต่ถูกต้องตามหลักวิชา
เมื่อพื้นฐานเกิดขึ้นมั่งคงพอควรแล้ว
จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญขั้นสูงขึ้นตามลำดับต่อไป
… การถือหลักที่จะส่งเสริมความเจริญ ให้ค่อยเป็นไปตามลำดับ
ด้วยความรอบคอบระมัดระวังและประหยัดนั้น
ก็เพื่อป้องกันความผิดพลาดล้มเหลว
และเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จได้แน่นอนบริบูรณ์"

พระบรมราชโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 19 กรกฎาคม 2517

Submitted by คนไทยรักกัน on

“…บารมีนั้น คือ ทำความดี เปรียบเทียบกับธนาคาร …ถ้าเราสะสมเงินให้มากเราก็สามารถที่จะใช้ดอกเบี้ย ใช้เงินที่เป็นดอกเบี้ย โดยไม่แตะต้องทุนแต่ถ้าเราใช้มากเกิดไป หรือเราไม่ระวัง เรากิน เข้าไปในทุน ทุนมันก็น้อยลง ๆ จนหมด …ไปเบิกเกินบัญชีเขาก็ต้องเอาเรื่อง ฟ้องเราให้ล้มละลาย เราอย่าไปเบิกเกินบารมีที่บ้านเมือง ที่ประเทศได้สร้างสมเอาไว้ตั้งแต่บรรพบุรุษของเราให้เกินไป เราต้องทำบ้าง หรือเพิ่มพูนให้ประเทศของเราปกติมีอนาคตที่มั่นคง บรรพบุรุษของเราแต่โบราณกาล ได้สร้างบ้านเมืองมาจนถึงเราแล้ว ในสมัยนี้ที่เรากำลังเสียขวัญ กลัว จะได้ไม่ต้องกลัว ถ้าเราไม่รักษาไว้…”

Submitted by คนไทยรักกัน on

"เศรษฐกิจพอเพียง" จะสำเร็จได้ด้วย "ความพอดีของตน"

Submitted by คนไทยรักกัน on

ประการที่สำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง

1. พอมีพอกิน ปลูกพืชสวนครัวไว้กินเองบ้าง ปลูกไม้ผลไว้หลังบ้าน 2-3 ต้น พอที่จะมีไว้กินเองในครัวเรือน เหลือจึงขายไป
2. พออยู่พอใช้ ทำให้บ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลิ่นเหม็น ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ (ใช้จุลินทรีย์ผสมน้ำถูพื้นบ้าน จะสะอาดกว่าใช้น้ำยาเคมี) รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีขึ้น (ประหยัดค่ารักษาพยาบาล)
3. พออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อื่น เพราะเราจะหลงติดกับวัตถุ ปัญญาจะไม่เกิด

Submitted by คนไทยรักกัน on

" การจะเป็นเสือนั้นมันไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราพออยู่พอกิน และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกิน หมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง "

Submitted by คนไทยรักกัน on

สวัสดีค่ะ ทุกคน รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

Submitted by คนไทยรักกัน on

1.การทำไร่นาสวนผสมและการเกษตรผสมผสาน
เพื่อให้เกษตรกรพัฒนาตนเองแบบเศรษฐกิจพอเพียง
2.การปลูกพืชผักสวนครัวลดค่าใช้จ่าย
3.การทำปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกและใช้วัสดุเหลือใช้เป็นปัจจัยการผลิต(ปุ๋ย)
เพื่อลดค่าใช้จ่ายและบำรุงดิน
4.การเพาะเห็ดฟางจากวัสดุเหลือใช้ในไร่นา
5.การปลูกไม้ผลสวนหลังบ้าน และไม้ใช้สอยในครัวเรือน
6.การปลูกพืชสมุนไพร ช่วยส่งเสริมสุขภาพอนามัย
7.การเลี้ยงปลาในร่องสวน ในนาข้าวและแหล่งน้ำ เพื่อเป็นอาหารโปรตีนและรายได้เสริม
8.การเลี้ยงไก่พื้นเมือง และไก่ไข่ ประมาณ 10-15 ตัวต่อครัวเรือน
เพื่อเป็นอาหารในครัวเรือน โดยใช้เศษอาหาร รำ และปลายข้าวจากผลผลิตการทำนา ข้าวโพดเลี้ยงสัตวจากการปลูกพืชไร่ เป็นต้น
9.การทำก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์

Submitted by คนไทยรักกัน on

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระองค์ทรงมีความห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์เป็นอย่างยิ่งตลอดเวลาที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติอยู่นั้น พระองค์ทรงเสด็จเยี่ยมเยียนราฏรแบบทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากของประชาชนทั่วทั้งแผ่นดิน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นไปตามพระราชปณิธานของพระองค์ที่ว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยา"

Submitted by คนไทยรักกัน on

ตลอดเวลา 60 ปี เราจะเห็นพระองค์ทรงอยู่ในชนบทในป่าเขา ในพื้นที่กันดาร ที่ไหนมีราษฏรอยู่ ที่นั่นจะมีพระองค์ท่าน หลักการทรงงานของพระองค์เป็นที่ยอมรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก จะหาองค์พระประมุขที่ไหนไม่มีอีกแล้ว

Submitted by คนไทยรักกัน on

“ชาติบ้านเมือง คือ ชีวิตเลือดเนื้อ และสมบัติของเราทุกคน และการดำรงรักษาชาติประเทศนั้น มิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้ใดหมู่ใดโดยเฉพาะ หากแต่เป็นหน้าที่ของทุก ๆ ฝ่าย ทุก ๆ คน ที่จักต้องร่วมมือกระทำพร้อมกันไป โดยสอดคล้องกัน เกื้อกูลกัน และมีจุดมุ่งหมาย มีอุดมคติร่วมกัน ถ้าหมู่หนึ่งใดทำหน้าที่ย่อหย่อน เป็นอันตรายไปก็อาจทำให้ทั้งชาติแตกสลายทำลายไปได้”

Submitted by คนไทยรักกัน on

การแสดงความจงรักภักดี และความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน ทุกคนต้องสามัคคีกัน เพื่อแผ่นดินไทย เจริญก้าวหน้าต่อไป

Submitted by คนไทยรักกัน on

รักชาติบ้านเมือง เราเกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ควรคำนึงถึงชาติศาสนา ไม่ควรให้เสียทีที่เกิดมา ในหมู่ประชาชาวไทย แม้นใครตั้งจิตต์คิดรักตัว จะมัวนอนนิ่งอยู่ไฉน ควรจะร้อนอกร้อนใจ เพื่อให้พรั่งพร้อมทั่วตน ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล แม้นชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร "พระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 6"

Submitted by คนไทยรักกัน on

อนาคตของชาติทุกชาติย่อมขึ้นอยู่แก่เด็ก เพราะเด็กก็คือผู้ใหญ่ในเวลาข้างหน้า ถ้าบุคคลได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นพลเมืองดีอยู่ในศีลในธรรม เคารพต่อบทกฎหมายของบ้านเมืองเสียตั้งแต่ยังเยาว์ เมื่อเติบโตขึ้นพลเมืองของประเทศก็จะมีแต่คนดี และประเทศจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้ ก็โดยต้องมีพลเมืองดีดั่งว่านี้ ข้าพเจ้าจึงมีความพอใจที่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้มีความสนใจในปัญหาเกี่ยวกับการที่เด็ก และเยาวชนกระทำความผิด และพยายามคิดหาทางที่จะอบรมบุคคลเหล่านี้ให้กลับตนเป็นพลเมมืองดี

Submitted by คนไทยรักกัน on

งานด้านการศึกษา เป็นงานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้นอยู่กับการศึกษาของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ จึงต้องจัดงานด้านการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

Submitted by คนไทยรักกัน on

แม้จะเป็นผู้ที่มีการศึกษาสูงเพียงใด ถ้าบกพร่องต่อการประมาณตนในทางปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ วิชาต่าง ๆ ที่ได้เล่าเรียนมาจนสำเร็จนั้น ก็ไร้ประโยชน์ ไม่สามารถจะนำความเจริญมาสู่ตน และประเทศชาติสมดังความปรารถนา

Submitted by คนไทยรักกัน on

การต่อสู้กับภัยคุกคามในปัจจุบันนั้น ยังไม่มีวิธีไหนที่จะดีไปกว่าการปฎิบัติตามพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ให้ใช้ชีวิตที่พอเพียง ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความขยันหมั่นเพียร มีสติปัญญาที่เฉียบแหลม ให้ทุกคนรู้รักสามัคคี เพื่อบ้านเมืองจะได้มีความสงบร่มเย็น เป็นสุข

Submitted by คนไทยรักกัน on

เรารักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันทุกคน แต่เราจะต้องแปลงความรัก เป็นการกระทำอย่างจริงจัง ต้องสามัคคีกัน

Submitted by คนไทยรักกัน on

ถ้าทุกคนน้อมนำมาเป็นหลักใจในการดำเนินชีวิต ความวุ่นวายในสังคมก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะในบ้านเมืองเรานั้นจะมีการปกครองกันตั้งแต่ครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในสังคม ถ้าครอบครัวปกครองดูแลกันด้วยความถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ครอบครัวก็จะเกิดแต่ความสุขไม่แตกแยก ความแข็งแกร่งก็จะเกิดขึ้นในส่วนรวมของประเทศ จากครอบครัวขยายผลออกไปสู่สาธารณชนไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด องค์กรต่าง ๆ มากมาย เมื่อทุกส่วนของประเทศทำอะไรด้วยความถูกต้องเป็นธรรมและเห็นแก่ประโยชน์สุขของคนอื่น ก็จะไม่มีความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้น ส่วนรวมก็จะดีขึ้นเป็นมวลรวมของความสุขที่แท้จริงของสังคมไทยอย่างที่ควรจะเป็นในที่สุด

Submitted by คนไทยรักกัน on

พระมหากษัตริย์ของไทย ทรงเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ทำให้ชาติไทย ได้ดำรงคงมาจนถึงทุกวันนี้ ทรงเป็นจอมทัพไทย และทรงเป็น เอกอัครศาสนูปถัมภก ของทุกศาสนาหลัก ที่พสกนิกรไทยนับถืออยู่ ทุกหมู่เหล่า แต่เนื่องจาก พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติของไทยมาแต่โบราณกาล จนถึงปัจจุบัน และต่อไปอนาคต ดังนั้น พระมหากษัตริย์ไทย จึงทรงเป็น พุทธมามกะ ทรงปกครองประเทศ ด้วยหลักของทศพิธราชธรรม และจักรวรรดิวัตร อันเป็นคำสอน ในพระพุทธศาสนา นำความเจริญ รุ่งเรือง และความผาสุก ร่มเย็น อันเป็นยอดปรารถนาของมนุษย์ มาสู่ชนชาวไทย ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

Submitted by คนไทยรักกัน on

มหาวิทยาลัยมุ่งจะสอนนักศึกษาให้เป็นคนเก่งซึ่งเป็นการดี แต่นอกจากจะสอนให้เก่งแล้วจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะอบรมให้ดีพร้อมกันไปด้วย ประเทศเราจึงจะได้คนที่มีคุณภาพพร้อม คือทั้งเก่ง และทั้งดี มาเป็นกำลังของบ้านเมือง

Submitted by คนไทยรักกัน on

การพยายามศึกษาวิทยาการและเทคโนโลยีอันก้าวหน้าทุกสาขาจากทั่วโลก แล้วเลือกสรรส่วนที่สำคัญเป็นประโยชน์ นำมาปรับปรุงใช้ให้พอดี พอเหมาะกับสภาพและฐานะของประเทศของเรา เพื่อช่วยให้ประเทศของเราสามารถนำเทคโนโลยีอันทันสมัย มาใช้พัฒนางานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่สิ้นเปลือง

Submitted by แปลกคน on

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสบ่อยมาก.....เรื่อง เกียวกับการรักษาความยุติธรรมของศาล...........น่าแปลกใจ....ทำไมทรงตรัสบ่อยมาก......

Submitted by คนไทยรักกัน on

สวัสดีค่ะ ทุกคน เสาร์-อาทิตย์ วันหยุดพักผ่อนที่ไหนกันบ้างค่ะ

Submitted by คนไทยรักกัน on

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อาจทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน ทำให้เป็นไข้หวัด ได้ง่ายๆ ถ้าไม่สบายก็รีบทานยากันด้วยนะค่ะ เพราะเชื้อโรคมันแพร่ระบาดง่าย รักษาสุขภาพกันด้วยนะค่ะ รักทุกคนนะค่ะ เป็นห่วงค่ะ รักนะ จุ๊บๆ

Pages

2 คำถามเรื่องหลักการในข่าว “แดง” จับ “แดง”

กรณี “แดงจับแดง” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไม่ควรถูกมองว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด หรือเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวและจบกัน แต่นี่คือเป็นปัญหาท่าที และหลักการของแกนนำซึ่งไปช้ากว่ามวลชนอย่างสม่ำเสมอ

M79 และผองเพื่อน: สิ่งเบี่ยงเบนข่าวสารราคาย่อมเยา

วิธีกลบข่าวแบบบ้านๆ ไทยๆ ไม่ต้องลงทุนมากก็กลบมันด้วยน้อง M79 ลูกกระสุนสนนราคาละไม่กี่ร้อย แต่ก็ได้พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งกลบข่าวคนเป็นหมื่นเป็นแสนที่ออกมาไล่รัฐบาลในขณะนี้

โอกาสเดียว 'ยึด' และ 'ยึดหมด' : ข่าวคดียึดทรัพย์ในสายตานักข่าวเทศ

สื่อต่างประเทศให้ความสนใจกับข่าวการเมืองในไทยกันหนาแน่นตลอดสัปดาห์นี้ ยิ่งใกล้วันศุกร์ วันที่สื่อทั้งหลายเรียกมันว่า judgement day มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งลงข่าวและบทวิเคราะห์กันคึกคักมากขึ้นเท่านั้น ประเด็นของการรายงานของสื่อนอกเน้นหนักไปที่สองเรื่องใหญ่คือ แนวทางของคำพิพากษาที่จะออกมา กับผลสะเทือนทางการเมืองจากการตัดสินหนนี้ ทั้งต่อการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างสองขั้วคือเหลืองกับแดง และผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทย

(ที่มาของภาพ: มังกรดำ) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อาคารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2551 หรือเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ถือเป็นการกลับเมืองไทยครั้งแรกนับตั้งแต่เขาออกจากประเทศไปประชุมที่องค์การสหประชาชาติและเกิดการรัฐประหารโค่นอำนาจเขาเมื่อ 19 กันยายน 2549 ต่อมาวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 เขาเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้งโดยไม่กลับมาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีที่ดินรัชดา ล่าสุดในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทอีกคดี นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สื่อทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจต่อเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย