ในฐานะที่กระแสรางวัลซีไรต์ปีนี้ช่างแผ่วเบา เราจึงขอกระตุ้น ยั่วยวน ให้หันมองด้วยงานวิจารณ์ของ “นายยืนยง” ซึ่งยืนยันกับการชื่นชม “วิญญาณที่ถูกเนรเทศ” เล่มหนึ่งที่เข้ารอบสุดท้าย ไม่ว่าใครจะครหาอย่างไรก็ตาม
ชื่อหนังสือ : วิญญาณที่ถูกเนรเทศ
ผู้เขียน : วิมล ไทรนิ่มนวล
จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์สามัญชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2552
วิญญาณที่ถูกเนรเทศ ไม่ใช่เรื่อง “เหนือจริง”
เมื่ออ่านจบแล้ว ฉันพบว่า วิญญาณที่ถูกเนรเทศ เป็นวรรณกรรมที่สมควรเหลือเกินที่จะลบชื่อนักเขียน “วิมล ไทรนิ่มนวล” นักเขียนซีไรต์ออกไปและสมควรอย่างยิ่งที่จะยุติการตีตราว่าเป็นนวนิยายเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ปีนี้ ด้วยสาเหตุที่ วิญญาณที่ถูกเนรเทศ เป็นนวนิยายที่บอกเล่าถึงจิตวิญญาณของมนุษยชาติที่ดำรงอยู่ในโลกภาพที่ความจริงถูกคลี่ขยายออกจนถึงพร้อมอย่างสัมบูรณ์
ไม่ว่าปีนี้น้ำยาซีไรต์จะเข้มข้นไปทั้งหม้อ หรือเป็นแค่น้ำยาที่ชวนกินแต่น้ำพริกแกงลอยหน้า ขณะข้างในใสโจ๋งเจ๋งก็ตาม ฉันก็ได้ลงความเห็นว่า วิญญาณที่ถูกเนรเทศ เล่มนี้ ไม่ควรถูกเนรเทศไปจากหัวใจของผู้อ่านเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากนวนิยายเรื่องนี้ได้ข้ามพ้นหม้อซีไรต์ไปแล้ว
ฉันแน่ใจขนาดนั้นทีเดียว ทั้งที่เพิ่งได้อ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว จาก ทั้งหมด 7 เล่มที่เข้ารอบมา ใครจะมองเป็นความเร่อร่า ความลำเอียง ที่ไม่สมเหตุสมผลของฉัน ก็เชิญเลย น้อมรับเสมอในความข้อเสียประดามีของฉันนี้
ใครยังไม่รู้ว่า 7 เล่มดังกล่าวนั้น มีนวนิยายเรื่องใดบ้าง เชิญทราบได้
1.วิญญาณที่ถูกเนรเทศ ของ วิมล ไทรนิ่มนวล
2.เงาฝันของผีเสื้อ ของ เอื้อ อัญชลี
3.ทะเลน้ำนม ของ ชัชวาลย์ โคตรสงคราม
4.ประเทศใต้ ของ ชาคริต โภชะเรือง
5.โรงเรียนที่เงียบที่สุดในโลก ของ ฟ้า พูลวรลักษณ์
6.โลกใบใหม่ของปอง ของ ไชยา วรรณศรี
7.ลับแลแก่งคอย ของ อุทิศ เหมะมูล
เนื่องจาก วิญญาณที่ถูกเนรเทศ ได้จำแนกโลกเอกภาพอันสัมบูรณ์อยู่ในตัวเอง ออกเป็นโลก 2 ใบด้วยกัน คือ โลกก่อนความตาย และโลกหลังความตาย ซึ่งโลก 2 ใบนี้เองที่ถูกนำเสนอผ่านกระบวนความคิดให้บังเกิดเป็น “เรื่องราว” ของความทับซ้อนกันอย่างสัมบูรณ์ในที่สุด
ทุกโลกทัศน์รังสรรค์โลกของตัวเองทั้งสิ้น
กล่าวคือผู้เขียนทำราวกับว่า ด้วยมุมมองอย่างจำแนกแจกแจงเช่นเดียวกับโลกในวิสัยอย่างวิทยาศาสตร์นั่นเอง ที่เป็นตัวแบ่งแยกโลกอันสัมบูรณ์ออกจากกัน เพื่อที่ผู้เขียนจะเชื่อมโยงมันเข้าอีกครั้งด้วยกระบวนการสร้างเรื่องราวให้เกิดปรากฎการณ์อินเตอร์เซคชั่น หรือการทับซ้อน (ซ้ำกัน) ทีละน้อย ๆ กระทั่งโลกทั้ง 2 ใบค่อย ๆ ขับเคลื่อนจนเป็นความสัมพันธ์อย่างยูเนี่ยน (เหมือนกันทั้งหมด) สุดท้ายก็ทับซ้อนกันสนิทโดยสัมบูรณ์ ความสัมพันธ์เหล่านี้เล่าผ่านเรื่องราวอันเป็นโศกนาฏกรรมที่เหนือกว่าโศกนาฏกรรมใดใดแห่งมนุษยชาติ โดยใช้ความเป็นอัตชีวประวัติของชายหนุ่มนาม วิหค
หากจะแสดงรูปแบบการเคลื่อนไหวผ่านแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ โดยกำหนดให้โลก 2 ใบนั้น คือ
โลกก่อนความตาย และโลกหลังความตาย จะเห็นกระบวนการเคลื่อนเป็น 5 ขั้น ดังนี้
1 แต่เดิมโลก 2 ใบ ได้ซ้อนทับกันอย่างสัมบูรณ์
เก่า ใหม่
2 แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิงด้วยวิสัยทางวิทยาศาสตร์
เก่า ใหม่
3 ค่อย ๆ เคลื่อนมาทับซ้อนกัน จุดที่ทับซ้อนกันหรืออินเตอร์เซคชั่น นี่เองที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นเรื่อง “เหนือจริง” ซึ่งปรากฏอยู่ในหลายตอนของเรื่อง เช่น ตอนที่ปู่ทวดถูกโจรปล้นแพซุง แล้วโดนฟันหัวขาดกระเด็น แต่ปู่ทวดยังสามารถฆ่าโจรได้ ก่อนจะกระโดดลงน้ำตามย่าทวดกับปู่แล้วพาว่ายทวนน้ำไปถึงวัดได้อย่างปลอดภัย ก่อนจะตายไปตามสภาพร่างกาย
เก่า ใหม่
4 เคลื่อนมากระทั่งถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่องที่วิหคเพิ่งรู้ตัวว่าตนนั้นได้ตายไปแล้ว
จึงเกิดการรวมกันทั้งสองโลก
เก่า ใหม่
5 กลับคืนสู่ภาพความสัมบูรณ์อีกครั้ง
เก่า ใหม่
นี่คือภาพอย่างคร่าว ที่แสดงให้เห็นลำดับเหตุการณ์ซึ่งเคลื่อนไปเป็นวัฏฏะจักร ผ่านรูปแบบการเขียนอย่างนวนิยายที่ให้รายละเอียดเป็นภาพชีวิตแห่งความเจ็บปวดทรมาน ความว้าเหว่ ความแปลกแยก และเป็นบรรดาความรู้สึกร้ายลึกทั้งหลาย ที่ได้พร่าชีวิตไปจากชีวิตซึ่งยังคงหายใจอยู่ เป็นความตายทั้งที่ยังมีชีวิต วิหค ชายหนุ่มที่ตายทั้งเป็น และยังมีชีวิตหลังจากความตายได้ปลดปล่อย “เขา” ออกจากร่าง
โลกหลังความตายของวิหคกับโลกที่เขาได้ปฏิสนธิเป็นชีวิตก่อนตายนั้น ถูกเล่าผ่านบทตอน ซึ่งแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เช่น บทที่ 1 เริ่มขึ้นตรงที่ วิญญาณยังไม่รู้ตัวว่าตายของวิหคเดินทางกลับมายังบ้านเกิด ต่อจากนั้นก็เป็นบทที่ 1 – 1 เด็กชายวิหคต้องจากบ้านเกิดไปสู่ทุรกรรมอันไม่รู้จักหน้า ณ กรุงเทพ พร้อมกับประโยคของปู่ ที่ได้ยึดโยงทั้งตัววิหคเองและจิตวิญญาณของเขาให้เป็นดั่ง
“นกประจำถิ่น” ที่แม้จำต้องจากจรไปไกล มันก็จะกลับมายังรวงรังของมัน
“ถ้ามันไม่ไกลเกินไป มันก็จะกลับมา” หรือ “ถ้ามันตาย มันก็จะกลับมา” “เพราะมันเป็นนกประจำถิ่น”
การแบ่งบทตอนเช่นนี้ดำเนินไปกระทั่งจบเรื่อง แต่ละบทตอนก็สอดประสานเข้ากับกระบวนความคิดอย่างโลกุตรภูมิ คือ พื้นฐานแห่งจิตที่จะข้ามพ้นโลก อันเป็นแกนหลักของเรื่องทั้งหมด ซึ่งก็คือโลกแห่งความสัมบูรณ์นั่นเอง
ทุกโลกทัศน์เป็นผู้สร้างสรรค์โลกของตัวเองทั้งสิ้น
เมื่อเห็นโลกทั้งสองใบชัดเจนแล้ว เราจะเห็น “โลก” ในอีกทัศนะหนึ่ง ซึ่งมักจะแฝงเร้น หรือเป็นหลักใหญ่ใจความของวรรณกรรมไทยทั่วไป นั่นคือ โลกสมัยใหม่ กับโลกยุคเก่า สำหรับ วิญญาณที่ถูกเนรเทศ ทัศนะโลกใหม่กับโลกเก่าดังกล่าวก็ได้แฝงอยู่อย่างล้ำลึกเช่นเดียวกัน ต่างแต่โลกสมัยใหม่ไม่ได้เป็นอาชญากรผู้ทำลายล้างคตินิยมอันศักดิ์สิทธิ์ของโลกยุคเก่า ดังเช่นที่เราเคยรับรู้ผ่านวรรณกรรมเรื่องอื่น เหตุเพราะผู้เขียนมีความชัดเจนในน้ำเสียงเหลือเกินที่จะกล่าวว่า โลกยุคเก่าเองต่างหากเล่าที่เป็
“การอพยพย้ายถิ่นฐาน” เป็นที่มั่นในกระบวนขับเคลื่อนนี้ ดังตอนที่วิหคกับแม่ต้องย้ายจากบ้านเกิดเมืองนอนไปอยู่กรุงเทพ ที่แม่อ้างว่ามีความหวังต่ออนาคตได้ เพราะขืนอยู่ที่นี่ต่อไป ภาพติดตาของพ่อที่ถูกยิงตายบนเรือนนั้นคงเป็นแผลใหญ่ที่ไม่อาจเยียวยาได้ตลอดกาล เช่นเดียวกับรุ่นปู่ทวดย่าทวด ที่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน
การฮาราคีรีตัวเองของโลกใบเก่านี้ ผู้เขียนไม่ได้มีน้ำเสียงตำหนิติเตียนหรือเยาะหยันแต่อย่างใด หากแต่มันเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปเช่นนั้นตามกฎธรรมชาติเอง และถึงแม้นว่า ผู้เขียนจะมีน้ำเสียงชื่นชมบูชาโลกยุคเก่าและตำหนิติเตียนโลกอุตสาหกรรมมากมายเพียงไรก็ตาม เราไม่อาจตีความว่า นี่เป็นเรื่องอย่างแนวเพื่อชีวิตได้เลย
เพราะฉะนั้น เมื่อโลกเก่าขับเคลื่อนเข้าสู่โลกใหม่ โลกใหม่จึงเป็นส่วนผสมระหว่างคติอย่างโลกเก่าและทัศนะอย่างโลกใหม่ และเมื่อลูกผสมระหว่างสองโลกนี้ ได้เคลื่อนมาสู่โลกเก่าอีกครั้ง โลกเก่าจึงไม่ได้ถูก “มองเห็น”จากดวงตาของคนในโลกเก่าอีกต่อไปแล้ว หากแต่ถูกเห็น และรับรู้ผ่านดวงตาของคนที่เคยผ่านมาแล้วทั้งโลกเก่าและโลกใหม่ อย่างวิหค วิญญาณที่ถูกเนรเทศจากเมืองหลวง
จิตวิญญาณเป็นอาณาจักรของจิตสำนึกที่ไร้กาลเวลา
เมื่อวิญญาณของวิหคที่ผูกพันอย่างเหนียวแน่นกับโลกเก่าอันงดงามบริสุทธิ์ ได้เดินทางกลับบ้านเกิดสมใจมุ่งมาดปรารถนาแล้ว แต่เขายังรู้สึกว่า ความหวังที่จะได้พบเจอกับโลกเก่าของเขากลับพังทลายลง เพราะโรงงานอุตสาหกรรมที่ผุดขึ้นมาราวกับมันมีหน้าที่แบ่งแยกมนุษย์ออกจากกัน พร้อมทั้งโยนอาวุธให้ทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อตรงเข้ามล้างกันเอง และมล้างโลกไปพร้อมกัน นี่ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความทุกข์อันเป็นดั่งบรมทุกข์แห่งมนุษย์ ที่ทำให้เขาต้องรู้สึกราวกับถูกเนรเทศในทุกโลกไป
กระทั่ง “ที่พึ่ง” หรือเครื่องยึดเหนี่ยวเดียวของมนุษย์ ได้เผยตัวขึ้น เขาจึงพบว่า แท้แล้วมนุษย์มีศักยภาพที่จะเป็นผู้สร้าง แต่มนุษย์กลับเลือกที่จะเป็นผู้ทำลายทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่ตัวเอง และเครื่องยึดเหนี่ยวนั้นก็คือตัวเราเอง
ฉะนั้นลักษณะของปรากฏการณ์ “เหนือจริง” ที่เกิดขึ้นในนวนิยายเรื่องนี้ จึงไม่ใช่เรื่องเหนือจริง แต่อย่างใด เพราะวิมล ได้คลี่สภาพแห่งความจริงให้ไพศาลออกไปจนครอบคลุม สนิทแน่น ทำลายปราการระหว่างโลกียกับโลกุตร ให้เป็นความสัมบูรณ์
ทั้งนี้ สำหรับผู้อ่านที่อยากจะอ่านบทวิจารณ์ วิญญาณที่ถูกเนรเทศ สำนวนของ อ.สกุล บุณยทัต โปรดติดตามอ่านได้จากสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ฉบับวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้
และหากใครอ่านวิญญาณที่ถูกเนรเทศแล้วเห็นว่า นวนิยายนี้น่าจะถูกเรียกขานเสียใหม่
เป็นนิยายติดกัณฑ์เทศน์ เนื่องจากมีการบรรยาย “ธรรม” เสียเยอะแยะ ฉันจึงขอออกตัวในฐานะผู้อ่านคนหนึ่งว่า นวนิยายที่เขียนถึง “ชีวิต” อย่างครอบคลุมเช่นนี้ ไม่ว่านวนิยายแปลอมตะอย่าง พี่น้องคารามาซอฟ หรือสมัญญาแห่งดอกกุหลาบ หรือเล่มใดก็ตาม มักจะมีบทบรรยายที่เราเรียกกันว่า “ข้อมูลดิบ” อย่างแยะแยะเช่นเดียวกัน และสาเหตุที่ฝีมืออย่างวิมลต้อง “อัดข้อมูลดิบ” เหล่านี้ ก็เพื่อให้ปรุงให้
นวนิยายเล่มนี้เป็นยาครอบจักรวาลสำหรับผู้อ่าน และพร้อมกันนี้ เขาก็ได้ก้าวข้ามกรอบของนวนิยายไปด้วย
ถึงแม้นว่านวนิยายเรื่องนี้จะไม่ได้รางวัลใด ๆ เลย ฉันยังจะยืนยันสุดตัวว่า วิญญาณที่ถูกเนรเทศ นี้ ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อสำแดงถึงความเป็นมนุษย์ที่แท้ ซึ่งครั้งหนึ่งเราอาจเคยรับรู้มาแต่ครั้งบรรพกาล เพียงแต่เราลบเลือนความทรงจำชนิดนั้นไปแล้ว.
บล็อกของ หัวไม้ story
หัวไม้ story
ทีมข่าวการเมืองข่าวเรื่องนิตยสาร ดิ อิโคโนมิสต์ ถูกแบน ในประเทศไทย ได้รับการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของเอพี และเสตรทไทม์ ขณะที่ในเมืองไทย [1] ข่าวดังกล่าวไม่ปรากฏในสื่อกระแสหลัก และเพิ่งมาปรากฏขึ้นในลักษณะของการตอบโต้จากทางการไทย ผ่าน.นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงบรรณาธิการนิตรสาร ดิ อิโคโนมิสต์ ระบุว่า.... "รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อมุมมองและทัศนคติของนิตยสารฉบับดังกล่าว ซึ่งลงบทความเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย และตีความเหตุการณ์ต่างๆ ไปตามการคาดเดา…
หัวไม้ story
“ผมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฝีมือของพวกฉวยโอกาส หากพันธมิตรฯจะทำก็ต้องเป็นตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะเก็บไว้อย่างดีทำไม” สุริยะใส กตะศิลา, 5 ธ.ค. 2551 ทีมข่าวการเมือง ภาพในตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลหลังการชุมนุมยุติที่มาของภาพ: คุณ Me.....O กระดานข่าวพันทิพ ห้องราชดำเนินhttp://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7288033/P7288033.html
หัวไม้ story
"ถ้างวดนี้ มีการใช้ความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง พี่น้องครับ พี่น้อง พ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศไทย ต้องลุกฮือขึ้นมาแล้วให้เลือดนองแผ่นดิน" ... "ผมจะบอกให้พวกสัตว์นรกรู้ ว่างวดนี้ถ้าประชาชนเขามา เขามาพร้อม ‘ของ' กันหมด" - สนธิ ลิ้มทองกุล 20 พ.ย. 2551 ทีมข่าวการเมืองประชาไท สนธิ ลิ้มทองกุล ได้รับการอารักขาโดย ‘นักรบศรีวิชัย’ เมื่อ 26 ส.ค. 51 ที่มาของภาพ adaptorplug (CC)
หัวไม้ story
วันที่ 15 พฤศจิกายน คือวันประชุมสุดยอดผู้นำโลก 20 ชาติว่าด้วยเศรษฐกิจ ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะเป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการทางการเงินของโลกอีกครั้งหลังจากมันเคยเกิดขึ้นแล้วหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเศรษฐกิจโลกพังพาบลง จนนำมาสู้ระบบแลกเปลี่ยนเงินที่ชื่อว่า Bretton Woods SystemG20: "we must rethink we must rethink the financial system from scratch, as at Bretton Woods."นิโคลัส ซาร์โกซี ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสเป็นผู้เอ่ยประโยคนี้ เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา และนำมาสู่การกำหนดการประชุมสุดยอดผู้นำโลกที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. นี้
หัวไม้ story
โอบามากับสงครามสีผิวที่กำลังจะเปิดฉาก? ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งจบลงไปด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของบารัก โอบามา ผู้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นคนผิวสี คนแรกที่เดินเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดี โอบามา เป็นลูกผสมระหว่างแม่ซึ่งเป็นคนผิวขาว กับพ่อเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งไม่ได้ย่างเท้าลงบนแผ่นดินอเมริกาในฐานะทาส แต่เป็นนักศึกษา แม้จะไม่ใช่คนผิวดำ หรือลูกหลานแอฟริกันขนานแท้ ที่เติบโตขึ้นจากครอบครัวที่มีบรรพบุรุษเป็นทาส แต่บารัก โอบามา ก็ถูกจำจดในฐานะเป็นตัวแทนของคนผิวสีที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะไม่ได้ผ่านประวัติศาสตร์ร่วมกับคนแอฟริกัน-อเมริกัน…
หัวไม้ story
แม้ว่าคนจนในประเทศไทย จะเลือกตาย ด้วยหวังให้การตายส่งเสียงได้มากกว่ายามที่พวกมีชีวิตอยู่ ทว่า ไม่ช้าไม่นาน ความทรงจำของสังคมก็เลือนรางลงไป แต่คนจนอย่างนวมทอง ไพรวัลย์ เลือกวิธีตาย และเลือกใช้การตายของเขาส่งเสียงดังและอยู่ยาวนาน อย่างน้อยก็ใน 2 ปีต่อมา เขายังไม่ถูกลืมเลือน
หัวไม้ story
ประชาไทขอนำเสนอคลิปวิดิโอ 'หลังทักษิณ' มุมมอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากคนใกล้ตัวที่บ้านเกิด อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และบทวิเคราะห์การเมืองไทยหลังทักษิณ โดย รศ.ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ นักวิชาการภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หัวไม้ story
ทีมข่าวภาคใต้มายาภาพของการต่อสู้ทางการเมืองไทยในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถูกกล่าวว่าอ้างว่าเป็นสงครมมระหว่างภูมิภาค คือ ภาคใต้ กับภาคเหนือและภาคอิสาน แต่หากมองลึกลงไปในกระบวนการต่อสู้ของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพรรคพลังประชาชน อาจพบว่าแท้จริงแล้วการพื้นที่ทางการเมืองระดับนำก็ยังคงเป็นของคนใต้อยู่เช่นเดิม
หัวไม้ story
จับตาการเดินทัพของพันธมิตรฯ จากคำปราศรัยของแกนนำชื่อ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ หลังประกาศทบทวนแนวทางสันติวิธี ระบุแกนนำทั้งหลายไม่กลัวตาย “แต่ถ้าพวกเราบางคนจะต้องตาย พี่น้องสัญญาอย่าง ต้องให้แผ่นดินนี้ ลุกขึ้นเป็นไฟให้ได้”
หัวไม้ story
เมื่อพูดกันถึงเรื่องการปฏิรูปการเมืองก็ไม่แคล้วตามมาด้วย การแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง นับเป็นสิ่งที่สังคมไทยถนัดในการแก้ปัญหาการเมืองโดยการเขียนอะไรบางอย่างขึ้นมาบังคับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร กระทั่งแม้แต่นักกฎหมายมหาชนเองก็ยังแซวผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตัวเองได้ว่า ประเทศไทยนั้นมีความเชี่ยวชาญในการร่างรัฐธรรมนูญที่สุดในโลกนายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539 กล่าวในรายการตอบโจทย์ ทางสถานีไทย เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่าที่สุดแล้ววิกฤตของการเมืองไทยวันนี้มันก็เริ่มมาจากการแก้รัฐธรรมนูญที่ฝ่ายรัฐบาลนำเสนอนั่นเองย้อนเหตุการณ์ให้ฟังอีกครั้งว่า…
หัวไม้ story
พิณผกา งามสม ในระหว่างที่การต่อสู้ทางการเมืองไทยยังคงถกเถียงกันเรื่องโมเดลการเมืองใหม่ การเมืองใหม่กว่า รวมถึงระบบโควตาและระดับความชอบธรรมของ ‘เสียง' การเมืองเพื่อนบ้านของไทยก็กำลังเข้มข้นอยู่บนหนทางเดิมๆ ตามระบอบรัฐสภาเมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียประกาศว่าจะเขย่ารัฐบาลมาเลย์ให้ล่มเพื่อเปิดโอกาสในการจัดสรรที่นั่งในสภากันใหม่ โดยยึดเอาวันที่ 16 กันยายนเป็นวันดีเดย์ แรกทีเดียว หลายฝ่ายอาจคิดว่าเป็นเพียงการสร้างสีสันให้การรณรงค์ทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้านอย่างที่เคยทำมาอย่าแข็งขัน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า…
หัวไม้ story
วิทยากร บุญเรืองขณะที่ Frank Lampard ดาวเตะแข้งทองของทีม Chelsea พึ่งบรรลุข้อตกลงสัญญา 5 ปีที่มีมูลค่าสูงถึง 39.2 ล้านปอนด์ โดย Lampard จะได้รับค่า 151,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 3,775 ปอนด์ต่อชั่วโมง! แต่จากการสำรวจของ The Fair Pay Network และ Institute of Public Policy Research (IPPR) พบว่าพนักงานทำความสะอาด พ่อครัวแม่ครัว และแรงงานตัวเล็กๆ ทั้งหลาย ของสโมสรอย่าง Chelsea, Spurs, Arsenal, West Ham และ Fulham กลับได้รับค่าเหนื่อยจากสัญญาจ้างค่าแรงขั้นต่ำแค่ 5.52 ปอนด์ต่อชั่วโมงเท่านั้น