Skip to main content

 

ทีมข่าวการเมือง

 

องค์กรเพื่อความโปร่งใสสากลหรือ TI ที่มีสำนักงานที่เบอร์ลินเผยแพร่รายงานดัชนีชี้วัดคอรัปชั่น (CPI) ประจำปี 2552 นิวซีแลนด์-เดนมาร์ก-สิงคโปร์-สวีเดน โปร่งใสสุด ไทยได้อันดับ 84 ขณะที่ผลสำรวจย้อนหลังพบว่าไทยเคยได้คะแนนดีที่สุดในปี 2548 ขณะที่ในรอบ 5 ปีมานี้คะแนนต่ำสุดช่วงรัฐบาลรัฐประหารในปี 2550

\\/--break--\>

1.เผยผลสำรวจ

ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นปี 2552

 

เมื่อ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา องค์กรเพื่อความโปร่งใสสากล (Transparency International) หรือ TI ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี เผยแพร่รายงาน "ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่น" (Corruption Perceptions Index - CPI) ประจำปี 2552 ใน 180 ประเทศทั่วโลก โดยให้คะแนนจาก 0-10 โดย 0 หมายถึงการมีปัญหาคอรัปชั่นสูงที่สุด และ 10 หมายถึงมีปัญหาคอรัปชั่นน้อยที่สุด โดยองค์กรนี้สำรวจดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอรัปชั่นของประเทศต่างๆ ตั้งแต่ พ.ศ.2538 ซึ่งในปี พ.ศ. 2552 นี้ ได้จัดอันดับจากประเทศต่างๆ จำนวน 180 ประเทศ โดยจัดอันดับจากผลสำรวจของสำนักโพลล์ต่างๆ จำนวน 10 แห่ง ที่ได้มีการตีพิมพ์เผยแพร่ในช่วงปี พ.ศ. 2551 และ 2552

 

ผลการจัดอันดับโดยทั่วไปจะแสดงให้เห็นว่าประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจใน ระดับสูงมักจะมีอันดับที่ดีกว่าประเทศที่มีระดับการพัฒนาที่น้อยกว่า แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อประเทศกำลังพัฒนาด้วย กล่าวคือ ต้องไม่ให้สินบนเพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศที่กำลังพัฒนา หรือต้องไม่สนับสนุนศูนย์กลางการดำเนินธุรกรรมทางการเงินที่อาจเป็นแหล่งฟอก เงินของผู้กระทำความผิด (Safe haven) เช่น หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน

 

นอกจากนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วเหล่านี้ต้องไม่เพิกเฉยโดยปล่อยให้มีกฎหมายภายในประเทศ ของตนที่ถือว่าข้อมูลทางการเงินเป็นความลับทางธุรกิจ เพื่อแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นและความตั้งใจที่จะคืน ทรัพย์สินที่ผู้กระทำผิดได้โกงมาจากประเทศของตนแล้วนำไปฝากไว้ในต่างประเทศ ทั้งนี้ ความพยายามของประเทศที่พัฒนาแล้ว (ซึ่งมีอันดับและคะแนนภาพลักษณ์คอรัปชั่นที่ดี) จะช่วยทำให้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นของประเทศที่กำลังพัฒนา (ซึ่งมีคะแนนคอรัปชั่นในระดับต่ำ) ลดความรุนแรงลงและส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนภายในประเทศ

 

 

ไทยได้ 3.4 คะแนน อันดับที่ 84 ของโลก

โดยผลการจัดอันดับประจำปี พ.ศ. 2552 พบว่า ประเทศไทยได้ 3.4 คะแนน จัดเป็นอันดับที่ 84 เท่ากับประเทศเอลซาวาดอร์ กัวเตมาลา อินเดีย และปานามา

 

ขณะที่นิวซีแลนด์ เดนมาร์ก สิงคโปร์และสวีเดน เป็นกลุ่มประเทศที่ครองตำแหน่งสามอันดับแรก (9.4, 9.3 และ 9.2 คะแนน)

 

ส่วนประเทศที่ได้อันดับสุดท้าย ได้แก่ ประเทศอิรัก (1.5 คะแนน) ซูดาน (1.5 คะแนน) พม่า (1.4 คะแนน) อัฟกานิสถาน (1.3 คะแนน) และโซมาเลีย (1.1 คะแนน) ซึ่งประเทศที่มีคะแนนน้อยเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม หรือมีความขัดแย้งภายในประเทศเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งเป็นสภาพการเมืองการปกครองที่มีความเปราะบาง

 

 

สิงคโปร์คอรัปชั่นน้อยสุดในเอเชีย อยู่ไทยกลางตาราง

เมื่อพิจารณาเฉพาะการจัดอันดับของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีการจัดอันดับทั้งหมด 40 ประเทศ พบว่า ประเทศที่มีคะแนนเป็นอันดับที่ 10 อันแรกได้แก่ อันดับ 1 สิงคโปร์ 9.2 คะแนน (อันดับ 3 ของโลก) อันดับ 2 ฮ่องกง 8.2 คะแนน (อันดับ 12 ของโลก) อันดับ 3 ญี่ปุ่น 7.7 คะแนน (อันดับ 17 ของโลก) อันดับ 4 กาตาร์ 7.0 คะแนน (อันดับ 22 ของโลก) อันดับ 5 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 6.5 คะแนน (อันดับ 30 ของโลก)

 

อันดับ 6 ไต้หวัน 5.6 คะแนน (อันดับ 37 ของโลก) อันดับ 7 มี 3 ประเทศ คือบรูไนดารุสซาลาม โอมาน และเกาหลีใต้ ได้ 5.5 คะแนนเท่ากัน (อันดับ 39 ของโลก) อันดับ 10 คือมาเก๊า 5.3 คะแนน (อันดับ 43 ของโลก)

 

ส่วนไทยซึ่งได้ 3.4 คะแนน (อันดับ 84 ของโลก) อยู่ในอันดับที่ 19 เมื่อเทียบกับชาติในเอเชีย โดยมีประเทศรั้งท้ายคือ พม่าได้ 1.4 คะแนน (อันดับที่ 178 ของโลก) และอัฟกานิสถาน 1.3 คะแนน (อันดับที่ 179 ของโลก) สำหรับดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นของประเทศไทยเมื่อเทียบกับเอเชีย ดูได้ที่ตารางที่ 1 ข้างท้าย

 

 

ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นไทยจากปี 2538 ถึงปัจจุบัน

ส่วนดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นของไทยในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบย้อนหลังจากปี 2552 จนถึงปี 2538 พบว่าในปี 2538 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มมีการจัดอันดับ ไทยได้ 2.79 คะแนน อยู่อันดับที่ 34 จากการจัดอันดับ 41 ประเทศในโลก ในปี 2539 ไทยได้ 3.33 คะแนน อยู่อันดับ 37 จากการจัดอันดับ 54 ประเทศ ในปี 2540 ซึ่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ไทยได้ 3.06 คะแนน อยู่อันดับที่ 39 จากการจัดอันดับ 52 ประเทศ ในปี 2541 ไทยได้ 3.00 คะแนน อยู่อันดับที่ 61 จากการจัดอันดับ 85 ประเทศ

 

ในปี 2542 – 2545 ไทยได้ 3.20 คะแนนเท่ากันทุกปี โดยปี 2542 ไทยได้ 3.20 คะแนน อยู่อันดับที่ 68 จากการจัดอับดับ 98 ประเทศ ในปี 2543 ไทยได้ 3.20 คะแนน อยู่อันดับที่ 60 จากการจัดอันดับ 90 ประเทศ ในปี 2544 ไทยได้ 3.20 คะแนน อยู่อันดับที่ 61 จากการจัดอันดับ 91 ประเทศ และปี 2545 ไทยได้ 3.20 คะแนน อยู่อันดับที่ 64 จากการจัดอันดับ 102 ประเทศ

 

ในปี 2546 – 2548 ไทยได้คะแนนดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นดีขึ้นเล็กน้อย โดยปี 2546 ไทยได้ 3.30 คะแนน อยู่อันดับที่ 70 จากการจัดอันดับ 133 ประเทศ ปี 2547 ไทยได้ 3.60 คะแนน อยู่อันดับที่ 64 จากการจัดอันดับ 146 ประเทศ และในปี 2548 ไทยได้คะแนนมากที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดอันดับ โดยไทยได้ 3.80 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 59 จากการจัดอันดับ 159 ประเทศ

 

ในปี 2549 จนถึงปัจจุบันซึ่งการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ไทยได้คะแนนลดลงจากเมื่อเทียบกับปี 2548 โดยไปอยู่ในจุดที่คะแนนต่ำสุดในปี 2550 โดยในปี 2549 ไทยได้ 3.60 คะแนน อยู่อันดับที่ 63 จากการจัดอันดับ 163 ประเทศ ในปี 2550 ไทยได้คะแนน 3.30 คะแนน อยู่อันดับที่ 84 จากการจัดอันดับ 179 ประเทศ ในปี 2551 ไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.50 คะแนน อยู่อันดับที่ 80 จากการจัดอันดับ 180 ประเทศ และในปี 2552 ไทยได้คะแนนลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2551 โดยได้ 3.40 คะแนน อยู่อันดับที่ 84 จากการจัดอันดับ 180 ประเทศ สำหรับดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นไทยตั้งแต่ปี 2538 – ปัจจุบัน ดูได้ที่ตารางที่ 2 ข้างท้าย

 

 

ตารางที่ 1: ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่น (CPI) เปรียบเทียบเฉพาะ 41 ชาติในเอเชีย (ที่มา: เรียบเรียงจาก http://transparency.org/policy_research/surveys_indices/cpi/2009)

 

อันดับในเอเชีย

ประเทศ

คะแนน

อันดับโลก

1

สิงคโปร์

9.2

3

2

ฮ่องกง

8.2

12

3

ญี่ปุ่น

7.7

17

4

กาตาร์

7.0

22

5

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)

6.5

30

6

ไต้หวัน

5.6

37

7

บรูไนดารุสซาลาม

5.5

39

7

โอมาน

5.5

39

7

เกาหลีใต้

5.5

39

10

มาเก๊า

5.3

43

11

บาห์เรน

5.1

46

12

ภูฏาน

5.0

49

12

จอร์แดน

5.0

49

14

มาเลเซีย

4.5

56

15

ซาอุดิอาระเบีย

4.3

63

16

คูเวต

4.1

66

17

จีน

3.6

79

18

อินเดีย

3.4

84

18

ไทย

3.4

84

20

ศรีลังกา

3.1

97

21

อินโดนีเซีย

2.8

111

22

คาซัคสถาน

2.7

120

22

มองโกเลีย

2.7

120

22

เวียดนาม

2.7

120

25

ซีเรีย

2.6

126

26

เลบานอน

2.5

130

26

มัลดีฟ

2.5

130

28

บังกลาเทศ

2.4

139

28

ปากีสถาน

2.4

139

28

ฟิลิปปินส์

2.4

139

31

เนปาล

2.3

143

32

ติมอร์ตะวันออก

2.2

146

33

เยเมน

2.1

154

34

กัมพูชา

2.0

158

34

ลาว

2.0

158

34

ทาจีกิสถาน

2.0

158

37

คีร์กิสถาน

1.9

162

38

อิหร่าน

1.8

168

38

เติร์กเมนิสถาน

1.8

168

40

อุซเบกิสถาน

1.7

174

41

อิรัก

1.5

176

42

พม่า

1.4

178

43

อัฟกานิสถาน

1.3

179

 

 

ตารางที่ 2: ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นของไทย ระหว่าง พ.ศ. 2538 – 2552 (ที่มา: เรียบเรียงจาก http://transparency.org/ )

ปี พ.ศ.

คะแนน

อันดับ

จำนวนประเทศ

2538

2.79

34

41

2539

3.33

37

54

2540

3.06

39

52

2541

3.00

61

85

2542

3.20

68

98

2543

3.20

60

90

2544

3.20

61

91

2545

3.20

64

102

2546

3.30

70

133

2547

3.60

64

146

2548

3.80

59

159

2549

3.60

63

163

2550

3.30

84

179

2551

3.50

80

180

2552

3.40

84

180

 

 

2.ปฏิกิริยา

 

ป.ป.ช.

หวังพึ่ง ป.ป.ช.อย่างเดียวไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลด้วย

สำหรับปฏิกิริยาหลังผลสำรวจ เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์กรณีองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยเปิดเผยการจัดอันดับดัชนีวัดภาพลักษณ์คอรัปชั่น ประจำปี 2552 โดยไทยได้คะแนน 3.4 คะแนน อยู่ในลำดับที่ 84 จาก 180 ประเทศ ว่า ไม่ใช่เรื่องตกใจอะไร เพราะคาดไว้อยู่แล้ว ซึ่ง ป.ป.ช.ได้พยายามแก้ปัญหาอย่างมากแล้ว แต่จะพึ่ง ป.ป.ช.อย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลด้วย เพราะความเชื่อถือจากต่างประเทศขึ้นอยู่กับรัฐบาลเป็นหลัก

 

อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.คงต้องปรับยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเพิ่มเติม เพื่อให้ประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือในสายตาต่างประเทศให้ได้ โดยส่วนตัวเห็นว่าสาเหตุที่ประเทศไทยมีคะแนนทุจริตคอรัปชั่นแย่ลงกว่าเดิม มาจากปัญหาสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ยังไม่นิ่ง ชาวต่างชาติจึงไม่กล้ามาลงทุน ทำให้ความเชื่อถือและความศรัทธาต่างๆอาจยังไม่เข้าที่ ดังนั้น ป.ป.ช.จึงต้องทำงานหนักขึ้น และร่วมมือกับฝ่ายต่างๆมากขึ้น โดยตั้งแต่เดือน ธ.ค.เป็นต้นไป ป.ป.ช.จะเริ่มลุยปูพรมไปไต่สวนการทุจริตในท้องถิ่นและให้ความรู้เรื่องการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินฯมากขึ้น เริ่มจาก จ.นครราชสีมา ตลอดจนจะส่งทีมเคลื่อนที่ไปตามกระทรวง ทบวง กรมต่างๆเพื่อให้ความรู้ สร้างเครือข่ายและหาแนวร่วมป้องกันการทุจริต เชื่อว่ามาตรการที่ออกมาน่าจะมีส่วนช่วยลดปัญหาการทุจริตลงได้

 

 

รัฐบาล

มาร์คเชื่อมาตรการที่ออกมาจะแก้คอรัปชั่นได้ชัดเจนมากขึ้น

ด้านเว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (18 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยจัดรายงานการอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่น ประจำปี 2552 โดยการทุจริตของไทยอยู่ในอันดับที่ 84 จาก 180 ประเทศว่า คะแนนการคอร์รัปชั่นนั้นเป็นเรื่องที่ต้องสะสางอีกเยอะกว่าที่จะดีขึ้นมา ตนคิดว่ามาตรการต่างๆ กำลังจะดำเนินการให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 

โดยเฉพาะต้องยอมรับว่าระยะหลังนี้เรามุ่งให้องค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบและการทำงานเชิงป้องกัน และประสานโดยฝ่ายบริหารนั้นต้องกระทำมากขึ้น ตนประสานไปยังองค์กรอิสะแล้ว และรอรูปแบบการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนขึ้นระหว่างฝ่ายบริหาร - องค์กรอิสระ ที่ไม่ต้องรอว่าเมื่อเกิดเรื่องแล้วจะเป็นเรื่องการตรวจสอบเท่านั้น เช่น กรณีที่อนุกรรมการ ปปช. นำข้อมูลเรื่องการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4000 คันของ ขสมก.มาเสนอ ครม.นั้น มันเป็นตัวอย่างว่าจริงๆ แล้วควรจะร่วมกันทำงานโดยเริ่มต้น ตั้งแต่ชั้นการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตขึ้น ส่วนแนวทางการสร้างกลไกใหม่ในการป้องกันเรื่องนี้นั้น

 

รัฐบาลมีผู้ประสานงานนี้อยู่และกำลังไปขอความเห็นจากองค์กรอิสระต่างๆ โดยกลไกนี้จะทำให้การทำงานที่มีมาตรการเชิงป้องกันดีขึ้น ส่วนปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและต้องตรวจสอบนั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลกระทำเต็มที่และทุกกรณีที่เกิดขึ้น เมื่อถามว่าได้รับรายงานการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขแล้วหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าเข้าใจว่าใกล้แล้วเพราะคณะกรรมการอิสระฯขอเวลาไม่นานมากและเห็นว่าได้ข้อมูลค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับรายละเอียดโครงการต่างๆและตนยังไม่ทราบผล เมื่อถามว่ามั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นมวยล้มหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าคณะกรรมการฯจะเป็นผู้ให้เหตุผลในข้อสรุปนั้นๆ และรัฐบาลเปิดโอกาสให้ความร่วมมือในการทำงานและให้ข้อมูลเต็มที่

 

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
ระหว่างรอผลว่า ท้ายที่สุดอดีตนายกรัฐมนตรีไทยและภรรยาจะได้อยู่ในประเทศอังกฤษในฐานะผู้ลี้ภัย หรือจะกลายเป็นผู้ร้ายข้ามแดนที่ต้องประสานให้ส่งมอบตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ลองดูซิว่าทำเนียบรุ่นผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ประเทศอังกฤษอ้าแขนรับที่ผ่านมา มีใครบ้าง.... 
หัวไม้ story
วันที่ 8 สิงหาคม ปี 1988 เป็นวันแห่งการปราบปรามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า และการปราบปรามนั้นได้ดำเนินไปหลายวันในย่างกุ้ง หัวไม้สัปดาห์นี้ ขอเป็นส่วนหนึ่งของการรำลึกในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของการต่อสู้ของเพื่อนมิตรชาวพม่าในครั้งนั้น ด้วยบทเพลงพม่าที่เขียนขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น คือเพลง วันที่ 8 เดือน 8 ปี 88 และ เพลงไม่มีวันลืม (Kabar Ma Kyay Bu Heyt!) ทั้งสองเพลงออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า (Democratic Voice of Burma - DVB) ทุกรอบปี เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ปราบปรามที่เกิดขึ้นเราหวังว่าสักวันหนึ่งเสรีภาพและประชาธิปไตยจะปรากฏขึ้นในขอบฟ้าฟากตะวันตก เพลง วันที่ 8…
หัวไม้ story
< พิณผกา งามสม > ถ้าผู้หญิงคืออีกซีกหนึ่งของฟากฟ้า อย่างที่จอน เลนนอน ไอดอลแห่งยุคบุปผาชนเคยกล่าวไว้  ภาพข่าว ดร. วันอาซีซาร์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาแห่งสหพันธ์รัฐมาเลเซีย เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้กับสามีได้ลงเลือกตั้งชิงเก้าอี้ในรัฐสภาที่ว่างลงในฐานะอีกครึ่งชีวิตทางการเมืองของนายอันวาร์ อิบราฮิม ก็คงเป็นตัวอย่างจริงของความเป็นอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า แต่จะเป็นท้องฟ้าของวันใหม่ดังที่นายอันวาร์ย้ำมาตลอดหรือไม่ เป็นเรื่องของการเมืองที่ยากจะคาดการณ์ ดร. วันอาซีซาร์ ได้ชื่อว่าเป็นทัพหลังที่แข็งแกร่งของนายอันวาร์ จากอาชีพจักษุแพทย์…
หัวไม้ story
ทีมข่าวการเมือง ประชาไท บันทึกปฏิกิริยาฝ่าย ‘ขวาใหม่' ภายใต้ฉายา ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' หลังจากการปราศรัยที่สนามหลวงของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ‘ดา ตอร์ปิโด' เมื่อวันที่ 18 กรกฎคมที่ผ่านมาโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้หยิบประเด็นการปราศรัยของ ‘ดา ตอร์ปิโด' มาวิพากษ์วิจารณ์เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายคืนนับตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เป็นต้นมา กระทั่ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บ.ชน.) ขอให้ศาลอาญากรุงเทพฯ อนุมัติหมายจับเลขที่ 2209/51 ให้จับกุม น.ส.ดารณีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ทำให้ น.ส.ดารณี…
หัวไม้ story
นับแต่รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งเข้าสู่ตำแหน่ง การฟ้องร้องอันเนื่องมาจากการเมือง และการฟ้องร้องอันมีผลทางการเมืองก็ดาหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไทย และองค์กรอิสระ เสมือนเป็นโหมโรงสำหรับ ‘ตุลาการภิวัตน์’ ก็ไม่ปาน เพื่อเป็นหมุดหยุดพักสำหรับความสับสนในคดีที่เยอะแยะ อีรุงตุงนังกันอยู่ขณะนี้  "ประชาไท" รวบรวมคดีที่มีการฟ้องร้องกัน ภายใต้เงื่อนเวลาเริ่มต้นคือรัฐบาลชุดนี้ ให้ดูกันว่ายุคนี้ ศาลนั้น "งานเข้า" ขนาดไหน  
หัวไม้ story
จังหวัดระยองเป็นจังหวัดแรกๆ ที่รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบ โดยนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2524 จากขนาด 4,100 ไร่ ขยายจนเป็น 15,745 ไร่ นิคมฯ มาบตาพุดยังประกอบด้วย 4 นิคม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมเหมราช นิคมอุตสาหกรรมผาแดง และนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมหนักทั้งสิ้น 134 โรง (รวมโรงไฟฟ้า 8 โรง (ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2550)) แยกเป็น 1.กลุ่มปิโตรเคมี  2.กลุ่มเคมีภัณฑ์และปุ๋ย 3.กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน 4.กลุ่มสาธารณูปโภค เช่น โรงไฟฟ้า 5.กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก 6.กลุ่มเขตธุรกิจอุตสาหกรรม เช่น โรงกำจัดกากของเสีย 7.กลุ่มเขตท่าเรือ…
หัวไม้ story
หลังจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) 2007 ได้รับอนุมัติไปเมื่อราวเดือนมิถุนายน 2550  ก็เป็นอันชัดเจนว่า นับจากนี้ไป 15 ปี ประเทศไทยมีแผนการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซ 20 กว่าโรง โรงไฟฟ้าถ่านหิน 4 โรง (2,800 เมกกะวัตต์) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4 โรง (4,000 เมกกะวัตต์) มีทั้งที่ กฟผ.สร้างเองและการเปิดให้บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ผลิตไฟฟ้า (IPP)ยังไม่นับรวมการรับซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านอีกเป็นจำนวนมากด้วย  แผนดังกล่าวถูกร่างขึ้นโดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นตัวหลัก ขณะที่มีเสียงเรียกร้องให้มีองค์กรอิสระขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะเพื่อจะได้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน…
หัวไม้ story
ในสังคมการเมืองไทยสมัยใหม่ของไทย ผ่านความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบบ โครงสร้าง การเข้าถึงอำนาจ หลายครั้ง หลายรูปแบบ ที่มีสำเร็จและล้มเหลวคละเคล้ากันไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างฉับพลัน โดยวิธีนอกระบบกฎเกณฑ์ทางการเมืองที่สังคมในช่วงเวลานั้นๆ ไม่ยอมรับ เกี่ยวพันโดยตรงกับผลลัพธ์ของปฏิบัติการ ถ้าสำเร็จ คณะผู้ก่อการก็สามารถบัญญัติคำหรือภาษาสวยงามลงไปอ้างอิงการกระทำของกลุ่มตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็น คณะปฏิวัติ  คณะปฏิรูป  เป็นต้น แต่หากล้มเหลวมีเพียงโทษสถานเดียวคือการเป็นศัตรูของสังคมในฐานะ “กบฏ” หัวไม้สัปดาห์นี้จะพาย้อนไปดูการปฎิบัติการเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ…
หัวไม้ story
  < พิณผกา งามสม > เมื่อชาวนาอยากจะพูดให้คุณเข้าใจปี 2545 ชาวบ้านปากมูลเลือกที่จะเดินทางทั่วอิสานเพื่อสื่อสารทางตรงไปยังบรรดาเพื่อนระดับชาวบ้านเพื่อให้เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงต้องต้านเขื่อนเพราะพวกเขาไม่ได้พื้นที่ในสื่อกระแสหลักที่มักนำเสนอข่าวแบบจุดพลุ แล้วก็เลือนหายไป นั่นจึงทำให้พวกเขาออกเดิน เดินเพื่อสื่อสารทางตรง ไม่ต้องผ่านสื่ออีกต่อไป แน่นอนว่าชาวบ้านปากมูลต้องเดินทางวันละกว่า 10 กิโลเมตร ค่อยๆ เดินไปเพื่อแสดงนิทรรศการ และพูด แบบปากต่อปาก พวกเขาไม่ได้เดินมาที่ทำเนียบรัฐบาลหลังจากได้บทเรียนยาวนานจาก 99 วันหน้าทำเนียบ ชาวบ้านบางคนบอกว่า…
หัวไม้ story
สัมมนาทางวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบ 59 ปีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ห้อง ร.103 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์13 มิถุนายน 2551 “...ในวาระนี้นอกจากจะรู้สึกถึงวันเกิดของคณะ(รัฐศาสตร์) แล้ว ก็อยากจะอวยพรท่านนายกฯ ในสังคมมุสลิมนั้นมีวิธีขอพรให้ผู้นำ และเขาบอกว่าวิธีขอพรให้ผู้นำนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องขอพรให้ต้อง ขอให้พระเป็นเจ้าเอื้ออำนวยให้ผู้ปกครองมีสติ สามารถดำเนินการปกครองของตัวโดยคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ประโยชน์ของคนทั้งหลายทั้งปวง มีปัญญาเลือกทางเลือกที่ถูกต้อง ผมว่าอันนี้เป็นพรที่เราอยากจะให้กับท่านนายกรัฐมนตรีในวันเกิดของท่าน เสียดายที่นักข่าวโทรทัศน์ไปหมดแล้ว...”…
หัวไม้ story
ภาวะความขัดแย้งทางการเมืองไทยขณะนี้ ได้ก่อให้เกิดความกังวล 2 ประการคือ รัฐจะใช้ความรุนแรงกับผู้เคลื่อนไหวในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอีกประการคือ การรัฐประหารซึ่งสื่อกระแสหลักยังคงต้องเกาะติด ‘น้ำเสียง' และ ‘ท่าที' ของนายทหารระดับสูงอย่างต่อเนื่องเมื่อย้อนดูสถิติการรัฐประหารของไทยจะพบว่า ความถี่ในการรัฐประหารของไทยคือ ประมาณ 7 ปีต่อการรัฐประหาร 1 ครั้ง การรัฐประหารที่เว้นช่วงสั้นที่สุดคือการรัฐประหารครั้งที่ 7 วันที่ 6 ตุลาคม 2519 - 20 ตุลาคม 2520 ( 1 ปีกับอีก 15 วัน)ช่วงที่เว้นระยะนานที่สุดคือ 23 ก.พ. 2534 - 19 กันยายน 2549 เว้นช่วงนาน 15 ปี 6 เดือน กับอีก 28 วัน…
หัวไม้ story
หลังจากทำงานขับรถบรรทุกส่งแก๊สกับบริษัทไทยอินดัสเตรียลแก๊ส จำกัด (มหาชน) (ทีไอจี) มาได้ร่วมปี “สุรชัย” ถูกเรียกเข้าสำนักงานใหญ่ หวังใจว่าจะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ หลังจากถูกต่ออายุทดลองงานมาเกือบปี แต่เมื่อไปถึงสำนักงานใหญ่ เขากลับได้รับการแนะนำให้รู้จักกับบริษัทอเดคโก้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัททีไอจีอ้างว่า เป็นบริษัทจัดหางานระดับโลก ที่มีพนักงานกว่าเจ็ดหมื่นคนทั่วโลก ทีละคน ทีละคน... เขาและเพื่อนๆ ทยอยเซ็นสัญญาที่เจ้าหน้าที่ของบริษัทบอกว่าจะกรอกรายละเอียดให้ เขาบอกว่า ปัญหาใหญ่ คือทุกคนไม่ได้มีความรู้เรื่องกฎหมายแรงงานหรือสัญญาเลย ทั้งยังไม่มีเวลาอ่าน…