Skip to main content

 

ทีมข่าวการเมือง

 

องค์กรเพื่อความโปร่งใสสากลหรือ TI ที่มีสำนักงานที่เบอร์ลินเผยแพร่รายงานดัชนีชี้วัดคอรัปชั่น (CPI) ประจำปี 2552 นิวซีแลนด์-เดนมาร์ก-สิงคโปร์-สวีเดน โปร่งใสสุด ไทยได้อันดับ 84 ขณะที่ผลสำรวจย้อนหลังพบว่าไทยเคยได้คะแนนดีที่สุดในปี 2548 ขณะที่ในรอบ 5 ปีมานี้คะแนนต่ำสุดช่วงรัฐบาลรัฐประหารในปี 2550

\\/--break--\>

1.เผยผลสำรวจ

ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นปี 2552

 

เมื่อ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา องค์กรเพื่อความโปร่งใสสากล (Transparency International) หรือ TI ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี เผยแพร่รายงาน "ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่น" (Corruption Perceptions Index - CPI) ประจำปี 2552 ใน 180 ประเทศทั่วโลก โดยให้คะแนนจาก 0-10 โดย 0 หมายถึงการมีปัญหาคอรัปชั่นสูงที่สุด และ 10 หมายถึงมีปัญหาคอรัปชั่นน้อยที่สุด โดยองค์กรนี้สำรวจดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอรัปชั่นของประเทศต่างๆ ตั้งแต่ พ.ศ.2538 ซึ่งในปี พ.ศ. 2552 นี้ ได้จัดอันดับจากประเทศต่างๆ จำนวน 180 ประเทศ โดยจัดอันดับจากผลสำรวจของสำนักโพลล์ต่างๆ จำนวน 10 แห่ง ที่ได้มีการตีพิมพ์เผยแพร่ในช่วงปี พ.ศ. 2551 และ 2552

 

ผลการจัดอันดับโดยทั่วไปจะแสดงให้เห็นว่าประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจใน ระดับสูงมักจะมีอันดับที่ดีกว่าประเทศที่มีระดับการพัฒนาที่น้อยกว่า แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อประเทศกำลังพัฒนาด้วย กล่าวคือ ต้องไม่ให้สินบนเพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศที่กำลังพัฒนา หรือต้องไม่สนับสนุนศูนย์กลางการดำเนินธุรกรรมทางการเงินที่อาจเป็นแหล่งฟอก เงินของผู้กระทำความผิด (Safe haven) เช่น หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน

 

นอกจากนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วเหล่านี้ต้องไม่เพิกเฉยโดยปล่อยให้มีกฎหมายภายในประเทศ ของตนที่ถือว่าข้อมูลทางการเงินเป็นความลับทางธุรกิจ เพื่อแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นและความตั้งใจที่จะคืน ทรัพย์สินที่ผู้กระทำผิดได้โกงมาจากประเทศของตนแล้วนำไปฝากไว้ในต่างประเทศ ทั้งนี้ ความพยายามของประเทศที่พัฒนาแล้ว (ซึ่งมีอันดับและคะแนนภาพลักษณ์คอรัปชั่นที่ดี) จะช่วยทำให้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นของประเทศที่กำลังพัฒนา (ซึ่งมีคะแนนคอรัปชั่นในระดับต่ำ) ลดความรุนแรงลงและส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนภายในประเทศ

 

 

ไทยได้ 3.4 คะแนน อันดับที่ 84 ของโลก

โดยผลการจัดอันดับประจำปี พ.ศ. 2552 พบว่า ประเทศไทยได้ 3.4 คะแนน จัดเป็นอันดับที่ 84 เท่ากับประเทศเอลซาวาดอร์ กัวเตมาลา อินเดีย และปานามา

 

ขณะที่นิวซีแลนด์ เดนมาร์ก สิงคโปร์และสวีเดน เป็นกลุ่มประเทศที่ครองตำแหน่งสามอันดับแรก (9.4, 9.3 และ 9.2 คะแนน)

 

ส่วนประเทศที่ได้อันดับสุดท้าย ได้แก่ ประเทศอิรัก (1.5 คะแนน) ซูดาน (1.5 คะแนน) พม่า (1.4 คะแนน) อัฟกานิสถาน (1.3 คะแนน) และโซมาเลีย (1.1 คะแนน) ซึ่งประเทศที่มีคะแนนน้อยเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม หรือมีความขัดแย้งภายในประเทศเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งเป็นสภาพการเมืองการปกครองที่มีความเปราะบาง

 

 

สิงคโปร์คอรัปชั่นน้อยสุดในเอเชีย อยู่ไทยกลางตาราง

เมื่อพิจารณาเฉพาะการจัดอันดับของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีการจัดอันดับทั้งหมด 40 ประเทศ พบว่า ประเทศที่มีคะแนนเป็นอันดับที่ 10 อันแรกได้แก่ อันดับ 1 สิงคโปร์ 9.2 คะแนน (อันดับ 3 ของโลก) อันดับ 2 ฮ่องกง 8.2 คะแนน (อันดับ 12 ของโลก) อันดับ 3 ญี่ปุ่น 7.7 คะแนน (อันดับ 17 ของโลก) อันดับ 4 กาตาร์ 7.0 คะแนน (อันดับ 22 ของโลก) อันดับ 5 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 6.5 คะแนน (อันดับ 30 ของโลก)

 

อันดับ 6 ไต้หวัน 5.6 คะแนน (อันดับ 37 ของโลก) อันดับ 7 มี 3 ประเทศ คือบรูไนดารุสซาลาม โอมาน และเกาหลีใต้ ได้ 5.5 คะแนนเท่ากัน (อันดับ 39 ของโลก) อันดับ 10 คือมาเก๊า 5.3 คะแนน (อันดับ 43 ของโลก)

 

ส่วนไทยซึ่งได้ 3.4 คะแนน (อันดับ 84 ของโลก) อยู่ในอันดับที่ 19 เมื่อเทียบกับชาติในเอเชีย โดยมีประเทศรั้งท้ายคือ พม่าได้ 1.4 คะแนน (อันดับที่ 178 ของโลก) และอัฟกานิสถาน 1.3 คะแนน (อันดับที่ 179 ของโลก) สำหรับดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นของประเทศไทยเมื่อเทียบกับเอเชีย ดูได้ที่ตารางที่ 1 ข้างท้าย

 

 

ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นไทยจากปี 2538 ถึงปัจจุบัน

ส่วนดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นของไทยในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบย้อนหลังจากปี 2552 จนถึงปี 2538 พบว่าในปี 2538 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มมีการจัดอันดับ ไทยได้ 2.79 คะแนน อยู่อันดับที่ 34 จากการจัดอันดับ 41 ประเทศในโลก ในปี 2539 ไทยได้ 3.33 คะแนน อยู่อันดับ 37 จากการจัดอันดับ 54 ประเทศ ในปี 2540 ซึ่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ไทยได้ 3.06 คะแนน อยู่อันดับที่ 39 จากการจัดอันดับ 52 ประเทศ ในปี 2541 ไทยได้ 3.00 คะแนน อยู่อันดับที่ 61 จากการจัดอันดับ 85 ประเทศ

 

ในปี 2542 – 2545 ไทยได้ 3.20 คะแนนเท่ากันทุกปี โดยปี 2542 ไทยได้ 3.20 คะแนน อยู่อันดับที่ 68 จากการจัดอับดับ 98 ประเทศ ในปี 2543 ไทยได้ 3.20 คะแนน อยู่อันดับที่ 60 จากการจัดอันดับ 90 ประเทศ ในปี 2544 ไทยได้ 3.20 คะแนน อยู่อันดับที่ 61 จากการจัดอันดับ 91 ประเทศ และปี 2545 ไทยได้ 3.20 คะแนน อยู่อันดับที่ 64 จากการจัดอันดับ 102 ประเทศ

 

ในปี 2546 – 2548 ไทยได้คะแนนดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นดีขึ้นเล็กน้อย โดยปี 2546 ไทยได้ 3.30 คะแนน อยู่อันดับที่ 70 จากการจัดอันดับ 133 ประเทศ ปี 2547 ไทยได้ 3.60 คะแนน อยู่อันดับที่ 64 จากการจัดอันดับ 146 ประเทศ และในปี 2548 ไทยได้คะแนนมากที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดอันดับ โดยไทยได้ 3.80 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 59 จากการจัดอันดับ 159 ประเทศ

 

ในปี 2549 จนถึงปัจจุบันซึ่งการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ไทยได้คะแนนลดลงจากเมื่อเทียบกับปี 2548 โดยไปอยู่ในจุดที่คะแนนต่ำสุดในปี 2550 โดยในปี 2549 ไทยได้ 3.60 คะแนน อยู่อันดับที่ 63 จากการจัดอันดับ 163 ประเทศ ในปี 2550 ไทยได้คะแนน 3.30 คะแนน อยู่อันดับที่ 84 จากการจัดอันดับ 179 ประเทศ ในปี 2551 ไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.50 คะแนน อยู่อันดับที่ 80 จากการจัดอันดับ 180 ประเทศ และในปี 2552 ไทยได้คะแนนลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2551 โดยได้ 3.40 คะแนน อยู่อันดับที่ 84 จากการจัดอันดับ 180 ประเทศ สำหรับดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นไทยตั้งแต่ปี 2538 – ปัจจุบัน ดูได้ที่ตารางที่ 2 ข้างท้าย

 

 

ตารางที่ 1: ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่น (CPI) เปรียบเทียบเฉพาะ 41 ชาติในเอเชีย (ที่มา: เรียบเรียงจาก http://transparency.org/policy_research/surveys_indices/cpi/2009)

 

อันดับในเอเชีย

ประเทศ

คะแนน

อันดับโลก

1

สิงคโปร์

9.2

3

2

ฮ่องกง

8.2

12

3

ญี่ปุ่น

7.7

17

4

กาตาร์

7.0

22

5

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)

6.5

30

6

ไต้หวัน

5.6

37

7

บรูไนดารุสซาลาม

5.5

39

7

โอมาน

5.5

39

7

เกาหลีใต้

5.5

39

10

มาเก๊า

5.3

43

11

บาห์เรน

5.1

46

12

ภูฏาน

5.0

49

12

จอร์แดน

5.0

49

14

มาเลเซีย

4.5

56

15

ซาอุดิอาระเบีย

4.3

63

16

คูเวต

4.1

66

17

จีน

3.6

79

18

อินเดีย

3.4

84

18

ไทย

3.4

84

20

ศรีลังกา

3.1

97

21

อินโดนีเซีย

2.8

111

22

คาซัคสถาน

2.7

120

22

มองโกเลีย

2.7

120

22

เวียดนาม

2.7

120

25

ซีเรีย

2.6

126

26

เลบานอน

2.5

130

26

มัลดีฟ

2.5

130

28

บังกลาเทศ

2.4

139

28

ปากีสถาน

2.4

139

28

ฟิลิปปินส์

2.4

139

31

เนปาล

2.3

143

32

ติมอร์ตะวันออก

2.2

146

33

เยเมน

2.1

154

34

กัมพูชา

2.0

158

34

ลาว

2.0

158

34

ทาจีกิสถาน

2.0

158

37

คีร์กิสถาน

1.9

162

38

อิหร่าน

1.8

168

38

เติร์กเมนิสถาน

1.8

168

40

อุซเบกิสถาน

1.7

174

41

อิรัก

1.5

176

42

พม่า

1.4

178

43

อัฟกานิสถาน

1.3

179

 

 

ตารางที่ 2: ดัชนีชี้วัดคอรัปชั่นของไทย ระหว่าง พ.ศ. 2538 – 2552 (ที่มา: เรียบเรียงจาก http://transparency.org/ )

ปี พ.ศ.

คะแนน

อันดับ

จำนวนประเทศ

2538

2.79

34

41

2539

3.33

37

54

2540

3.06

39

52

2541

3.00

61

85

2542

3.20

68

98

2543

3.20

60

90

2544

3.20

61

91

2545

3.20

64

102

2546

3.30

70

133

2547

3.60

64

146

2548

3.80

59

159

2549

3.60

63

163

2550

3.30

84

179

2551

3.50

80

180

2552

3.40

84

180

 

 

2.ปฏิกิริยา

 

ป.ป.ช.

หวังพึ่ง ป.ป.ช.อย่างเดียวไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลด้วย

สำหรับปฏิกิริยาหลังผลสำรวจ เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์กรณีองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยเปิดเผยการจัดอันดับดัชนีวัดภาพลักษณ์คอรัปชั่น ประจำปี 2552 โดยไทยได้คะแนน 3.4 คะแนน อยู่ในลำดับที่ 84 จาก 180 ประเทศ ว่า ไม่ใช่เรื่องตกใจอะไร เพราะคาดไว้อยู่แล้ว ซึ่ง ป.ป.ช.ได้พยายามแก้ปัญหาอย่างมากแล้ว แต่จะพึ่ง ป.ป.ช.อย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลด้วย เพราะความเชื่อถือจากต่างประเทศขึ้นอยู่กับรัฐบาลเป็นหลัก

 

อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.คงต้องปรับยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเพิ่มเติม เพื่อให้ประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือในสายตาต่างประเทศให้ได้ โดยส่วนตัวเห็นว่าสาเหตุที่ประเทศไทยมีคะแนนทุจริตคอรัปชั่นแย่ลงกว่าเดิม มาจากปัญหาสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ยังไม่นิ่ง ชาวต่างชาติจึงไม่กล้ามาลงทุน ทำให้ความเชื่อถือและความศรัทธาต่างๆอาจยังไม่เข้าที่ ดังนั้น ป.ป.ช.จึงต้องทำงานหนักขึ้น และร่วมมือกับฝ่ายต่างๆมากขึ้น โดยตั้งแต่เดือน ธ.ค.เป็นต้นไป ป.ป.ช.จะเริ่มลุยปูพรมไปไต่สวนการทุจริตในท้องถิ่นและให้ความรู้เรื่องการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินฯมากขึ้น เริ่มจาก จ.นครราชสีมา ตลอดจนจะส่งทีมเคลื่อนที่ไปตามกระทรวง ทบวง กรมต่างๆเพื่อให้ความรู้ สร้างเครือข่ายและหาแนวร่วมป้องกันการทุจริต เชื่อว่ามาตรการที่ออกมาน่าจะมีส่วนช่วยลดปัญหาการทุจริตลงได้

 

 

รัฐบาล

มาร์คเชื่อมาตรการที่ออกมาจะแก้คอรัปชั่นได้ชัดเจนมากขึ้น

ด้านเว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (18 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยจัดรายงานการอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่น ประจำปี 2552 โดยการทุจริตของไทยอยู่ในอันดับที่ 84 จาก 180 ประเทศว่า คะแนนการคอร์รัปชั่นนั้นเป็นเรื่องที่ต้องสะสางอีกเยอะกว่าที่จะดีขึ้นมา ตนคิดว่ามาตรการต่างๆ กำลังจะดำเนินการให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 

โดยเฉพาะต้องยอมรับว่าระยะหลังนี้เรามุ่งให้องค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบและการทำงานเชิงป้องกัน และประสานโดยฝ่ายบริหารนั้นต้องกระทำมากขึ้น ตนประสานไปยังองค์กรอิสะแล้ว และรอรูปแบบการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนขึ้นระหว่างฝ่ายบริหาร - องค์กรอิสระ ที่ไม่ต้องรอว่าเมื่อเกิดเรื่องแล้วจะเป็นเรื่องการตรวจสอบเท่านั้น เช่น กรณีที่อนุกรรมการ ปปช. นำข้อมูลเรื่องการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4000 คันของ ขสมก.มาเสนอ ครม.นั้น มันเป็นตัวอย่างว่าจริงๆ แล้วควรจะร่วมกันทำงานโดยเริ่มต้น ตั้งแต่ชั้นการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตขึ้น ส่วนแนวทางการสร้างกลไกใหม่ในการป้องกันเรื่องนี้นั้น

 

รัฐบาลมีผู้ประสานงานนี้อยู่และกำลังไปขอความเห็นจากองค์กรอิสระต่างๆ โดยกลไกนี้จะทำให้การทำงานที่มีมาตรการเชิงป้องกันดีขึ้น ส่วนปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและต้องตรวจสอบนั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลกระทำเต็มที่และทุกกรณีที่เกิดขึ้น เมื่อถามว่าได้รับรายงานการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขแล้วหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าเข้าใจว่าใกล้แล้วเพราะคณะกรรมการอิสระฯขอเวลาไม่นานมากและเห็นว่าได้ข้อมูลค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับรายละเอียดโครงการต่างๆและตนยังไม่ทราบผล เมื่อถามว่ามั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นมวยล้มหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าคณะกรรมการฯจะเป็นผู้ให้เหตุผลในข้อสรุปนั้นๆ และรัฐบาลเปิดโอกาสให้ความร่วมมือในการทำงานและให้ข้อมูลเต็มที่

 

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
วิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพงส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเห็นจะหนีไปพ้น คนยากคนจนทั่วโลก ในหลายประเทศวิกฤตการณ์นี้นำไปสู่การจลาจล เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ เช่นในเฮติ อียิปต์และโซมาเลีย วิกฤติอาหารยังลามถึงภูมิภาคอเมริกากลาง จนประธานาธิบดีนิคารากัวเรียกประชุมฉุกเฉิน ยอมรับภาวะขาดแคลนอาหารเข้าขั้นวิกฤติ จนเกรงว่าจะบานปลายเป็นเหตุวุ่นวายในสังคมขณะเดียวกันองค์กรระหว่างประเทศต่างก็ออกมาให้ข้อมูลชวนหวั่นไหว ธนาคารโลกออกมาเตือนว่า วิกฤตอาหารแพงนี้จะเพิ่มระดับความยากจนทั่วโลกอาจพุ่งสูงขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยราคาอาหารและน้ำมันแพงในช่วง 2 ปีที่แล้ว ทำให้ประชาชนประมาณ 100…
หัวไม้ story
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง ช่วงนี้ตรงกับเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นเดือนที่เคยมีเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ทางการเมืองอย่างมากครั้งหนึ่ง ในสัปดาห์นี้ประชาไทจึงเลือกพาด ‘หัวไม้' เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สำคัญตอนนี้หากกล่าวอย่างรวบรัดที่สุด คือ ใน ‘เดือนพฤษภา พ.ศ. 2535' เกิดการลุกฮือของประชาชนเพื่อต่อต้านนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือการต่อต้าน พล.อ.สุจินดา คราประยูร หนึ่งในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ผู้ใช้วาทะ ‘เสียสัตย์เพื่อชาติ' มานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ถ้าจะลงไปให้ถึงรายละเอียด เหตุการณ์พฤษภาคม 2535…
หัวไม้ story
 ทีมข่าวพิเศษ Prachatai Burmaคณะพี่น้องตลกหนวดแห่งมัณฑะเลย์ (The Moustache Brothers)ทำมือไขว้กันสองข้าง เป็นเครื่องหมาย ‘ไม่รับ’ รัฐธรรมนูญรัฐบาลทหารพม่า (ที่มา: The Irrawaddy)ก่อนนาร์กิสจะซัดเข้าถล่มประเทศกระทั่งอยู่ในภาวะวิกฤต แน่นอนว่า ความสนใจที่โลกจะจับตามองประเทศมองนั้นคือวันที่ 10 นี้ ประเทศพม่าจะมีการลงประชามติเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประวัติศาสตร์ ที่รัฐมนตรีฝ่ายข้อมูลข่าวสารของพม่ากล้าพูดว่า กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและกระบวนการลงประชามตินั้นเป็นประชาธิปไตยกว่าของไทย แม้ว่าแหล่งข่าวภายในรัฐฉานจะให้ข้อมูลที่ต่างไปว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญของพม่านั้น…
หัวไม้ story
พิณผกา งามสมปรากฏการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองบนเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นในไทยอยู่ขณะนี้ เป็นพื้นที่การต่อสู้ใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมืองไทยไม่กี่ปี่ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสื่อกระแสหลักก็เปลี่ยนหรือขยายเป้าหมายจากการช่วงชิงพื้นที่ในตลาดสิ่งพิมพ์มาสู่ตลาดแห่งใหม่ในโลกไซเบอร์ นักวิชาการด้านสื่อสารสนเทศ สังคมวิทยา และรวมถึงนักรัฐศาสตร์ในโลกก็เริ่มขยายการศึกษาวิจัยมาสู่พื้นที่ใหม่ที่เรียกว่าอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเช่นกัน โลกวิชาการระดับนานาชาติผลิตงานศึกษาวิจัยถึงบทบาทของอินเตอร์เน็ตกับการแสดงออกทางการเมืองอย่างกว้างขวาง และมีข้อเสนอว่า อินเตอร์เน็ตสามารถเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดในโลกจริง เป็นต้นว่า…
หัวไม้ story
กลายเป็นภาพที่คุ้นตา เรื่องที่คุ้นหูไปแล้ว สำหรับการออกมาเดินขบวนยื่นข้อเรียกร้องของแรงงานกลุ่มต่างๆ ในวันกรรมกรสากล (หรือวันแรงงานแห่งชาติ หรือวันเมย์เดย์) จนบางคนอาจชาชินกับสิ่งที่เกิดขึ้น "ก็เห็นเดินกันทุกปี" "เรียกร้องกันทุกปี" อย่างไรก็ตาม ปฎิเสธไม่ได้ว่าการที่มีข้อเรียกร้องอยู่ทุกปีนั้น สะท้อนถึงการคงอยู่ของ ‘ปัญหาที่ไม่เคยได้รับการแก้ไข' ไม่ว่าจะเป็นข้อเรียกร้องของแรงงานกลุ่มไหน เมื่อลองกลับไปดูข้อเสนอของปีที่แล้ว เทียบกับปีก่อน และปีก่อนๆ ก็จะเห็นว่า ไม่สู้จะต่างกันสักเท่าใด ดัน พ.ร.บ.ความปลอดภัยในการทำงานการจะทำงานให้เป็นไปด้วยความราบรื่นนั้น นอกจากตัวงานและผู้ร่วมงานแล้ว…
หัวไม้ story
  ช่วงเวลาแห่งสงกรานต์ผ่านพ้นไปแล้ว การกระหน่ำสาดน้ำในนามของวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามยุติลง (ชั่วคราว) หลายคนที่เคยดวลปืน (ฉีดน้ำ) หรือแม้แต่จ้วงขันลงตุ่มแล้วสาดราดรดผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ล้วนวางอาวุธและกลับเข้าสู่สภาวะปกติของชีวิตแน่นอนว่า สงคราม (สาด) น้ำที่เกิดขึ้นในบ้านเราแต่ละปี เป็นห้วงยามแห่งความสนุกสนานและการรวมญาติในแบบฉบับไทยๆ แต่ในขณะที่คนมากมายกำลังใช้น้ำเฉลิมฉลองงานสงกรานต์จนถึงวันสิ้นสุด แต่สงคราม (แย่งชิง) น้ำที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง สงครามน้ำส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาการขาดแคลนน้ำในบางพื้นที่ของโลก และมักจะมีสาเหตุจากข้อจำกัดทางภูมิประเทศ…
หัวไม้ story
จุดเริ่มต้นของคนเดินทาง ยุคที่น้ำมันแพง ราคาเบนซินกระฉูดไปแตะที่ลิตรละ 35 บาท ส่วนดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31 บาทกว่า การเดินทางในช่วงวันหยุดสงกรานต์ปีนี้ รถโดยสารสาธารณะที่มีเส้นทางขนส่งประจำทางข้ามจังหวัดดูจะเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับผู้ที่มีงบประมาณในการเดินทางไม่มากนัก ด้วยเหตุผลเรื่องราคาที่พอจ่ายได้ ความสะดวกสบายและความปลอดภัยจากผู้ให้บริการที่มีอยู่จำนวนมาก อีกทั้งมีเส้นทางเดินรถจากสถานีต่างๆ ในกรุงเทพฯ กระจายไปทั่วประเทศ  การเดินทาง 1. "สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)" หรือ "หมอชิต" สำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทางไปภาคเหนือ…
หัวไม้ story
 พิณผกา งามสม/พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจเมื่อกระแสแก้รัฐธรรมนูญเริ่มต้นด้วยการถูกโจมตีว่าจะเป็นการเบิกทางให้กับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามามีที่อยู่ที่ยืนในเวทีการเมืองไทยอีกครั้ง มิหนำซ้ำยังเป็นการปูทางไปสู่การฟอกตัวของอดีตนายกผู้ซึ่งตามทัศนะของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มองว่าเป็นเหตุแห่งความวิบัติทั้งสิ้นทั้งมวลของประเทศชาติ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็กลายมาสู่เรื่องการเอาทักษิณ หรือไม่เอาทักษิณ แบบกลยุทธ์ขายเบียร์พ่วงเหล้า คือถ้าไม่เอาทักษิณก็ต้องไม่แก้รัฐธรรมนูญ ถ้าใครจะแก้รัฐธรรมนูญถือเป็นพวกทักษิณ ว่ากันตามจริงแล้ว…
หัวไม้ story
  หัวไม้ story คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)มุทิตา เชื้อชั่ง, คิม ไชยสุขประเสริฐ, ชลธิชา ดีแจ่ม นานๆ ทีจะเห็นคนระดับนายกรัฐมนตรีออกมาพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม และระดับคุณสมัคร สุนทรเวช ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง…
หัวไม้ story
  หัวไม้ story - คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)  หากย้อนดูปรากฏการณ์การเคลื่อนขบวนของประชาชนออกมาแสดงพลังขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลไทยรักไทย ที่ผ่านมานับแต่การเริ่มต้นเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งแรก…
หัวไม้ story
หัวไม้ story - คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์) 
หัวไม้ story
  หัวไม้ story - คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)  เพียงไม่นานหลังจากที่ นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช พูดออกอากาศในรายการ ‘สนทนาประสาสมัคร' ณ วันที่ 2 มีนาคม 2551 ว่า อยากให้มี ‘บ่อนการพนันถูกกฎหมาย' เกิดขึ้นในประเทศ…