Skip to main content
 

 

พวกปาหินหนักแผ่นดิน น่าจะตายไปเสียให้หมด...

ขอให้จับคนร้ายได้ไวๆ แล้วเอาตัวไปประหารชีวิต...

พวกวัยรุ่นปาหินสมควรตาย...

 

{ตติกานต์ เดชชพงศ}

ประโยคที่ถูกส่งผ่านทาง SMS มายังหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังเสนอรายการประเภท เล่าข่าว' เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2551 ส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองเดียวกัน นั่นคือ การแสดงความเกลียดชังต่อผู้ก่อเหตุ ปาหิน' ไปโดนศีรษะเด็กชายอนุพงษ์ สายเพ็ชร หรือ น้องมอส' อายุ 12 ปี ซึ่งนั่งรถมากับพ่อผู้เป็นคนขับรถบรรทุก และน้องมอสได้เสียชีิวิตในเวลาไม่นานหลังจากนั้น

หลายคนสาปแช่งคนลงมือก่อเหตุให้ตายตกไปตามกัน ในขณะที่อีกบางส่วนก็แสดงความเห็นใจผ่านข้อความที่ส่งมา และอวยพรให้พ่อของเด็กชายผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้รับ ความเป็นธรรม' ในเร็ววัน

หลังจากนั้น สื่อมวลชนก็รับลูกต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ รวบรวมคดี ปาหิน' มานำเสนอ นอกเหนือจากการรายงานข่าวอุบัติเหตุรายวัน จนดูเหมือนกับว่า แฟชั่นปาหิน' กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศไทย จากเพชรบุรี ไปปทุมธานี และอยุธยาฯ


บางกรณีเป็นการ ปาขวด' ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจงใจของผู้ขว้างปา หรือแท้จริงแล้วเป็นเพียงขวดเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ถูกคนมักง่ายโยนทิ้ง และบังเิอิญมีผู้เคราะห์ร้ายผ่านมาทางนั้นพอดี ซึ่งก็ยังอุตส่าห์มีคนเชื่อมโยงจนได้ว่าเป็นเรื่องของ แก๊งค์ปาขวด-ปาหิน' ซึ่งกำลังเป็นประเด็นให้ต้องคอยระแวดระวังกันอย่างหนัก

ยิ่งถ้าหากจับอาการของสังคมในช่วงนี้ จะเห็นว่าการสรรหาวิธีลงโทษผู้ก่อเหตุปาหินถูกพูดถึงกันมากทีเดียว ทั้งข้อเสนอให้ประหารชีวิต พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ไม่ต้องออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันกันอีกเลย

ความเป็นจริงที่ว่า สังคมไทยอ่อนไหวง่าย' ยังเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น และเรื่องของการตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันก็มักจะ ยุขึ้น' เสียด้วย

ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนคดีกรณีขว้างหินไปโดน ด.ช.อนุพงษ์ ก็มีข่าวออกมาอีกเช่นกันว่า ผู้้ต้องสงสัยในกรณีดังกล่าว ฆ่าตัวตาย' เพื่อชดใ้ช้ความผิดแล้ว

ผู้ต้องสงสัยในกรณีนี้ คือ นายพนม อินทกูล' วัย 37 ปี ซึ่งมีหลักฐานในที่เกิดเหตุบ่งชี้ให้เข้าใจว่านายพนมตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะมีจดหมายสั่งเสียถึง 3 ฉบับวางอยู่ด้วย ในขณะที่เพื่อนคนหนึ่งของนายพนมให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้ตายกล่าวในคืนก่อนเสียชีวิตว่าเป็นคนปาก้อนหินใส่รถบรรทุก และเมื่อติดตามข่าวจากสื่อจึงได้ทราบว่ามีเด็กชายเคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ดังกล่าว

หลังจากพูดอย่างนั้นได้ไม่นาน นายพนมก็เสียชีวิต...

จากปากคำของ เพื่อนของนายพนม' กลายเป็นว่าตำรวจ แทบจะ' ปิดคดี เลิกตามหาหลักฐานมายืนยันว่าผู้ปาหินตัวจริงคือใคร และหนังสือพิมพ์หลายฉบับพร้อมใจกันลงข่าวซ้ำว่า มือปาหิน' ในคดีเด็กชายอนุพงษ์สำนึกผิดจึงฆ่าตัวตาย ทั้งที่ในความเป็นจริง...นายพนมอาจไม่ใช่มือปาหินตามที่ระบุลงในข่าวก็เป็นได้

เมื่อพี่สาวของนายพนมออกมาโต้แย้งว่าน้องชายของตน เป็นแพะรับบาป' จึงมีการรื้อฟื้นคดีเด็กชายอนุพงษ์มาสืบสวนกันต่อ...

จากการติดตามข่าวของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ พบว่าข้อเท็จจริงบางอย่างในกรณีนายพนมและ ด.ช.อนุพงษ์ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หนังสือพิมพ์ แนวหน้า ฉบับวันพุธที่ 12 มีนาคม 2551 ระบุว่า

 

"จดหมายลาตายเขียนด้วยลายมือมีข้อความสรุปได้ว่า ผู้เสียชีวิตทะเลาะกับภรรยาจึงขับรถจักรยานยนต์ไปตามถนน ก่อนจะใช้ก้อนหินปาใส่รถบรรทุกเพื่อระบายอารมณ์ความโกรธโดยไม่คาดคิดว่าจะไปถูก ด.ช.อนุพงษ์ จนเสียชีวิต หลังเกิดเหตุยิ่งทำให้รู้สึกเครียดจัด จึงตัดสินใจกินยาพิษฆ่าตัวตาย"

 

 

ทางด้าน ไทยรัฐ ก็รายงานการเสียชีวิตของนายพนมในวันเดียวกัน แต่มีรายละเอียดต่างกัน

 

"ในห้องที่เกิดเหตุพบจดหมายลาตาย 1 ฉบับ เขียนถึงภรรยา มารดา และบุตร แต่ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุ ได้มอบให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง"

 

 

พอถึงตอนนี้ ความจริงในคดี ด.ช.อนุพงษ์เป็นอย่างไร และการเสียชีวิตของนายพนมมีเงื่อนงำหรือมูลเหตุจูงใจอย่างไรแน่ อาจไม่ใช่เรื่องที่คนอ่านข่าวให้ความสนใจอีกต่อไป เพราะหลายคนอาจ พอใจแล้ว' กับข่าวที่ถูกเสนอออกมา่ว่า มือปาหินสำนึกผิดฆ่าตัวตาย'

ดูเหมือนว่านั่นจะเป็น บทลงโทษ' ที่สังคมปรารถนาจะให้เกิดกับผู้ก่อเหตุและผู้ที่สร้างความเดือดร้อนในกรณีต่างๆ แต่หลายคนอาจลืมไปว่า ขณะที่กำลังชี้นิ้วพิพากษาว่า คนบางคนสมควรตาย' เราอาจกำลังแสดงความโหดเหี้ยมเลวร้ายออกมาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจในหลายๆ กรณีที่มี ผู้เคราะห์ร้าย' จากการปาหินลึกลับ ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่บางทีการหล่อเลี้ยงจิตใจด้วยความเกลียดชังโดยไม่รับฟังข้อมูลหรือเหตุผลอะไรเลย--ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นสักเท่าไหร่นัก

การเสียชีวิตของนายพนมอาจตอบโจทย์ของสังคมได้ เพราะเมื่อมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น สิ่งที่คนในสังคมเลือกทำเป็นอันดับแรกก็คือการหาใครสักคนมาเป็นเป้าโจมตี เพื่อที่จะได้กล่าวโทษโดยไม่รู้สึกผิดว่า เราเองอาจเป็นอีกคนหนึ่งที่ก่อปัจจัยความรุนแรงขึ้นในสังคมนี้'

ข่าวเล็กๆ ของนายพนมคงจะเงียบหายไปในไม่ช้า หลังจากที่นายพนมลงเอยด้วยการถูก พิพากษา' ไปแล้วกลายๆ ว่าเป็น ผู้กระทำความผิด' โดยที่เขาไม่มีสิทธิ์จะแก้ตัวหรือแก้ต่างอีกต่อไป

แต่กับสังคมที่พอใจเพียงมาตรการตอบโต้แบบถึงเลือดถึงเนื้อ แรงมา-แรงไป และเป็นสังคมที่ตัดสินเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยอารมณ์เพียงวูบเดียวว่า คนชั่วสมควรตาย' โดยไม่คิดทบทวนว่าเรื่องราวทั้งหลายมีความเป็นมาอย่างไรนี่แหละ ทำให้คนฆ่ากันตายมานักต่อนักแล้ว ทั้งที่สาเหตุจริงๆ อาจเล็กน้อยเสียเหลือเกิน

สังคมเช่นนี้ได้สั่งสมบ่มเพาะความรุนแรงขึ้นมามากมายกว่าที่เราคิดมากนัก

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 นายหอกหัก (จูเนียร์)     เห็นเด็กๆ สมัยนี้ออกมารณรงค์เรื่องการเมือง แล้วมันช่างน่าอิจฉาซะกระไร!เพราะมีสื่อทั้งผู้จัดการ ASTV เนชั่น TPBS และอื่นๆ อีกมากมายคอยประคบประหงมให้เขาเป็นดาราเพียงชั่วข้ามคืนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเยาวชนขวาใหม่จัดคลั่งชาติคลั่งสถาบันอย่าง ยังแพด (Young pad) และอีกสารพัดของกลุ่มพลังนิสิต นักศึกษาชนชั้นกลาง ที่ละจากการโฉบเฉี่ยวสร้างความเท่ เก๋ไก๋ จากการฟังเพลงอินดี้ ดูหนังนอกกระแส แต่งตัวอย่างมีเทรนด์ มีสไตล์ มาช่วยกันขับเคลื่อนการเมืองใหม่ รัฐบาลประชาภิวัฒน์ ระบอบ 70: 30 ให้กับพวกพ้องพ่อแม่ญาติพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย…
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์>แบนเกมมาริโอ้ เหตุเด็กประถมกระโดดเอาศีรษะกระแทกอิฐ ไล่เตะเต่าและตะพาบ ซ้ำยังเอาแต่กินเห็ด เพราะอยากตัวสูง เลียนแบบเกมมาริโอ้ แบนอิคคิวซัง เหตุเด็กอนุบาล หวังฉลาดแบบอิคคิว เอานิ้วแตะน้ำลายถูรอบศีรษะจนเป็นขี้กลาก แบน นสพ.หัวสีรุ้ง หลังพบเด็กมัธยม อ่านข่าวข่มขืนแล้ว อยากทำตาม เพราะบรรยายอย่างละเอียด (เหตุการณ์สมมติ) ถ้าสังคมนี้ แก้ไขทุกอย่างด้วยการชี้นิ้วหาคนผิด และแบนสิ่งนั้นๆ เสีย ก็คงง่ายดีพิลึก ต่อไปสังคมก็คงใสสะอาด เต็มไปด้วยคุณธรรมสูงส่ง จริงหรือ?
Hit & Run
 มุทิตา เชื้อชั่ง   รู้ว่าหลายคนเห็นความไม่ถูกต้อง รู้สึกได้ถึงหายนะ แต่ไม่มีใครจัดการอะไรกับพวกเขาซักคน.......ถ้าไม่เพราะกลัวเครือข่ายอันกว้างขวางของพวกเขา ก็อาจเพราะไม่อยากเป็นเป้า ถูกโจมตีเสียเอง มันไม่ใช่เรื่องสนุกที่ต้องคัดง้างกับพวกนักบุญที่แสนอาฆาตมาดร้าย ป่าเถื่อน ราวกับหลุดมาจากยุคกลางแต่มันก็น่าสำรอกไม่หยอก ที่เขาทำตัวเป็นผู้จงรักภักดีกับอะไรต่อมิอะไรมากมาย มากกว่าคนอื่นๆ และเล่นงานศัตรูของเขาด้วยการตระเวรพูด พูด พูด พูด พูดทุกคืน ทุกวัน ทุกชั่วโมง ไม่หยุดหย่อนถึงความชั่วร้ายเลวทรามของศัตรู ง่ายๆ แบบสีขาว-สีดำ ใครก็ตามที่เขาเห็นว่าไม่ถูกต้องตามนิยามที่พวกเขาตั้งขึ้น…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง   แล้ววันสำคัญทางพุทธศาสนาก็วนเวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่งในรอบสองพันห้าร้อยห้าสิบเอ็ดปีหลังพระพุทธเจ้าเสด็จสู่นิพพาน เป็นความน่ายินดีที่รัฐไทยซึ่งประกาศตัวเป็นพุทธมามกะประกาศให้เป็นวันหยุดเพื่อแสดงความเคารพอย่างสำคัญและจะได้เปิดโอกาสให้ไปทำบุญทำทานกันตามธรรมเนียมประเพณี แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเบื่อหน่ายพ่วงตามมากับบรรยากาศแบบนี้คือไม่สามารถไปหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มกินตามวิสัยได้ เนื่องจากเมื่อปีก่อนรัฐบาลคุณธรรมผลักดันจนมีกฎหมายมาบังคับ ทั้งที่เรื่องของศาสนาและแนวทางการปฏิบัติควรเป็นเรื่องของส่วนบุคคลเสียมากกว่า…
Hit & Run
  คิม  ไชยสุขประเสริฐ   5 ก.ค. 51  เยือนโขงเจียม แดนตะวันออกสุดเขตประเทศไทย ที่ว่ากันว่าเห็นตะวันก่อนใครในสยาม (อีกครั้ง) แล้วเวลาแห่งการรอคอยของชาวบ้านปากมูนก็มาถึง เมื่อประตูบานเขื่องทั้ง 8 บานของ "เขื่อนปากมูล" ถูกยกขึ้นเพื่อปลดปล่อยฝูงปลาให้เวียนว่ายท้าทายกระแสน้ำขึ้นสู่ต้นน้ำตามวัฎจักร ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามมติของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูล หลังจากที่ "เขื่อนปากมูล" ต้องถูกปิดมากว่า 1 ปีเต็ม  ที่ผ่านมา "เขื่อนปากมูล" กับการต่อสู้ของ "ไทบ้านปากมูน" เป็นที่รับรู้มานานปี และดูเหมือนว่าวันนี้…
Hit & Run
  เมื่อหนุ่มน้อย "สี TOA" เขียนจดหมายถึง "ศรีบูรพา" ว่าด้วยความสับสนและอคติต่ออุดมการณ์สื่อ
Hit & Run
< แสงธรรม > 20 มิถุนายน 2551ฉันได้รับการแจ้งข่าว ชาวบ้านในหมู่บ้านชายแดนไทย – พม่า ด้านที่ติดกับรัฐฉาน พบกลุ่มเด็กชายและหญิงจำนวน 5 คน วิ่งมาจากอีกฝั่งแล้วข้ามเข้ามาในเขตไทยดูเหมือนพวกเขาวิ่งหนีบางสิ่งบางอย่างชาวบ้านมาพบเด็กกลุ่มนี้เข้า พบว่าเป็นเด็กชาวว้า0 0 0
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์    แถลงการณ์ ฉบับที่ 0.17 จากประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย รักหมา รักแมว รักสิ่งแวดล้อม จนอาจลืมรักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (ไปบ้าง)   เนื่องด้วยประเทศไทยอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ต่างคนต่างก็ออกแถลงการณ์แสดงความเห็นต่อปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นอุบัติการณ์ ประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย รักหมา รักแมว รักสิ่งแวดล้อม จนอาจลืมรักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (ไปบ้าง) (ป.ป.ช.ผ.ร.ช.ร.ป.ช.ต.ร.ม.ร.ม.ร.ส.ว.ล.) จึงเห็นว่า ควรออกแถลงการณ์กับเขาบ้าง โดย ป.ป.ช.ผ.ร.ช.ร.ป.ช.ต.ร.ม.ร.ม.ร.ส.ว.ล. มีข้อสังเกตต่อการออกแถลงการณ์ ดังนี้
Hit & Run
< กรกช  เพียงใจ>ขณะใครเปล่งเสียงสู้เพื่อกู้ชาติขณะใครร่วมพิฆาตมาดมารร้ายขณะนั้นเขายืนอยู่อย่างเดียวดายกลางผืนทราย ฝูงยุง ทุ่งพระสุเมรุไม่มีศิลปินใดร่ายบทกวีไม่มีวงดนตรีระเริงเล่นมีเพียงเหล่าคนยากที่ชัดเจนจากหลืบเร้นเหม็นสาบวิบากกรรมหรือเขาเป็นคนทุกข์ผู้โฉดเขลาหลงมัวเมาประชานิยมจนถลำหรือเขาคือผู้ยึดถือในถ้อยคำจึงชอกช้ำ ‘ประชาธิปไตย’ ช่างเปล่ากลวงหรือเขาคือฝูงคนผู้หลงผิดผู้ยึดติดเงินตราดังค่าหลวงพวกป่าเถื่อนเกลื่อนกลาดอนาจทรวงคอยทะลวงสู้ตายกับลายพรางรู้เพียง...คนว่า…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง >ความมืดเริ่มแผ่ปกคลุมรอบๆบริเวณ หญิงเฒ่ากำเศษเหรียญจำนวนสามบาทห้าสิบสตางค์เอาไว้ในมือ สายตามองตามรถปรับอากาศติดแอร์สีส้มสาย 60 ที่เพิ่งผ่านไปอย่างเลื่อนลอย แต่ด้วยจำนวนเงินที่มีในมือคงทำได้เพียงอดทนรอเหมือนที่ริ้วรอยย่นบนหน้าผากและผิวพรรณที่แห้งกร้านแสดงออกมาทั้งชีวิต การรอคอยยังมีความหวัง เพราะอีกไม่นานรถเมล์คันสีแดงคงจะขับผ่านมาอีกรอบ เมื่อไม่นานมานี้เองเศษเงินราคาไม่ถึงห้าบาทยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของเส้นทางกลับบ้าน� �เพียงกระพริบตากาลเวลาก็ล่วงผ่าน ถึงพุทธศักราช 2551 ภายในรอบครึ่งปีแรก ราคาน้ำมันในตลาดโลกทุนนิยมเสรีถีบตัวขึ้นสูงลิ่วจ่อทะลุ 40…
Hit & Run
ชูวัส ฤกษ์ศิริสุขบางคนบอกว่าโลกใบนี้คือโรงละคร และก็มีบางคนที่เห็นว่ามันคือ ‘คุก’ และคุณว่ามันคืออะไร 0 0 0
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเพื่อนนักโบราณคดีส่งภาพความเสียหายที่ ‘ปราสาทหินพนมรุ้ง’ จังหวัดบุรีรัมย์มาให้ดูอย่างเศร้าๆ สะพานนาคราชชั้นที่ 1, 2 และ 3 เศียรนาคถูกตีใบหน้าตรงส่วนปากกึ่งจมูก เสียหายไป 13 เศียร โคนนทิ พาหนะแห่งองค์ศิวะถูกตีทำลายบริเวณใบหน้า ส่วน ‘แท่งศิวลึงค์’ ศูนย์กลางแห่งจักรวาลในไศวะนิกาย สัญลักษณ์แห่งองค์ศิวะถูกเคลื่อนย้ายจากตำแหน่งเดิมบนฐานโยนีแล้วเอาลงไปวางไว้ในร่องน้ำมนต์ ข้างนอกปราสาทแม้แต่ทวารบาลผู้รักษาประตูประจำทิศใต้ก็ไม่อาจรักษาดูแลตัวเองได้ แขนและมือถูกทำลายมือข้างหนึ่งถูกวางไว้ที่สะพานนาคราชชั้นที่ 1 มืออีกข้างถูกเอาไปวางที่สะพานนาคราชชั้นที่ 2 ด้านทิศเหนือ…