ฉากแรก
เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย มีแววตาเป็นประกาย ด้วยอิริยาบถที่สบายๆ และการพูดคุยที่ดูเป็นธรรมชาติ เราได้เห็นว่าเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มอะไรสักอย่างที่มีสีเขียวเข้ม โดยมีชายอีกคนหนึ่งคอยจดจ้องดูสิ่งที่เธอทำ พร้อมกับถามว่าเธอใส่อะไรลงไปในเครื่องปั่นเพื่อทำเครื่องดื่มชนิดนี้บ้าง...
“ฉันก็เอาผักที่มีในตู้เย็นทุกอย่างใส่เข้าไป...คะน้า แตงกวา...ผักทุกอย่างที่มีสีเขียว แล้วก็ดื่มมัน” เธอว่า เสร็จแล้วเธอก็บรรจงเทเครื่องดื่มที่ทำอยู่ลงในแก้วที่มีก้านทรงสวย แล้วยื่นให้กับชายคนนั้น ตอนนี้เครื่องดื่มที่เธอทำแลดูเป็นเครื่องดื่มสำหรับวาระพิเศษ มิใช่น้ำผักปั่นที่เธอทำดื่มเองอยู่เป็นประจำ
“ตอนนี้คุณก็เลยหยุดดื่มค็อกเทลไปเลยใช่ไหม”...ชายคนนั้นถามหลังจากที่ทั้งคู่ชนแก้วแล้วพร้อมใจกันดื่มน้ำผักปั่นภายใต้บรรยากาศที่ดูสดใสในห้องครัวของบ้านแห่งหนึ่ง
ฉากที่สอง
หญิงสาวคนเดิมปรากฏตัวอีกครั้งในชุดที่เราจำเธอไม่ได้ กล้องถ่ายภาพในระยะใกล้ทำให้เห็นบรรยากาศของการออกกำลังกายกลางแจ้งแห่งหนึ่ง และเครื่องเล่นชนิดนั้นก็คือชิงช้าที่แกว่งตัวพาคนที่ห้อยหัวแล้วใช้ขาเกี่ยวมันแกว่งกระหวัดไปถึงอีกฟากหนึ่งซึ่งมีอีกคนคอยรับอยู่แบบเดียวกับที่เราเคยเห็นนักแสดงห้อยโหนหวาดเสียวในละครสัตว์หรือกายกรรมชอบทำ เบื้องล่างของชิงช้าที่ว่าคือความสูงจากพื้นดินที่มีตาข่ายและเบาะรองรับเอาไว้
เสียงของหญิงสาวคนเดิมดังขึ้น “ฉันเคยเป็นโรคกลัวความสูง กลัวจนทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจความกลัวที่ว่านั้นแล้ว ชีวิตเป็นของฉัน อยากทำอะไรฉันก็ทำ และฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาก”
เราเข้าใจได้ว่าภาพที่เห็นคือภาพของหญิงสาวคนนี้ที่กำลังแกว่งตัวห้อยโหนอย่างที่เราคาดไม่ถึงว่าคนที่บอกว่าตัวเองเคยกลัวความสูงจะกล้าทำกิจกรรมเยี่ยงนี้
ฉากที่สาม
เธอปรากฏตัวในฐานะแขกรับเชิญในรายการ ‘Oprah’ (โอปราห์) รายการทอล์คโชว์ดังแห่งอเมริกาโดยมีพิธีกรหญิงผิวดำที่โด่งดังที่สุดในสหรัฐอเมริกานั่งอยู่บนโซฟาในห้องส่ง พร้อมกับผู้ชายอีกคนซึ่งจำได้ว่าเป็นชายคนเดียวกับที่ปรากฏในฉากแรกและดื่มน้ำผักปั่นร่วมกับเธอ หญิงสาวผู้นี้ยังคงมีท่าทีสบายๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสดใส หากไม่มีการเฉลยเราก็คงไม่รู้ว่าเธอเผชิญอยู่กับชะตากรรมอันหนักหน่วงของการมีมะเร็งคุกคาม
“คุณคิดถึงการเป็นมะเร็งอยู่ไหม คิดหรือเปล่าว่าตอนนี้เนื้อร้ายในตับของฉันกำลังลุกลามไปถึงไหนแล้ว” โอปราห์ถามแขกรับเชิญในรายการ
“ไม่เลย ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น ฉันคิดถึงแต่ชีวิตตอนนี้ ตอนที่เรากำลังมีลมหายใจอยู่ในปัจจุบัน คิดถึงสิ่งที่ทำให้ฉันยิ้มได้แล้วมีความสุขมากกว่า ฉันรู้ดีว่าชีวิตไม่ได้ยาวนานมากพอที่คนเราจะคิดถึงอดีตหรือสิ่งที่ทำให้เราจมอยู่กับความทุกข์”
............................
Kris Carr คือหญิงสาวชาวตะวันตก (อเมริกัน) ผู้นั้น เรา – ในฐานะผู้ชมรายการโอปราห์ผ่านทางช่องเคเบิลทีวีอีกทีหนึ่ง ได้รับรู้ว่าเธออยู่กับมะเร็งขั้นที่สี่มาระยะหนึ่งแล้ว แต่มะเร็งที่ว่าก็ไม่ได้กัดกร่อนหรือทำให้ร่างกายเธอทรุดโทรมลง...เราไม่ทันได้รู้ว่าเธอรับการบำบัดด้วยวิธีการแพทย์สมัยใหม่อย่างการทำคีโมฯ บ้างหรือไม่ แต่ภาพที่เห็นผ่านหน้าจอเธอคือหญิงสาวที่มีเสน่ห์และผู้ถึงการมีชีวิตอย่างที่ตระหนักถึงปัจจุบันหรือการมีลมหายใจเพื่อสิ่งนี้ตอนนี้เท่านั้น โดยไม่ปล่อยตัวให้จมไปกับโรคร้ายที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนหนึ่งที่ยอมหันหลังให้กับกิจกรรมแบบเดิมในชีวิต หันมาดูแลร่างกายด้วยวิธีธรรมชาติ เลิกทุกข์กังวล ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นหรือกระทั่งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เราได้เห็นว่าไม่นานมานี้เธอก็เพิ่งจะมีพิธีแต่งงานกับคนรักในบรรยากาศที่อบอุ่นโดยไม่ลังเลว่าความตายอาจจะมาพรากเธอไปจากเขาเมื่อไรก็ได้
“ทำไมคุณถึงได้เปลี่ยนความคิดและหันมาดูแลตัวเองอย่างนี้ได้ล่ะครับ” ชายผู้ร่วมในรายการถามขึ้นบ้าง
“เพราะเมื่อคนเรา ‘จนตรอก’ มันก็ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจขึ้นมาน่ะสิคะ ฉันคิดอย่างนี้ได้ก็เพราะฉันป่วยเป็นมะเร็ง แต่ท้ายที่สุดฉันก็ไม่ได้บ่นว่าที่ตัวเองโชคร้าย แต่ใช้โอกาสนี้เพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ฉันไม่เคยทำหรือไม่เคยคิดถึงมาก่อน” หญิงสาวเจ้าของเรื่องราวตอบ
โอปราห์ถามเธอส่งท้ายอีกครั้งว่า เธอไม่คิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองเป็นทุกข์หรือกังวลใจว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร
Kris Carr ในวัย 36 ตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นแม้แต่วินาทีเดียว เพราะฉันรู้ดีว่า “ชีวิตนี้หวานเกินไปกว่าที่จะขม”
Why, when we are challenged to survive, do we give ourselves permission to truly life?
----------------------------------------
Kris Carr เป็นช่างภาพและนักแสดง ขณะนี้เธอได้นำเสนอเรื่องราวของเธอกับการเป็นมะเร็งผ่านภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Crazy Sexy Cancer สนใจติดตามได้ที่ www.crazysexycancer.com