Skip to main content

ฉากแรก

เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย มีแววตาเป็นประกาย ด้วยอิริยาบถที่สบายๆ และการพูดคุยที่ดูเป็นธรรมชาติ เราได้เห็นว่าเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มอะไรสักอย่างที่มีสีเขียวเข้ม โดยมีชายอีกคนหนึ่งคอยจดจ้องดูสิ่งที่เธอทำ พร้อมกับถามว่าเธอใส่อะไรลงไปในเครื่องปั่นเพื่อทำเครื่องดื่มชนิดนี้บ้าง...

ฉันก็เอาผักที่มีในตู้เย็นทุกอย่างใส่เข้าไป...คะน้า แตงกวา...ผักทุกอย่างที่มีสีเขียว แล้วก็ดื่มมัน” เธอว่า เสร็จแล้วเธอก็บรรจงเทเครื่องดื่มที่ทำอยู่ลงในแก้วที่มีก้านทรงสวย แล้วยื่นให้กับชายคนนั้น ตอนนี้เครื่องดื่มที่เธอทำแลดูเป็นเครื่องดื่มสำหรับวาระพิเศษ มิใช่น้ำผักปั่นที่เธอทำดื่มเองอยู่เป็นประจำ

ตอนนี้คุณก็เลยหยุดดื่มค็อกเทลไปเลยใช่ไหม”...ชายคนนั้นถามหลังจากที่ทั้งคู่ชนแก้วแล้วพร้อมใจกันดื่มน้ำผักปั่นภายใต้บรรยากาศที่ดูสดใสในห้องครัวของบ้านแห่งหนึ่ง

70301

 

70302

 
ฉากที่สอง


หญิงสาวคนเดิมปรากฏตัวอีกครั้งในชุดที่เราจำเธอไม่ได้ กล้องถ่ายภาพในระยะใกล้ทำให้เห็นบรรยากาศของการออกกำลังกายกลางแจ้งแห่งหนึ่ง และเครื่องเล่นชนิดนั้นก็คือชิงช้าที่แกว่งตัวพาคนที่ห้อยหัวแล้วใช้ขาเกี่ยวมันแกว่งกระหวัดไปถึงอีกฟากหนึ่งซึ่งมีอีกคนคอยรับอยู่แบบเดียวกับที่เราเคยเห็นนักแสดงห้อยโหนหวาดเสียวในละครสัตว์หรือกายกรรมชอบทำ เบื้องล่างของชิงช้าที่ว่าคือความสูงจากพื้นดินที่มีตาข่ายและเบาะรองรับเอาไว้

เสียงของหญิงสาวคนเดิมดังขึ้น “ฉันเคยเป็นโรคกลัวความสูง กลัวจนทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจความกลัวที่ว่านั้นแล้ว ชีวิตเป็นของฉัน อยากทำอะไรฉันก็ทำ และฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาก”

เราเข้าใจได้ว่าภาพที่เห็นคือภาพของหญิงสาวคนนี้ที่กำลังแกว่งตัวห้อยโหนอย่างที่เราคาดไม่ถึงว่าคนที่บอกว่าตัวเองเคยกลัวความสูงจะกล้าทำกิจกรรมเยี่ยงนี้

070303

 
ฉากที่สาม


เธอปรากฏตัวในฐานะแขกรับเชิญในรายการ ‘Oprah’ (โอปราห์) รายการทอล์คโชว์ดังแห่งอเมริกาโดยมีพิธีกรหญิงผิวดำที่โด่งดังที่สุดในสหรัฐอเมริกานั่งอยู่บนโซฟาในห้องส่ง พร้อมกับผู้ชายอีกคนซึ่งจำได้ว่าเป็นชายคนเดียวกับที่ปรากฏในฉากแรกและดื่มน้ำผักปั่นร่วมกับเธอ หญิงสาวผู้นี้ยังคงมีท่าทีสบายๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสดใส หากไม่มีการเฉลยเราก็คงไม่รู้ว่าเธอเผชิญอยู่กับชะตากรรมอันหนักหน่วงของการมีมะเร็งคุกคาม

คุณคิดถึงการเป็นมะเร็งอยู่ไหม คิดหรือเปล่าว่าตอนนี้เนื้อร้ายในตับของฉันกำลังลุกลามไปถึงไหนแล้ว” โอปราห์ถามแขกรับเชิญในรายการ

ไม่เลย ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น ฉันคิดถึงแต่ชีวิตตอนนี้ ตอนที่เรากำลังมีลมหายใจอยู่ในปัจจุบัน คิดถึงสิ่งที่ทำให้ฉันยิ้มได้แล้วมีความสุขมากกว่า ฉันรู้ดีว่าชีวิตไม่ได้ยาวนานมากพอที่คนเราจะคิดถึงอดีตหรือสิ่งที่ทำให้เราจมอยู่กับความทุกข์”


070304

070305

............................


Kris Carr คือหญิงสาวชาวตะวันตก (อเมริกัน) ผู้นั้น เรา – ในฐานะผู้ชมรายการโอปราห์ผ่านทางช่องเคเบิลทีวีอีกทีหนึ่ง ได้รับรู้ว่าเธออยู่กับมะเร็งขั้นที่สี่มาระยะหนึ่งแล้ว แต่มะเร็งที่ว่าก็ไม่ได้กัดกร่อนหรือทำให้ร่างกายเธอทรุดโทรมลง...เราไม่ทันได้รู้ว่าเธอรับการบำบัดด้วยวิธีการแพทย์สมัยใหม่อย่างการทำคีโมฯ บ้างหรือไม่ แต่ภาพที่เห็นผ่านหน้าจอเธอคือหญิงสาวที่มีเสน่ห์และผู้ถึงการมีชีวิตอย่างที่ตระหนักถึงปัจจุบันหรือการมีลมหายใจเพื่อสิ่งนี้ตอนนี้เท่านั้น โดยไม่ปล่อยตัวให้จมไปกับโรคร้ายที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนหนึ่งที่ยอมหันหลังให้กับกิจกรรมแบบเดิมในชีวิต หันมาดูแลร่างกายด้วยวิธีธรรมชาติ เลิกทุกข์กังวล ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นหรือกระทั่งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เราได้เห็นว่าไม่นานมานี้เธอก็เพิ่งจะมีพิธีแต่งงานกับคนรักในบรรยากาศที่อบอุ่นโดยไม่ลังเลว่าความตายอาจจะมาพรากเธอไปจากเขาเมื่อไรก็ได้

ทำไมคุณถึงได้เปลี่ยนความคิดและหันมาดูแลตัวเองอย่างนี้ได้ล่ะครับ” ชายผู้ร่วมในรายการถามขึ้นบ้าง

เพราะเมื่อคนเรา ‘จนตรอก’ มันก็ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจขึ้นมาน่ะสิคะ ฉันคิดอย่างนี้ได้ก็เพราะฉันป่วยเป็นมะเร็ง แต่ท้ายที่สุดฉันก็ไม่ได้บ่นว่าที่ตัวเองโชคร้าย แต่ใช้โอกาสนี้เพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ฉันไม่เคยทำหรือไม่เคยคิดถึงมาก่อน” หญิงสาวเจ้าของเรื่องราวตอบ

โอปราห์ถามเธอส่งท้ายอีกครั้งว่า เธอไม่คิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองเป็นทุกข์หรือกังวลใจว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

Kris Carr ในวัย 36 ตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นแม้แต่วินาทีเดียว เพราะฉันรู้ดีว่า “ชีวิตนี้หวานเกินไปกว่าที่จะขม”

Why, when we are challenged to survive, do we give ourselves permission to truly life?

 


 

----------------------------------------


Kris Carr เป็นช่างภาพและนักแสดง ขณะนี้เธอได้นำเสนอเรื่องราวของเธอกับการเป็นมะเร็งผ่านภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Crazy Sexy Cancer สนใจติดตามได้ที่
www.crazysexycancer.com

บล็อกของ อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง

อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
หากเลือกได้เราอยากจะให้ในพื้นที่ของชีวิตเติมเต็มด้วยสิ่งใด? เสื้อผ้าอาภรณ์สวยๆ งามๆ เงินทอง ความสมบูรณ์พูนสุขทางวัตถุหรือการอิ่มเต็มในจิตใจ... มีเพียงคำถามแต่ไม่มีปลายทางของคำตอบ เพราะว่าการแสวงหาความหมายในชีวิต ว่าในชีวิตหนึ่งหนึ่งคนเราเกิดมาเพื่อค้นหาหรือเสาะแสวงหาสิ่งใดมาเติมเต็มให้กับชีวิตตัวเอง ล้วนเป็นปรัชญาและเป้าหมายสูงสุดประการหนึ่งในการเกิดมามีชีวิตของคนเราทุกคน
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผู้หญิง งูและลวดลายแห่งพรรณพฤกษา จะก่อเกิดเป็นเรื่องราวใดบ้างนอกเหนือจากความฝันรัญจวนถึงสิ่งที่ลี้ลับน่าหลงใหลดั่งคำบอกเล่าถึงนางไม้ที่อาจจะมีตัวตนจริงๆ หรือเป็นเพียงเงาร่ายลายลวงท่ามกลางพงตึกและป่าคอนกรีตอันร้อนระอุแห่งเมืองกรุง บ่ายวันหนึ่งเราจงใจเดินทางไปกลางซอยทองหล่อ ย่านที่มีร้านอาหารมีระดับ ร้านค้าหรูหรา และย่านการค้าในบรรยากาศที่ไม่คล้ายเดินอยู่ในเมืองไทยเท่าใดนัก เพื่อไปชมนิทรรศการภาพเขียนของนวลตอง ประสานทอง ในชื่องานสั้นๆ ว่า ‘NYMPH’
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
วันหนึ่งปลายฤดูหนาวของลอนดอน ณ Natural History Museum ย่าน South Kensington เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมมีโอกาสได้ไปเดินชมนิทรรศการภาพถ่ายทางอากาศนิทรรศการหนึ่ง จำความรู้สึกของตัวเองขณะนั่งรถไฟใต้ดินไปที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ว่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่กำลังจะได้ชมภาพถ่ายเหล่านี้ที่กำลังแสดงอยู่อย่างใกล้ชิด “Earth From Above” By Yann Arthus-Bertrand…สาเหตุก็คือเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้นไปอีก ผมได้เห็นหนังสือชื่อเดียวกันนี้เป็นหนังสือปกแข็งขนาดเขื่องวางขายอยู่ในร้านหนังสือต่างประเทศในกรุงเทพฯ…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
นาฏกรรมชีวิตและเรื่องราวแห่งการกินของผู้คนที่ ‘นครปฐม’ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ติดๆ กัน ผมจะมีโอกาสแวะเที่ยวชมและเที่ยวชิมขนม ข้าวปลาอาหารและเมียงมองชีวิตของผู้คนในเมืองส้มโอหวาน ข้าวสารขาวถึงสองครั้งสองครา ซึ่งแต่ละครั้งคราเป็นต้องอดสงสัยไม่ได้ว่าในเมืองแห่งนี้ทำไมจึงมีการขายอาหารกันเป็นล่ำเป็นสัน ที่สำคัญยังมีรสชาติดีถูกปากถูกใจคนบ้านใกล้บ้านไกล ชนิดที่ว่าไม่ต้องรู้จักชื่อเสียงหรือมีป้ายโฆษณาชวนเชื่อ แค่ลองแวะชิมอาหารรถเข็นหรือตามสองข้างทางสักร้านในเมืองนครปฐมเป็นต้องอร่อยติดใจเกือบจะทุกรายไปหลายครั้งก่อนที่ได้แวะไปชิมข้าวหมูแดงกลางเมืองนครปฐม (…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
‘ทุ่งแสงตะวัน’ เป็นรายการโทรทัศน์เพื่อเด็กและเยาวชนที่รู้จักกันดีทั้งในแง่ฝีไม้ลายมือผู้ผลิตและความคิดสร้างสรรค์ ออกเดินโลดแล่นผ่านสายตาผู้ชมทีวีมาเมื่อสิบหกปีที่แล้วและยังคงเดินหน้าทำรายการทีวีที่น่ารักและมีแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมต่อไป แม้ไม่ได้อยู่หน้ากล้องในฐานะพิธีกรเดินเรื่อง แต่ สุริยนต์ จองลีพันธ์ หนึ่งในผู้บริหารบริษัท ป่าใหญ่ ครีเอชั่นฯ กลับมีความสำคัญในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังรายการเล็กๆ ที่งดงามนี้ด้วยการเป็นครีเอทีฟและผู้ดูแลการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
เด็กสาวทำงานแต่งกายในชุดส่าหรีสีสดเทินกิ่งไม้ไว้บนศีรษะกำลังเดินกลับบ้าน ลูกลิงแสนซนที่ปีนป่ายลูกกรง หญิงชราผู้ค่อยๆ ต่อยก้อนหินให้แตกออกจนเป็นกรวดด้วยมือเปล่า รถสามล้อเก่าผุพังในสีขาวดำ สวามีผู้เร้นกายขึ้นไปปลีกวิเวกอยู่ในถ้ำเล็กๆ เหนือบันไดเจ็ดร้อยขั้น หนุ่มช้ำรักผู้ทำท่าเบื่อโลกนั่งอยู่หน้าโรงหนัง...
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
...โอ๊ตเกิดที่ฉะเชิงเทรา จังหวัดหนึ่งในไทย ได้บวชเป็นพระสามอาทิตย์ในปี 2548 ที่วัดสามกอ นอกจากมีงานประจำแล้ว โอ๊ตยังทำงาน อาสาหน่วยแพทย์กู้ชีวิตวชิระพยาบาลในกรุงเทพฯ และย่านแหล่งท่องเที่ยว เป็นอาสาสายตรวจตำรวจจักรยานที่อยุธยาเพื่อดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวด้วย ที่ ‘สปินน์ คาเฟ่’ มีค็อกเทลให้เลือกมากมาย นอกจากเขาทำค็อกเทล พิงค์เลดี้ หรือพุซซีแค็ทแล้ว เขายังสามารถบอกแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับจักรยานได้อีกด้วย สามารถสอนคุณนานกว่าชั่วโมงก็ยังได้ และตอนนี้เขากำลังเรียนภาษาจีนอยู่ แต่เขาพูดตลก เก่งมาก…     ข้างความข้างต้นปรากฏอยู่ในหน้า About Us ของเว็บไซต์ www.spinn.cn…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
หน้าร้อนกับการไปทะเลเป็นของคู่กัน เปรียบแล้วก็เหมือนข้าวเหนียวมูลกับมะม่วงสุกรสอร่อยที่กำลังนิยมในช่วงยามนี้ แต่การนั่งอยู่กับบ้านวันดีคืนดีก็ยังอาจจะมีผู้หวังดีหิ้วเอาข้าวเหนียมมะม่วงมาฝากเราได้ ไม่เหมือนกับการออกไปค้นหาหรือเดินทางไปหา “ทะเลดีๆ” ที่จะช่วยคลายร้อนทั้งกายและใจ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะต้องพาตัวเองฝ่าความร้อนของสภาพอากาศออกไปจนกว่าจะถึงจุดหมาย 
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
‘ตั้ม’ อาจจะเป็นชื่อเล่นของใครก็ได้ แต่คงมีคนเดียวเท่านั้นที่ชื่อจริงว่า ‘วิศุทธิ์ พรนิมิตร’ตั้มเป็นนักเขียน เจ้าของผลงานหนังสือหลายเล่ม เช่น hesheit, ควันใต้หมวก หรือประสบการณ์ส่วนตัวตอนที่ไปอยู่ญี่ปุ่นในชื่อ “ตั้มกับญี่ปุ่น” ฯลฯ แต่คุณอาจจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นนักเขียนเพราะพลิกดูผลงานของเขาแล้วล้วนแต่เป็นการ์ตูนตั้มเป็นนักเขียน...เขียนการ์ตูน ใครบางคนอาจจะสรุปอย่างนั้น..........................................
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
สำรวจลงไปในกระเป๋าหรือย่ามของความฝัน พบสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ก้นย่ามคือการทำร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีมุมหนังสือวางเอาไว้ให้คนจิบกาแฟละเมียดตัวอักษร
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมไม่แน่ใจว่าจะวางคำว่า ‘ของ’ เอาไว้ตรงไหนดี ระหว่างคำว่าช้างกับวิวช้าง‘ของ’วิว หรือว่า วิว‘ของ’ช้าง กันแน่...แม้ไม่แน่ใจแต่ผมรู้ดีว่าวิวชอบช้าง (ที่ไม่แน่ใจคือช้างจะชอบวิวด้วยหรือไม่) และเขียนรูปช้างมานานแล้วช้างที่เกิดจากปลายพู่กันและปลายนิ้วของวิวที่ถูกเกลี่ยกลบถมทับวาดเส้นและลากสีจนเกิดเป็นภาพและเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับช้างนั้น ถ้าหากว่ามีใครเคยนับช้างของวิวคงเป็นช้างแห่งสีสันโขลงใหญ่นับไม่ถ้วนเลยทีเดียววิวเขียนรูปช้างแค่ให้รู้หรือดูออกว่าเป็นช้าง แม้จะมีงวง มีหาง มีตา แต่รูปร่างก็อ้วนป้อม ซ้ำสีสันตัวช้างก็แตกต่างออกไปจากช้างที่เหมือนจริง ช้างของวิวจึงไม่เหมือนและไม่ใช่ช้างจริงๆ…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ฉากแรก เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย มีแววตาเป็นประกาย ด้วยอิริยาบถที่สบายๆ และการพูดคุยที่ดูเป็นธรรมชาติ เราได้เห็นว่าเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มอะไรสักอย่างที่มีสีเขียวเข้ม โดยมีชายอีกคนหนึ่งคอยจดจ้องดูสิ่งที่เธอทำ พร้อมกับถามว่าเธอใส่อะไรลงไปในเครื่องปั่นเพื่อทำเครื่องดื่มชนิดนี้บ้าง... “ฉันก็เอาผักที่มีในตู้เย็นทุกอย่างใส่เข้าไป...คะน้า แตงกวา...ผักทุกอย่างที่มีสีเขียว แล้วก็ดื่มมัน” เธอว่า เสร็จแล้วเธอก็บรรจงเทเครื่องดื่มที่ทำอยู่ลงในแก้วที่มีก้านทรงสวย แล้วยื่นให้กับชายคนนั้น ตอนนี้เครื่องดื่มที่เธอทำแลดูเป็นเครื่องดื่มสำหรับวาระพิเศษ มิใช่น้ำผักปั่นที่เธอทำดื่มเองอยู่เป็นประจำ “…