หน้าร้อนกับการไปทะเลเป็นของคู่กัน เปรียบแล้วก็เหมือนข้าวเหนียวมูลกับมะม่วงสุกรสอร่อยที่กำลังนิยมในช่วงยามนี้ แต่การนั่งอยู่กับบ้านวันดีคืนดีก็ยังอาจจะมีผู้หวังดีหิ้วเอาข้าวเหนียมมะม่วงมาฝากเราได้ ไม่เหมือนกับการออกไปค้นหาหรือเดินทางไปหา “ทะเลดีๆ” ที่จะช่วยคลายร้อนทั้งกายและใจ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะต้องพาตัวเองฝ่าความร้อนของสภาพอากาศออกไปจนกว่าจะถึงจุดหมาย
แม้ว่าจะไม่ต้องเที่ยววันหยุดที่ตรงตามเทศกาลเช่นเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาเหมือนคนอื่นๆ ก็ตาม แต่เนื่องจากเสน่ห์และสีสันของฤดูร้อนที่แม้จริงซึ่งดึงดูดใจคนให้สนใจการไปเที่ยวทะเลก็ไม่พ้นเป็นช่วงกลางฤดูร้อนเช่นนี้ ว่าแล้วการเดินทางสายสั้นๆ มุ่งตรงสู่ประจวบคีรีขันธ์ ด่านประตูสู่แดนใต้ก็เลยเกิดขึ้น
การเดินทางกลางสายลมร้อนทำให้ได้เห็นไม้ดอกงามๆ ทั้งดอกคูน ดอกตะแบก และสีแดงส้มสดใสอลังการของต้นหางนกยูงซึ่งบานโชว์ดอกสวยสองข้างทาง นอกจากทิวทัศน์อันโล่งสบายตาเมื่อบรรยากาศการจราจรอันแสนวุ่นวายเช่นทุกปีช่วงสงกรานต์ผ่านพ้นไปแล้ว
จากกรุงเทพฯ ผ่านเพชรบุรี ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี กระทั่งก่อนจะถึงตัวเมืองประจวบฯ ซึ่งต้องผ่านตำบลบ่อนอกอันเป็นทางแยกช่วงที่เลยจากอำเภอกุยบุรีไปไม่ไกล เราได้ตกลงใจว่าจะแวะเข้าไปชม “ครัวชมวาฬ” ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหารและที่พักเล็กๆ ริมชายหาดแห่งหนึ่งของประจวบฯ ซึ่งไม่มีชื่อเสียงเหมือนทะเลหัวหินหรือปราณบุรี แต่สิ่งหนึ่งทีทะเลที่บ่อนอกมีอย่างเหนือชั้นกว่าก็คือความเงียบสงบและบรรยากาศของชุมชนประมงริมทะเล ชายหาดกว้างที่ยังไม่มีโรงแรมหรู คอนโดริมหาดสูงนับสิบๆ ชั้นหรือรีสอร์ทเก๋ๆ ราคาแพง
ที่เหนือชั้นกว่านั้นก็คือทะเลแห่งนี้มี “วาฬบรูด้า” (Bryde’s Whale) ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ วาฬชนิดนี้มีรูปร่างค่อนข้างเพรียว ขนาดโตเต็มที่ยาว 14 – 15.5 เมตร หนัก 20 – 25 ตัน วาฬ
บรูด้ากินอาหารโดยการกรอง มีซี่กรองสีเทา 250 – 370 ซี่ กินแพลงก์ตอน ปลา และปลาหมึกเป็นอาหาร ซึ่งมีรายงานการพบเห็นวาฬบรูด้าโดยชาวประมงที่บ่อนอกอยู่เป็นระยะๆ
แต่การพบเห็นวาฬที่นี่กลับเป็นประเด็นสั่นสะเทือนวงการอนุรักษ์มากที่สุดเพราะพื้นที่บ่อนอกตกเป็นเป้าหมายของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหนึ่งในสองแห่งที่ประจวบคีรีขันธ์ (อีกแห่งหนึ่งคือบ้านกรูด อำเภอบางสะพาน) ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์บ่อนอกได้นำภาพวาฬบรูด้าไปยันกับฝ่ายสนับสนุนโรงไฟฟ้าและรัฐบาลสมัยนั้นได้ว่าทะเลบ่อนอกยังมีความอุดมสมบูรณ์จนพบสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่ทะเลเสื่อมโทรมที่มีแต่ปะการังเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีค่าหรือไม่มีปลาอะไรอีกเหมือนที่มีการกล่าวอ้าง
แม้จะมีวาฬมาช่วย แต่เหตุที่ทำให้การต่อสู้คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินของผู้คนที่บ่อนอกและบ้านกรูดได้รับชัยชนะจนต้องระงับแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไป ชัยชนะที่แท้จริงน่าจะมาจาก ‘คน’ มากกว่า
จิตใจของคนบ่อนอกที่อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับทะเล อยู่กับไร่สับปะรดหรือไร่ว่านหางจระเข้ สวนมะพร้าว วันหนึ่งหนึ่งก็อาจจะแค่พาเรือประมงลำเล็กๆ ออกไปหาปลาหรือไดหมึกไม่ห่างจากฝั่งเท่าใดนักไปตามเรื่องตามราว แต่กลับมีความรักท้องถิ่น รวมตัวกันเพื่อปกป้องชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้จากความเปลี่ยนแปลงที่มาจ่อรอคอยจนถึงบันไดบ้านจนวินาทีสุดท้ายโดยไม่หวั่นตัวกลัวตาย เกิดเป็นสปิริตในการต่อสู้เพื่อพิทักษ์ชุมชนและท้องทะเลเอาไว้ที่ผู้คนทั้งชาติประจักษ์มาแล้วถึง
การสูญเสีย “เจริญ วัดอักษร” แกนนำกลุ่มอนุรักษ์บ่อนอกในวัย 37 เมื่อปี 2547 จากการถูกคนร้ายลอบยิงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้คนทั้งประเทศหันมาดูความอยุติธรรมที่ประจวบฯ จากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งมีความไม่ชอบมาพากลอยู่หลากหลายมุม ขณะเดียวกันก็ทำให้ทะเลบ่อนอกกลายเป็นจุดสนใจหรือเป็นชื่อที่คุ้นหูมากขึ้นสำหรับคนไทย
เมื่อเลี้ยวจากถนนเพชรเกษมตรงแยกบ่อนอกก่อนถึงตัวเมืองประจวบฯ ประมาณ 25 กิโลเมตรแล้ววิ่งไปตามเส้นทางราดยางอย่างดีและไม่ค่อยจะมีรถราวิ่งผ่าน แค่ประมาณห้าหกกิโลเมตรก็จะถึงที่ตั้งของ “ครัวชมวาฬ” อันเป็นกิจการของเจริญ วัดอักษร ซึ่งทุกวันนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกรณ์อุมา พงษ์น้อยหรือ “กระรอก” ภรรยาของเจริญที่ช่วยกันดูแลร้านอาหารและที่พักเล็กๆ แห่งนี้ร่วมกับญาติพี่น้องหลายคน
เมื่อปี 2543 เจริญและกระรอกช่วยกันทำเพิงเล็กๆ ขึ้นมาจากการร่วมแรงร่วมใจทั้งสนับสนุนเงินบริจาคและสิ่งของเพื่อเปิดร้านอาหารครัวชมวาฬขึ้น ในขณะที่มีกระแสวาฬบรูด้าปรากฎตัวขึ้น ขณะที่ก็ต่อสู้กับโรงไฟฟ้าไปพร้อมกันทั้งสามีภรรยา จวบจนสองปีถัดมาจึงมีที่พักที่ก่อสร้างอย่างง่ายๆ ขึ้นมาอีกไม่กี่หลังบนพื้นที่เล็กๆ แค่สองไร่
ผมเองเคยย่างกรายทั้งไปเยี่ยมเยียนและมีธุระพูดคุยกับเจริญและกระรอกในช่วงที่ประเด็นการคัดค้านโรงไฟฟ้ากำลังร้อนระอุ เราจึงแทบจะมองข้ามความเรียบง่ายสบายๆ ของที่พักและบรรยากาศอันเป็นธรรมชาติและเงียบสงบของชายหาดบ่อนอกตรงนี้ไป เรียกว่ามัวแต่ทำงานจนไม่ได้เที่ยวหรือเหลียวมองความสวยงามของธรรมชาติแห่งนี้ให้เต็มตา
พอมีโอกาสกลับไปเยือนครัวชมวาฬในวันที่ไร้เจริญ วัดอักษรอีกครั้งในวันนี้ เราก็ยังคงสัมผัสสปิริตของคนรักถิ่นฐานบ้านเกิดและต่อสู้กับความอยุติธรรมของเจริญได้บ้าง และแม้แต่กระรอกเองถึงวันนี้เธอก็ยังไม่ได้พับเสื้อยืดสีเขียวอันเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้เพื่อชุมชนเก็บเข้าตู้เสื้อผ้า เพราะแม้คำสั่งระงับแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะย้ายออกจากบ้านกรูดและบ่อนอกไปแล้ว แต่ก็มีทีท่าว่าจะขึ้นที่ทับสะแกอีก ไหนจะมีโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันตกหรือเวสเทิร์นซีบอร์ด หรือโรงถลุงเหล็ก และโครงการแลนด์บริดจ์ที่มาจ่อลงตรงประจวบฯ ให้ต้องไปร่วมแรงร่วมใจกับชุมชนอื่นๆ ในประจวบฯ เพื่อช่วยกันติดตามเรื่องราวและทำให้เป็นประเด็นที่สาธารณชนจะหันมาสนใจช่วยกันหยุดยั้งโครงการพัฒนาที่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อความสงบและสันติของมหาชนอย่างแท้จริงเหล่านี้
จริงๆ แล้วหากไม่เคยได้ยินประเด็นร้อนเรื่องการสูญเสียเจริญ วัดอักษรที่ถูกลอบยิง ไม่เคยรู้ว่าทะเลสวยๆ ที่บ่อนอกเคยถูกจ่อเอาไว้ในบัญชีของพื้นที่ที่จะนำไปก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือไม่รู้ว่าทุกวันนี้กระรอก เจ้าของครัวชมวาฬก็แทบจะไม่ได้พักผ่อนดูแลรีสอร์ตเล็กๆ และร้านอาหารของตัวเองเพราะต้องวิ่งไปประชุมหรือติดตามปัญหาสารพัดอยู่เช่นเคย ครัวชมวาฬแห่งนี้ก็ยังมีศาลาโล่งๆ เปลยวนที่ผูกโยงหย่อนๆ เอาไว้กับตันสนทะเลเอาไว้ให้เอนหลังได้ทุกเมื่อ สั่งอาหารฝีมือดีในเมนูที่หลากหลายมาลิ้มลอง หรือหากอยากจะลองพักสักคืนสองคืนในบ้านพักหลายหลัง ที่มีชื่อบ้านน่ารักๆ จากสัตว์ทะเล ทั้งบ้านบรูด้า บ้านปลาทู บ้านกะรังตาเขียวหรือสร้อยนกเขา นอนฟังเสียงคลื่นหรือเดินเล่นหาดทรายกว้างที่ยังเงียบสงบมีความเป็นธรรมชาติทั้งน้ำทะเลและทิวทัศน์ของทะเลฝั่งอ่าวไทย ที่นี่ก็คุ้มค่ากับการแวะเข้าไปสนับสนุนและให้กำลังใจเสมอ
ลมทะเลพัดแรงจนใบพัดลมหมุนได้เอง
ไม่แน่ว่าท่ามกลางความร้อนระอุของฤดูกาล และความร้อนแรงของความเปลี่ยนแปลงที่ก้าวย่ำสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่เลวร้ายลงให้กับท้องทะเลต่างๆ ทั่วดินแดนไทยมาแล้ว ยังอาจจะมีมุมเล็กๆ เป็นที่พักร้อนให้หย่อนคลายสบายใจหลงเหลือเอาไว้ให้เราค้นหาอารมณ์ “ทะเลและหน้าร้อน” ที่ครัวชมวาฬแห่งนี้
------------------------------
ติดต่อครัวชมวาฬได้ที่ 89 หมู่ที่ 6 ตำบลบ่อนอก อำเภอเมืองฯ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77210
โทร. 032-619081 Mobile : 081-8575923