Skip to main content

หน้าร้อนกับการไปทะเลเป็นของคู่กัน เปรียบแล้วก็เหมือนข้าวเหนียวมูลกับมะม่วงสุกรสอร่อยที่กำลังนิยมในช่วงยามนี้ แต่การนั่งอยู่กับบ้านวันดีคืนดีก็ยังอาจจะมีผู้หวังดีหิ้วเอาข้าวเหนียมมะม่วงมาฝากเราได้ ไม่เหมือนกับการออกไปค้นหาหรือเดินทางไปหา “ทะเลดีๆ” ที่จะช่วยคลายร้อนทั้งกายและใจ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะต้องพาตัวเองฝ่าความร้อนของสภาพอากาศออกไปจนกว่าจะถึงจุดหมาย



23045101 

23045102


แม้ว่าจะไม่ต้องเที่ยววันหยุดที่ตรงตามเทศกาลเช่นเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาเหมือนคนอื่นๆ ก็ตาม แต่เนื่องจากเสน่ห์และสีสันของฤดูร้อนที่แม้จริงซึ่งดึงดูดใจคนให้สนใจการไปเที่ยวทะเลก็ไม่พ้นเป็นช่วงกลางฤดูร้อนเช่นนี้ ว่าแล้วการเดินทางสายสั้นๆ มุ่งตรงสู่ประจวบคีรีขันธ์ ด่านประตูสู่แดนใต้ก็เลยเกิดขึ้น


การเดินทางกลางสายลมร้อนทำให้ได้เห็นไม้ดอกงามๆ ทั้งดอกคูน ดอกตะแบก และสีแดงส้มสดใสอลังการของต้นหางนกยูงซึ่งบานโชว์ดอกสวยสองข้างทาง นอกจากทิวทัศน์อันโล่งสบายตาเมื่อบรรยากาศการจราจรอันแสนวุ่นวายเช่นทุกปีช่วงสงกรานต์ผ่านพ้นไปแล้ว


จากกรุงเทพฯ ผ่านเพชรบุรี ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี กระทั่งก่อนจะถึงตัวเมืองประจวบฯ ซึ่งต้องผ่านตำบลบ่อนอกอันเป็นทางแยกช่วงที่เลยจากอำเภอกุยบุรีไปไม่ไกล เราได้ตกลงใจว่าจะแวะเข้าไปชม “ครัวชมวาฬ” ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหารและที่พักเล็กๆ ริมชายหาดแห่งหนึ่งของประจวบฯ ซึ่งไม่มีชื่อเสียงเหมือนทะเลหัวหินหรือปราณบุรี แต่สิ่งหนึ่งทีทะเลที่บ่อนอกมีอย่างเหนือชั้นกว่าก็คือความเงียบสงบและบรรยากาศของชุมชนประมงริมทะเล ชายหาดกว้างที่ยังไม่มีโรงแรมหรู คอนโดริมหาดสูงนับสิบๆ ชั้นหรือรีสอร์ทเก๋ๆ ราคาแพง

 

23045103

23045104

 


ที่เหนือชั้นกว่านั้นก็คือทะเลแห่งนี้มี “วาฬบรูด้า” (Bryde’s Whale) ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ วาฬชนิดนี้มีรูปร่างค่อนข้างเพรียว ขนาดโตเต็มที่ยาว 14 – 15.5 เมตร หนัก 20 – 25 ตัน วาฬ

บรูด้ากินอาหารโดยการกรอง มีซี่กรองสีเทา 250 – 370 ซี่ กินแพลงก์ตอน ปลา และปลาหมึกเป็นอาหาร ซึ่งมีรายงานการพบเห็นวาฬบรูด้าโดยชาวประมงที่บ่อนอกอยู่เป็นระยะๆ


แต่การพบเห็นวาฬที่นี่กลับเป็นประเด็นสั่นสะเทือนวงการอนุรักษ์มากที่สุดเพราะพื้นที่บ่อนอกตกเป็นเป้าหมายของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหนึ่งในสองแห่งที่ประจวบคีรีขันธ์ (อีกแห่งหนึ่งคือบ้านกรูด อำเภอบางสะพาน) ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์บ่อนอกได้นำภาพวาฬบรูด้าไปยันกับฝ่ายสนับสนุนโรงไฟฟ้าและรัฐบาลสมัยนั้นได้ว่าทะเลบ่อนอกยังมีความอุดมสมบูรณ์จนพบสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่ทะเลเสื่อมโทรมที่มีแต่ปะการังเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีค่าหรือไม่มีปลาอะไรอีกเหมือนที่มีการกล่าวอ้าง


แม้จะมีวาฬมาช่วย แต่เหตุที่ทำให้การต่อสู้คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินของผู้คนที่บ่อนอกและบ้านกรูดได้รับชัยชนะจนต้องระงับแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไป ชัยชนะที่แท้จริงน่าจะมาจาก ‘คน’ มากกว่า


23045105

23045106

 

 

จิตใจของคนบ่อนอกที่อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับทะเล อยู่กับไร่สับปะรดหรือไร่ว่านหางจระเข้ สวนมะพร้าว วันหนึ่งหนึ่งก็อาจจะแค่พาเรือประมงลำเล็กๆ ออกไปหาปลาหรือไดหมึกไม่ห่างจากฝั่งเท่าใดนักไปตามเรื่องตามราว แต่กลับมีความรักท้องถิ่น รวมตัวกันเพื่อปกป้องชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้จากความเปลี่ยนแปลงที่มาจ่อรอคอยจนถึงบันไดบ้านจนวินาทีสุดท้ายโดยไม่หวั่นตัวกลัวตาย เกิดเป็นสปิริตในการต่อสู้เพื่อพิทักษ์ชุมชนและท้องทะเลเอาไว้ที่ผู้คนทั้งชาติประจักษ์มาแล้วถึง


การสูญเสีย “เจริญ วัดอักษร” แกนนำกลุ่มอนุรักษ์บ่อนอกในวัย 37 เมื่อปี 2547 จากการถูกคนร้ายลอบยิงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้คนทั้งประเทศหันมาดูความอยุติธรรมที่ประจวบฯ จากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งมีความไม่ชอบมาพากลอยู่หลากหลายมุม ขณะเดียวกันก็ทำให้ทะเลบ่อนอกกลายเป็นจุดสนใจหรือเป็นชื่อที่คุ้นหูมากขึ้นสำหรับคนไทย


เมื่อเลี้ยวจากถนนเพชรเกษมตรงแยกบ่อนอกก่อนถึงตัวเมืองประจวบฯ ประมาณ 25 กิโลเมตรแล้ววิ่งไปตามเส้นทางราดยางอย่างดีและไม่ค่อยจะมีรถราวิ่งผ่าน แค่ประมาณห้าหกกิโลเมตรก็จะถึงที่ตั้งของ “ครัวชมวาฬ” อันเป็นกิจการของเจริญ วัดอักษร ซึ่งทุกวันนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกรณ์อุมา พงษ์น้อยหรือ “กระรอก” ภรรยาของเจริญที่ช่วยกันดูแลร้านอาหารและที่พักเล็กๆ แห่งนี้ร่วมกับญาติพี่น้องหลายคน

 

23045107


เมื่อปี 2543 เจริญและกระรอกช่วยกันทำเพิงเล็กๆ ขึ้นมาจากการร่วมแรงร่วมใจทั้งสนับสนุนเงินบริจาคและสิ่งของเพื่อเปิดร้านอาหารครัวชมวาฬขึ้น ในขณะที่มีกระแสวาฬบรูด้าปรากฎตัวขึ้น ขณะที่ก็ต่อสู้กับโรงไฟฟ้าไปพร้อมกันทั้งสามีภรรยา จวบจนสองปีถัดมาจึงมีที่พักที่ก่อสร้างอย่างง่ายๆ ขึ้นมาอีกไม่กี่หลังบนพื้นที่เล็กๆ แค่สองไร่


ผมเองเคยย่างกรายทั้งไปเยี่ยมเยียนและมีธุระพูดคุยกับเจริญและกระรอกในช่วงที่ประเด็นการคัดค้านโรงไฟฟ้ากำลังร้อนระอุ เราจึงแทบจะมองข้ามความเรียบง่ายสบายๆ ของที่พักและบรรยากาศอันเป็นธรรมชาติและเงียบสงบของชายหาดบ่อนอกตรงนี้ไป เรียกว่ามัวแต่ทำงานจนไม่ได้เที่ยวหรือเหลียวมองความสวยงามของธรรมชาติแห่งนี้ให้เต็มตา


พอมีโอกาสกลับไปเยือนครัวชมวาฬในวันที่ไร้เจริญ วัดอักษรอีกครั้งในวันนี้ เราก็ยังคงสัมผัสสปิริตของคนรักถิ่นฐานบ้านเกิดและต่อสู้กับความอยุติธรรมของเจริญได้บ้าง และแม้แต่กระรอกเองถึงวันนี้เธอก็ยังไม่ได้พับเสื้อยืดสีเขียวอันเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้เพื่อชุมชนเก็บเข้าตู้เสื้อผ้า เพราะแม้คำสั่งระงับแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะย้ายออกจากบ้านกรูดและบ่อนอกไปแล้ว แต่ก็มีทีท่าว่าจะขึ้นที่ทับสะแกอีก ไหนจะมีโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันตกหรือเวสเทิร์นซีบอร์ด หรือโรงถลุงเหล็ก และโครงการแลนด์บริดจ์ที่มาจ่อลงตรงประจวบฯ ให้ต้องไปร่วมแรงร่วมใจกับชุมชนอื่นๆ ในประจวบฯ เพื่อช่วยกันติดตามเรื่องราวและทำให้เป็นประเด็นที่สาธารณชนจะหันมาสนใจช่วยกันหยุดยั้งโครงการพัฒนาที่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อความสงบและสันติของมหาชนอย่างแท้จริงเหล่านี้


จริงๆ แล้วหากไม่เคยได้ยินประเด็นร้อนเรื่องการสูญเสียเจริญ วัดอักษรที่ถูกลอบยิง ไม่เคยรู้ว่าทะเลสวยๆ ที่บ่อนอกเคยถูกจ่อเอาไว้ในบัญชีของพื้นที่ที่จะนำไปก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือไม่รู้ว่าทุกวันนี้กระรอก เจ้าของครัวชมวาฬก็แทบจะไม่ได้พักผ่อนดูแลรีสอร์ตเล็กๆ และร้านอาหารของตัวเองเพราะต้องวิ่งไปประชุมหรือติดตามปัญหาสารพัดอยู่เช่นเคย ครัวชมวาฬแห่งนี้ก็ยังมีศาลาโล่งๆ เปลยวนที่ผูกโยงหย่อนๆ เอาไว้กับตันสนทะเลเอาไว้ให้เอนหลังได้ทุกเมื่อ สั่งอาหารฝีมือดีในเมนูที่หลากหลายมาลิ้มลอง หรือหากอยากจะลองพักสักคืนสองคืนในบ้านพักหลายหลัง ที่มีชื่อบ้านน่ารักๆ จากสัตว์ทะเล ทั้งบ้านบรูด้า บ้านปลาทู บ้านกะรังตาเขียวหรือสร้อยนกเขา นอนฟังเสียงคลื่นหรือเดินเล่นหาดทรายกว้างที่ยังเงียบสงบมีความเป็นธรรมชาติทั้งน้ำทะเลและทิวทัศน์ของทะเลฝั่งอ่าวไทย ที่นี่ก็คุ้มค่ากับการแวะเข้าไปสนับสนุนและให้กำลังใจเสมอ

 

 

23045108
ลมทะเลพัดแรงจนใบพัดลมหมุนได้เอง

ไม่แน่ว่าท่ามกลางความร้อนระอุของฤดูกาล และความร้อนแรงของความเปลี่ยนแปลงที่ก้าวย่ำสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่เลวร้ายลงให้กับท้องทะเลต่างๆ ทั่วดินแดนไทยมาแล้ว ยังอาจจะมีมุมเล็กๆ เป็นที่พักร้อนให้หย่อนคลายสบายใจหลงเหลือเอาไว้ให้เราค้นหาอารมณ์ “ทะเลและหน้าร้อน” ที่ครัวชมวาฬแห่งนี้

 

------------------------------

ติดต่อครัวชมวาฬได้ที่ 89 หมู่ที่ 6  ตำบลบ่อนอก  อำเภอเมืองฯ  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  77210

www.kruachomwhale.com

โทร. 032-619081 Mobile : 081-8575923

บล็อกของ อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง

อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมอนุญาตให้ตัวเองมีความฝันที่ค้างคามานานอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือการเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ สักร้านและระหว่างรอให้ความฝันตกผลึกหรืออิ่มตัวจนตกตะกอนนอนก้น (เหมือนเวลาที่กินกาแฟชงแบบเวียดนามที่ไหลผ่านถ้วยกรองช้าๆ ขมหวานได้ที่)  ผมก็ใช้เวลาระหว่างรอ พักในร้านกาแฟที่ผ่านทางอยู่เสมอๆ สั่งกาแฟต่างรูปแบบมาจิบ บางเวลาเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับกาแฟดำธรรมดาๆ แต่หอมกรุ่นอย่างกาแฟสด บางเวลาเราอาจจะอยากเปลี่ยนไปสั่งกาแฟดำในแบบที่เรียกว่า “อเมริกาโน่” ดูบ้าง บางช่วงก็เป็นชั่วโมงที่ต้องย้อมความฝันด้วยกาแฟกรุ่นกลิ่นนมของลาเต้ร้อน…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ในงานนิทรรศการออกร้านเพื่อจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกและของแต่งบ้านปีหนึ่งนานมาแล้วที่บังเอิญได้ไปเดินดูและเลือกซื้อข้าวของ ในมุมหนึ่งของงานซึ่งเป็นการออกร้านสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และต่างประเทศอื่นๆ ตะกร้าสานจากกาน่าเหมือนจะได้รับความนิยมจากผู้คนที่เดินในงานมากเป็นพิเศษ สินค้าจำพวกเฟอร์นิเจอร์ไม้และไม้แกะสลักในร้านจากอินโดนีเซียก็ได้รับความสนใจไม่น้อย ร้านของเวียดนามและกัมพูชาที่อยู่ถัดๆ มาก็มีผู้คนเข้าไปชมสินค้ากันคึกคัก แต่เหตุไฉนร้านค้าซึ่งเป็นสินค้าตัวแทนจากประเทศลาวหรือ สปป. ลาว…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมเพิ่งกลับจากการเดินทางอีกครั้งหนึ่งหลังจากต้นปีผ่านมา...เป็นการเดินทางที่ไม่ยาวนานนักในสามจุดหมายคือเซินเจิ้น หนึ่งเมืองของจีนแผ่นดินใหญ่ แวะฮ่องกงและกลับจากมาเก๊า แต่ก็มีความเหนื่อย เหน็บหนาวจากสภาพอากาศอันไม่คุ้นเคยของจุดหมายที่ว่าแต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าการเดินทางอันไม่คาดหมายว่าจะผ่านเข้ามาสู่ชีวิตรวดเร็วอย่างไม่ทันจะตั้งตัว จะเป็นการเดินทางอีกครั้งที่ ‘ช่วยชีวิต’ ผมเอาไว้................................................ที่ว่าการเดินทางช่วยชีวิตเอาไว้นั้น ไม่ได้หมายความว่าผมไปผ่านพ้นหรือผจญภัยกับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแล้วเอาชีวิตรอดกลับมาได้…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
คนเราล้วนประสบชะตากรรมที่หลากหลายขณะ ‘เดินทาง’…และก็เช่นกัน – ที่ยุคปัจจุบันคนเรา ‘เดินทาง’ ด้วยวัตถุประสงค์และรูปแบบที่หลากหลายมากมายกว่าแต่ก่อนเราพ้นจากยุคสมัยของการเดินทางด้วยเรือกลไฟที่ต้องอาศัยเวลาเป็นแรมเดือนกว่าจะพ้นโค้งน้ำเข้าสู่น่านน้ำบ้านอื่นเมืองอื่น เราเลิกพึ่งพารถไฟที่ต้องถาโถมเชื้อเพลิงจากท่อนฟืนและก็เช่นเดียวกันรถม้า จักรยานหรือแม้แต่เกวียนเทียมวัวควายกลายเป็นพาหนะพ้นยุคตกสมัย ไปไหนมาไหนอืดอาดไม่เท่าทันความรวดเร็วของจิตใจและยุคสมัยแต่ไม่ว่ารถจะเคลื่อนไหวได้ว่องไวขึ้นหลายร้อยเท่าจากพาหนะที่ใช้พลังงานจากธรรมชาติ ไม่ว่าคนเราจะเคลื่อนที่หรือย้ายถิ่นข้ามเมือง…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
“เราคิดว่ามันอาจจะเร็วเกินไปไม่ว่าจะสำหรับนักท่องเที่ยว การลงทุนหรือความช่วยเหลือ... ตราบใดที่มีเงินก้อนใหม่เข้ามาในประเทศ ก็ยิ่งจะทำให้รัฐบาลทหารเพิกเฉยต่อแรงจูงใจที่จะทำให้ความเปลี่ยนแปลง”ออง ซาน ซูจี 2538“เราหวังว่าคุณจะไม่เข้ามาเที่ยวพม่ากับการมีกล้องในมือและแค่เพื่อการเก็บรูปถ่ายเท่านั้น เราไม่ต้องการนักท่องเที่ยวแบบนั้น จงพูดคุยกับคนที่คุณอยากจะคุยด้วย ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้เงื่อนไขข้อจำกัดในชีวิตของคุณบ้าง”ชาวย่างกุ้งผู้สนับสนุนพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย 2547 สายตาที่สื่อส่งมาดูเหมือนรู้จัก รอยยิ้มที่ค่อยๆ คลี่คลายบนใบหน้าแลดูคุ้นเคย…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมหยิบยืมคำว่า “ไปทำไม” ขึ้นมาเป็นชื่อเรื่องของข้อเขียนนี้จากชื่อสำนักพิมพ์ของรุ่นพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับภาพถ่ายการเดินทางและโปสการ์ดราคาประหยัดเพียงสามใบสิบบาท และเขาเรียกขานสำนักพิมพ์ตัวเองในเชิงสัพยอกว่า ‘สำนักพิมพ์ไปทำไม’...แม้จะฟังดูคล้ายกับว่าเจตนาจะกวนๆ แต่ก็เข้าท่าดีเหมือนกันคำว่า “ไปทำไม” แม้จะดูคล้ายกับการตั้งคำถามโดยตรง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนการปุชฉาโดยมีโทนของน้ำเสียงฟังเหมือนกับการบ่นพึมพำกับตัวเองหรือการพ่นความไม่ได้ดังใจหรือความไม่เข้าใจของคนที่บังเอิญไปประสบพบเห็นพฤติกรรมของ “การไป” (ที่ไหนสักที่ ของคนสักคนหรือสักกลุ่มหนึ่ง)…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
เพชรบุรีวางตัวอยู่อย่างน่าสนใจจากกรุงเทพฯ…ที่ว่าน่าสนใจนั่นคือ ระยะทางที่ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลจนเกินไป แค่ชั่วเวลานั่งรถเพลินๆ ไม่เกินสองชั่วโมงก็น่าจะเข้าเขตเมืองเพชร โดยมีภาพของทุ่งนายามข้าวออกรวงสีเขียวละมุนตาและต้นตาลยืนต้นเรียงรายอยู่ปลายนา หรืออาจจะเห็นปลายจั่วแหลมๆ ของบ้านหลังคาทรงไทยหลายหลังโผล่พ้นทุ่งนาหรือรั้วบ้าน เป็นฉากทั้งหลายที่บ่งบอกว่า บัดนี้เข้าสู่ดินแดนแห่งน้ำตาลเมืองเพชรแล้วหลายวันก่อนเป็นอีกครั้งของความตั้งใจที่จะไปเยือนเพชรบุรีโดยที่ไม่ต้องมีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
คืนและวันที่ดูแปลกหน้า แม้สบายๆ แต่ก็เปี่ยมด้วยความมุ่งหวังบางอย่าง หลายสิ่งที่ได้พบเห็นเติมเต็มความรู้สึกที่ได้รับจากการเดินทาง จากดินแดนเหนือสุดของเวียดนามประเทศเพื่อนบ้าน ตอนนี้เรากำลังไต่ตามแผ่นดินแคบๆ ที่เลียบท้องทะเลมาถึงเมืองมรดกโลกลือชื่ออย่าง  ‘ฮอยอัน’  และในระหว่างเส้นทางอันยา
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
สายวันหนึ่งขณะที่เดินทางออกไปนอกบ้าน ท่ามกลางการจราจรที่คับคั่งจอแจเช่นเคย สายตาเหลือบไปเห็นข้อความด้านหลังของรถแท็กซี่มิเตอร์สีเขียวเหลืองคันที่อยู่ข้างหน้า “กล้าที่จะไปให้ถึงฝัน”...แม้จะเป็นข้อความเรียบง่ายธรรมดาๆ แต่ก็เป็นข้อความที่มีความหมาย และให้ความรู้สึกแปลกตาโดยเฉพาะเมื่อมาปรากฏอยู่บนกระจกหลังของแท็กซี่เช่นนี้ ทำให้พาลอยากรู้ว่าเจ้าของข้อความซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่ผู้ที่กำลังทำหน้าที่หลังพวงมาลัยของแท็กซี่คันนี้ก็เป็นได้…