คืนและวันที่ดูแปลกหน้า แม้สบายๆ แต่ก็เปี่ยมด้วยความมุ่งหวังบางอย่าง หลายสิ่งที่ได้พบเห็นเติมเต็มความรู้สึกที่ได้รับจากการเดินทาง จากดินแดนเหนือสุดของเวียดนามประเทศเพื่อนบ้าน ตอนนี้เรากำลังไต่ตามแผ่นดินแคบๆ ที่เลียบท้องทะเลมาถึงเมืองมรดกโลกลือชื่ออย่าง ‘ฮอยอัน’ และในระหว่างเส้นทางอันยาวไกลเราได้พบใบหน้าที่หลากหลายของคนท้องถิ่น ความเอื้ออารีโอภาปราศรัยที่มีให้กับคนแปลกหน้าอย่างเราเป็นสิ่งที่ผมไม่รู้สึกแตกต่างตามประสาชาวเอเชียด้วยกัน
แต่ก็มีอยู่บางครั้งในประสบการณ์ที่พานพบที่ฮอยอันแห่งนี้ที่กลายเป็นความหลังฝังใจ แม้รอยระลึกนั้นจะไม่ลึกล้ำหรือเป็นความรู้สึกที่ยากจะลืมแต่ประการใด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นอาจจะคล้ายเยื่อใยบางๆ ของชุดผ้าอ๋าวใหญ่สีขาวที่ดูสวยงาม เปิดเผย แต่ก็ลึกลับอยู่ในที
หลายวันของการเที่ยวในเมืองเก่าแห่งนี้ของดินแดนเวียดนาม ผมไม่ได้เฉียดกรายหรือรู้สึกถูกเรียกร้องให้เดินทางออกจากเขตเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารครึ่งไม้ครึ่งปูนแบบร้านค้าโบราณเมื่อหลายร้อยปีก่อน ร้านรวงในขนาดน่ารักและขายสินค้าฝีมือ การใช้เวลาอาหารข้างทางที่รสชาติแปลกแต่อร่อย ราคาถูกและมีรูปทรงสีสันน่ามอง และการเดินเล่นข้ามสะพานลัดเลาะไปตามแม่น้ำทูบน (Thu Bon) ซึ่งเป็นสายน้ำแห่งฮอยอัน
กระทั่งวันหนึ่งเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่า เราสามารถเช่าหาจักรยานในราคาหนึ่งดอลลาร์ต่อวันขี่ออกไปเที่ยวชายหาด Cua Dai (ผมไม่แน่ใจจนกระทั่งบัดนี้ว่าจะออกเสียงเป็นภาษาเวียดนามว่ากระไร) ในรัศมีประมาณสี่ถึงห้ากิโลเมตรออกไปทางตะวันออกของตัวเมือง สภาพถนนแม้จะไม่กว้างขวางแต่ก็เป็นทางลาดยางที่ดีพอใช้ มีรถราและมอเตอร์ไซค์แล่นสวนไปมาบ้างแต่ไม่หนาแน่นนัก บนสองข้างทางผ่านร้านค้า บ้านเรือน ทุ่งนา ที่ริมน้ำที่มีป่าคล้ายๆ ป่าจากหรือป่าริมน้ำ ฟาร์มกุ้งหรือปลา ร้านอาหารริมน้ำ รีสอร์ต ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้กลายเป็นความบันเทิงเมื่อเราปั่นจักรยานผ่านไปพบเจอเป็นครั้งแรก มันคล้ายเป็นความแปลกหูแปลกตามากกว่าสิ่งที่ได้พบเจอเดิมๆ ในเมืองเก่าเมื่อสองสามวันที่แล้ว
เมื่อเข้าใกล้แถบชายหาดและริมทะเลแม้จะยังไม่ทันได้กลิ่นเกลือทะเล แต่จากร้านค้าที่ขายเสื้อผ้าและของเล่นเป่าลมสีสดใสและบริการรับฝากรถจักรยานและมอเตอร์ไซค์ ที่รอท่าอยู่ตรงเกือบจะปลายสุดถนนก็ทำให้เรารู้ว่าการเดินทางสิ้นสุดลงแล้ว ต้องเอาจักรยานเข้าไปจอดจ่ายค่าบริการประมาณสิบบาทไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับเราเพราะที่เมืองไทย เวลาไปชายหาดหรือริมทะเลคือสถานที่ที่เราจะพบกับอิสรภาพอยากทำอะไรก็ทำ ตราบใดที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน แต่ที่นี่ แค่เดินทางถึงทางเข้าที่ไม่มีขอบเขตชัดเจน เขาก็ห้ามนักท่องเที่ยวเอาจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เข้าไปตรงชายหาดเสียแล้ว เป็นเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจโดยเฉพาะเมื่อยังเห็นคนเวียดนามขี่มอเตอร์ไซค์เลยจุดนี้เข้าไปได้
ในบางความรู้สึกผมก็คิดว่าชายหาด Cua Dai เมืองฮอยอันช่างคลับคล้ายคลับคลากับท้องทะเลและชายหาดบางแห่งของบ้านเรา เพียงแต่สงบมากกว่าและสะอาดกว่า ผู้คนและร้านค้าพลุกพล่านน้อยกว่าคนเวียดนามที่เดินทางมาเที่ยวจากที่อื่นก็อยู่ในชุดเสื้อผ้าเต็มตัวกันเกือบทุกคน หาได้ใส่ชุดว่ายน้ำหรือชุดเดินเล่นชายหาดเหมือนกับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกจำนวนหนึ่งที่ได้เห็น แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าทะเลที่นี่มีคลื่นแรงซัดสาดเข้าฝั่งจนไม่น่าที่จะทำให้อยากลงไปแช่น้ำ
ด้วยบรรยากาศที่ปลอดโปร่งและเส้นขอบฟ้านอกชายฝั่งที่เวิ้งว้างกว้างไกลของทะเลจีนใต้ ผมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องเศร้าๆ ของชะตากรรมชาวเวียดนามที่จะต้องละทิ้งมาตุภูมิขึ้นเรือหนีพิษภัยของสงครามออกไปเป็นโบ้ตพีเพิ่ล เผชิญกับความเลวร้ายสารพัดกว่าจะถึงชายฝั่งของประเทศที่ต้องการลี้ภัย นอกจากการเดินสำรวจชายฝั่งซึ่งมีทั้งภาพชีวิตและธรรมชาติ ผมก็สังเกตเห็นว่าเรากำลังตกเป็นเป้านิ่งให้กับแม่ค้าคนท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้หมวกงอบแบบเวียดนาม อันเป็นเครื่องหมายการค้าหลายคน ที่พากระจาดสินค้าและหาบผลไม้สดเดินเร่เข้ามาหาเราในขณะที่ผมกำลังนั่งชมทะเลอยู่อย่างผ่อนคลายปล่อยจิตปล่อยใจ
ไม่เพียงแต่ผมเท่านั้นที่เป็นเป้าหมายให้กับแม่ค้าเหล่านี้ นักท่องเที่ยวทุกคนที่ปรากฏตัวขึ้นบนหาดทั้งฝรั่งหรือคนเวียดนามด้วยกันต่างก็ต้องได้รับการต้อนรับจากแม่ค้าประจำหาด Cua Dai ด้วยกันทั้งนั้น แม้จะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวเมื่อถูกตื้อหรือนั่งขนาบอยู่ไม่ห่างคล้ายจะคอยดูว่าเราต้องการอะไรไหม อยากจะอุดหนุนอะไรหรือไม่จากเธอคนใดคนหนึ่ง แต่ผมก็ไม่บังอาจหรือมีปัญญาที่จะบอกปัดเธออย่างเด็ดขาด ได้แต่ปล่อยให้เธอนั่งของเธอไปและผมก็นั่งมองฟ้ามองทะเลอยู่อย่างนั้น
นานจนกระทั่งความรู้สึกอึดอัดก่อตัวขึ้นมาเอง ทำให้อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองตะกร้าหรือกระจาดใบย่อมๆ ที่เธอใช้บรรทุกข้าวของออกมาขายที่ชายหาด มันมีขนมขบเคี้ยวหลายยี่ห้อ ผลไม้สดจำพวกกล้วย ส้ม ฯลฯ แม้จะไม่มากมายแต่ก็แลดูมีน้ำหนัก และความมีน้ำหนักนั้นคงจะเทียบไม่ได้กับความรู้สึกอันหนักหน่วงของพวกเธอหากมันขายไม่ได้เลยหรือขายได้น้อยชิ้น
สุดท้ายเราก็ตกลงใจที่จะอุดหนุนอะไรจากเธอสักอย่างแม้จะไม่ต้องการหรือกระหายสิ่งใดในตอนนั้น ผมเพียงแต่ต้องการหยิบยื่นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเธอ แม่ค้าผู้ซึ่งไม่รบเร้าแต่ก็เฝ้าติดตามอยู่ไม่ห่าง ผมถามราคาเมนทอสรสผลไม้จากเธอแล้วก็หยิบมันมาแท่งหนึ่ง แต่พอจ่ายเงินให้เธอไปแล้วเธอก็ยังไม่ยอมเคลื่อนย้ายไปไหน เราสนทนากันผ่านทางสายตา สีหน้าและการส่งภาษามือกันเป็นส่วนใหญ่ ผมเลยไม่รู้ถึงความคิดของเธอ ได้แต่ตีความสิ่งที่เธอเล่าออกมาว่า วันนี้ขายของไม่ค่อยได้ และก็เพิ่งจะขายขนมแท่งนี้ให้ผมด้วยค่างวดแสนจะเล็กน้อย ได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดี ผมแกะห่อขนมออกมาแล้วถามเธอว่าเคยลองกินบ้างไหม และอยากจะลองกินดูหรือไม่
เธอรับขนมเม็ดสองเม็ดไปบอกว่าได้แต่ขายไม่เคยกินดูสักครั้งแล้วก็ส่งยิ้มแบบซื่อๆ มาให้เรา ผมรู้สึกได้ว่าราคาขนมที่จ่ายให้กับเธอเทียบไม่ได้กับค่างวดของรอยยิ้มของแม่ค้าท้องถิ่นที่ทั้งแทนมิตรไมตรีและคำขอบคุณแบบง่ายๆ ให้กับเรา
ในระหว่างการเดินทางและความรู้สึกผ่อนคลายต่อหน้าท้องทะเลและชายหาดอันไพศาล เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการขี่จักรยานออกไปนอกตัวเมืองฮอยอันเพื่อไปทรุดตัวลงนั่งมองฟ้ามองทะเลริมหาด Cua Dai ได้นำความรู้สึกบรรลุในด้านหนึ่งของการเดินทางที่ทำให้เราเห็นฮอยอันได้ครบเกือบจะทุกด้าน แต่อีกด้านหนึ่งเป็นความรู้สึกภายในของตัวเองมากกว่ากับการได้เห็นและได้รับรอยยิ้ม อันตรงไปตรงมาของชาวบ้านที่ทำงานหนักด้วยการรอท่าคนมาซื้อหาข้าวของจากกระจาดสินค้าของเธอ ซึ่งเป็นชีวิตที่น่าจะเหน็ดเหนื่อยและยากไร้พอสมควรแตกต่างไปจากเรื่องราวและภาพของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่ที่หาดแห่งนี้ซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วย
ผมได้หันกลับมามองตัวเองว่า ไม่สำคัญหรอกว่าเราทำอะไรอยู่ที่ไหน สำคัญที่เรากำลังค้นพบอะไรในการเดินทางและระหว่างการใช้ชีวิตมากกว่า