Skip to main content

นาฏกรรมชีวิตและเรื่องราวแห่งการกินของผู้คนที่ ‘นครปฐม’ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ติดๆ กัน ผมจะมีโอกาสแวะเที่ยวชมและเที่ยวชิมขนม ข้าวปลาอาหารและเมียงมองชีวิตของผู้คนในเมืองส้มโอหวาน ข้าวสารขาวถึงสองครั้งสองครา ซึ่งแต่ละครั้งคราเป็นต้องอดสงสัยไม่ได้ว่าในเมืองแห่งนี้ทำไมจึงมีการขายอาหารกันเป็นล่ำเป็นสัน ที่สำคัญยังมีรสชาติดีถูกปากถูกใจคนบ้านใกล้บ้านไกล ชนิดที่ว่าไม่ต้องรู้จักชื่อเสียงหรือมีป้ายโฆษณาชวนเชื่อ แค่ลองแวะชิมอาหารรถเข็นหรือตามสองข้างทางสักร้านในเมืองนครปฐมเป็นต้องอร่อยติดใจเกือบจะทุกรายไป

หลายครั้งก่อนที่ได้แวะไปชิมข้าวหมูแดงกลางเมืองนครปฐม (เมืองนี้ยังมีชื่อเรื่องการเลี้ยงหมูเป็นล่ำเป็นสัน) ตรงข้างๆ คลองที่มีร้านอาหารและขนมขายเรียงรายกันอยู่หลายเจ้าก็ทำให้ติดอกติดใจอยากหาโอกาสกลับไปลิ้มรสอีกครั้ง ที่ร้านแห่งนั้นนอกจากจะเสิร์ฟข้าวหมูแดงรสดีแล้วยังมีน้ำส้มคั้นสดราคาถูก แค่ขวดละ 10 บาทเอาไว้ให้แก้รสเลี่ยนมันของอาหารคาวได้ดี เมื่อกินข้าวหมูแดงเสร็จแล้วเดินต่อลงมาอีกสักหน่อยก็จะถึงร้านลอดช่องใบเตย รสกะทิหวานหอมมัน กินแล้วชื่นใจคลายร้อน ขายแค่ถ้วยละ 12 บาท (แต่ตอนนี้ปรับราคาขึ้นเป็น 14 บาทแล้ว)

อีกครั้งหนึ่งต่อมาเมื่อได้กลับไปเยือนถนนสายอาหารริมคลองตรงข้ามองค์พระปฐมเจดีย์แห่งนี้อีกครั้งก็พบว่าอาหารอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวไก่ หรือแผงขายส้มตำ ลาบหมู ไก่ย่าง ที่อยู่ถัดๆไปก็ล้วนมีรสชาติดีและขายดิบขายดีเช่นกัน โดยเฉพาะร้านส้มตำแห่งนี้ยังมี ‘ตำหลดบัว’ ซึ่งเป็นสายบัวอ่อนกรอบตำปูให้ลองชิมอีกด้วย ตำหลดบัวที่ว่านี้ยังมีขายกันอีกหลายร้านในนครปฐมและผมก็เพิ่งจะได้ชิมเป็นครั้งแรกที่นี่เอง

20080605 1
ตำหลดบัว

ร้านไอติมไอส์เบิร์กที่อยู่ละแวกเดียวกันกับแผงค้าอาหารย่านนี้ก็ถือว่าเป็นร้านเด่นดังของที่นี่ ด้วยว่าเปิดขายกันวันเว้นวัน (ทางร้านบอกว่าเปิดเฉพาะวันเลนคู่) และเปิดขายเอาตอนบ่ายสองโมงเป็นต้นไป ได้ยินกิตติศัพท์ถึงรสชาติอร่อยราคาไม่แพงของไอติมรสผลไม้ตามฤดูกาลของที่ร้านแห่งนี้ แต่ก็ไม่ทันได้ชิมเนื่องด้วยครั้งแรกที่ไปเป็นวันเลขคี่ซึ่งร้านปิด เพราะต้องหยุดทำไอติม

ใช่ว่าบรรยากาศและเรื่องราวแห่งการกินที่เมืองพระปฐมเจดีย์จะฟู่ฟ่าเฉพาะตอนกลางวันดังที่ว่ามาเท่านั้น หากใครที่ชื่นชอบการออกไปหาอะไรกินนอกบ้าน ย่อมจะต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของตลาดโต้รุ่งหน้าองค์พระฯ ซึ่งเป็นตลาดอาหารที่อยู่บริเวณลานพระปฐมเจดีย์นั่นเอง ตลาดแห่งนี้เปิดขายตอนเย็นประมาณหกโมงเย็นเป็นต้นไปจนถึงยามค่ำคืนดึกดื่น และเป็นที่นิยมของคนในจังหวัด ทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร สนามจันทร์ ทั้งบรรยากาศนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจึงมีความคึกคักทั้งอาหารที่ขายและผู้คนที่เดินเลือกอาหารว่าจะปลงใจกับร้านใดดี

20080605 2
ตลาดหน้าองค์พระ

ที่ตลาดอาหารแห่งนี้เองหลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อเสียงของร้านไอศกรีมลอยฟ้า ที่มีการโยนลูกไอติมขึ้นไปแล้วให้ลูกค้าได้ลองถือถ้วยไปรองไอติมเอาไว้ ใครรับไอติมที่ลอยลงไปตกลงในถ้วยได้พอดี รับรองว่าได้กินไอติมถ้วยนั้นฟรี จึงมีเด็กๆ วัยรุ่นและนักท่องเที่ยวเข้าไปมุงและผลัดกันลองทดสอบฝีมือรับไอติมกันเนืองแน่หน้าร้านอยู่เสมอ

20080605 3
ไอศกรีมลอยฟ้า

ถนนสายอาหารในยามค่ำคืนที่ตลาดองค์พระฯ แบ่งออกเป็นสองช่องทาง และแต่ละเลนก็มีร้านรวงเรียงรายนับสิบยี่สิบร้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นขนมครก น้ำแข็งไส ไก่ย่าง สเต๊ก ผัดไท หอยทอด ข้าวมันไก่ เย็นตาโฟหรือก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ทุกรส ฯลฯ ล้วนมีให้เลือกอย่างละลานตาแทบจะเลือกไม่ถูก แม้ว่าน้ำลายและน้ำย่อยในกระเพาะได้ถูกกระตุ้นให้หลั่งไหลออกมารอแล้วก็ตาม

20080605 4

เดินทางในเอเชียและที่อื่นๆ มาก็หลายประเทศ ผมไม่เคยเห็นว่าจะมีประเทศใดที่จะมีการขายอาหารกันเป็นตลาด โดยเฉพาะแบบตลาดโต้รุ่งได้คึกคักหลากหลายได้เท่าเมืองไทย และแค่ตลาดหน้าองค์พระฯ ยามค่ำคืนที่นครปฐมแห่งนี้ที่เดียวก็แทบจะทำให้หลายๆ ประเทศในโลกหันมาค้อนขวับในความหลากหลายของบรรยากาศการกินอาหารนอกบ้านของคนไทยได้ทีเดียว

อาหารแบบนี้ใช่หรือไม่ที่เป็นอาหารจานด่วนราคาประหยัด (สนนราคา 25 – 35 บาทต่อจานหรือชาม) สำหรับคนไทยโดยไม่ต้องพึ่งพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ ฮ็อตดอก หรือแซนด์วิชตามร้านหัวนอก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น Junk Food จานด่วนมาจากตะวันตก ขอแค่ข้าวแกงที่มีข้าวหอมมะลิร้อนๆ ราดกับข้าวสักอย่างสองอย่าง หรือได้บะหมี่ร้อนๆ สักชาม คนไทยก็อิ่มได้อย่างถูกใจและยังถูกสตางค์กว่าด้วย

ระหว่างการเดินเลือกดูอาหารว่าจะพาท้องว่างๆ ไปเติมที่ร้านใด ซึ่งต้องเล็งและเลือกให้ดี เพราะว่าแม้อาหารจะมีหลายร้านและหลากรสปานใด แต่คนเราก็มีได้แค่ ‘หนึ่งอิ่ม’ เท่านั้นเอง ผมไปถูกใจเนื้อหมูย่างที่หั่นสไลด์ได้บางที่โชว์อยู่ในตู้ไม้ใบเก่าเคียงเส้นบะหมี่ที่ม้วนกองดูน่ากินที่หน้าร้านบะหมี่เกี๊ยวเจ้าหนึ่ง ซึ่งพอดีมีโต๊ะว่างให้นั่งรอคนขายมารับอาหารที่เราจะสั่ง แต่ใช่ว่ามีที่นั่งและจะได้สั่งและได้ลิ้มลองรสชาติบะหมี่เจ้านี้ที่ดูน่ากินอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นผมสังเกตว่ามีหลายคิวที่ซื้อกลับบ้าน หลายคนที่มาก่อนและยังต้องนั่งรอ สักพักหนึ่งในคนขายที่เป็นชายหนุ่มหันมาบอกว่า...นานสักหน่อยนะครับ ประหนึ่งว่าถ้ายังสมัครใจจะกินก็นั่งรอไปก่อน

20080605 5
จอนยาวบะหมี่เกี๊ยว

นั่งรอกันไปเรื่อยๆ ได้สักเกือบยี่สิบนาทีกว่าจะมีการเดินมาสั่งอาหารและลำเลียงบะหมี่เกี๊ยวน้ำหมูแดงร้อนๆ ในชามมาเสิร์ฟในเวลาต่อมาไม่นาน รสชาติที่ว่านั้นก็อร่อยใช้ได้ นอกจากจะมีหมูแดงหั่นบางๆ แล้วยังมีหมูบะช่อเป็นแผ่นๆ ใส่มาในชามด้วย และน้ำซุปแม้จะมีรสจืดไปสักหน่อยแต่ก็ได้รับรู้ได้ว่าปรุงมาอย่างตั้งใจ...

ในจังหวะแห่งการรอคอยอาหารมื้อเย็นจะมาถึงบนโต๊ะบะหมี่ว่างๆ แห่งนั้น สายตาผมเหลือบมอง ‘พวงพริก’ บนโต๊ะที่ตั้งรอให้ลูกค้าได้ตักไปปรุงรสบะหมี่ของตัวเอง มันไม่ใช่พวงพริกสำเร็จรูปแบบที่เราพบเห็นกันดาษดื่นตามร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไปเสียทีเดียว ด้วยว่าทั้งกระปุกแก้วที่บรรจุน้ำตาล พริกน้ำส้มและน้ำปลานั้นเป็นแบบบ้านๆ ที่ว่างอยู่บนถาดสังกะสีเคลือบแบบเก่า และทุกโต๊ะของร้านบะหมี่เกี๊ยวจอนยาวแห่งนี้ก็เป็นพวงพริกแบบเตรียมเองทั้งสิ้น

20080605 6
พวงพริกแบบจัดเอง เรียบง่าย สะดวก ประหยัด

แค่พวงพริกหนึ่งอันบอกอะไรเราบ้าง? บ่งบอกว่าร้านแห่งนี้ใส่ใจกับการจัดเตรียมเครื่องปรุงสำหรับลูกค้า (หากใครเคยขายก๋วยเตี๋ยวหรือเคยสัมผัสรับรู้ความคิดของร้านก๋วยเตี๋ยวย่อมรู้ดีว่าการเตรียมพวงพริกให้ดูสะอาดหมดจด ดูน่ากินน่าใช้ ตลอดจนการต้องห่อมัดพริก น้ำปลา น้ำส้มเตรียมไว้ถือได้ว่าเป็นงานหรือภาระอย่างหนึ่ง) อิสระจากการซื้อหาเถาพวงพริกสำเร็จรูปพลาสติกเอามาใช้ โดยไม่ปล่อยให้ความสะดวกเร่งรัดมาครอบงำแต่หันมาเตรียมโถเครื่องปรุงต่างๆ จัดใส่ถาดเตรียมไว้บอกอะไรเราบ้าง?

ท่ามกลางความโล่งว่างของอากาศเบื้องบนที่ตลาดอาหารหน้าองค์พระฯ แห่งนี้มีอยู่ ช่างเป็นความโปร่งโล่งที่ตรงกันข้ามกับความหนาแน่นคึกคักในแนวราบของแผงค้าอาหารที่เบียดกันผัด เสิร์ฟ และสนองความอิ่มท้องให้ผู้คน ณ ที่แห่งนั้น

‘หนึ่งอิ่ม’ ของค่ำนั้นกับการได้ไปเยือนนครปฐมเพื่อเมียงมองและลิ้มลองรสชาติอาหารอันรุ่มรวยหลากหลายให้อะไรมากกว่าการได้ไปอิ่มแก่ผมจริงๆ

บล็อกของ อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง

อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
หากเลือกได้เราอยากจะให้ในพื้นที่ของชีวิตเติมเต็มด้วยสิ่งใด? เสื้อผ้าอาภรณ์สวยๆ งามๆ เงินทอง ความสมบูรณ์พูนสุขทางวัตถุหรือการอิ่มเต็มในจิตใจ... มีเพียงคำถามแต่ไม่มีปลายทางของคำตอบ เพราะว่าการแสวงหาความหมายในชีวิต ว่าในชีวิตหนึ่งหนึ่งคนเราเกิดมาเพื่อค้นหาหรือเสาะแสวงหาสิ่งใดมาเติมเต็มให้กับชีวิตตัวเอง ล้วนเป็นปรัชญาและเป้าหมายสูงสุดประการหนึ่งในการเกิดมามีชีวิตของคนเราทุกคน
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผู้หญิง งูและลวดลายแห่งพรรณพฤกษา จะก่อเกิดเป็นเรื่องราวใดบ้างนอกเหนือจากความฝันรัญจวนถึงสิ่งที่ลี้ลับน่าหลงใหลดั่งคำบอกเล่าถึงนางไม้ที่อาจจะมีตัวตนจริงๆ หรือเป็นเพียงเงาร่ายลายลวงท่ามกลางพงตึกและป่าคอนกรีตอันร้อนระอุแห่งเมืองกรุง บ่ายวันหนึ่งเราจงใจเดินทางไปกลางซอยทองหล่อ ย่านที่มีร้านอาหารมีระดับ ร้านค้าหรูหรา และย่านการค้าในบรรยากาศที่ไม่คล้ายเดินอยู่ในเมืองไทยเท่าใดนัก เพื่อไปชมนิทรรศการภาพเขียนของนวลตอง ประสานทอง ในชื่องานสั้นๆ ว่า ‘NYMPH’
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
วันหนึ่งปลายฤดูหนาวของลอนดอน ณ Natural History Museum ย่าน South Kensington เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมมีโอกาสได้ไปเดินชมนิทรรศการภาพถ่ายทางอากาศนิทรรศการหนึ่ง จำความรู้สึกของตัวเองขณะนั่งรถไฟใต้ดินไปที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ว่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่กำลังจะได้ชมภาพถ่ายเหล่านี้ที่กำลังแสดงอยู่อย่างใกล้ชิด “Earth From Above” By Yann Arthus-Bertrand…สาเหตุก็คือเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้นไปอีก ผมได้เห็นหนังสือชื่อเดียวกันนี้เป็นหนังสือปกแข็งขนาดเขื่องวางขายอยู่ในร้านหนังสือต่างประเทศในกรุงเทพฯ…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
นาฏกรรมชีวิตและเรื่องราวแห่งการกินของผู้คนที่ ‘นครปฐม’ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ติดๆ กัน ผมจะมีโอกาสแวะเที่ยวชมและเที่ยวชิมขนม ข้าวปลาอาหารและเมียงมองชีวิตของผู้คนในเมืองส้มโอหวาน ข้าวสารขาวถึงสองครั้งสองครา ซึ่งแต่ละครั้งคราเป็นต้องอดสงสัยไม่ได้ว่าในเมืองแห่งนี้ทำไมจึงมีการขายอาหารกันเป็นล่ำเป็นสัน ที่สำคัญยังมีรสชาติดีถูกปากถูกใจคนบ้านใกล้บ้านไกล ชนิดที่ว่าไม่ต้องรู้จักชื่อเสียงหรือมีป้ายโฆษณาชวนเชื่อ แค่ลองแวะชิมอาหารรถเข็นหรือตามสองข้างทางสักร้านในเมืองนครปฐมเป็นต้องอร่อยติดใจเกือบจะทุกรายไปหลายครั้งก่อนที่ได้แวะไปชิมข้าวหมูแดงกลางเมืองนครปฐม (…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
‘ทุ่งแสงตะวัน’ เป็นรายการโทรทัศน์เพื่อเด็กและเยาวชนที่รู้จักกันดีทั้งในแง่ฝีไม้ลายมือผู้ผลิตและความคิดสร้างสรรค์ ออกเดินโลดแล่นผ่านสายตาผู้ชมทีวีมาเมื่อสิบหกปีที่แล้วและยังคงเดินหน้าทำรายการทีวีที่น่ารักและมีแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมต่อไป แม้ไม่ได้อยู่หน้ากล้องในฐานะพิธีกรเดินเรื่อง แต่ สุริยนต์ จองลีพันธ์ หนึ่งในผู้บริหารบริษัท ป่าใหญ่ ครีเอชั่นฯ กลับมีความสำคัญในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังรายการเล็กๆ ที่งดงามนี้ด้วยการเป็นครีเอทีฟและผู้ดูแลการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
เด็กสาวทำงานแต่งกายในชุดส่าหรีสีสดเทินกิ่งไม้ไว้บนศีรษะกำลังเดินกลับบ้าน ลูกลิงแสนซนที่ปีนป่ายลูกกรง หญิงชราผู้ค่อยๆ ต่อยก้อนหินให้แตกออกจนเป็นกรวดด้วยมือเปล่า รถสามล้อเก่าผุพังในสีขาวดำ สวามีผู้เร้นกายขึ้นไปปลีกวิเวกอยู่ในถ้ำเล็กๆ เหนือบันไดเจ็ดร้อยขั้น หนุ่มช้ำรักผู้ทำท่าเบื่อโลกนั่งอยู่หน้าโรงหนัง...
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
...โอ๊ตเกิดที่ฉะเชิงเทรา จังหวัดหนึ่งในไทย ได้บวชเป็นพระสามอาทิตย์ในปี 2548 ที่วัดสามกอ นอกจากมีงานประจำแล้ว โอ๊ตยังทำงาน อาสาหน่วยแพทย์กู้ชีวิตวชิระพยาบาลในกรุงเทพฯ และย่านแหล่งท่องเที่ยว เป็นอาสาสายตรวจตำรวจจักรยานที่อยุธยาเพื่อดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวด้วย ที่ ‘สปินน์ คาเฟ่’ มีค็อกเทลให้เลือกมากมาย นอกจากเขาทำค็อกเทล พิงค์เลดี้ หรือพุซซีแค็ทแล้ว เขายังสามารถบอกแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับจักรยานได้อีกด้วย สามารถสอนคุณนานกว่าชั่วโมงก็ยังได้ และตอนนี้เขากำลังเรียนภาษาจีนอยู่ แต่เขาพูดตลก เก่งมาก…     ข้างความข้างต้นปรากฏอยู่ในหน้า About Us ของเว็บไซต์ www.spinn.cn…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
หน้าร้อนกับการไปทะเลเป็นของคู่กัน เปรียบแล้วก็เหมือนข้าวเหนียวมูลกับมะม่วงสุกรสอร่อยที่กำลังนิยมในช่วงยามนี้ แต่การนั่งอยู่กับบ้านวันดีคืนดีก็ยังอาจจะมีผู้หวังดีหิ้วเอาข้าวเหนียมมะม่วงมาฝากเราได้ ไม่เหมือนกับการออกไปค้นหาหรือเดินทางไปหา “ทะเลดีๆ” ที่จะช่วยคลายร้อนทั้งกายและใจ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะต้องพาตัวเองฝ่าความร้อนของสภาพอากาศออกไปจนกว่าจะถึงจุดหมาย 
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
‘ตั้ม’ อาจจะเป็นชื่อเล่นของใครก็ได้ แต่คงมีคนเดียวเท่านั้นที่ชื่อจริงว่า ‘วิศุทธิ์ พรนิมิตร’ตั้มเป็นนักเขียน เจ้าของผลงานหนังสือหลายเล่ม เช่น hesheit, ควันใต้หมวก หรือประสบการณ์ส่วนตัวตอนที่ไปอยู่ญี่ปุ่นในชื่อ “ตั้มกับญี่ปุ่น” ฯลฯ แต่คุณอาจจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นนักเขียนเพราะพลิกดูผลงานของเขาแล้วล้วนแต่เป็นการ์ตูนตั้มเป็นนักเขียน...เขียนการ์ตูน ใครบางคนอาจจะสรุปอย่างนั้น..........................................
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
สำรวจลงไปในกระเป๋าหรือย่ามของความฝัน พบสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ก้นย่ามคือการทำร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีมุมหนังสือวางเอาไว้ให้คนจิบกาแฟละเมียดตัวอักษร
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมไม่แน่ใจว่าจะวางคำว่า ‘ของ’ เอาไว้ตรงไหนดี ระหว่างคำว่าช้างกับวิวช้าง‘ของ’วิว หรือว่า วิว‘ของ’ช้าง กันแน่...แม้ไม่แน่ใจแต่ผมรู้ดีว่าวิวชอบช้าง (ที่ไม่แน่ใจคือช้างจะชอบวิวด้วยหรือไม่) และเขียนรูปช้างมานานแล้วช้างที่เกิดจากปลายพู่กันและปลายนิ้วของวิวที่ถูกเกลี่ยกลบถมทับวาดเส้นและลากสีจนเกิดเป็นภาพและเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับช้างนั้น ถ้าหากว่ามีใครเคยนับช้างของวิวคงเป็นช้างแห่งสีสันโขลงใหญ่นับไม่ถ้วนเลยทีเดียววิวเขียนรูปช้างแค่ให้รู้หรือดูออกว่าเป็นช้าง แม้จะมีงวง มีหาง มีตา แต่รูปร่างก็อ้วนป้อม ซ้ำสีสันตัวช้างก็แตกต่างออกไปจากช้างที่เหมือนจริง ช้างของวิวจึงไม่เหมือนและไม่ใช่ช้างจริงๆ…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ฉากแรก เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย มีแววตาเป็นประกาย ด้วยอิริยาบถที่สบายๆ และการพูดคุยที่ดูเป็นธรรมชาติ เราได้เห็นว่าเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มอะไรสักอย่างที่มีสีเขียวเข้ม โดยมีชายอีกคนหนึ่งคอยจดจ้องดูสิ่งที่เธอทำ พร้อมกับถามว่าเธอใส่อะไรลงไปในเครื่องปั่นเพื่อทำเครื่องดื่มชนิดนี้บ้าง... “ฉันก็เอาผักที่มีในตู้เย็นทุกอย่างใส่เข้าไป...คะน้า แตงกวา...ผักทุกอย่างที่มีสีเขียว แล้วก็ดื่มมัน” เธอว่า เสร็จแล้วเธอก็บรรจงเทเครื่องดื่มที่ทำอยู่ลงในแก้วที่มีก้านทรงสวย แล้วยื่นให้กับชายคนนั้น ตอนนี้เครื่องดื่มที่เธอทำแลดูเป็นเครื่องดื่มสำหรับวาระพิเศษ มิใช่น้ำผักปั่นที่เธอทำดื่มเองอยู่เป็นประจำ “…