Skip to main content

‘ตั้ม’ อาจจะเป็นชื่อเล่นของใครก็ได้ แต่คงมีคนเดียวเท่านั้นที่ชื่อจริงว่า ‘วิศุทธิ์ พรนิมิตร’

20080403 วิศุทธิ์ พรนิมิตร

ตั้มเป็นนักเขียน เจ้าของผลงานหนังสือหลายเล่ม เช่น hesheit, ควันใต้หมวก หรือประสบการณ์ส่วนตัวตอนที่ไปอยู่ญี่ปุ่นในชื่อ “ตั้มกับญี่ปุ่น” ฯลฯ แต่คุณอาจจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นนักเขียนเพราะพลิกดูผลงานของเขาแล้วล้วนแต่เป็นการ์ตูน

ตั้มเป็นนักเขียน...เขียนการ์ตูน ใครบางคนอาจจะสรุปอย่างนั้น

..........................................

ตั้มครอบครองกระดาษเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะกระดาษที่เป็นต้นฉบับทั้งลายเส้น ลงสี เล่าเรื่องผ่านภาพตัวการ์ตูนหลายเรื่องราวหลากอากัปกิริยาทั้งน่ารัก ยียวน ซาบซึ้งหรือชวนให้สงสัย

ในวัยที่ผ่านการใช้ชีวิตมาระยะหนึ่งหลังจบการศึกษาศิลปะจากศิลปากร ตั้มหาเลี้ยงชีพด้วยการเล่นดนตรีเป็นมือกลองให้กับวงดนตรีของเพื่อนๆ หลายวง เขียนการ์ตูน hesheit ลงนิตยสาร a day จนเลี้ยงตัวเองได้ กระทั่งวันหนึ่งคิดได้ว่าหนทางเดินของชีวิตควรจะทอดยาวไกลไปว่านั้น เขาเลยไปญี่ปุ่น

เวลาสามปีครึ่งที่ญี่ปุ่นถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเติบโตงอกงามของชีวิตและการทำงานของตั้ม ทั้งๆ ที่ตั้งใจแค่ว่าจะไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่เมืองโกเบ แต่แล้วความรักความชอบที่จะเล่าเรื่องก็ทำให้เขาดิ้นรนไปหาเช่าบาร์เล็กๆ ที่ใกล้จะเจ๊งเพื่อเปิดการแสดงแอนิเมชั่นผลงานตัวเองควบคู่ไปกับการดีดเปียโน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ตัวโน้ต เปิดขายบัตร ชวนคนมาดูอย่างง่ายๆ มีการสกรีนเสื้อยืดและทำของที่ระลึกขาย คุ้มทุนบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่สุดท้ายมันก็คือการได้ลงมือทำสิ่งที่ตัวเองชอบและฝัน

ตั้มเล่าว่าเลือกไม่ผิดที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่โกเบ เพราะเมืองนี้ยังเป็นเมืองเล็กๆ มีที่ว่างให้นั่งเล่นได้สบายอารมณ์ ผิดกับที่โตเกียวซึ่งไม่มีบรรยากาศเช่นนี้เลย จะนั่งอยู่เฉยๆ ก็รู้สึกผิด ในโกเบตั้มยังสามารถขี่จักรยานไปไหนมาไหนได้ และรู้สึกดีที่ได้อยู่กับผู้คนในแวดวงอื่นๆ ที่ไม่สนใจศิลปะหรือไม่รู้จักตัวการ์ตูนของเขาบ้าง เพราะที่เมืองไทยเขาล้วนแต่ต้องข้องแวะกับผู้คนในแวดวงศิลปะที่สวมแว่นตาสีเดียวกันตลอดเวลา

“ผมเป็นนักมองชีวิต” ตั้มว่าไว้อย่างนั้น เขาชอบใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ดูสิ่งนั้นสิ่งนี้โดยไม่ต้องคิดอะไร อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากก็ไม่ทำ ปล่อยให้เรื่องราวเกิดขึ้นภายในหัวแล้วจึงเขียนออกมาเป็นงาน

อาจเรียกได้ว่าแนวทางที่ตั้มเดินทางออกไปค้นหาที่ทางของตัวเองท่ามกลางสมรภูมิแห่งแอนิเมชั่นและตัวการ์ตูนของโลกในแดนซากุระนั้นประสบผลสำเร็จด้วยการที่เขาไม่เดินตามใครและพยายามเสนอผลงานออกไปในแบบที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด คนญี่ปุ่นหลายๆ คนชื่นชอบงานของตั้ม หลายๆ ครั้งต่อมาเวลาที่เขาเปิดการแสดงก็มีแฟนๆ จากเมืองฮอกไกโดทางเหนือนั่งรถมาซื้อตั๋วเข้าชมถึงในโตเกียว มีนิตยสารหลายเล่มมากที่สัมภาษณ์ตั้มตีพิมพ์ในญี่ปุ่น และตั้มยังมีผลงานตีพิมพ์เป็นภาษาญี่ปุ่นหลายชิ้น

“ภาษาญี่ปุ่นผมยังไม่เก่ง แต่เราก็ใช้แค่เราจะสื่อสารได้ ใช้คำง่ายๆ เขียนแบบง่ายๆ ให้พอรู้เรื่อง เช่น ไปไหน กินข้าว...คนญี่ปุ่นเขาชอบงานผม เพราะว่ามันทำให้เขาคิดถึงอดีตที่เปลี่ยนไปหมดแล้ว ทุกวันนี้การ์ตูนของญี่ปุ่นจะสวยงาม เนี้ยบมาก มีการดีไซน์จัด แต่งานของผมเป็นอารมณ์ง่ายๆ เล่าเรื่องซื่อๆ ตรงๆ แบบการ์ตูนยุค ’80” ตั้มบอกอย่างนี้

เมื่อกลับเมืองไทยมาได้สองปี ได้ทำอะไรสบายๆ และปลอดโปร่งกว่าตอนที่อยู่ญี่ปุ่นซึ่งงานเริ่มจะถาโถมจนคิดแทบไม่ทัน ตั้มเล่าว่าพอกลับมาเมืองไทยสิ่งที่ทำบ่อยที่สุดคือเข้าโรงหนัง ดูหนังเยอะมาก ชดเชยกับตอนที่ไปอยู่ญี่ปุ่นไม่มีโรงหนังดีๆ ราคาถูกอย่างในเมืองไทยให้ดู พอถึงเวลาทำงานก็เขียนงานที่ผ่านการกลั่นกรองคัดเลือกมากขึ้นส่งกลับไปที่ญี่ปุ่น

ทุกวันนี้ตั้มก็ยังเขียน เขียนถึงสิ่งที่เขาคิดอยู่ในหัว ซึ่งเขาบอกว่าจะไปกำหนดกะเกณฑ์ให้มันออกมาก็ไม่ได้ “เวลาที่คิดออก ถ้าคิดได้มันจะได้ของมันเอง จะออกมาเป็นฉากๆ เป็นซีนๆ จนจบเลย แต่ส่วนมากผมจะคิดได้เป็นประโยคมากกว่า แล้วผมก็ค่อยเล่าประโยคนั้นด้วยภาพ ผมเองเป็นคนที่อ่านอะไรยาวๆ ไม่เป็น ชอบอ่านงานพวกเซนที่เป็นประโยคสั้นๆ มากกว่า”

..........................................

วันหนึ่ง เมื่อตั้มและเพื่อนๆ ในสำนักพิมพ์ไต้ฝุ่นเปิดดูกรุกระดาษที่ตั้มครอบครองเอาไว้แล้วเห็นว่ามีผลงานต้นฉบับของตั้มอยู่มากมาย ก็เลยช่วยกันคัดเลือกและนำมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการต้นฉบับของตั้ม – วิศุทธิ์ พรนิมิตร ในชื่อง่ายๆ ตรงไปตรงมาเหมือนลีลาในการ์ตูนของเขาว่า “กระดาษ”

20080403 2

วันนี้ที่ People Space ในย่านเก่าแก่กลางเกาะรัตนโกสินทร์ที่ยังมีความงามและความว่างอย่างแพร่งภูธรก็ถูกจับจองให้เป็นพื้นที่ของตั้มในการแสดงนิทรรศการและกิจกรรมอื่นๆ เช่น การฉายแอนิเมชั่นประกอบการแสดงเปียโนให้กับคนที่สนใจและแฟนๆ หนังสือตั้มได้ชมอย่างเป็นกันเองแบบใกล้ชิด ไม่ต้องตีตั๋วไปดูถึงญี่ปุ่น

เมื่อได้ไปดูการแสดงแอนิเมชั่นและเห็นผลงานของเขาที่ใส่กรอบแขวนหรือติดปะไว้บนผนังของห้องแสดงงานเล็กๆ แห่งนี้ เรารับรู้ได้ว่าตั้มเป็นนักเขียน ...แต่การ์ตูนคือถ้อยคำและไวยากรณ์ของเขา

20080403 3

20080403 4

20080403 5

20080403 6

20080403 7

20080403 8

..........................................

“กระดาษ”
นิทรรศการต้นฉบับงานของวิศุทธิ์ พรนิมิตร
29 มีนาคมถึง 3 พฤษภาคม 2551
People Space 116 แพร่งภูธร แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
โทร. 081- 549- 002 http://people-space.blogspot.com

บล็อกของ อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง

อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
หากเลือกได้เราอยากจะให้ในพื้นที่ของชีวิตเติมเต็มด้วยสิ่งใด? เสื้อผ้าอาภรณ์สวยๆ งามๆ เงินทอง ความสมบูรณ์พูนสุขทางวัตถุหรือการอิ่มเต็มในจิตใจ... มีเพียงคำถามแต่ไม่มีปลายทางของคำตอบ เพราะว่าการแสวงหาความหมายในชีวิต ว่าในชีวิตหนึ่งหนึ่งคนเราเกิดมาเพื่อค้นหาหรือเสาะแสวงหาสิ่งใดมาเติมเต็มให้กับชีวิตตัวเอง ล้วนเป็นปรัชญาและเป้าหมายสูงสุดประการหนึ่งในการเกิดมามีชีวิตของคนเราทุกคน
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผู้หญิง งูและลวดลายแห่งพรรณพฤกษา จะก่อเกิดเป็นเรื่องราวใดบ้างนอกเหนือจากความฝันรัญจวนถึงสิ่งที่ลี้ลับน่าหลงใหลดั่งคำบอกเล่าถึงนางไม้ที่อาจจะมีตัวตนจริงๆ หรือเป็นเพียงเงาร่ายลายลวงท่ามกลางพงตึกและป่าคอนกรีตอันร้อนระอุแห่งเมืองกรุง บ่ายวันหนึ่งเราจงใจเดินทางไปกลางซอยทองหล่อ ย่านที่มีร้านอาหารมีระดับ ร้านค้าหรูหรา และย่านการค้าในบรรยากาศที่ไม่คล้ายเดินอยู่ในเมืองไทยเท่าใดนัก เพื่อไปชมนิทรรศการภาพเขียนของนวลตอง ประสานทอง ในชื่องานสั้นๆ ว่า ‘NYMPH’
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
วันหนึ่งปลายฤดูหนาวของลอนดอน ณ Natural History Museum ย่าน South Kensington เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมมีโอกาสได้ไปเดินชมนิทรรศการภาพถ่ายทางอากาศนิทรรศการหนึ่ง จำความรู้สึกของตัวเองขณะนั่งรถไฟใต้ดินไปที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ว่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่กำลังจะได้ชมภาพถ่ายเหล่านี้ที่กำลังแสดงอยู่อย่างใกล้ชิด “Earth From Above” By Yann Arthus-Bertrand…สาเหตุก็คือเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้นไปอีก ผมได้เห็นหนังสือชื่อเดียวกันนี้เป็นหนังสือปกแข็งขนาดเขื่องวางขายอยู่ในร้านหนังสือต่างประเทศในกรุงเทพฯ…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
นาฏกรรมชีวิตและเรื่องราวแห่งการกินของผู้คนที่ ‘นครปฐม’ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ติดๆ กัน ผมจะมีโอกาสแวะเที่ยวชมและเที่ยวชิมขนม ข้าวปลาอาหารและเมียงมองชีวิตของผู้คนในเมืองส้มโอหวาน ข้าวสารขาวถึงสองครั้งสองครา ซึ่งแต่ละครั้งคราเป็นต้องอดสงสัยไม่ได้ว่าในเมืองแห่งนี้ทำไมจึงมีการขายอาหารกันเป็นล่ำเป็นสัน ที่สำคัญยังมีรสชาติดีถูกปากถูกใจคนบ้านใกล้บ้านไกล ชนิดที่ว่าไม่ต้องรู้จักชื่อเสียงหรือมีป้ายโฆษณาชวนเชื่อ แค่ลองแวะชิมอาหารรถเข็นหรือตามสองข้างทางสักร้านในเมืองนครปฐมเป็นต้องอร่อยติดใจเกือบจะทุกรายไปหลายครั้งก่อนที่ได้แวะไปชิมข้าวหมูแดงกลางเมืองนครปฐม (…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
‘ทุ่งแสงตะวัน’ เป็นรายการโทรทัศน์เพื่อเด็กและเยาวชนที่รู้จักกันดีทั้งในแง่ฝีไม้ลายมือผู้ผลิตและความคิดสร้างสรรค์ ออกเดินโลดแล่นผ่านสายตาผู้ชมทีวีมาเมื่อสิบหกปีที่แล้วและยังคงเดินหน้าทำรายการทีวีที่น่ารักและมีแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมต่อไป แม้ไม่ได้อยู่หน้ากล้องในฐานะพิธีกรเดินเรื่อง แต่ สุริยนต์ จองลีพันธ์ หนึ่งในผู้บริหารบริษัท ป่าใหญ่ ครีเอชั่นฯ กลับมีความสำคัญในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังรายการเล็กๆ ที่งดงามนี้ด้วยการเป็นครีเอทีฟและผู้ดูแลการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
เด็กสาวทำงานแต่งกายในชุดส่าหรีสีสดเทินกิ่งไม้ไว้บนศีรษะกำลังเดินกลับบ้าน ลูกลิงแสนซนที่ปีนป่ายลูกกรง หญิงชราผู้ค่อยๆ ต่อยก้อนหินให้แตกออกจนเป็นกรวดด้วยมือเปล่า รถสามล้อเก่าผุพังในสีขาวดำ สวามีผู้เร้นกายขึ้นไปปลีกวิเวกอยู่ในถ้ำเล็กๆ เหนือบันไดเจ็ดร้อยขั้น หนุ่มช้ำรักผู้ทำท่าเบื่อโลกนั่งอยู่หน้าโรงหนัง...
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
...โอ๊ตเกิดที่ฉะเชิงเทรา จังหวัดหนึ่งในไทย ได้บวชเป็นพระสามอาทิตย์ในปี 2548 ที่วัดสามกอ นอกจากมีงานประจำแล้ว โอ๊ตยังทำงาน อาสาหน่วยแพทย์กู้ชีวิตวชิระพยาบาลในกรุงเทพฯ และย่านแหล่งท่องเที่ยว เป็นอาสาสายตรวจตำรวจจักรยานที่อยุธยาเพื่อดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวด้วย ที่ ‘สปินน์ คาเฟ่’ มีค็อกเทลให้เลือกมากมาย นอกจากเขาทำค็อกเทล พิงค์เลดี้ หรือพุซซีแค็ทแล้ว เขายังสามารถบอกแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับจักรยานได้อีกด้วย สามารถสอนคุณนานกว่าชั่วโมงก็ยังได้ และตอนนี้เขากำลังเรียนภาษาจีนอยู่ แต่เขาพูดตลก เก่งมาก…     ข้างความข้างต้นปรากฏอยู่ในหน้า About Us ของเว็บไซต์ www.spinn.cn…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
หน้าร้อนกับการไปทะเลเป็นของคู่กัน เปรียบแล้วก็เหมือนข้าวเหนียวมูลกับมะม่วงสุกรสอร่อยที่กำลังนิยมในช่วงยามนี้ แต่การนั่งอยู่กับบ้านวันดีคืนดีก็ยังอาจจะมีผู้หวังดีหิ้วเอาข้าวเหนียมมะม่วงมาฝากเราได้ ไม่เหมือนกับการออกไปค้นหาหรือเดินทางไปหา “ทะเลดีๆ” ที่จะช่วยคลายร้อนทั้งกายและใจ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะต้องพาตัวเองฝ่าความร้อนของสภาพอากาศออกไปจนกว่าจะถึงจุดหมาย 
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
‘ตั้ม’ อาจจะเป็นชื่อเล่นของใครก็ได้ แต่คงมีคนเดียวเท่านั้นที่ชื่อจริงว่า ‘วิศุทธิ์ พรนิมิตร’ตั้มเป็นนักเขียน เจ้าของผลงานหนังสือหลายเล่ม เช่น hesheit, ควันใต้หมวก หรือประสบการณ์ส่วนตัวตอนที่ไปอยู่ญี่ปุ่นในชื่อ “ตั้มกับญี่ปุ่น” ฯลฯ แต่คุณอาจจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นนักเขียนเพราะพลิกดูผลงานของเขาแล้วล้วนแต่เป็นการ์ตูนตั้มเป็นนักเขียน...เขียนการ์ตูน ใครบางคนอาจจะสรุปอย่างนั้น..........................................
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
สำรวจลงไปในกระเป๋าหรือย่ามของความฝัน พบสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ก้นย่ามคือการทำร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีมุมหนังสือวางเอาไว้ให้คนจิบกาแฟละเมียดตัวอักษร
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมไม่แน่ใจว่าจะวางคำว่า ‘ของ’ เอาไว้ตรงไหนดี ระหว่างคำว่าช้างกับวิวช้าง‘ของ’วิว หรือว่า วิว‘ของ’ช้าง กันแน่...แม้ไม่แน่ใจแต่ผมรู้ดีว่าวิวชอบช้าง (ที่ไม่แน่ใจคือช้างจะชอบวิวด้วยหรือไม่) และเขียนรูปช้างมานานแล้วช้างที่เกิดจากปลายพู่กันและปลายนิ้วของวิวที่ถูกเกลี่ยกลบถมทับวาดเส้นและลากสีจนเกิดเป็นภาพและเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับช้างนั้น ถ้าหากว่ามีใครเคยนับช้างของวิวคงเป็นช้างแห่งสีสันโขลงใหญ่นับไม่ถ้วนเลยทีเดียววิวเขียนรูปช้างแค่ให้รู้หรือดูออกว่าเป็นช้าง แม้จะมีงวง มีหาง มีตา แต่รูปร่างก็อ้วนป้อม ซ้ำสีสันตัวช้างก็แตกต่างออกไปจากช้างที่เหมือนจริง ช้างของวิวจึงไม่เหมือนและไม่ใช่ช้างจริงๆ…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ฉากแรก เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย มีแววตาเป็นประกาย ด้วยอิริยาบถที่สบายๆ และการพูดคุยที่ดูเป็นธรรมชาติ เราได้เห็นว่าเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มอะไรสักอย่างที่มีสีเขียวเข้ม โดยมีชายอีกคนหนึ่งคอยจดจ้องดูสิ่งที่เธอทำ พร้อมกับถามว่าเธอใส่อะไรลงไปในเครื่องปั่นเพื่อทำเครื่องดื่มชนิดนี้บ้าง... “ฉันก็เอาผักที่มีในตู้เย็นทุกอย่างใส่เข้าไป...คะน้า แตงกวา...ผักทุกอย่างที่มีสีเขียว แล้วก็ดื่มมัน” เธอว่า เสร็จแล้วเธอก็บรรจงเทเครื่องดื่มที่ทำอยู่ลงในแก้วที่มีก้านทรงสวย แล้วยื่นให้กับชายคนนั้น ตอนนี้เครื่องดื่มที่เธอทำแลดูเป็นเครื่องดื่มสำหรับวาระพิเศษ มิใช่น้ำผักปั่นที่เธอทำดื่มเองอยู่เป็นประจำ “…