Skip to main content


เรานั่งพูดคุยบนชานหน้าบ้านอย่างออกรส ส่วนใหญ่ก็จะถามไถ่ทุกข์สุขกันและกัน เลยไปถึงญาติคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เห็นหน้ากันนาน


พี่เขยขึ้นเรือนมาสมทบเมื่อสิ้นเสียงออดของโรงเรียนได้พักใหญ่

ไปเป็นการ์ดยามมา เขาให้เดือนละสี่ร้อย” พี่สาวแจง เป็นรายได้เดียวที่เหลืออยู่ของครอบครัว


ทุกๆ วันพี่เขยจึงมีหน้าที่ไปเฝ้ายามตามจุดต่างๆ ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนกันเป็นกะ บางครั้งเวลาเปลี่ยนกะก็อาศัยฟังเสียงออดของโรงเรียน


กว่าจะร่ำลากันก็บ่ายคล้อย ฉันจำต้องรับของฝากจากพี่สาวด้วยความจำใจ เพราะเธอทั้งยัดเยียดและหว่านล้อม เกลือถุงใหญ่ ถั่วเหลือง และน้ำมันที่แบ่งจากบีบอยู่ในขวดน้ำอัดลม น้ำใจคนยากที่เอ่ยกับเราว่า “เอาไปกินเถอะ มันเหลือเก็บ เดี๋ยวสิ้นเดือนก็ได้อีก”


ก่อนที่ตะวันจะพลบเรายังพอมีเวลา ฉันและสามีจึงเดินเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย เราเห็นสนามประจำป็อกคลาคล่ำไปด้วยผู้คน


สนามวอลเล่ห์บอลที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ บนที่โล่งกว้าง ชายฉกรรจ์ฝั่งละหกคนกำลังขับเคี่ยวชิงชัยชนะกันอย่างดุเดือด ฝุ่นสีแดงคลุ้งกระจายตามแรงกระแทกของบอลที่ถูกตบลงบนพื้นสนาม เสียงเชียร์ข้างสนามเร่งเร้าให้เราก้าวเบียดผู้คนไปยืนชิดขอบสนาม


คนที่นี่เขามีพรสวรรค์เรื่องเล่นวอลเล่ห์บอลจริงๆ ดูสิ ขนาดเนตยังสูงกว่ามาตรฐานด้วยซ้ำ” ฉันเอ่ยวิเคราะห์กับสามี

แล้วเขาไม่นิยมเล่นกีฬาอย่างอื่นเหรอ เช่น ตะกร้อ หรือไม่ก็ฟุตบอล”

ตะกร้อก็มีบ้าง แต่ไม่มากนัก ส่วนฟุตบอลลืมไปได้เลยเพราะไม่มีสนามกว้างขนาดนั้น”

เล่นดีกันจริงๆ น่าจะติดทีมชาติได้นะเนี้ยะ”

แต่ทีมชาติไหนก็คงไปไม่ถึง” สามีต่อคำ ดูเหมือนนอกจากการเล่นดนตรีประเภทกีต้าร์ แล้วก็มีกีฬาวอลเลห์บอลที่เป็นนิยมของผู้คนที่นี่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เป็นความบันเทิงไม่กี่อย่างที่พวกเขาจะหาได้ในพื้นที่อันจำกัด



มาทางนี้สิมีอะไรจะให้ลอง” หลังจากเราดูวอลเล่ห์บอลได้สักพักท้องก็เริ่มส่งสัญญาณเตือน เราจึงไปทานก๋วยเตี๋ยวชามละสิบบาทในร้านค้าข้างสนามจนอิ่มหนำ

เขาเรียกว่าอะไร” ฉันมองตามมือที่สามีชี้ไป เห็นกล่องใสสี่ห้ากล่องวางเรียงกัน จะเป็นขนมก็ไม่ใช่ จะเป็นอาหารก็ไม่เชิง

ขอหมาก ห้าบาท” ฉันถึงบางอ้อ เมื่อคนขายหยิบพูขึ้นมากรีดปูนสีขาว เปิดฝากระปุกหยิบส่วนผสมของหมากที่แตกต่างไปจากที่ฉันเคยเห็น ในกระปุกนั้นมีทั้ง เม็ดถั่ว อ้อยชิ้นเล็กๆ มะพร้าวคั่วน้ำตาลชุบสีแดง และอีกหลายอย่างที่สามีฉันยังนึกเป็นชื่อภาษาไทยไม่ออก

หอมจัง ได้กลิ่นนมแมวด้วย” ฉันทดสอบหมากที่ขอตั้งชื่อมันว่าหมากลูกกวาด ทั้งที่จริงมันชื่อหมากหวาน เพราะมันทั้งหอมทั้งหวาน ไม่เหมือนหมากของยายทวดที่ฉันเคยชิม


เราเดินเคี้ยวหมากหวานไปจนถึงกระท่อมหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ฉันมองเห็นเด็กพากันเอาหน้าแนบผนังกระท่อม สอดสายตาเข้าไปในรูไม้ไผ่สานอย่างสนอกสนใจ

ดูหนังกันไหม” เป็นคำชักชวนที่ฉันต้องหูผึ่ง

ในนี้นี่นะจะมีหนังให้ดู” ฉันยังไม่เชื่อหูตัวเอง

เราจ่ายค่าบัตรผ่านประตูเข้ามาในโรงหนังที่ว่าด้วยราคาเด็กสามบาท ผู้ใหญ่ห้าบาท นอกโรงหนังยังมีเด็กๆ ที่ไม่มีตังค์สามบาท ยืนเอาหน้าแนบผนังไม้ไผ่มองลอดช่องเข้ามาดู


ภายในโรงหนังค่อนข้างมืด มีเก้าอี้เรียงเป็นแถวยาวต่อกันไปสองช่วง เว้นตรงกลางสำหรับเดินเข้าออก หน้าสุดมีจอโทรทัศน์ขนาดยี่สิบสี่นิ้ว ลำโพงตัวใหญ่สองข้างส่งเสียงก้อง


เด็กเดินหนังกำลังกดเปลี่ยนแผ่นวีซีดีภาพยนตร์พม่า หนังกังฟูสมัยบรูซลีโลดแล่นบนจอแทน


เรานั่งในแถวที่สามถัดจากหน้าจอทีวี สามีทักทายหญิงสาวที่เคยรู้จัก เธอรวบผมที่ยาวปะเอวไว้ด้านซ้ายปะหน้าด้วยแป้งทานาคา ผู้หญิงที่นี่เกือบทั้งหมดนิยมนุ่งผ้าถุงและทาหน้าด้วยทานาคาจนหน้าลาย


ฉันเกือบจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก คิดอีกทีก็เก๋ดี โรงหนังวีซีดีราคาตั๋วแค่ห้าบาท แต่ก็สร้างความสำราญได้ไม่แพ้กัน


ฉันดูหนังไม่จบ ข้างในร้อนเกินไปและหนังก็เก่าจนฟังเสียงพากย์ไม่รู้เรื่อง เราเดินเรื่อยเปื่อยสักพักจนถึงหอนาฬิกากลางลานชุมชน หน้าปัดนาฬิกา Seiko บอกเวลาเกือบห้าโมง เราจึงกุลีกุจอไปที่รถ เพราะหากเลยหกโมงเย็นไปแล้ว ก็จะไม่สามารถเข้าออกศูนย์ฯได้ และที่สำคัญเราขออนุญาตทางอำเภอได้เพียงไปเช้ากลับเย็น ไม่ได้รับอนุญาตให้ค้างในศูนย์ ฯ


แต่แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ฉันก็รู้สึกว่าผูกพันกับคนและสถานที่แห่งนี้อย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าครั้งหนึ่งฉันเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ มีญาติจริงๆ อยู่ที่นี่ จนเหมือนจะรับรู้และเข้าใจหัวอกของคนที่นี่ ที่อธิบายเป็นคำพูดได้อย่างยากเย็น.

 

 

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เมื่อคืนเรานั่งดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่เราไปเที่ยวกันมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่พาลูกเดินทางไกล จากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุได้เจ็ดเดือนเศษ  มีรูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์และเที่ยวงานพืชสวนโลก 2008 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ สวยราวกับภาพถ่ายต่างเมืองที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่เมืองไทย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   เมื่อคืนลูกมีไข้ขึ้นสูง แม้เช้านี้อาการไข้ของลูกจะลดลงแล้วแต่ตัวลูกก็ยังอุ่นๆ เหมือนเครื่องอบที่เพิ่งทำงานเสร็จใหม่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกขาดโรงเรียนอีกหนึ่งวัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก หากมีคำถามจากใครสักคนถามแม่ว่า เดือนไหนของปีที่รู้สึกว่ายาวนานกว่าเดือนอื่นๆ คำตอบของแม่อาจจะแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ เพราะแม่คิดว่าเดือนที่มีจำนวนวันน้อยที่สุดเป็นเดือนที่แม่รู้สึกว่ายาวนานกว่าทุกๆเดือน
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก  นานแล้วที่แม่ไม่ได้หอมกลิ่นดอกเหงื่อ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เราได้ลงทุนครั้งใหญ่เพื่อติดตั้งน้ำประปาหลวง ทำให้บ้านของเราที่เคยแห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ดอกเหงื่อที่เกิดจากการจับจอบเสียมเพื่อขึ้นแปลงผักและปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆ ทำให้แม่มีความสุข เจริญอาหาร และอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ในชีวิตอีกบทหนึ่งก็คือ เมื่อมีพบก็ต้องมีการลาจาก และบางครั้งลูกก็อาจจะต้องเจอกับการพลัดพลาดจากบางสิ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก สิ่งที่แม่เป็นกังวลใจมาตลอดในความเข้าใจถึง “ตัวตน” ของลูกเริ่มก่อแววให้เห็นขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ลูกอายุได้เกือบสามขวบแล้ว ซึ่งทุกวันแม่จะได้รับคำถามจากลูกมากมาย เช่น ทำไมแม่ไม่ใส่ห่วงที่คอ ทำไมกระเม (หมายถึงแขกที่มาเที่ยว) มาบ้านเราล่ะแม่ ฯลฯ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก  ในยามเช้าที่สายหมอกยังไม่ทันจาง เราตื่นขึ้นด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง พวกเขาเดินมาพลางร้องเรียกไปพลาง เพื่อจะดูชาวกะเหรี่ยงคอยาวที่เขาหมายมั่นมาดู
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่แม่อยากจะเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องความรักระหว่างพ่อกับแม่ ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากคนอื่นๆในสังคม
เจนจิรา สุ
เชียงใหม่ยามเช้าที่อาเขต พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาและกำลังจะจากเมืองใหญ่ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางความเจริญในภาคเหนือของประเทศ