และนับเป็นความสำเร็จของกลุ่มนายทุนและการโปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ทำให้คนทั่วประเทศหลั่งไหลเข้ามาชมกระเหรี่ยงคอยาว จนเป็นที่รับรู้กันว่าหากจะมาดูชนเผ่าที่มหัศจรรย์ที่สุดต้องมาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแห่งนี้
หากให้แม่คำนวณจำนวนนักท่องเที่ยวด้วยสายตา ในฤดูไฮท์ซีซั่นซึ่งจะในช่วงเดือน ตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่หมู่บ้านของเราไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคนต่อวัน ลูกคิดเอาเถอะว่าจะนำรายได้เข้าสู่นายทุนสักเท่าไร
แม่คิดว่านักท่องเที่ยวที่เสียเงินเข้ามาชมกะเหรี่ยงคอยาวในหมู่บ้าน อาจจะนึกไม่ถึงว่าเงินเหล่านี้ปันส่วนให้กับชาวบ้านเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น แม้เวลาจะผ่านมาสิบปีแล้ว ชาวกระยันก็ยังคงได้รับค่าแรงเท่าเดิม ยังดีอยู่บ้างที่บางคนลงทุนซื้อของที่ระลึกมาขายให้กับนักท่องเที่ยว แม้จะไม่มากมายแต่ก็สามารถจุนเจือครอบครัวทั้งครอบครัวได้
เมื่อย่ามาอยู่เมืองไทยไม่นานก็ส่งข่าวให้ปู่พาลูกๆ ที่เหลืออพยพตามมายังฝั่งไทย
พ่อของลูกได้เดินมากับปู่ในเที่ยวหลังนี้ ตอนนั้นพ่อของลูกอายุได้เพียง 7-8 ปี จึงไม่รู้สึกว่ามันเป็นการเดินทางที่ยากลำบาก เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับทัศนียภาพรอบตัวเนื่องจากเป็นการเดินทางไกลครั้งแรกในชีวิต
หากวันนั้นย่าไม่ตัดสินใจข้ามแม่น้ำสาละวินมาขึ้นฝั่งที่ไทย แม่จะมีโอกาสได้พบพ่อของลูกไหม ? และลูกสาละวิน จะได้ถือกำเนิดขึ้นจากสองสายเลือดหรือเปล่า
ย่าที่เป็นหญิงกระยันกลุ่มแรกๆ ที่ได้เข้ามาอยู่ในไทย โดยทางไทยก็อนุโลมให้อยู่นอกศูนย์อพยพ โดยจัดตั้งเป็นหมู่บ้าน "กะเหรี่ยงคอยาว" ตามการเรียกขานของคนไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน
และไม่นานนักหมู่บ้านลักษณะดังกล่าวก็เกิดขึ้นกระจัดกระจายไปอยู่ในหลายอำเภอของภาคเหนือ (ไม่จำเพาะแค่แม่ฮ่องสอนเท่านั้น)
แม่ไม่รู้ว่าการนำเอาคนเป็นๆ มาเก็บบัตรเข้าชม เพียงเพราะเขามีวัฒนธรรมที่แตกต่าง จนกลายเป็นลักษณะพิเศษ ถูกนำไปเรียกขานให้ผิดเพี้ยนจากความจริงว่า "คอยาว" ผิดปกตินั้น ถูกสร้างขึ้นจากน้ำมือการท่องเที่ยวหรือเป็นลักษณะนิสัยดั้งเดิมของคนไทยที่ชอบดูสิ่งแปลกประหลาด
เพราะแม่สังเกตเห็นพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กัน พวกเขาจะรีบๆ เดินดูและมองหาคนแก่ที่สวมห่วงไว้ยาวที่สุด บ้างซื้อของที่ระลึกด้วยการต่อราคาแล้วต่อราคาอีก
ซ้ำร้ายนักท่องเที่ยวบางคนยังถามคำถามที่หยาบคาย อย่างเช่น ในเวลาหลับนอนกับสามี ปลอกคอที่สวมนั้นเกะกะไหม อะไรทำนองนี้ โดยไม่นึกถึงจิตใจของผู้ที่ถูกถามว่าจะรู้สึกเช่นเดียวกันไหม เพียงเพราะว่ากระยันหรือกะเหรี่ยงคอยาวที่เขาเรียกขานมีวัฒนธรรมที่แตกต่างเท่านั้น ไม่ใช่ความเป็น "คน" ที่แตกต่าง หญิงสาวรุ่นหลายคนต้องอับอายกับคำสบประมาท ในขณะที่แม่เฒ่าชินชากับคำหยาบคายจนเฉยชา
ในขณะที่ชาวต่างชาติจากประเทศที่เจริญแล้วทางอารยธรรม เขาแวะเข้ามาชมหมู่บ้านเพื่อการศึกษาเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาวัฒธรรมหรือสรีระวิทยา บางคนใช้เวลาศึกษาอาศัยอยู่กับชาวบ้านเป็นปี เพื่อสรุปข้อวิจัยของตัวเอง
สำหรับลูกของแม่เองก็มักมีคำถามจากนักท่องเที่ยวว่าโตขึ้นจะใส่ห่วงหรือเปล่า ซึ่งแม่ก็ตอบไปว่าลูกเป็นลูกชายคงจะไม่ใส่
เมื่อนักท่องเที่ยวถามต่อไปว่าแต่ถ้าหากลูกเป็นผู้หญิงล่ะ แม่จะให้ลูกใส่ห่วงคอเหมือนเช่นคนอื่นในชุมชนหรือไม่
แม่เองก็เคยนึกถามคำถามนี้กับตัวเองเช่นกัน แม่จะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งคำตอบมันก็อยู่ที่ตัวของลูกเอง เพราะหากลูกอยู่ในหมู่บ้านที่มีใครๆ ก็ใส่กันหมด แม่ว่าลูกก็คงอยากจะใส่ให้เหมือนเพื่อนและคนที่นี่
แต่แล้วพอลูกโตขึ้นมา เห็นโลกใบกว้างขึ้นจากจอโทรทัศน์ ก็คงจะเห็นว่าการสวมห่วงไว้ที่คอเป็นสิ่งที่ไม่เท่เอาเสียเลย ความเชื่อแบบโบราณที่แม่เฒ่ารุ่นราวคราวเดียวกับย่ามองว่าความสวยเกิดจากการสวมห่วงทองเหลืองไว้ที่คอให้มากที่สุดนั้น กำลังจะหมดไปในรุ่นของลูก
แม้ในขณะที่แม่บันทึกอยู่นี้ เด็กสาวหลายคนก็กำลังทอนความยาวของห่วงทองเหลืองให้สั้นลงกว่าแต่ก่อน เพื่อที่จะไม่ให้คอยาวผิดปกติ และเริ่มเชื่อตามสายตาของผู้คนที่ทะลักล้นมาดูพวกเขา มองพวกเขาเป็นตัวประหลาด เด็กสาวรุ่นใหม่ที่ไม่อยากเป็นตัวประหลาดของคนในสังคมภายนอก จึงหันมานิยมความสวยแบบกบ สุวนันท์ ดาราในจอตู้แทนความเชื่อแบบเดิมๆ ของคนรุ่นย่านั่นเอง
รักลูก
แม่