Skip to main content

 

pic01

 



มองพม่า - ก็เห็นเป็น “พม่า”?
เป็น “ประเทศ” อันเทือกผากั้นไว้?
เป็นอื่น - เป็น “เขา” …ห่างไกล?
ฝังจิตฝังใจใน “ตำนาน” ?

มองพม่า - เห็นแต่ “ทอง” ในพม่า?
เห็นแต่เพียงมูลค่ามหาศาล?
เห็นแต่ช่องเข้ากอบโกยกันเบิกบาน?
ไม่เห็นทุกข์ทรมานใดใด?


……….


ใครหนอ… ขีดคั่นคนเป็น “ไทย” – “พม่า”?
ทั้งความทุกข์ทนทรมา ความยากไร้
ความเจ็บปวด ไม่เคยมีชาติพันธุ์ใด
เจ็บเหมือนกันทุกหัวใจ – ทุกตัวตน!

ใครหนอ… ขีดเขตแดนแยกมนุษย์?
หวังวอน… เพื่อนมนุษย์จงข้ามพ้น
ใดหนอ… ที่ห่อฟ้าพร่ามัวมน?
ที่กั้น “คน” กับ “คน” ให้จนใจ?


……….


มองพม่า – เถิด, อย่าเห็นเป็น “พม่า”
เห็นรอยเลือด - รอยน้ำตานั่นไหม?
“เลือด” คือ “เลือด” ไม่เคยมี “พม่า” – “ไทย”
คือน้ำตา “คน” ร่ำไห้นองแผ่นดิน

มองพม่า, เถิด - เห็นเป็น “มนุษย์”
ขอสันติแด่มนุษย์ทุกแห่งหน
ขอความรัก ศรัทธา “คน” สู่ “คน”
หลั่งริน – ท่วมท้นทั้งโลกา

ขอความรัก ศรัทธา “คน” สู่ “คน”
นำพม่าก้าวพ้นทุรยุค!

 

 

หมายเหตุ

ผู้เขียนทราบดีว่า ประชาชนชาวไทยจำนวนไม่น้อย รู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า ทั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และที่ชาวพม่าต้องเผชิญมาตลอดหลายสิบปี ด้วยความเคารพและรู้สึกขอบคุณต่อหัวใจอันยิ่งใหญ่และกว้างขวางกว่าขอบเขตของพรมแดนใดๆ หัวใจที่อคติแห่ง “ตำนาน” ไม่สามารถทอดเงาเข้าไปบดบังได้

บทกวีนี้เขียนขึ้นเพื่อวอนขอให้อคติทั้งปวง ที่มีต่อความแตกต่างเชื้อชาติ-ภาษา ซึ่งยังคงดำรงอยู่ และกีดกั้นความอาทรระหว่างเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะมีที่มาจากสิ่งใดก็ตาม ได้โปรดจงสลายไปด้วยเถิด…

บล็อกของ กานต์ ณ กานท์

กานต์ ณ กานท์
ใครที่ได้อ่านบทความ “นายกฯ ของวิกฤตการเมือง” [1] ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่เพิ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน คงรู้สึกงุนงงไม่น้อยว่า อาจารย์นิธิ “กำลังคิดอะไรอยู่”เพราะไม่เพียงในเนื้อหาของบทความดังกล่าว อาจารย์นิธิได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรีในยามนี้ที่สุด” แต่เหตุผลของความ “เหมาะสมที่สุด” คือ “นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องกล้าเผชิญกับแรงกดดันจากกองทัพ รวมทั้งแรงกดดันจากองค์กรอิสระอีกมากที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้น อย่างอาจหาญและมีศักดิ์ศรีด้วย ดังที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้แสดงให้เห็นอย่างนุ่มนวล แต่สง่างามในครั้งนี้”…
กานต์ ณ กานท์
  โธ่เอ๋ย…ประเทศใด?เหมือนคนจับไข้นั่งไม่ติดหลอนตนว่าอยู่เมืองนิรมิตย้ำจำ ย้ำคิด กำกวมโธ่เอ๋ย… “ประชาธิปไตย”หลักการวางไว้ (หลวมๆ)ครึ่งใบ – ค่อนใบ (บวมๆ)รัฐธรรมนูญกองท่วมพานแล้ว!โธ่เอ๋ย… “ประชาชน”กี่ครั้ง กี่หน ทนแห้วแหงนคอรอฟ้าล้าแววมืดแล้ว ดึกแล้ว …ทนคอยอนิจจา… อนิจจัง…ความเอยความหวังอย่าถดถอยแม้กี่ผีซ้ำด้ามพลอยฝากรูปฝังรอยเกลื่อนเมือง โธ่เอ๋ย…ประเทศใด?หลอนตนว่าใครต่างลือเลื่องงามหรูตรูตรามลังเมลืองเฮ้ย! เมืองทั้งเมืองจะจมแล้ว!!
กานต์ ณ กานท์
  การอ้างว่าต้องเร่งผลักดันให้ "ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร"i ผ่านออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพื่อจะได้ยกเลิก "กฎอัยการศึก"ii ทั่วประเทศนั้น ฟังแล้วชวนให้รู้สึกทั้งขบขันและเศร้าใจ ผู้ที่ได้อ่านเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นี้ ย่อมซาบซึ้งดีถึงนัยยะที่นำไปสู่ความว่างเปล่าของข้ออ้างนั้น แต่ที่น่าเศร้าใจไม่แพ้กันก็คือ การที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตอบข้อท้วงติงในประเด็นความชอบธรรมของรัฐบาลและสนช.ที่มาจากการรัฐประหาร ในการร่างและพิจารณาออกกฎหมาย ด้วยการย้อนว่า "...ที่ผ่านมาสนช.ได้ผ่านกฎหมายมาเป็น 100 ฉบับ ขนาดรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายแม่ ยังออกจากสนช..."iii…
กานต์ ณ กานท์
  ฤาอีกกี่รำลึกคร่ำ- ครวญฝากคำผ่านแผ่นดิน กู่ร้องฟ้องแผ่นหิน …ก็เงียบสิ้นอยู่ฉะนี้?
กานต์ ณ กานท์