Skip to main content
 

มาริยา มหาประลัย

1

เมื่อเดือนก่อน คุณพี่เอก บก. (อันย่อมาจากบรรณาธิการ ไม่ใช่บ้ากาม) นิตยสารผู้ชายฉบับหนึ่งที่ฉันเคยอาศัยเงินเดือนเขายาไส้ แถมยังเป็นเจ้านายที่น่ารักที่สุดตั้งแต่ฉันเคยร่วมงานด้วย โทรศัพท์ตรงดิ่งวิ่งปรี่มาหาฉัน บอกว่ามีงานเขียนให้ฉันทำ คุณพี่เอกยังหยอดคำหวานปานพระเอกลิเก(ย์)อ้อนแม่ยกอีกว่า พอได้รับโจทย์ปุ๊บ หน้าฉันก็โผล่พรวดเด้งดึ๋งขึ้นมาปั๊บ เห็นทีจะเป็นลิขิตจากนรก เอ้ย! สวรรค์ชั้นเจ็ดที่ส่งให้ฉันมาเขียนเรื่องนี้ อู้ย! อยากรู้จริงเชียวว่าเรื่องอะไรหนอ...

"คุณพี่อยากให้คุณน้องเขียนเรื่อง Safe Sex ของเกย์ให้เกย์อ่าน"
อ๊ายส์!
อ๊ายยยส์!!
อ๊ายยยยยยส์!!!

ฉันร้องลั่นราวดิว่าแผดเสียงแปดหลอดพลางเอากีบตีนก่ายหน้าผาก คุณพี่เอกหนอ...เห็นฉันเป็นคนลามกเข้าหน่อย เลยหมายมั่นฟันธงว่า ฉันมีวรยุทธ์แก่กล้า สามารถถ่ายทอดกระบวนท่าลีลาหงส์ร่อนมังกรรำ ขนาดเขียนหนังสือ How to สอนคนมีเซ็กส์ได้เชียวหรือนี่ ไม่อยากจะบอกให้อายตัวเอง ข้าพเจ้านี่หนอก็มีความรู้ด้านนี้น้อยนิด เปรียบไปก็เหมือนสอบตกชั้นอนุบาน (แปลว่าบานเล็กๆ) ด้วยซ้ำ มิอาจหาญจะไปสอนใครได้หรอก เผลอๆ คนอ่านจะสมเพชด้วยซ้ำว่า "เขียนได้แค่นี้เองเหรอยะ"

ยิ่งถ้าหนังสือออกมาแล้วโดนโจมตี ฉันไม่ต้องไปขึ้นเขียงเป็นจำเลยสังคมกลางรายการอีตาสรยุทธ์เหรอเนี่ย ไม่ได้กลัวพิธีกรหรอก แต่บรรดาข้อความที่ส่งจากทางบ้านนี่สิคิดแล้วเซ็งเป็ด...

"ต๊าย! หน้าแบบนี้เคยมีอะไรกับเขาด้วยเหรอยะ",
"หน้าเหมือนซูนิโอะ เห็นแล้วหมดอารมณ์เพศ",
"เขียนหนังสือแบบนี้ทำร้ายเยาวชน",
"แว่นสวยนะเธอ หุหุ" ฯลฯ

อ๊ายส์! ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน ขออ้อมอกอุ่นๆ ให้ซุกไซ้ใบหน้าหน่อยได้ไหม!

"เอ่อ...คุณน้องครับ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า พี่ไม่ได้ให้น้องไปเขียนสอนท่าลีลาสยิวนะครับ พี่จะให้น้องเขียนเกี่ยวกับการป้องกันโรคเอดส์ในเกย์ เขียนในเชิงมิติทางสังคมและวัฒนธรรมน่ะครับ พี่ว่าน้องน่าจะถนัด" คุณพี่เอกหว่านล้อม

"เราน่าจะทำอะไรเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกย์ด้วยกันบ้างนะคุณน้อง ว่าไหม" พี่ท่านทิ้งท้ายไว้อย่างคมกริบ

เฮ้อ...ฉันถอนหายใจโล่งอก แม้ว่าจะเสียดายอยู่ไม่น้อยที่อดใช้ข้ออ้างการเขียนในการ "เก็บข้อมูล" คิดดูแล้วนี่เป็นงานที่ท้าทายและมีประโยชน์น่าดูชม ไม่แน่นะ ตัวหนังสือของฉันอาจจะช่วยให้เกย์สักคนที่ได้อ่านเกิดฉุกคิดอะไรได้ ทำให้ชีวิตของเขาปลอดภัยจากโรคเอดส์ขึ้นมาได้ ฉันว่ามันก็คุ้มที่ทำอะไรเป็นประโยชน์ให้ "มวลมะตุ๊ดสะยะชาติ" ล่ะว้า อู้ย! บุญหลายแต้ๆ เน้อ!

เผื่อผลบุญกุศลอันแรงกล้านี้จะทำให้ฉันได้มีเพศสัมพันธ์กับเขาบ้างสักทีเถิ้ดดด!! อ๊ายส์!

  

2

สมัยเด็กๆ ฉันเคยยกมือถามคุณครูว่า "คุณครูขา ทำไมถึงเรียกตุ๊ดว่า ‘รักร่วมเพศ' ล่ะครับ ในเมื่อทุกๆ
เพศก็น่าจะรักการร่วมเพศไม่ใช่เหรอคะ"

จำได้ว่าทั้งห้องฮาก๊าก แถมอาจารย์ยังหาว่าด.. มาริยา มหาประลัย เป็นเด็กลามก จะฟ้องพ่อแม่อีกแน่ะ!

เอ้า! ฉันพูดอะไรผิดล่ะ คนหน้าไหน เพศไหนก็รักการร่วมเพศกันทั้งนั้นชิมิเคอะ! รึคุณไม่ชอบ ชิ! เชอะ! เฮอะ! ฮิ!

ถ้าตีความจากคำนี้จะเห็นได้ว่า มันสอดรับกับมายาคติที่ว่า "เกย์แม่งมั่ว" ได้อย่างโป๊ะเชะเละตุ้มเป๊ะ กลายเป็นว่า มิติด้านอื่นๆ ของเกย์ก็ถูกละเลยไปหมดเหลือแต่กิจกรรมทางเพศ ไม่ต่างอะไรกับการลดความเป็นคนลงให้เหลือแค่ "นักผสมพันธุ์" ได้ยินคำนี้ทีไรอดคิดคันๆ ตามไม่ได้ว่า วันๆ เกย์ไม่ต้องทำอะไรกันแล้วหรือไง นอกจากจะป๊าบๆ กัน

ที่พูดนี่ไม่ได้อิจฉานะคะคุณ! อ๊ายส์! 

จะว่าไปแล้ว เกย์กับเอดส์ถูกผูกโยงให้กลายเป็น "คู่กรรม" กันมาตั้งแต่การถือกำเนิดของการกระโดดข้ามสายพันธ์ของเชื้อ HIV จากลิงมาสู่คน ด้วยเรื่องเล่าทำนองว่า เกย์ไปทำมิดีมิร้ายกับลิงเลยได้รับเชื้อนี้มา เห็นไหมเกย์มันมั่ว เอาไปทั่ว ลิงเจี๊ยกๆ ยังไม่เว้นเล้ยยย!

อ๊ายส์! คิดได้เนอะ!

อะแฮ่ม! ข้าพเจ้าขอชี้แจงแถลงไขดังนี้ว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บอกได้ว่าเชื้อ HIV จากสัตว์กระโดดมาสู่คนได้อย่างไร เหมือนที่โรคไข้หวัดนกกระพือปีกมาติดคนได้ยังไงนั่นแหละ (นี่คงไม่คิดว่าคนไปทำปั่มปั๊มกับไก่ชิมิเคอะ!) แต่บังเอิ๊ญ...บังเอิญ ผู้ติดเชื้อ HIV คนแรกที่เท่าที่มีการตรวจพบเจอในสมัยนั้นดันเป็นเกย์ บวกกับการที่ความหลากหลายทางเพศยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นผู้เป็นคนเหมือนปัจจุบัน สมมติฐานป่วงๆ แบบนี้เลยเกิดขึ้นได้ เกย์เลยงานเข้า ถูกใส่ร้ายว่าเป็น ผู้ต้องหาคดีนำเข้าโรคเอดส์มาสู่มวลมนุษยชาติไปเสียฉิบ

โธ่!...เก้งกวางน้อยๆ ของป้า!


ซึ่งมาคิดๆ ดูแล้ว การที่มนุษย์คนแรกที่ตรวจพบเชื้อ HIV เป็นเกย์ ก็ไม่สามารถนำไปสู่ข้อสรุปได้ว่า เกย์เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคเอดส์อย่างที่กล่าวโทษกันมิใช่หรือ เพราะอาจจะมีคนที่มีเชื้อ HIV อยู่นอกจากคนนี้ แต่บังเอิ๊ญ...บังเอิญ มาตรวจเจอเอาที่เกย์คนนี้พอดี...ก็แค่เนี๊ยะ!


แต่ก็อีกนั่นแหละ ในเมื่อเจ้า
HIV ไม่เคยเว้นหน้าเพศไหน ก็ป่วยการที่จะมานั่งขุดซากหาต้นตอว่าเป็นเพราะเพศไหน เป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดที่จะโยนบาปให้เพศใดเพศหนึ่ง เหมือนที่ลีน่าจังประกาศนั่นแหละว่า ชาวกรุงเทพฯ เจ้าขา คุณควรจะเลือกผู้หญิงเป็นผู้ว่าฯ นะคะ เพราะผู้หญิงมีต่อมความชั่วน้อยกว่าผู้ชาย อ๊ายส์! จะชั่วหรือไม่ชั่วนี่มันอยู่ที่โครโมโซม XX หรือ XY เหรอแม่คุณ! 

งานโฆษณารณรงค์การป้องกัน HIV ของฝรั่งชิ้นหนึ่งที่ฉันค้นเจอ สะท้อนถึงมายาคติที่มีต่อเกย์อย่างดี โฆษณาชิ้นนี้เขียน Copy ซะน่ากลัวว่า "HIV เป็นโรคของเกย์ เป็นเจ้าของมันก็ต้องหยุดมัน!"  (HIV is a gay disease. Own it. End it.)

ว้าย! เอางี้เลยเหรอคะ!
เท่าที่ฉันเข้าใจ ต้นตอความคิดของ Copy นี้อาจจะมาจากมายาคติที่ว่า เกย์เป็นต้นตอของ HIV แถมจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV ที่เป็นเกย์ก็พุ่งปรู๊ด ราวกับพวกมนุษย์สายรุ้งนี่หนอไม่ได้รู้สึกรู้สากันบ้างหรือไง(ยะ) เลยประกาศมันโต้งๆ ซะเลยว่า พวกเกย์ทั้งหลายโปรดทราบโปรดแซ่บ! HIV นี่มันเป็นโรคของหล่อน แถมหล่อนยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนอีก หล่อนก็ต้องรับผิดชอบนะยะ! เดี๋ยวแม่จับมาดอนน่าเป็นตัวประกันเลยนี่! อ๊ายส์!

การกล่าวโทษว่า HIV เป็นโรคของเกย์ เหมือนเป็นการติ๊ต่างเท่งทึงทึกทักแถเอาเองว่า ใครเป็นเกย์ก็เป็นเอดส์ชัวร์ป๊าบ! ยิ่งถ้าไปดูแผนการรณรงค์ป้องกันเอดส์ของรัฐไทยเราเมื่อตอนต้นๆ นะคุณเอ๊ย ยิ่งฮาก๊ากใหญ่ เขาใช้ตรรกะว่า ในเมื่อกลุ่มเสี่ยงคือ เกย์ โสเภณี คนที่ใช้ยาเสพติด เพราะฉะนั้นวิธีป้องกันเอดส์คือ เลิกเป็นเกย์ เลิกเป็นโสเภณี เลิกใช้ยาซะสิ

เอางั้นเลยเหรอเพ่!

พอบอกว่า กลุ่มเสี่ยงคือ เกย์ โสเภณี คนที่ใช้ยาเสพติด สามกลุ่มนี้ก็ยิ่งซวยใหญ่ โดนตีตราว่าขึ้นชื่อว่าเป็นเกย์ เป็นโสเภณี หรือใช้ยาเสพติดปั๊บ กิ๊วๆ! ต้องเป็นเอดส์แน่นอน เลยยิ่งโดนสังคมตั้งท่ารังเกียจ ไม่มีใครอยากข้องแวะหรือยื่นมือช่วยเหลือ และยังพยายามถีบให้คนพวกนี้ไปจากสังคม ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นคนกลุ่มนี้ก็สบายใจเฉิบคิดว่าเอดส์เป็นโรคไกลตัว ฉันไม่ติดหร้อกกก เชิดๆ! สวยๆ!

เป็นไงล่ะ งานเข้ากันถ้วนทั่วทุกนางนายเลยทีเดียว!
ยิ่งระยะหลังมานี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อในผู้ให้บริการทางเพศยิ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน เป็นไปได้ว่า ยิ่งเขารู้ตัวว่าเขาเสี่ยง เขายิ่งต้องป้องกันตัวเองให้ดีใหญ่ อย่าทำเป็นเล่นไป ฉันเคยไปสัมภาษณ์คนทำงานกลุ่มนี้ คุณเอ้ย! เขาเข้าใจการป้องกันโรคดีกว่าคนทั่วไปอีกนะ เพราะเขาต้องอยู่กับมันทุกวัน เราๆ เสียอีกที่ความรู้ด้านการป้องกันยังคลุมเครือ เสี่ยงไม่เสี่ยงไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเสียว...คีมูจี๋...อิคคึๆ

หันมาดูเก้งกวางกันบ้าง ตัวเลขก็พุ่งเอ้า...พุ่งเอา เฮ้อ! พอมีข่าวที่เกี่ยวกับเกย์และเอดส์ทีไร ก็มักโฟกัสที่จำนวนเกย์ที่ติดเชื้อ พร้อมทั้งน้ำเสียงเชิงตำหนิว่า นังพวกนี้สำส่อนจริงหนอ แต่จากรายงานของมูลนิธิวิจัยโรคเอดส์ของสหรัฐฯ (American Foundation For Aids Research) ที่เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องโรคเอดส์ในปัจจุบันอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง 71% ของ 128 ประเทศไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับโรคเอดส์ในกลุ่มชายรักชาย โดยนโยบายหรือโครงการป้องกันเอดส์จะเน้นไปที่กลุ่มสตรี ยาเสพติด ผู้อพยพ หลายประเทศยิ่งออกทะเลแล้วใหญ่ การเป็นเกย์ถือเป็นเรื่องร้ายแรงราวอาชญากรรม แล้วเรื่องอะไรรัฐจะต้องใส่ใจไปดูแลคนพวกนี้ชิมิเคอะ!

เรื่องนี้น่าจะอธิบายได้ว่า การที่รัฐบาลไม่เคยโฟกัสเรื่องเอดส์กับเกย์เลย ไม่เคยมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อในเกย์มาให้เกย์ทราบ ฯลฯ น่าจะเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้ตัวเลขเกย์ที่ติดเชื้อพุ่งปรู๊ดขึ้น มากกว่าจะอธิบายด้วยพล็อตสูตรสำเร็จเดิมๆ ว่า เกย์มั่วกันเอง แต่ละเลยมิติทางสังคมด้านอื่นๆ

3

สมการง่ายๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์ที่เรามักนึกถึงก็คือ
1. มั่ว = เอดส์ คนเป็นเอดส์นี่เพราะมันมั่ว สำส่อน มันเอาไม่เลือก ไม่เคยรักใครจริง สม!
2. ประมาท = เอดส์ กะอีแค่ใส่ถุงยางนี่มันยากเย็นตรงไหนฟะ ทำตัวเองแท้ๆ สม!

ผลก็คือ เวลาถามใครว่าคิดว่าตัวเองเสี่ยงต่อการติดเชื้อไหม คำตอบที่ได้คือ "ไม่มี้...ไม่มีทาง ฉันไม่มั่วนะเฟ้ย ฉันรักเดียวใจเดียว"

ก็เพราะ "ไม่มี้...ไม่มีทาง" นี่แหละครับ เลยไม่เคยคิดว่ารัชเชี่ยนรูเล็ตมันจะมาตกที่เรา แถมยังเป็นการสาดเสียเทเสียเหมารวมว่าคนติดเชื้อเป็นคนไม่ดีอีกแน่ะ

แต่ทราบไหมครับว่า ผู้ติดเชื้อส่วนมากเป็นคนรักเดียวใจเดียว มีเพศสัมพันธ์กันคู่คนเดียว เผลอๆ มีกับคนแรก โออิชิก็แจกล้านซะแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่าคู่ของเราก่อนหน้าเคยยกทัพไปตีเมืองไหนมาแล้วบ้าง ตัวเราเองก็เถอะ ก่อนหน้านั้นก็ไสช้างเข้าเบรกพลมาบ้างแล้วไม่ใช่เหรอ

ถ้าสมการ มั่ว = เอดส์ ถูกต้องจริง การจะติดเชื้อทั้งทีก็คงเหมือนการสะสมแต้ม เก็บครบสองร้อยคนเชิญมาแลก HIV เป็นของสมนาคุณได้ (พร้อมแพ็คเกจทำรีแพร์ที่ยันฮี) แต่นี่แค่ครั้งเดียวก็แจ็คพอตได้ เพราะฉะนั้น สมการข้อนี้จึงตกไป เชิญออก!

ส่วนสมการข้อที่ 2 นั้น อู้ย! เรื่องใช้ถุงยางน่ะใครๆ ก็รู้ เผลอๆ ปิดไฟยังใส่ได้เลย (แหม...เขามีแบบ Glow in the dark ด้วยนะคู้ณ!) แต่เราจะอธิบายการติดเชื้อ HIV โดยละเลยมิติทางสังคมไปได้อย่างไร เช่น คุณจะทำอย่างไรล่ะถ้าบอกแฟนว่าให้ใช้ถุงยางอนามัยแล้วเขาไม่ยอม แถมยังอาละวาดฟาดงวงฟาดงาหาว่าคุณรังเกียจเขา เผลอๆ จะพาลหาว่าคุณไปมีชู้อีกหนึ่งข้อหา หรือบางคนไว้ใจเห็นว่าเป็นแฟนกันแล้วนี่นา คงไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ต้องใส่ก็ได้ ฉันเป็นของเธอคนเดียว...ได้เกรดบวกในสมุดพกกันเลยคราวนี้

เมื่อถุงยางอนามัยถูกผูกโยงกับความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ มิติทางสังคม ไม่ใช่แค่เรื่องความหื่นขึ้นหน้าจนประมาท จะเห็นได้ว่า กว่าจะไปถึงขั้นตอนการใส่ถุงยางได้นั้น มีประเด็นที่เราต้องเผชิญมากมายระหว่างทาง อธิบายแค่ว่า ไม่ประมาทก็จบคงตื้นไปหน่อย สมการข้อนี้จึงสมควรตกไปเช่นกัน เชิญออก!

ประเด็นการรณรงค์ในตอนนี้จึงไม่ควรหยุดแค่ "อย่าประมาท อย่าสำส่อน" แต่ควรไปไกลถึงมิติอื่นด้วย มีโฆษณาการรณรงค์ชิ้นหนึ่งจาก BBDO ฝรั่งเศสที่ตอบโจทย์โดนใจฉันมาก มันเป็นรูปเปลือยของผู้ชายและผู้หญิงที่รีทัช "ตรงนั้น" ออกไป ข้างล่างเขียน Copy ว่า เซ็กส์ที่ปราศจากถุงยาง ก็เหมือนไม่มี "ไอ้นั่น" ติดตัว เซ็กส์ที่ไม่เสี่ยงไม่มีในโลก (Sex without risk does not exist.) เขาต้องการสื่อว่า เราควรจะให้ถุงยางกับ "ไอ้นั่น" หลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกัน ไม่มีถุงยาง ก็คือไม่มีจุ๊จู๋นั่นแหละ  อ๊ายส์! เริ่ด! ข้าน้อยขอคารวะในความคิดสร้างสรรค์

ไม่เกี่ยวกับที่เอารูปผู้ชายแก้ผ้ามาให้ดูหรอกนะ!

4

มาดอนน่า แม่ย่านางแห่งวงการเพลงป๊อบและตัวแม่ของชาวเกย์ เคยแต่งเพลง ‘In This Life' อุทิศให้เพื่อนรักของเธอที่เสียชีวิตจากโรคเอดส์ ก่อนที่จะร้องเพลงนี้ในคอนเสิร์ต The Girlie Show เมื่อปี 1993 เธอกล่าวว่า

"เพลงต่อไปนี้ที่ฉันจะร้องนั้น ฉันแต่งให้เพื่อนรักของฉันซึ่งเสียชีวิตจากโรคเอดส์ และแม้ว่าคุณจะไม่รู้จักชื่อของเขา แต่ฉันเชื่อว่า พวกคุณแต่ละคนที่มาในคืนนี้คงรู้จัก หรือกำลังจะได้รู้จักคนใกล้ตัวที่เจ็บปวดจากโรคเอดส์...โศกนาฏกรรมที่ใหญ่หลวงที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20"

แม้ว่าตอนนี้จะเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 มาหลายปีแล้ว แต่เอดส์ก็ยังคงเป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่อยู่ดี ยิ่งกว่านั้น เรื่องที่เคยคิดว่าไกลตัวกลับใกล้ตัวเรากว่าที่คิด จนอดตั้งคำถามว่า เราจะอยู่นิ่งๆ เฉยๆ กันอย่างนี้ท่ามกลางความสูญเสียทุกวินาทีจริงๆ หรือ

ในท่อนหนึ่งของเพลง ‘In This Life' บอกว่า...

"คุณเคยเห็นเพื่อนรักของคุณตายไหม...
คุณเคยเห็นคนที่โตแล้วร้องไห้ไหม...
บางคนบอกว่าชีวิตช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย...
ฉันบอกว่า ใครเล่าจะสนใจ...
พวกเขาคงอยากเบือนหน้าไปทางอื่นมากกว่า...
และก้มหน้ารอให้มันผ่านพ้นไปเอง...
ทำไมเราต้องเสแสร้งว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
ฉันได้แต่ภาวนาว่าสักวันมันจะสิ้นสุดเสียทีในชั่วชีวิตนี้..."

ฉันหวังว่า ตัวหนังสือของฉันจะช่วยชีวิตใครได้บ้าง ตัวหนังสือของฉันจะช่วยให้โรคร้ายนี้หมดไป...อย่างน้อยก็หวังว่าจะสิ้นสุดในชั่วชีวิตที่ฉันมี

 

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
งานวิจัยมากมายทยอยออกมานำเสนอผ่านสื่อมวลชน ในช่วงก่อนวาเลนไทน์ ชนิดที่ว่า นอกจากจะเป็นช่วงเทศกาลวันแห่งความรักแล้ว ยังเป็นเทศกาลนำเสนอผลวิจัยวัยรุ่นอีกก็ว่าได้งานวิจัยที่ออกมาส่วนใหญ่แล้ว มีลักษณะ “ถ้ำมอง” และ นำเสนอด้าน “ลบ” ของวัยรุ่นเพียงอย่างเดียว ทำนองว่า วัยรุ่นจะมีเพศสัมพันธ์กันมากที่สุดในวันดังกล่าว – ผมเองได้พยายามค้นหาดูว่ามีผลวิจัยหรืองานสำรวจอะไรบ้างที่ให้ข้อเสนอแนะทางออกในเชิงสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องเพศของวัยรุ่นนอกจากผลการสำรวจของ เครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ ประเทศไทย (Youth Net) ที่เสนอว่า วัยรุ่นกว่า 70% เห็นว่าควรมีวิชาเพศศึกษาในหลักสูตรของทุกโรงเรียน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
1นันกับฝน เรียนอยู่มหาวิทยาลัยอีกไม่กี่เดือนก็จะจบการศึกษาแล้ว เขาทั้งสองเป็นเด็กต่างอำเภอที่ได้ย้ายมาเรียนในตัวเมืองของจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือทั้งสองคนพบกันครั้งแรกตอนเข้า ม.4 ตอนนั้นเป็นจุดตั้งตนให้เขาและเธอได้รู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์เรื่อยมาจนเป็นแฟนกัน และจากนั้นนันกับฝนจึงตัดสินใจย้ายหอมาอยู่ด้วยกัน อาศัยห้องเดียวกัน ตอนเรียน ม.5 ตอนที่มีอะไรกันครั้งแรก นันใช้ถุงยางอนามัย เพียงเพราะยังไม่อยากรับผิดชอบผลกระทบที่จะตามมาจากการมีอะไรโดยไม่ได้ป้องกัน เขาไม่ได้ให้ฝนคุมกำเนิดด้วยการทานยาคุมกำเนิดเพราะกลัวผลข้างเคียง ที่จะเกิดขึ้น แต่เลือกใช้ถุงยางอนามัยทุกๆ ครั้ง พอเรียนจบ ม.6…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ผมเพิ่งกลับจากค่ายเยาวชนที่จังหวัดเชียงราย เป็นการจัดกิจกรรมเรื่องเพศ มีวัยรุ่นหลายคนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งโดยหลักแล้วก็เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องเพศ เพศภาวะ และเพศวิถี ซึ่งเน้นการพูดคุยจากมุมภายในของผู้เข้าร่วมแต่ละคนมีน้องคนหนึ่งที่มาร่วมกิจกรรม บอกความรู้สึกกับผม “ผมดีใจมากครับ ที่ได้มาร่วมกิจกรรมนี้ อยากเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ แต่ไม่ค่อยมีโอกาสเลย ดีนะครับที่พวกพี่มาจัด” น้องอีกคนหนึ่งก็บอกอีกว่า ที่ชุมชนของตัวเองได้มีการจัดกิจกรรมโดยอบต. แต่กิจกรรมส่วนใหญ่จะเน้นการกีฬา กิจกรรมตามวันสำคัญ และเยาวชนในชุมชนก็เข้าร่วมฟังน้องทั้งสองคนพูดขึ้นมาผมก็คิดถึง ผลการศึกษาวิจัยเรื่อง “…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ผมรู้จักกับคุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์  ตอนอายุ 18 ปี สมัยที่ได้เริ่มวาระการเป็นกรรมการควบคุมคุณภาพมาตรฐานบริการสาธารณสุข จากสายองค์กรเอกชนด้านเด็กและเยาวชน เมื่อหลายปีก่อน ตอนเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการในตอนแรกๆ ผมค่อนข้างจะเกร็งเพราะคณะกรรมการแต่ละท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสำคัญต่อวงการสาธารณสุขและสังคมและอาวุโสห่างจากผมมากกว่า 20 ปี  ตอนนั้น คุณหมอสงวน ทำหน้าที่เป็นเลขานุการในที่ประชุม และเมื่อประชุมเสร็จสิ้น ผมได้เข้าไปทักทายและแนะนำตัวเองกับท่าน ท่านมีความเป็นกันเองและให้เกียรติกับผมมากและได้บอกให้ผมสบายใจ มั่นใจและเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
กิตติพันธ์ กันจินะ
ลมหนาว ยังไม่จางหาย....วันเด็กแห่งชาติเพิ่งจัดเสร็จไปไม่กี่วัน จนถึงวันนี้ วันเด็ก เสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ยังคงมีการจัดมาอย่างสม่ำเสมอทุกๆ ปี นับตั้งแต่สมัย พ.ศ. 2499 ในยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ ได้มอบคติเตือนใจสำหรับเด็กๆ ปีละ 1 คำขวัญ จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบเนื่องจนถึงปัจจุบันวันเด็กที่ผ่านมา ผมได้ร่วมกิจกรรมที่ศูนย์เพื่อน้องหญิง จ.เชียงราย ภายในงานจัดกิจกรรมในแนวว่า “ข้างหลังภาพ” ทำนองว่า ทำงาน ทำกิจกรรม กันมามากมาย ทั้งเด็ก ผู้ปกครอง ผู้สูงอายุ วันนี้น่าจะมาดูกันว่าได้ทำอะไรกันมาบ้าง ซึ่งเด็กๆ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
กาลชีวิตของผมเดินทางผ่านมาแล้วอีกหนึ่งปี และคงจะเดินทางต่อไปตามเข็มนาฬิกา สายน้ำ สาดลม แสงแดด เช่นนี้อีกเรื่อยๆ ตราบที่ยังคงมีลมหายใจอยู่...เมื่อปีที่แล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้น อันเกี่ยวข้องกับเยาวชน คนหนุ่มสาวในประเทศนี้มีมากมายทั้งร้ายดี โดยส่วนตัวแล้ว เห็นความพยายามของผู้ใหญ่หลายภาคส่วนที่เข้ามาสนับสนุนการทำกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมของเยาวชนอยู่มากมายหลายหลากโครงการพัฒนาเยาวชนจำนวนมาก ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคธุรกิจ ล้วนมุ่งเน้นให้เยาวชนคนหนุ่มสาวเข้ามาทำกิจกรรมทางสังคมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างที่ได้รับรู้มาดังเช่น โครงการเยาวชนไทยไม่ทอดทิ้งสังคม ที่เครือข่ายเยาวชน 14 กลุ่ม…
กิตติพันธ์ กันจินะ
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพิ่งจบลงเมื่อวานนี้ ตอนค่ำ ผลสรุปจากการกากบาทลงคะแนนให้กับคนที่รัก พรรคที่ชอบ ได้ผลออกมาอย่างไม่เป็นทางการ บางคนอาจถูกใจ บางคนอาจไม่ถูกใจหลังจากลงคะแนนเสียงเสร็จ ผมได้เดินทางไปยังเขตชายแดนอำเภอแม่สายกับพี่ๆ เจ้าหน้าที่ศูนย์เพื่อน้องหญิง เพื่อจับจ่ายซื้อของและเดินเล่นไปมาตามประสาคนที่อยากพักผ่อนเที่ยวท่องให้คล่องใจเวลาในการเดินทางไป การเดินทางจับจ่ายซื้อของ และการเดินทางกลับ เริ่มจากตอนสาย จนถึงตอนหัวค่ำ ระหว่างที่อยู่เขตอำเภอแม่สาย ผมแยกตัวจากพี่ๆ เจ้าหน้าที่อีก 4 คน เดินเล่นเองคนเดียว เพียงเพื่อจะหาร้านกาแฟสดดีๆ ที่มีหนังสืออ่านและมีเพลงฟัง ผมเดินไปทั่ว…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาจนถึงวันนี้ผมยังไม่ได้พาตัวและตาของตนไปดูภาพยนตร์เรื่อง "รักแห่งสยาม" เลย แม้ว่าจะมีเพื่อนๆ หลายคนได้เชื้อเชิญแจ้งแถลงชวนให้ไปดูหลายเวลา หลายคราก็ตาม ผมก็ยังไม่ได้ไปดูเสียทีโดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนปฏิเสธโรงภาพยนตร์นะครับ เพราะภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่จะทำให้ผมไปดูได้นั้น ต้องเป็นเรื่องที่ผมมีเพื่อนไปดูด้วย คือ ถ้าไปคนเดียวผมคงไม่ไปครับ เพราะไม่เคยดูหนังคนเดียว และยิ่งไม่รู้ว่าต้องซื้อตั๋ว ซื้ออะไรยังไงบ้าง เพราะปกติเวลาไปเพื่อนๆ จะเป็นคนซื้อตั๋วและขนมขบเคี้ยวเข้าไปให้สำหรับ "รักแห่งสยาม" ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีผู้คนกล่าวถึงค่อนข้างมาก และกล่าวถึงในหลายแง่มุม เช่น…
กิตติพันธ์ กันจินะ
“อากาศหนาวๆ เย็นๆ อย่างนี้ หากได้หาใครสักคนมาอยู่ข้างกายก็คงจะดี” เพื่อนรุ่นพี่พูด บอกเสมือนจะสื่อให้ผมหาใครสักคนมาอยู่ข้างกาย เพื่อเป็นเพื่อนคุย แต่ผมคิดว่านัยยะของคำพูดนี้ น่าจะสะท้อนความคิดบางอย่าง ว่าการที่จะมีใครสักคนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ เราในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ แน่นอนว่าจะช่วยทำให้เราอุ่นกายและอุ่นใจได้พร้อมๆ กันผมครุ่นคิดถึงคำพูดของเพื่อนรุ่นพี่ หลายวัน พลันกับได้ยินเรื่องราวเรื่องการคัดค้านมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหรือ ‘มอ’ นอกระบบ  ก็ทำให้นึกถึง ความรักนอกระบบ ไปด้วย ความรักนอกระบบ กับ ‘มอ’ นอกระบบ แม้จะไม่เหมือนกัน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ความรักไม่เข้าใครออกใคร ไม่ว่าวัย-อาชีพ-เพศ-ชนชั้น-เชื้อชาติใด ความรักย่อมมีอยู่ในทุกที่ ดั่งเช่นความรักของคนทำงานเรื่องเพศในการทำงานเรื่องเพศ หลายคนมองว่าอาจยากต่อการทำความเข้าใจกับคู่ของตัวเอง เมื่อเราเป็นผู้หญิงและคู่ของเราเป็นผู้ชาย แล้วให้เราเริ่มคุยเรื่องเพศก่อน ก็อาจถูก ‘คู่’ ที่คบหาตกใจ หรือมองเราในมุมที่ไม่ค่อยดีก็เป็นได้ แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า ปัจจุบันผู้หญิงหลายคนเริ่มคุยเรื่องเพศของตนมากขึ้น และผู้ชายเองก็ไม่ได้มองผู้หญิงมุมลบๆ อย่างเดียว หากมองว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่ได้รับฟังเรื่องของคนที่ตัวเองคบอยู่ มีประสบการณ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งจากเรื่องของเธอ –…
กิตติพันธ์ กันจินะ
เมื่อหลายวันก่อน ผมได้เข้าร่วมกิจกรรมเวที “เพศศึกษาเพื่อเยาวชน” ของโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ องค์การแพธ ร่วมกับมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และพันธมิตรอีกหลายองค์กร จัดงานระดับภาคตะวันตกและภาคตะวันออกขึ้น โดยการจัดครั้งนี้เป็นการครั้งแรกของภาคดังกล่าวภายในงานมีเยาวชนจากหลายโรงเรียนและหลายกลุ่มเข้าร่วม พร้อมๆ ทั้งผู้ใหญ่จากหน่วยงานภาคการศึกษาและหน่วยงานภาคประชาสังคม เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งธีมหลักๆ ของเวทีนี้คือ “ร่วมกันชี้โพรงให้กระรอกเข้าอย่างปลอดภัย” ทำไมต้องชี้โพรงให้กระรอก ในเมื่อกระรอกรู้ว่าโพรงนั้นต้องเข้ายังไง –…
กิตติพันธ์ กันจินะ
รายงานข่าวเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า มียอดเด็กที่กำพร้าจากพ่อแม่ที่ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนหลายพันคน ซึ่งภาครัฐยังคงต้องหาแนวทางการดูแลเด็กที่เผชิญกับปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องการเข้าถึงการศึกษา และการดูแลคุ้มครองปกป้องสวัสดิภาพของเด็ก ทว่าอย่างไรเสีย  แม้ว่าเรื่องราวความรุนแรงในเหตุการณ์ดังกล่าว จะยังคงปรากฏให้เห็นอยู่เสมอทั้งหน้าจอโทรทัศน์หรือหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ แล้ว ยังมีเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ ระหว่างคนในพื้นที่กับคนนอกพื้นที่ที่ได้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ในพื้นที่เกิดเหตุ ตามบทบาทหน้าที่ต่างๆ อาทิ หมอ ทหาร ครู…