Skip to main content

เมื่อหลายวันก่อน ผมได้เข้าร่วมกิจกรรมเวที “เพศศึกษาเพื่อเยาวชน” ของโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ องค์การแพธ ร่วมกับมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และพันธมิตรอีกหลายองค์กร จัดงานระดับภาคตะวันตกและภาคตะวันออกขึ้น โดยการจัดครั้งนี้เป็นการครั้งแรกของภาคดังกล่าว

ภาพเวที เพศศึกษาเพื่อเยาวชน

ภายในงานมีเยาวชนจากหลายโรงเรียนและหลายกลุ่มเข้าร่วม พร้อมๆ ทั้งผู้ใหญ่จากหน่วยงานภาคการศึกษาและหน่วยงานภาคประชาสังคม เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งธีมหลักๆ ของเวทีนี้คือ “ร่วมกันชี้โพรงให้กระรอกเข้าอย่างปลอดภัย”

ทำไมต้องชี้โพรงให้กระรอก ในเมื่อกระรอกรู้ว่าโพรงนั้นต้องเข้ายังไง – ใครคนหนึ่งถามผมขึ้นมาเมื่อรู้ว่าธีมหลักของงานคือเรื่องทำนองสอนให้วัยรุ่นมีเซ็กส์อย่างปลอดภัย

เพราะกระรอกรู้ว่าโพรงนั้นเข้ายังไง แต่เขาเข้าอย่างไม่ปลอดภัยยังไงล่ะ พวกเราจึงต้องชี้โพรงอย่างปลอดภัยให้กับกระรอก – ผมตอบ, พร้อมอธิบายอีกว่า “ผู้ใหญ่มักมองเยาวชนเป็นกระรอกและเมื่อเราคุยเรื่องเพศแล้ว เขาทั้งหลายมักมองว่าการพูดคุยเรื่องเพศนั้นเป็นการชี้โพรงให้กระรอก ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นเยาวชนสามารถเข้าโพรงได้โดยไม่ต้องให้ผู้ใหญ่หรือใครมาชี้ด้วยซ้ำ”

เรื่องการเข้าโพรง อาจอุปมาเปรียบดั่งการมีเซ็กส์ก็เป็นได้ ทำไมผมคิดเช่นนี้ ก็เพราะพวกเราหลายคนมักคิดกันเช่นนี้ ดังนั้นผมเลยต้องคิดแบบนี้ด้วย หากใครจะอุปมาเป็นอย่างอื่นก็ไม่ว่ากัน แต่บริบทนี้ผมขอกล่าวถึงการเข้าโพรงโดยนัยยะของการมีเซ็กส์นะครับ

กล่าวสำหรับเรื่องการมีเซ็กส์นั้น ตอนนี้เรารู้กันอย่างทั่วไปว่า วัยรุ่นมีเซ็กส์กันในอายุที่น้อยลง ดูจากการวิจัยล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขก็ชี้ให้เห็นว่าเยาวชนชายอายุ 15 ปี และเยาวชนหญิง อายุ 16 ปี โดยเฉลี่ยนั้นเริ่มมีเซ็กส์ครั้งแรก และครั้งนั้นๆ ล้วนเกิดขึ้นโดยเขาและเธอไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย (มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้รับการสำรวจและตอบแบบสอบถาม)

เมื่อพูดถึงเซ็กส์ครั้งแรกแล้ว – อยากชวนให้คนที่ “เคยมี” ประสบการณ์ด้านนี้ ลองคิดถึงครั้งนั้นของตนว่ามีที่ไหน บริบทที่เกิดขึ้นเป็นยังไง ความรู้สึกตอนนั้นเป็นแบบใด ฯลฯ หรือหากใครที่ยัง “ไม่เคยมี” แล้วคิดอยากจะมีลองคิดสิครับว่าจะมีตอนไหน อายุเท่าไหร่ พร้อมมากน้อยเพียงใดต่อการมีเซ็กส์ครั้งแรก ฯลฯ แล้วหากใครที่ยัง “ไม่เคยมี” และ “ไม่ขอมี” เลย หรือขอมีตอนพร้อมจริงๆ นั้น ก็ลองถามตัวเองว่า จะมีอย่างไรให้ปลอดภัย มีความสุข รับผิดชอบ ฯลฯ

เรื่องจังหวะและเวลาของการมีอะไรกันครั้งแรกนั้นก็เป็นสิ่งที่น่าศึกษาอย่างยิ่งครับท่านๆ  

เพื่อนที่รู้จักกัน ที่เคยมีเซ็กส์หลายๆ คน ต่างบอกโทนเสียงคล้ายกันว่า “ครั้งแรก” ของเขาและเธอนั้นเกิดจากความไม่ตั้งใจ ไม่พร้อม แต่เมื่อได้มีกับคนรักหรือแฟนหรือคู่นอนแล้ว ต่างก็พร้อมที่จะมี อย่างไม่อาจปฏิเสธต่อรองได้ (ผมไม่ได้ถามต่อว่าเพราะอะไร) ดังนั้นส่วนมากครั้งแรกของพวกเขาจึงไม่ได้เกิดจากการวางแผนไว้ล่วงหน้า หรือกำหนดว่าอีกสามสี่เดือนจะมีเซ็กส์เดือนนี้ จะมีวันนี้ จะมีชั่วโมงนี้ แต่มันเกิดขึ้นเพราะเหตุ ปัจจัย เงื่อนไข เฉพาะหน้ามันอำนวยแบบไม่ตั้งตัวเสียมากกว่า

ส่วนที่ใครจะนัดกันว่า “นี่เธอเดี๋ยว วันลอยกระทงเรามีเซ็กส์กันเถอะ” หรือ “เรารักกันมาก เรารอไปมีตอนวันวาเลนไทน์ดีกว่า” หรือ “อืม...ฉันขอมอบความรักให้เธอเป็นของขวัญตอนวันเกิดนะ” – แบบนี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะมีใครคุยกันบ้าง

ขณะเดียวกันในทางตรงกันข้าม แน่นอนว่าบางคู่ที่ไม่คุยกัน แต่อีกฝ่ายหนึ่งอาจจ้องรอคอยวันสำคัญๆ เพื่อครั้งแรกของเขาและเธอก็ได้ หรือทำนองเดียวกัน เขาและเธออาจอยากให้วันแรกของครั้งแรกเป็นที่จดจำในห้วงความทรงจำของเขาและเธอก็เป็นได้ ทีนี้หากเขาเลือกที่จะมีเซ็กส์ในวันต่างๆ เหล่านี้มันจะเกิดผลอะไรตามมา

จะท้องหรือ จะแท้งหรือ จะติดเชื้อเอชไอวีหรือ จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือ
แล้วหากเขาและเธอ มีเซ็กส์ในวันสำคัญ เทศกาลเด่นๆ นั้นๆ โดยใช้ถุงยางอนามัยล่ะ
เขาและเธอ จะท้องหรือ จะแท้งหรือ จะติดเชื้อเอชไอวีหรือ จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือ
แล้วมันจะเสียหายอันใดมิทราบ (ประเด็นนี้ผมหมายถึงทุกคนไม่เว้นว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่นะครับ)

ทีนี้ เนื่องในวันสำคัญ เทศกาลเด่นที่คนออกมาตะโกนว่า “เด็กๆ จะมีเซ็กส์กันแล้ว” เรารีบมาห้าม มาปราม มาปราบกันหน่อยนั้น จะสามารถป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่จะตามมาได้จริงหรือเปล่า ผมไม่มั่นใจ (และคิดว่าคนประเภทนี้ชอบมายุ่งปริมณฑลส่วนตัวของวัยรุ่นมากเกินไป) เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว หากใครจะมีอะไรกับใครนั้น เราจะไปรู้ได้ตลอดหรือไม่ แล้วคิดว่าเขาจะมีแค่วันสำคัญหรือเทศกาลเด่นๆ เท่านั้นเองหรือ

ประเด็นเรื่องว่า จะชี้โพรงให้กระรอกเข้าอย่างปลอดภัยนั้น ทำได้ และต้องจำเป็นต้องทำทุกๆ วันเช่นกัน ไม่ใช่แค่วันสำคัญหรือเทศกาลเด่นๆ เท่านั้น - จริงๆ แล้ว ผมกลับมองว่าถ้าจะออกมากระตุ้นให้วัยรุ่นมีเซ็กส์อย่างปลอดภัย หรือใช้ชีวิตทางเพศของตัวเองอย่างรับผิดชอบนั้น ต้องเป็นสิ่งที่ ต้องทำทุกๆ วัน ไม่ใช่แค่วันสำคัญ หรือเทศกาลอย่างใด อย่างหนึ่งเท่านั้น

เพราะไม่อย่างนั้น พอถึงวันลอยกระทง – วันวาเลนไทน์ – วันเกิด – หรือวันอะไรอีกก็ตามแต่ ผู้ใหญ่ที่ชอบเข้ามาล่วงล้ำปริมณฑลส่วนตัวของวัยรุ่นดีนัก จะได้ไม่ต้องออกมาตีโพยตีพายแบบที่เป็นอยู่...

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
จากที่ข้อเขียนเรื่องเพศวิถีมีชีวิตทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การวางความคิด เรื่องการเปิดใจคุยเรื่องเพศของตนเอง เรื่องความหลากหลายในรักและความสัมพันธ์ ความรักต่างเพศนิยม เรื่องกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความพยายามที่จะมาสรุปในตอนท้ายของบทความนี้ว่า หากเราจะคุยเรื่องเพศวิถีจากมุมมองภายในจากชีวิตของเรานั้น เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง อะไรที่เป็นความท้าทายที่จะนำไปสู่การจุดประกายให้แต่ละคนได้กลับมาสำรวจ ตั้งคำถาม และสร้างการเรียนรู้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้โดยอาศัยทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของแต่ละคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ความสัมพันธ์ทางเพศของมนุษย์มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ในสังคมสมัยก่อน เช่น ในภาคเหนือ การจีบสาวของคนล้านนาจะมีการค่าว (คล้ายลำตัดของภาคกลาง) ตอบโต้กันไปมา การจีบกันต้องให้เกียรติผู้หญิงเป็นคนเลือกคู่ หรือหากจะแต่งงานก็ต้องมีการใส่ผี คือการวางเงินสินสอดจากฝ่ายชายเพื่อบอกกับผีปู่ผีย่าของฝ่ายหญิงให้ทราบว่าจะคบกันแบบสามีภรรยา
กิตติพันธ์ กันจินะ
ความคิด ความเชื่อเรื่องเพศที่หล่อหลอมเรามาว่า ควรมีชายกับหญิงเท่านั้นที่คู่กัน สิ่งนี้เป็นความคิด ความเชื่อที่ฝังหัวเรามาตลอดจนเราไม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าทำไมเราจึงต้องรักเพศตรงข้าม และการที่เรารักเพศเดียวกันนั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ
กิตติพันธ์ กันจินะ
สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ว ผมเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูของแม่และพี่ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิง เห็นการทำงานของผู้หญิงที่ “ศูนย์เพื่อน้องหญิง” จ.เชียงราย เห็นความเข้มแข็งในการทำงานของแม่ของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ทำให้ผมเห็นว่าความเป็นหญิง ความเป็นชาย แท้จริงแล้ว ทุกคนก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน แต่ทว่าการเลี้ยงดูหล่อหลอมของสังคมกลับบอกว่าแบบนี้ผู้หญิงควรทำ แบบนี้ผู้ชายควรทำ
กิตติพันธ์ กันจินะ
เปิดใจเรียนรู้ประสบการณ์ภายในตน ผมเริ่มต้นทำงานในประเด็นเรื่องเพศ ตอนอายุน้อยๆ จากวันนั้นมาวันนี้ ระยะเวลาหลายปี ที่อยู่บนเส้นทางนี้ได้เจออะไรหลายอย่าง ได้เรียนรู้ ประสบการณ์ทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทหน้าที่ใด ความรับผิดชอบแบบไหน องค์กรระดับชุมชนหรือเครือข่ายก็ตาม งานต่างๆ เหล่านี้ทำให้ได้ทำประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่นไปพร้อมๆ กัน ผมไม่อาจเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่าเป็นคนทำงานเพศวิถี เพราะเข้าใจว่าเรื่องเพศวิถีนี้มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และไม่อาจจะบอกได้ว่าตัวเองเป็นนักพัฒนาสังคม เพราะบ่อยครั้งก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับตัวเองว่าที่ว่าเป็นนักพัฒนาสังคมนั้น…
กิตติพันธ์ กันจินะ
หายไปเสียนานกับบ้าน “หนุ่มสาวสมัยนี้” เพราะต้องทำงานโครงการป้องกันเอดส์ และเพศศึกษากับเพื่อนๆ เยาวชนในหลายๆ ภาค ทำให้เวลาในการเขียนขีดมีน้อยกว่าเมื่อก่อน ทว่าตอนนี้ก็สามารถจัดการเวลากับตัวเองได้ลงตัวมากขึ้นทำให้ชีวิตมีความสมดุลมากขึ้นทีเดียว
กิตติพันธ์ กันจินะ
อุ่นใจ บัว เขาเสยผมที่ยาวประ่บ่าแล้วรวบไว้ด้านหลังเบาๆ พลางเอื้อมมือดันเพื่อปิดประตูห้องหมายเลข 415 วันนี้เป็นวันที่เขาต้องขนย้ายข้าวของและสัมภาระต่างๆ กลับบ้านที่ต่างจังหวัด หลังจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาเดินทางออกจากบ้านเพื่อย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อย่างเต็มตัว สี่ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เขากำลังนึกถึงภาพของความหลังครั้งอดีต โดยเฉพาะความหลังที่เกิดขึ้นภายในห้องพักที่อยู่เบื้องหน้า หนึ่งในเรื่องราวที่ผุดขึ้นมาในม่านความคิดของเขาก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวห้าคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
  กิตติพันธ์ กันจินะ -1-วันอาทิตย์สัปดาห์นี้ผมน้อมนำกายไว้ที่กรุงเทพฯ เพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะกลับเชียงรายเลย และอยากให้วันอาทิตย์นี้เป็นของขวัญแก่ตัวเองในการพักผ่อน หยุดขยับเรื่องงาน และเอาใจมาคิดถึงเรื่องด้านในของตัวเองด้วย เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นี้ ผมตื่นนอนตามปกติ ไม่สายและไม่เช้าจนเกินไป และอยู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้โทร.กลับหนึ่งสาย นั้นคือ พี่จ๋อน แห่งมะขามป้อมนี้เอง สำหรับพี่จ๋อนและพี่ๆ มะขามป้อมแล้ว ผมถือว่ารู้จักมักคุ้นกับพี่ๆ มานานหลายปี โดยผมเริ่มรู้จักกับมะขามป้อม เมื่อตอนยังเด็กเลยแหละ จนถึงทุกวันนี้ก็นานพอควร พี่บางคนพอจำกันได้…
กิตติพันธ์ กันจินะ
  มาริยา มหาประลัย1เมื่อเดือนก่อน คุณพี่เอก บก. (อันย่อมาจากบรรณาธิการ ไม่ใช่บ้ากาม) นิตยสารผู้ชายฉบับหนึ่งที่ฉันเคยอาศัยเงินเดือนเขายาไส้ แถมยังเป็นเจ้านายที่น่ารักที่สุดตั้งแต่ฉันเคยร่วมงานด้วย โทรศัพท์ตรงดิ่งวิ่งปรี่มาหาฉัน บอกว่ามีงานเขียนให้ฉันทำ คุณพี่เอกยังหยอดคำหวานปานพระเอกลิเก(ย์)อ้อนแม่ยกอีกว่า พอได้รับโจทย์ปุ๊บ หน้าฉันก็โผล่พรวดเด้งดึ๋งขึ้นมาปั๊บ เห็นทีจะเป็นลิขิตจากนรก เอ้ย! สวรรค์ชั้นเจ็ดที่ส่งให้ฉันมาเขียนเรื่องนี้ อู้ย! อยากรู้จริงเชียวว่าเรื่องอะไรหนอ..."คุณพี่อยากให้คุณน้องเขียนเรื่อง Safe Sex ของเกย์ให้เกย์อ่าน"อ๊ายส์! อ๊ายยยส์!!อ๊ายยยยยยส์!!!…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย (หมายเหตุ – อะแฮ่ม! ขอออกตัวว่าฉันเป็นคนรู้เรื่องศาสนาเพียงน้อยนิด ข้อเขียนต่อไปนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตตามภูมิความรู้ที่มี ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ เพียงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ใครจะกรุณาแลกเปลี่ยนทัศนะเพื่อช่วยให้แตกกิ่งก้านสาขาเซลส์สมองของฉัน ก็ขอกราบแทบแนบตักขอบพระคุณงามๆ มา ณ ที่นี้ด้วย...ชะเอิงเอย) วันที่ 9 เดือน 9 ปีนี้ ฉันและผองเพื่อนมีวาระแห่งชาติในการปฏิบัติภารกิจสำคัญอันยิ่งใหญ่ แต่จุดหมายปลายทางของเราไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือสะพานมัฆวานฯ ใครจะกู้ชาติ กู้โลก หรือกู้เจ้าโลกก็ขอเว้นวรรคความใส่ใจสักวันเถอะ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย สาบานได้ว่า พิธีเปิดโอลิมปิกที่ปักกิ่งซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไปสร้างความตะลึงพรึงเพริศ และสามารถตรึงขนทุกเส้นของฉันให้ลุกชันได้ยิ่งกว่าตอนนั่งดูกระโดดน้ำชายเสียอีก (เพราะกระโดดน้ำชายทำให้อย่างอื่นลุกและคันมากกว่า นั่นแน่! คิดอะไร! นั่งดูทีวีนานๆ ยุงมันกัดเลยต้องลุกขึ้นมาเกาเฟ้ย! อ๊ายส์!)  “แม่เจ้าโว้ย! อะไรมันจะ %$#@*&+ ขนาดนั้นฟะเนี่ย!!!” ฉันไม่รู้จะหาคำวิเศษณ์คำไหนมาบรรยายความวิเศษของภาพตรงหน้าได้ ตลอด 3 ชั่วโมงนั้นฉันเผลออ้าปากค้าง ทำตาโต ตบอกผางไปไม่รู้กี่ครั้ง และหลายครั้งเล่นเอาความตื้นตันมาชื้นอยู่ตรงขอบตาเชียวล่ะคุณ อะไรจะขนาดนั้น!
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย    เวลาได้ยินคำว่า “สวยเลือกได้” (แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงฉัน) ฉันอดคิดไม่ได้ว่า “สวย” ในที่นี้เรา “เลือก” กันได้จริงเหรอ เพราะเอาเข้าจริง ความขาว สวย หมวย อึ๋ม ตี๋ ล่ำ หำใหญ่ จมูกโด่ง ฯลฯ ที่เราเรียกคุณลักษณะเหล่านี้ว่า “ความสวย-หล่อ” นั้น ชาติมหาอำนาจเป็นคนกำหนดรูปแบบขึ้นมาและใช้มันเป็นอาวุธในการล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรม ความสวยจึงไม่ใช่เรื่อง “สวยๆ” อย่างเดียว แต่มันยังแฝงเรื่องอำนาจและชนชั้นทางสังคมมาอย่างแยบคายภายใต้เปลือกอันน่ามอง