Skip to main content

ผมรู้จักกับคุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์  ตอนอายุ 18 ปี สมัยที่ได้เริ่มวาระการเป็นกรรมการควบคุมคุณภาพมาตรฐานบริการสาธารณสุข จากสายองค์กรเอกชนด้านเด็กและเยาวชน เมื่อหลายปีก่อน

ตอนเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการในตอนแรกๆ ผมค่อนข้างจะเกร็งเพราะคณะกรรมการแต่ละท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสำคัญต่อวงการสาธารณสุขและสังคมและอาวุโสห่างจากผมมากกว่า 20 ปี
 
ตอนนั้น คุณหมอสงวน ทำหน้าที่เป็นเลขานุการในที่ประชุม และเมื่อประชุมเสร็จสิ้น ผมได้เข้าไปทักทายและแนะนำตัวเองกับท่าน ท่านมีความเป็นกันเองและให้เกียรติกับผมมากและได้บอกให้ผมสบายใจ มั่นใจและเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

หลังจากเจอกันครั้งแรก ผมก็ได้พบเจอกับคุณหมอ ในวาระอื่นๆ คุณหมอได้ทำหน้าที่ของตนเองในฐานะเลขาธิการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ทุกๆ ครั้งที่ผมเห็นคุณหมอเสวนาหรือบรรยายเป็นวิทยากรด้านหน้าเวที ผมจะรู้สึกรับรู้ได้ถึงความตั้งใจ พลังใจ หลายๆ อย่างที่เผยออกมาปรากฏแก่ความรู้สึกของผู้เข้าร่วมเวที

ผมทราบดีว่าคุณหมอเป็นหมอคนหนึ่งที่ได้บุกเบิกเส้นทางของการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ร่วมกับเครือข่ายหลายภาคี และยังเป็นคนที่ยึดมั่นต่ออุดมการณ์ ความเชื่อ ศรัทธาของตนต่อระบบสาธารณสุขที่เข้าถึงแก่ประชาชนทุกๆ คนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมซึ่งท่านก็ได้ดำเนินมาตั้งแต่ทำหน้าที่เป็นแพทย์ เป็นบุคลากรของสาธารณสุขที่มองเห็นประโยชน์ของตนเป็นที่สอง รองจากประโยชน์ของผู้อื่น

ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติเกิดขึ้นด้วยเจตนารมณ์ ที่ต้องกรให้ประชาชนทุกคนได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานของตน ซึ่งระบบประกันสุขภาพต้องเป็น “รัฐสวัสดิการ” ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การ “สงเคราะห์” และทุกคนในผืนแผ่นดินไทย ต้องเข้าถึงการรักษาพยาบาล และบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพและมาตรฐานอย่างเท่าเทียมกัน

แม้ว่าทุกวันนี้ในตัวระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ จะพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ การมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการจัดการบริการสุขภาพในชุมชน การพัฒนาระบบบริการหลายๆ ส่วน แต่ก็ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิการเข้าถึงของประชาชนหลายส่วน เช่น คนที่ไร้สัญชาติ ไม่มีเลข 13 หลัก ที่จะยืนยันว่าเป็นคนไทย หรือแม้แต่บริการบางอย่างเช่น ฟอกไต ที่ก็เพิ่งจะเริ่มเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ เป็นต้น

พวกเราที่เป็นเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ติดตาม เกี่ยวข้องกับงานสุขภาพต่างมุ่งหวังให้ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นระบบที่เอื้อต่อคนทุกคนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ รวมถึงการเคารพสิทธิของทุกคนในฐานะที่เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน ไม่ว่าคนๆ นั้น จะอายุเท่าไหร่ เพศไหน อาชีพอะไร เชื้อชาติไหน ก็ตาม...

คุณหมอสงวน รับรู้ถึงสิ่งที่ประชาชนต้องการมาตลอด และชั่วชีวิตที่ท่านเป็นเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ท่านก็ได้มีส่วนสำคัญในการผลักดันสิ่งที่ประชาชนต้องการและตอบสองต่อประโยชน์และสิทธิของประชาชน เช่น การทำCL การพัฒนาระบบบริการส่งต่อ การรณรงค์เรื่องบริการปฐมภูมิ สิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น เรื่อง ยาต้านไวรัสเอชไอวี เป็นต้น

ทั้งนี้ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์สึนามิ คุณหมอก็เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดกิจกรรมอาสาสมัครเยาวชน U Volunteers ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนั้น ซึ่งถือว่าเยาวชนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวก็ได้เรียนรู้เรื่องการเป็นอาสาสมัครและจิตสาธารณะไปด้วย...

นอกจากความเป็นหมอแล้ว คุณหมอยังได้ตั้งมั่นในการปฏิบัติธรรม เจริญสติอย่างมุ่งมั่น ตอนที่ผมได้พบกับคุณหมอเมื่อครั้งที่พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ มาจัดภาวนาที่เชียงใหม่เมื่อกลางปี 2550 ตอนนั้นเราได้สนทนาธรรมกัน ขณะที่คุยกันผมรับรู้ได้ถึงสภาวะจิตแห่งปัจจุบันที่คุณหมอดำรงสติระลึกรู้ ขณะที่เราสนทนากัน เราต่างหยุดการกระทำต่างๆ เช่น การเดิน การดื่ม แต่หันมานั่งพูดคุยกันในสภาวะปัจจุบัน

ผมเคารพนับถือคุณหมอในฐานะที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ในวงการสาธารณสุขแต่ไม่มีอาการถือตัวเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าผมจะอายุน้อยกว่าหลายเท่า แต่ท่านก็ให้เกียรติทั้งในฐานะญาติธรรมและผู้ร่วมสายงานในสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

เมื่อตอนที่ผมทราบข่าวว่าคุณหมอต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในช่วงสองสัปดาห์ก่อนที่จะเสียชีวิต ได้ทราบว่าญาติมิตรที่เคารพรักคุณหมอได้ร่วมกันภาวนาให้แก่ท่าน ซึ่งผมเองก็ได้ภาวนาและแผ่เมตตาให้แก่เจ้ากรรมนายเวร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายในสากลโลก เพื่อให้ช่วยบรรเทาอาการป่วยของคุณหมอให้ดีขึ้นๆ ทว่าอย่างไรเสียในที่สุดแล้ว คุณหมอก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ และผมเชื่อว่าท่านจะจุติในภพภูมิที่ดีอย่างแน่นอน

ผมเชื่อมั่นว่าการจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับของคุณหมอจะไม่จบลงเพียงกายและจิตเท่านั้นหากแต่กายของท่านยังมีประโยชน์ต่อนักศึกษาแพทย์จำนวนไม่น้อย ดั่งที่ท่านได้มีเจตนาบริจาคร่างกายแก่คณะแพทย์ ส่วนจิตวิญญาณของการเป็นนักพัฒนา นักต่อสู้ เพื่อคนอื่นด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ จะยังดำรงอยู่ต่อไป....ตราบเท่าที่มนุษย์ยังดำรงตนอยู่ในผืนโลกใบนี้

ขอให้ดวงจิตของคุณหมอสงวน ไปสุคติภูมิครับ.....


    

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
จากที่ข้อเขียนเรื่องเพศวิถีมีชีวิตทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การวางความคิด เรื่องการเปิดใจคุยเรื่องเพศของตนเอง เรื่องความหลากหลายในรักและความสัมพันธ์ ความรักต่างเพศนิยม เรื่องกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความพยายามที่จะมาสรุปในตอนท้ายของบทความนี้ว่า หากเราจะคุยเรื่องเพศวิถีจากมุมมองภายในจากชีวิตของเรานั้น เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง อะไรที่เป็นความท้าทายที่จะนำไปสู่การจุดประกายให้แต่ละคนได้กลับมาสำรวจ ตั้งคำถาม และสร้างการเรียนรู้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้โดยอาศัยทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของแต่ละคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ความสัมพันธ์ทางเพศของมนุษย์มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ในสังคมสมัยก่อน เช่น ในภาคเหนือ การจีบสาวของคนล้านนาจะมีการค่าว (คล้ายลำตัดของภาคกลาง) ตอบโต้กันไปมา การจีบกันต้องให้เกียรติผู้หญิงเป็นคนเลือกคู่ หรือหากจะแต่งงานก็ต้องมีการใส่ผี คือการวางเงินสินสอดจากฝ่ายชายเพื่อบอกกับผีปู่ผีย่าของฝ่ายหญิงให้ทราบว่าจะคบกันแบบสามีภรรยา
กิตติพันธ์ กันจินะ
ความคิด ความเชื่อเรื่องเพศที่หล่อหลอมเรามาว่า ควรมีชายกับหญิงเท่านั้นที่คู่กัน สิ่งนี้เป็นความคิด ความเชื่อที่ฝังหัวเรามาตลอดจนเราไม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าทำไมเราจึงต้องรักเพศตรงข้าม และการที่เรารักเพศเดียวกันนั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ
กิตติพันธ์ กันจินะ
สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ว ผมเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูของแม่และพี่ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิง เห็นการทำงานของผู้หญิงที่ “ศูนย์เพื่อน้องหญิง” จ.เชียงราย เห็นความเข้มแข็งในการทำงานของแม่ของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ทำให้ผมเห็นว่าความเป็นหญิง ความเป็นชาย แท้จริงแล้ว ทุกคนก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน แต่ทว่าการเลี้ยงดูหล่อหลอมของสังคมกลับบอกว่าแบบนี้ผู้หญิงควรทำ แบบนี้ผู้ชายควรทำ
กิตติพันธ์ กันจินะ
เปิดใจเรียนรู้ประสบการณ์ภายในตน ผมเริ่มต้นทำงานในประเด็นเรื่องเพศ ตอนอายุน้อยๆ จากวันนั้นมาวันนี้ ระยะเวลาหลายปี ที่อยู่บนเส้นทางนี้ได้เจออะไรหลายอย่าง ได้เรียนรู้ ประสบการณ์ทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทหน้าที่ใด ความรับผิดชอบแบบไหน องค์กรระดับชุมชนหรือเครือข่ายก็ตาม งานต่างๆ เหล่านี้ทำให้ได้ทำประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่นไปพร้อมๆ กัน ผมไม่อาจเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่าเป็นคนทำงานเพศวิถี เพราะเข้าใจว่าเรื่องเพศวิถีนี้มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และไม่อาจจะบอกได้ว่าตัวเองเป็นนักพัฒนาสังคม เพราะบ่อยครั้งก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับตัวเองว่าที่ว่าเป็นนักพัฒนาสังคมนั้น…
กิตติพันธ์ กันจินะ
หายไปเสียนานกับบ้าน “หนุ่มสาวสมัยนี้” เพราะต้องทำงานโครงการป้องกันเอดส์ และเพศศึกษากับเพื่อนๆ เยาวชนในหลายๆ ภาค ทำให้เวลาในการเขียนขีดมีน้อยกว่าเมื่อก่อน ทว่าตอนนี้ก็สามารถจัดการเวลากับตัวเองได้ลงตัวมากขึ้นทำให้ชีวิตมีความสมดุลมากขึ้นทีเดียว
กิตติพันธ์ กันจินะ
อุ่นใจ บัว เขาเสยผมที่ยาวประ่บ่าแล้วรวบไว้ด้านหลังเบาๆ พลางเอื้อมมือดันเพื่อปิดประตูห้องหมายเลข 415 วันนี้เป็นวันที่เขาต้องขนย้ายข้าวของและสัมภาระต่างๆ กลับบ้านที่ต่างจังหวัด หลังจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาเดินทางออกจากบ้านเพื่อย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อย่างเต็มตัว สี่ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เขากำลังนึกถึงภาพของความหลังครั้งอดีต โดยเฉพาะความหลังที่เกิดขึ้นภายในห้องพักที่อยู่เบื้องหน้า หนึ่งในเรื่องราวที่ผุดขึ้นมาในม่านความคิดของเขาก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวห้าคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
  กิตติพันธ์ กันจินะ -1-วันอาทิตย์สัปดาห์นี้ผมน้อมนำกายไว้ที่กรุงเทพฯ เพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะกลับเชียงรายเลย และอยากให้วันอาทิตย์นี้เป็นของขวัญแก่ตัวเองในการพักผ่อน หยุดขยับเรื่องงาน และเอาใจมาคิดถึงเรื่องด้านในของตัวเองด้วย เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นี้ ผมตื่นนอนตามปกติ ไม่สายและไม่เช้าจนเกินไป และอยู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้โทร.กลับหนึ่งสาย นั้นคือ พี่จ๋อน แห่งมะขามป้อมนี้เอง สำหรับพี่จ๋อนและพี่ๆ มะขามป้อมแล้ว ผมถือว่ารู้จักมักคุ้นกับพี่ๆ มานานหลายปี โดยผมเริ่มรู้จักกับมะขามป้อม เมื่อตอนยังเด็กเลยแหละ จนถึงทุกวันนี้ก็นานพอควร พี่บางคนพอจำกันได้…
กิตติพันธ์ กันจินะ
  มาริยา มหาประลัย1เมื่อเดือนก่อน คุณพี่เอก บก. (อันย่อมาจากบรรณาธิการ ไม่ใช่บ้ากาม) นิตยสารผู้ชายฉบับหนึ่งที่ฉันเคยอาศัยเงินเดือนเขายาไส้ แถมยังเป็นเจ้านายที่น่ารักที่สุดตั้งแต่ฉันเคยร่วมงานด้วย โทรศัพท์ตรงดิ่งวิ่งปรี่มาหาฉัน บอกว่ามีงานเขียนให้ฉันทำ คุณพี่เอกยังหยอดคำหวานปานพระเอกลิเก(ย์)อ้อนแม่ยกอีกว่า พอได้รับโจทย์ปุ๊บ หน้าฉันก็โผล่พรวดเด้งดึ๋งขึ้นมาปั๊บ เห็นทีจะเป็นลิขิตจากนรก เอ้ย! สวรรค์ชั้นเจ็ดที่ส่งให้ฉันมาเขียนเรื่องนี้ อู้ย! อยากรู้จริงเชียวว่าเรื่องอะไรหนอ..."คุณพี่อยากให้คุณน้องเขียนเรื่อง Safe Sex ของเกย์ให้เกย์อ่าน"อ๊ายส์! อ๊ายยยส์!!อ๊ายยยยยยส์!!!…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย (หมายเหตุ – อะแฮ่ม! ขอออกตัวว่าฉันเป็นคนรู้เรื่องศาสนาเพียงน้อยนิด ข้อเขียนต่อไปนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตตามภูมิความรู้ที่มี ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ เพียงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ใครจะกรุณาแลกเปลี่ยนทัศนะเพื่อช่วยให้แตกกิ่งก้านสาขาเซลส์สมองของฉัน ก็ขอกราบแทบแนบตักขอบพระคุณงามๆ มา ณ ที่นี้ด้วย...ชะเอิงเอย) วันที่ 9 เดือน 9 ปีนี้ ฉันและผองเพื่อนมีวาระแห่งชาติในการปฏิบัติภารกิจสำคัญอันยิ่งใหญ่ แต่จุดหมายปลายทางของเราไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือสะพานมัฆวานฯ ใครจะกู้ชาติ กู้โลก หรือกู้เจ้าโลกก็ขอเว้นวรรคความใส่ใจสักวันเถอะ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย สาบานได้ว่า พิธีเปิดโอลิมปิกที่ปักกิ่งซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไปสร้างความตะลึงพรึงเพริศ และสามารถตรึงขนทุกเส้นของฉันให้ลุกชันได้ยิ่งกว่าตอนนั่งดูกระโดดน้ำชายเสียอีก (เพราะกระโดดน้ำชายทำให้อย่างอื่นลุกและคันมากกว่า นั่นแน่! คิดอะไร! นั่งดูทีวีนานๆ ยุงมันกัดเลยต้องลุกขึ้นมาเกาเฟ้ย! อ๊ายส์!)  “แม่เจ้าโว้ย! อะไรมันจะ %$#@*&+ ขนาดนั้นฟะเนี่ย!!!” ฉันไม่รู้จะหาคำวิเศษณ์คำไหนมาบรรยายความวิเศษของภาพตรงหน้าได้ ตลอด 3 ชั่วโมงนั้นฉันเผลออ้าปากค้าง ทำตาโต ตบอกผางไปไม่รู้กี่ครั้ง และหลายครั้งเล่นเอาความตื้นตันมาชื้นอยู่ตรงขอบตาเชียวล่ะคุณ อะไรจะขนาดนั้น!
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย    เวลาได้ยินคำว่า “สวยเลือกได้” (แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงฉัน) ฉันอดคิดไม่ได้ว่า “สวย” ในที่นี้เรา “เลือก” กันได้จริงเหรอ เพราะเอาเข้าจริง ความขาว สวย หมวย อึ๋ม ตี๋ ล่ำ หำใหญ่ จมูกโด่ง ฯลฯ ที่เราเรียกคุณลักษณะเหล่านี้ว่า “ความสวย-หล่อ” นั้น ชาติมหาอำนาจเป็นคนกำหนดรูปแบบขึ้นมาและใช้มันเป็นอาวุธในการล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรม ความสวยจึงไม่ใช่เรื่อง “สวยๆ” อย่างเดียว แต่มันยังแฝงเรื่องอำนาจและชนชั้นทางสังคมมาอย่างแยบคายภายใต้เปลือกอันน่ามอง