Skip to main content
 

กิตติพันธ์ กันจินะ

 

-1-


วันอาทิตย์สัปดาห์นี้ผมน้อมนำกายไว้ที่กรุงเทพฯ เพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะกลับเชียงรายเลย และอยากให้วันอาทิตย์นี้เป็นของขวัญแก่ตัวเองในการพักผ่อน หยุดขยับเรื่องงาน และเอาใจมาคิดถึงเรื่องด้านในของตัวเองด้วย

 

เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นี้ ผมตื่นนอนตามปกติ ไม่สายและไม่เช้าจนเกินไป และอยู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้โทร.กลับหนึ่งสาย นั้นคือ พี่จ๋อน แห่งมะขามป้อมนี้เอง

 

สำหรับพี่จ๋อนและพี่ๆ มะขามป้อมแล้ว ผมถือว่ารู้จักมักคุ้นกับพี่ๆ มานานหลายปี โดยผมเริ่มรู้จักกับมะขามป้อม เมื่อตอนยังเด็กเลยแหละ จนถึงทุกวันนี้ก็นานพอควร พี่บางคนพอจำกันได้ บางคนก็จำไม่ค่อยได้ มีความทรงจำดีๆ มากมายที่ได้เกิดขึ้นเมื่อได้รู้จักและสัมผัสกับพี่ๆ ชาวมะขามป้อมแต่ละคน

 

เมื่อก่อน ผมเป็นเด็กขี้อายมากๆ ตอนทำกิจกรรมในระยะแรกๆ ก็ไม่กล้าแสดงออกเอาเลย พอทำไปทำมา แล้วบวกกับที่พี่ๆ มาอบรมเพิ่มเติมวิทยายุทธ์ให้อีก ก็พอเอาตัวรอดมาได้อย่างหนักเอาการทีเดียว เพราะต้องเรียนรู้เรื่องการทำละคร ทักษะใหม่ๆ แนวทางใหม่ๆ วิธีคิดใหม่ๆ ต่างๆ มากมาย


ก่อนที่พี่ๆ มะขามป้อมจะมาอบรมให้ ผมและเพื่อนๆ ที่ทำกิจกรรมที่ "ศูนย์เพื่อน้องหญิง" (ต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย) ก็ร่วมกันตั้ง "กลุ่มละครข้าวจี่" ขึ้น - พวกเราก็ทำกันไปมา ตามประสาละอ่อนภูธร พอหลายปีผ่านมา ลุงป้า มะขามป้อมก็มาช่วยเติมเต็มความคิดให้ จึงทำให้เราได้รู้จักการละครเพิ่มขึ้นจากเดิมและนำไปใช้กับงานได้มากทีเดียว

 

นับตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ หลายอย่างเปลี่ยนไป ทั้งมากบ้าง น้อยบ้าง "เด็กชายเต้า" ในอดีต แปรสภาพเป็น "นายเต้า" ในปัจจุบัน และเป็นเด็กหนุ่มที่เริ่มมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่ทำกิจกรรมแถวบ้าน ก็ต้องออกจากบ้านมาทำงานที่เชียงใหม่และเรื่อยมาจนถึงกรุงเทพฯ นานๆ ครั้งจึงมีโอกาสกลับบ้านที่เชียงรายทีนึง พอกลับไปก็ช่วยงานที่ศูนย์เพื่อน้องหญิง

 

กลับมาที่วันอาทิตย์อันแสนจะอยากพักผ่อนของผม, ผมโทร. หาพี่จ๋อน

 

"สวัสดีครับ เต้าเองครับพี่" ผมพูดเสียงยังไม่ค่อยอยากตื่น

"นี่ๆ จะชวนมาดูละครร้องเรื่องบันทึกอิสราที่มะขามป้อมสตูดิโอ" พี่จ๋อน รีบบอกด้วยความรวมเร็ว ผมพยักหน้ารับและตอบกลับว่า "ได้ครับๆ ผมเห็นข่าวในเว็บอยู่ เดี๋ยวไปดูครับ มีบ่ายสองใช่ไหมครับ"

"ใช่ๆ มาให้ได้นะ จะได้เจอกัน" พี่จ๋อนบอก และผมก็ตอบรับแล้ววางสายโทรศัพท์

ก่อนที่จะมีเสียงกระซิบภายในตัวเองว่า "วันนี้ดูละครร้อง เป็นของขวัญชิ้นที่ดีสำหรับตัวเองเลยนะ"

 

ผมเห็นด้วยกับเสียงจากใจตัวเอง และรีบลุกไปเตรียมตัว สำหรับการเดินทางไปยังมะขามป้อมสตูดิโอ

 

-2-

ผมเดินทางจากลาดพร้าว 21 ไปยังสตูดิโอมะขามป้อม ตรงแยกสะพานควาย ด้วยรถไฟใต้ดินและรถไฟบนดิน ผู้คนมากมายที่พบเจอระหว่างทางมีทีท่าแตกต่างกันไป หญิงชายมากหน้าหลายตา งุนงันกับการเดินทางของตัวเอง เด็กน้อยนั่งบนตักแม่ร้องไห้อยากกินนม หญิงสาววัยรุ่นฟังเพลงจากเครื่องเล่นทันสมัย วัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่งคุยกันเรื่องภาพยนตร์รักเรื่องใหม่ที่กำลังจะฉายในโรงอีกไม่กี่วัน

 

ผมยืนอยู่เงียบๆ คนเดียว ได้ยินเสียงและมองไปรอบข้างอย่างเงียบๆ ครุ่นคิดว่าละครร้องเรื่อง "บันทึกอิสรา" ที่กำลังจะได้ชมในอีกไม่กี่นาทีต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ดูในเว็บไซต์ที่ประชาสัมพันธ์ได้พบว่าเป็นเรื่องราวชีวประวัติของท่านกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ "ศรีบูรพา" โดยนำเรื่องราวสมัยที่ท่านได้ใช้ชีวิตอยู่ในคุกและส่งต้นฉบับมายังภายนอกเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่และถูกจับจนในที่สุดก็ได้รับการนิรโทษกรรม

 

ในช่วงที่ครุ่นคิดเรื่องราวของละครเพลงอยู่ก็ดีใจที่จะได้พบกับพี่ๆ มะขามป้อมด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่ผมได้เยือนมะขามป้อมสตูดิโอ ภายหลังจากครั้งแรกที่มีการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ "ละครสะท้อนปัญญา" และมาคราวนี้ได้มีโอกาสชมละครที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ก็ถือเป็นของขวัญที่ใครสักคนจัดมาให้ได้เข้าจังหวะของชีวิตพอดี

 

"สถานีต่อไป สะพานควาย .... Next Station..........." เสียงผู้ประกาศบนรถไฟฟ้าบอกสถานีที่หมายที่ผมจะลง และเมื่อลงสถานีสะพานควายแล้วผมก็ต้องเดินต่อไปอีกประมาณสองร้อยเมตร เพื่อเดินทางไปยังสตูดิโอเป้าหมาย

 

ความหิวทำให้ผมแวะซื้อข้าวเหนียวมะม่วงและมันทอดไว้รองท้อง กะว่าจะเอาไว้กินในช่วงที่ละครกำลังดำเนินเรื่อง และเมื่อเดินทางมาจนถึงสตูดิโอ ผมก็ได้พบกับพี่จ๋อน และพี่ๆ ที่รู้จักอีกหลายคน เช่น พี่ต่าย พี่แวนด้า พี่หมู เป็นต้น ผมได้มีโอกาสทักทายพี่ๆ สั้นๆ เพราะละครใกล้จะเริ่มต้นแล้ว

 

เมื่อนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมงตรง พี่เพียว ได้น้อมนำให้ผู้ชมที่ยืนรอด้านหน้าของสตูดิโอหลายสิบคนเข้าไปยังภายในสตูดิโอ....ไม่น่าเชื่อว่าห้องแถวขนาดเล็กจะสามารถจุผู้คนมากกว่าห้าสิบชีวิตได้อย่างไม่อึดอัดนัก แถมยังไม่รวมนักแสดงและฉากที่สรรสร้างมาได้อย่างลงตัวและเหมาะเจาะกับสถานที่ ซึ่งหากจินตนาการรูปลักษณ์ของห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้ว เราจะเห็นภาพ ตรงสองด้านข้างๆ ระนาบมุมเหลี่ยมจะเป็นที่นั่งแบบอัฒจันทร์อยู่สองด้าน ส่วนมุมเหลี่ยมตรงกลางเป็นที่ตั้งของเครื่องดนตรีหลายประเภท เช่น เปียโน ไวโอลิน และด้านฝั่งตรงด้านหน้าของอัฒจันทร์ทั้งสองข้างก็เป็นฉากที่ติดตั้งมาอย่างงดงาม ลงตัว และเข้ากับพื้นที่ได้ดี โดยมีสีดำเป็นฉากหลังภายในสตูดิโอ

 

ผมนั่งอยู่ด้านบนสุดของอัฒจันทร์ และวางโบชัวร์แนะนำละครกับเทศกาลละครกรุงเทพไว้ข้างๆ ใกล้ๆ กับข้าวเหนียวมะม่วงส่วนมันทอด ผมได้จัดการกินหมดก่อนจะเข้ามาข้างในสตูดิโอแล้ว ขณะที่มองไปยังรอบๆ บริเวณ ผู้คนต่างทยอยกันเข้ามาด้านใน เพื่อเตรียมการรับชมละครร้องเรื่อง "บันทึกอิสรา"

 

-3-

 

แสงไฟค่อยๆ สว่างขึ้นที่โคมไฟบนโต๊ะ ข้างๆ ชั้นวางหนังสือ หญิงสาววัยกลางคนค่อยๆ เดินเข้ามา พร้อมๆ กับเสียงดนตรีประกอบที่ชวนให้ใจเราจดจ่ออยู่กับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น ละครร้อง "อิสรา" เริ่มต้นด้วยช่วงเวลาที่คุณชนิด สายประดิษฐ์ ในวัยชรานำกรอบรูปของท่านกุหลาบ สายประดิษฐ์ มาวางไว้ที่ชั้นหนังสือ และคุณชนิดได้หยิบบันทึกของท่านกุหลาบออกมาอ่าน...ค่อยๆ อ่าน อย่างสงบ....นอบน้อม....ต่อชายผู้เป็นที่รัก

 

เรื่องดำเนินไปแต่ละตอนเป็นการร้องเพลงโบราณ มีร้องคู่ ประสานเสียง เนื้อหาดำเนินไปอย่างแช่มช้าเผยให้เห็นรายละเอียดที่งดงามแต่ละตอน นับตั้งแต่การใช้ชีวิตอยู่ในคุกตลอดระยะเวลา 4 ปีกว่าๆ ของท่านกุหลาบ แต่ทว่าท่านก็ไม่ย่อท้อแต่อุปสรรคเพราะยังสามารถแอบส่งงานเขียนออกมาสู่โลกภายนอกได้ต่อเนื่องภายใต้การช่วยเหลือของทีมงานและคุณชนิด ภรรยาผู้ร่วมทุกข์

 

ละครร้อง ค่อยๆ เผยเรื่องออกไปในเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างท่านกุหลาบ กับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต่อกรณีที่ท่านกุหลาบ เขียนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลสมัยนั้น โดยเฉพาะกรณีขบวนการเสรีไทย จนในที่สุดแล้วท่านกุหลาบก็ได้ถูกจำคุกทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดอะไร และได้ถูกนิรโทษกรรมในเวลาต่อมา

 

ผมดูละครร้องด้วยความตั้งใจ น้ำตามันเอ่อออกมาโดยไม่รู้ตัว ณ เวลานี้ ผมไม่มีใจอยากจะกินอะไรเลย เพราะละครร้องได้นำพาใจของผมซึมซับไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และมันทำให้ผมได้คิดถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในช่วงเวลาปัจจุบันได้อย่างดี เมื่อดูละครฉากนี้ ใจก็เผลอไปคิดถึงเหตุการณ์บ้านเมือง สลับไปมา ทำให้ผมได้เห็นอะไรมากมายจากละครเรื่องดังกล่าว

 

แม้ว่าชีวิตในคุกของท่านกุหลาบ จะดูเหมือนยากลำบาก แต่ท่านก็มีใจมองในด้านดีว่า "ถ้าเรามองคุกเป็นคุกเราก็จะไม่ได้อะไร แต่เราควรมองเป็นมหาวิทยาลัยให้เราได้เรียนรู้ต่างๆ มากมาย" และ "อิสรภาพอยู่ที่ใจเรา ไม่ใช่อยู่ที่สถานที่ที่เราอยู่" ซึ่งการมองในด้านนี้ทำให้ท่านได้มีเวลามากมายในการเขียนต้นฉบับออกเผยแพร่และมีพลังใจมากมายในการมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายภายในคุก

 

ฉากที่ผมซึ้งอีกฉากคือ เรื่องการก่อความรักของคุณชนิดกับท่านกุหลาบเมื่อสมัยที่ทั้งสองยังอายุไม่มากนั้น ช่างดูเป็นความรักที่ผสมด้วยความเข้าใจ เนื่องเพราะคุณชนิดท่านได้อ่านเรื่องที่ท่านกุหลาบเขียนมาตลอดและเข้าใจในความคิด จุดยืน และอุดมการณ์ของท่านกุหลาบอยู่มากทีเดียว ทำให้ทั้งสองพบรักและครองรักกันมาด้วยความเข้าใจและอยู่เคียงข้างกันมาตลอด

 

ความรักของทั้งสองท่านเป็นจุดเล็กๆ ที่ทำให้ผมนึกถึงความรักของตัวเองด้วยเช่นกัน......

 

ผมค่อนข้างเห็นด้วยว่าความรักที่เกิดจากความเข้าใจนี้เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ชีวิตคู่ยืดยาวและดำเนินไปอย่างมีคุณค่าและความหมาย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจเราหากได้มีการเผยออกมาให้กันและกันได้รับรู้นั้นถือว่าเป็นการรู้จักกันเข้าไปถึงด้านในเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ความรักจึงอ่อนละมุน งดงาม ภายใต้ความเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน

 

การเคารพซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อความรักและวิถีสังคม การเมือง

 

เพราะการเมืองเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องแสดงจุดยืนของตัวเองว่าคิดอย่างไร เลือกอย่างไร และควรมีความเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างบนเส้นทางของประชาธิปไตย หาใช่เป็นการชักนำให้คนคิดเหมือนตนเองอย่างไม่เคารพในความคิดของคนอื่น มองผู้อื่นด้วยความเกลียดชัง เหยียดหยามอย่างไร้ศักดิ์ศรี หรือแม้แต่คิดว่าความคิดตัวเองถูก คนอื่นคิดผิดไปหมด เข้าทำนอง "ยึดมั่นในอุดมการณ์" แต่พร้อม "ระรานคนอื่นได้ทุกเวลา"

 

แต่สิ่งที่เห็นจากละครร้องเรื่องดังกล่าวทำให้ผมเข้าใจว่าคนเราทุกคนมีอุดมการณ์ทั้งเหมือนและต่างกัน แต่การเคารพในตัวตนของผู้อื่นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งนัก และแม้ว่าเขาคนไหนจะเลือกเดินบนแนวทางใดก็สามารถไปยังเป้าหมายปลายทางของจุดยืนและอุดมการณ์ได้ ดังที่ท่านกุหลาบตอบคำถามของเพื่อนคนหนึ่งที่ถามว่า "ทำไมท่านไม่ร่วมปฏิวัติ 2475" และท่านกุหลาบได้ตอบกลับว่าท่านไม่อยากเป็นทัพหน้าหรือผู้นำ แต่ขอเป็นผู้ตาม ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อเกื้อหนุนให้ผู้นำไปถึงจุดหมายปลายทางแห่งเป้าหมายที่วาดหวัง

 

ฉะนั้นจึงเป็นไปได้ว่า บนเส้นทางประชาธิปไตย เราเห็นต่างได้ หรือแม้เห็นเหมือนกัน จุดยืนเหมือนกัน แต่เราก็สามารถเลือกได้ว่าเราจะอยู่ตรงส่วนไหนของเส้นทางนี้ นั้นหมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำเสมอไป หรือเป็นผู้ตามตลอดเวลา แต่ทว่าเราต้องยึดหลักจุดยืนและเดินไปอย่างไม่ละทิ้งอุดมการณ์

 

ที่สำคัญละครร้องเรื่องนี้ทำให้ผมมองเห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ค่อยต่างจากเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันมากนัก ซึ่งทำให้ผมไม่อยากคิดว่าฉากสุดท้ายของเหตุการณ์ในปัจจุบันจะเป็นอย่างไร ทว่าความงดงามที่ละเอียดไปมากกว่าการได้ผู้แพ้หรือผู้ชนะมานั้น ก็คือ "การให้อภัย" ต่อกันและกัน

 

ผมเข้าใจด้วยวัย 23 ปีว่า การให้อภัย เป็นอภัยทาน เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับทุกๆ คน ทุกๆ ช่วงวัย การให้อภัยโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่มุ่งหวังผลตอบแทนหรือประโยชน์ซ่อนเร้นเป็นความงดงาม ที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบัน และยังเป็นการละความยึดมั่น ถือมั่นในตัวตน บนพื้นฐานแห่งความเข้าใจ มีเมตตา กรุณา ต่อกันและกัน

 

สิ่งที่ละครร้องเรื่องนี้นำเสนอมานั้นทำให้วัยรุ่นอย่างผม ฉุกคิด และตั้งคำถามกับตัวเองในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะคำถามกับ "ชีวิต" ของตัวเอง ว่าตั้งแต่เกิดมาเราได้ทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง ตั้งคำถามว่าในเมื่อคุกเป็นเสมือนมหาลัยชีวิตของใครคนหนึ่งได้ แล้วทำไมมหาลัยจริงๆ จึงมีสภาพไม่ต่างจากคุกเข้าไปทุกวัน นิสิตนักศึกษาดูเสมือนถูกจองจำสิทธิ เสรีภาพ อิสรภาพมากมายโดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว คำถามเก่าๆ วนเวียนอยู่ในใจหลายหน "เราเรียนไปเพื่ออะไร" "ความหมายของชีวิตคืออะไร" "คุณค่าของความเป็นคนคืออะไร"

 

คำถามมากมายเกิดขึ้น บางอย่างยังไม่คลี่คลาย บางอย่างยังรอคำตอบ

และบางคำถามยังคงต้องแสวงหาต่อไปเรื่อยๆ

 

-4-

 

ภายหลังจากละครร้องจบลง แสงไฟค่อยเลือนรางลง และดนตรีดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เงียบตามแสงไฟ นักแสดงทุกคนออกมาด้านหน้าเวทีขนาดเล็ก แสงไฟกลับมาสว่างอีกครั้ง เสียงปรบมือดังยาวเป็นนาที พวกเราที่นั่งชมได้มีโอกาสสนทนากับนักแสดง ทำให้ได้รู้ว่าชีวิตของท่านกุหลาบ สายประดิษฐ์ ยังมีอีกมากมายให้ติดตามค้นคว้าเพิ่มมากขึ้น

 

เพราะการได้เข้าใจอดีตจะทำให้เข้าใจปัจจุบันและน่าจะทำให้เท่าทันอนาคตได้มากทีเดียว

 

ท้ายนี้แล้วการได้ดูละครร้องในเรื่องราวชีวิตของท่านกุหลาบ สายประดิษฐ์ ทำให้ผมนึกถึงชีวิตตัวเองเหมือนกัน....ซึ่งชีวิตของผมคงเหมือนกับชีวิตของคนอื่นๆ ที่มีทั้งร้าย มีสุข ทุกข์ เศร้า เหงา ร่าเริง แตกต่างกันไป การเห็นชีวิตคนอื่น แล้วย้อนมาดูชีวิตตัวเองก็ทำให้เราได้ทบทวนตัวเองว่าที่ผ่านมาเราเป็นอย่างไรและได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการมีชีวิตอยู่ และแน่นอนว่าชีวิตของเราคงเป็นเพียงสิ่งสมมุติที่เกิดขึ้น มีอารมณ์ ความรู้สึก มีจิตใจ มีความฝัน มีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนและต่างกับคนอื่นและเราก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตส่วนหนึ่งในเสี้ยวจักรวาลใหญ่ เป็นผีเสื้อตัวหนึ่งในผืนหญ้าอันไพศาล ที่ต่างเกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไปเหมือนๆ กัน

 

ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วทำไมเราจึงยอมจมปักอยู่กับสิ่งบางสิ่งที่หลงระเริงยึดมั่นอยู่ไปเรื่อยๆ หรือเราจะเปิดใจให้กว้าง ก้าวย่างไปบนเส้นทางแห่งเสรีภาพและอิสรภาพบนฐานของความรัก ความเข้าใจในเพื่อนมนุษย์ไม่ดีกว่าหรือ เพื่อให้ความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงได้เกิดขึ้นภายในตัวเรา เป็นชีวิตมนุษย์ที่มีหัวใจงดงามอย่างแท้จริงและเป็นดั่งของขวัญที่มีค่าต่อกันและกัน...

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
งานวิจัยมากมายทยอยออกมานำเสนอผ่านสื่อมวลชน ในช่วงก่อนวาเลนไทน์ ชนิดที่ว่า นอกจากจะเป็นช่วงเทศกาลวันแห่งความรักแล้ว ยังเป็นเทศกาลนำเสนอผลวิจัยวัยรุ่นอีกก็ว่าได้งานวิจัยที่ออกมาส่วนใหญ่แล้ว มีลักษณะ “ถ้ำมอง” และ นำเสนอด้าน “ลบ” ของวัยรุ่นเพียงอย่างเดียว ทำนองว่า วัยรุ่นจะมีเพศสัมพันธ์กันมากที่สุดในวันดังกล่าว – ผมเองได้พยายามค้นหาดูว่ามีผลวิจัยหรืองานสำรวจอะไรบ้างที่ให้ข้อเสนอแนะทางออกในเชิงสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องเพศของวัยรุ่นนอกจากผลการสำรวจของ เครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ ประเทศไทย (Youth Net) ที่เสนอว่า วัยรุ่นกว่า 70% เห็นว่าควรมีวิชาเพศศึกษาในหลักสูตรของทุกโรงเรียน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
1นันกับฝน เรียนอยู่มหาวิทยาลัยอีกไม่กี่เดือนก็จะจบการศึกษาแล้ว เขาทั้งสองเป็นเด็กต่างอำเภอที่ได้ย้ายมาเรียนในตัวเมืองของจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือทั้งสองคนพบกันครั้งแรกตอนเข้า ม.4 ตอนนั้นเป็นจุดตั้งตนให้เขาและเธอได้รู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์เรื่อยมาจนเป็นแฟนกัน และจากนั้นนันกับฝนจึงตัดสินใจย้ายหอมาอยู่ด้วยกัน อาศัยห้องเดียวกัน ตอนเรียน ม.5 ตอนที่มีอะไรกันครั้งแรก นันใช้ถุงยางอนามัย เพียงเพราะยังไม่อยากรับผิดชอบผลกระทบที่จะตามมาจากการมีอะไรโดยไม่ได้ป้องกัน เขาไม่ได้ให้ฝนคุมกำเนิดด้วยการทานยาคุมกำเนิดเพราะกลัวผลข้างเคียง ที่จะเกิดขึ้น แต่เลือกใช้ถุงยางอนามัยทุกๆ ครั้ง พอเรียนจบ ม.6…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ผมเพิ่งกลับจากค่ายเยาวชนที่จังหวัดเชียงราย เป็นการจัดกิจกรรมเรื่องเพศ มีวัยรุ่นหลายคนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งโดยหลักแล้วก็เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องเพศ เพศภาวะ และเพศวิถี ซึ่งเน้นการพูดคุยจากมุมภายในของผู้เข้าร่วมแต่ละคนมีน้องคนหนึ่งที่มาร่วมกิจกรรม บอกความรู้สึกกับผม “ผมดีใจมากครับ ที่ได้มาร่วมกิจกรรมนี้ อยากเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ แต่ไม่ค่อยมีโอกาสเลย ดีนะครับที่พวกพี่มาจัด” น้องอีกคนหนึ่งก็บอกอีกว่า ที่ชุมชนของตัวเองได้มีการจัดกิจกรรมโดยอบต. แต่กิจกรรมส่วนใหญ่จะเน้นการกีฬา กิจกรรมตามวันสำคัญ และเยาวชนในชุมชนก็เข้าร่วมฟังน้องทั้งสองคนพูดขึ้นมาผมก็คิดถึง ผลการศึกษาวิจัยเรื่อง “…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ผมรู้จักกับคุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์  ตอนอายุ 18 ปี สมัยที่ได้เริ่มวาระการเป็นกรรมการควบคุมคุณภาพมาตรฐานบริการสาธารณสุข จากสายองค์กรเอกชนด้านเด็กและเยาวชน เมื่อหลายปีก่อน ตอนเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการในตอนแรกๆ ผมค่อนข้างจะเกร็งเพราะคณะกรรมการแต่ละท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสำคัญต่อวงการสาธารณสุขและสังคมและอาวุโสห่างจากผมมากกว่า 20 ปี  ตอนนั้น คุณหมอสงวน ทำหน้าที่เป็นเลขานุการในที่ประชุม และเมื่อประชุมเสร็จสิ้น ผมได้เข้าไปทักทายและแนะนำตัวเองกับท่าน ท่านมีความเป็นกันเองและให้เกียรติกับผมมากและได้บอกให้ผมสบายใจ มั่นใจและเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
กิตติพันธ์ กันจินะ
ลมหนาว ยังไม่จางหาย....วันเด็กแห่งชาติเพิ่งจัดเสร็จไปไม่กี่วัน จนถึงวันนี้ วันเด็ก เสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ยังคงมีการจัดมาอย่างสม่ำเสมอทุกๆ ปี นับตั้งแต่สมัย พ.ศ. 2499 ในยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ ได้มอบคติเตือนใจสำหรับเด็กๆ ปีละ 1 คำขวัญ จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบเนื่องจนถึงปัจจุบันวันเด็กที่ผ่านมา ผมได้ร่วมกิจกรรมที่ศูนย์เพื่อน้องหญิง จ.เชียงราย ภายในงานจัดกิจกรรมในแนวว่า “ข้างหลังภาพ” ทำนองว่า ทำงาน ทำกิจกรรม กันมามากมาย ทั้งเด็ก ผู้ปกครอง ผู้สูงอายุ วันนี้น่าจะมาดูกันว่าได้ทำอะไรกันมาบ้าง ซึ่งเด็กๆ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
กาลชีวิตของผมเดินทางผ่านมาแล้วอีกหนึ่งปี และคงจะเดินทางต่อไปตามเข็มนาฬิกา สายน้ำ สาดลม แสงแดด เช่นนี้อีกเรื่อยๆ ตราบที่ยังคงมีลมหายใจอยู่...เมื่อปีที่แล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้น อันเกี่ยวข้องกับเยาวชน คนหนุ่มสาวในประเทศนี้มีมากมายทั้งร้ายดี โดยส่วนตัวแล้ว เห็นความพยายามของผู้ใหญ่หลายภาคส่วนที่เข้ามาสนับสนุนการทำกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมของเยาวชนอยู่มากมายหลายหลากโครงการพัฒนาเยาวชนจำนวนมาก ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคธุรกิจ ล้วนมุ่งเน้นให้เยาวชนคนหนุ่มสาวเข้ามาทำกิจกรรมทางสังคมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างที่ได้รับรู้มาดังเช่น โครงการเยาวชนไทยไม่ทอดทิ้งสังคม ที่เครือข่ายเยาวชน 14 กลุ่ม…
กิตติพันธ์ กันจินะ
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพิ่งจบลงเมื่อวานนี้ ตอนค่ำ ผลสรุปจากการกากบาทลงคะแนนให้กับคนที่รัก พรรคที่ชอบ ได้ผลออกมาอย่างไม่เป็นทางการ บางคนอาจถูกใจ บางคนอาจไม่ถูกใจหลังจากลงคะแนนเสียงเสร็จ ผมได้เดินทางไปยังเขตชายแดนอำเภอแม่สายกับพี่ๆ เจ้าหน้าที่ศูนย์เพื่อน้องหญิง เพื่อจับจ่ายซื้อของและเดินเล่นไปมาตามประสาคนที่อยากพักผ่อนเที่ยวท่องให้คล่องใจเวลาในการเดินทางไป การเดินทางจับจ่ายซื้อของ และการเดินทางกลับ เริ่มจากตอนสาย จนถึงตอนหัวค่ำ ระหว่างที่อยู่เขตอำเภอแม่สาย ผมแยกตัวจากพี่ๆ เจ้าหน้าที่อีก 4 คน เดินเล่นเองคนเดียว เพียงเพื่อจะหาร้านกาแฟสดดีๆ ที่มีหนังสืออ่านและมีเพลงฟัง ผมเดินไปทั่ว…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาจนถึงวันนี้ผมยังไม่ได้พาตัวและตาของตนไปดูภาพยนตร์เรื่อง "รักแห่งสยาม" เลย แม้ว่าจะมีเพื่อนๆ หลายคนได้เชื้อเชิญแจ้งแถลงชวนให้ไปดูหลายเวลา หลายคราก็ตาม ผมก็ยังไม่ได้ไปดูเสียทีโดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนปฏิเสธโรงภาพยนตร์นะครับ เพราะภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่จะทำให้ผมไปดูได้นั้น ต้องเป็นเรื่องที่ผมมีเพื่อนไปดูด้วย คือ ถ้าไปคนเดียวผมคงไม่ไปครับ เพราะไม่เคยดูหนังคนเดียว และยิ่งไม่รู้ว่าต้องซื้อตั๋ว ซื้ออะไรยังไงบ้าง เพราะปกติเวลาไปเพื่อนๆ จะเป็นคนซื้อตั๋วและขนมขบเคี้ยวเข้าไปให้สำหรับ "รักแห่งสยาม" ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีผู้คนกล่าวถึงค่อนข้างมาก และกล่าวถึงในหลายแง่มุม เช่น…
กิตติพันธ์ กันจินะ
“อากาศหนาวๆ เย็นๆ อย่างนี้ หากได้หาใครสักคนมาอยู่ข้างกายก็คงจะดี” เพื่อนรุ่นพี่พูด บอกเสมือนจะสื่อให้ผมหาใครสักคนมาอยู่ข้างกาย เพื่อเป็นเพื่อนคุย แต่ผมคิดว่านัยยะของคำพูดนี้ น่าจะสะท้อนความคิดบางอย่าง ว่าการที่จะมีใครสักคนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ เราในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ แน่นอนว่าจะช่วยทำให้เราอุ่นกายและอุ่นใจได้พร้อมๆ กันผมครุ่นคิดถึงคำพูดของเพื่อนรุ่นพี่ หลายวัน พลันกับได้ยินเรื่องราวเรื่องการคัดค้านมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหรือ ‘มอ’ นอกระบบ  ก็ทำให้นึกถึง ความรักนอกระบบ ไปด้วย ความรักนอกระบบ กับ ‘มอ’ นอกระบบ แม้จะไม่เหมือนกัน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ความรักไม่เข้าใครออกใคร ไม่ว่าวัย-อาชีพ-เพศ-ชนชั้น-เชื้อชาติใด ความรักย่อมมีอยู่ในทุกที่ ดั่งเช่นความรักของคนทำงานเรื่องเพศในการทำงานเรื่องเพศ หลายคนมองว่าอาจยากต่อการทำความเข้าใจกับคู่ของตัวเอง เมื่อเราเป็นผู้หญิงและคู่ของเราเป็นผู้ชาย แล้วให้เราเริ่มคุยเรื่องเพศก่อน ก็อาจถูก ‘คู่’ ที่คบหาตกใจ หรือมองเราในมุมที่ไม่ค่อยดีก็เป็นได้ แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า ปัจจุบันผู้หญิงหลายคนเริ่มคุยเรื่องเพศของตนมากขึ้น และผู้ชายเองก็ไม่ได้มองผู้หญิงมุมลบๆ อย่างเดียว หากมองว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่ได้รับฟังเรื่องของคนที่ตัวเองคบอยู่ มีประสบการณ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งจากเรื่องของเธอ –…
กิตติพันธ์ กันจินะ
เมื่อหลายวันก่อน ผมได้เข้าร่วมกิจกรรมเวที “เพศศึกษาเพื่อเยาวชน” ของโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ องค์การแพธ ร่วมกับมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และพันธมิตรอีกหลายองค์กร จัดงานระดับภาคตะวันตกและภาคตะวันออกขึ้น โดยการจัดครั้งนี้เป็นการครั้งแรกของภาคดังกล่าวภายในงานมีเยาวชนจากหลายโรงเรียนและหลายกลุ่มเข้าร่วม พร้อมๆ ทั้งผู้ใหญ่จากหน่วยงานภาคการศึกษาและหน่วยงานภาคประชาสังคม เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งธีมหลักๆ ของเวทีนี้คือ “ร่วมกันชี้โพรงให้กระรอกเข้าอย่างปลอดภัย” ทำไมต้องชี้โพรงให้กระรอก ในเมื่อกระรอกรู้ว่าโพรงนั้นต้องเข้ายังไง –…
กิตติพันธ์ กันจินะ
รายงานข่าวเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า มียอดเด็กที่กำพร้าจากพ่อแม่ที่ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนหลายพันคน ซึ่งภาครัฐยังคงต้องหาแนวทางการดูแลเด็กที่เผชิญกับปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องการเข้าถึงการศึกษา และการดูแลคุ้มครองปกป้องสวัสดิภาพของเด็ก ทว่าอย่างไรเสีย  แม้ว่าเรื่องราวความรุนแรงในเหตุการณ์ดังกล่าว จะยังคงปรากฏให้เห็นอยู่เสมอทั้งหน้าจอโทรทัศน์หรือหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ แล้ว ยังมีเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ ระหว่างคนในพื้นที่กับคนนอกพื้นที่ที่ได้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ในพื้นที่เกิดเหตุ ตามบทบาทหน้าที่ต่างๆ อาทิ หมอ ทหาร ครู…