Skip to main content
หากให้ลองเอ่ยชื่อปัญญาชนที่เป็นเสาหลักของสังคมไทย แน่นอนต้องมี ส.ศิวรักษ์ รวมอยู่ด้วย จากผลงานมากมายและหลากหลายในอดีตคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธคุณูปการของ ส. ศิวรักษ์ ที่มีต่อสังคมไทยไปได้


ย้อนหลังไปก่อนการเมืองยุคทักษิณ ผมเฝ้าติดตามและชื่นชมผลงานของส.ศิวรักษ์อยู่ห่าง ๆ ชื่อของเขาในฐานะวิทยากรตามงานสัมมนาเป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดให้ต้องเข้าไปนั่งฟังทัศนะอันกล้าหาญแหลมคม อาจกล่าวได้ว่าเขาคือแรงดลใจและเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าในการต่อสู้กับความ อยุติธรรม



ผมเคยสำรวจรายการหนังสือของส.ศิวรักษ์ ในห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เฉพาะหนังสือเล่มพบว่ามีมากถึงเกือบ 300 รายการ อันแสดงให้เห็นว่าชีวิตที่ผ่านมาของส. ศิวรักษ์อุทิศให้กับงานทางปัญญาอย่างยากที่จะหาปัญญาชนคนใดมาเทียบเคียงได้


อย่างไรก็ตาม การมาถึงของนายกรัฐมนตรีขวัญใจคนรากหญ้าที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ได้สร้างแรงสะเทือนในเชิงหลักการให้เกิดแก่ส.ศิวรักษ์ จนรวนเรเสียศูนย์ไป


ส.ศิวรักษ์ในบั้นปลายชีวิตไม่อาจรักษาความทรงภูมิและสง่างามของตนเองไว้ได้ ไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่ชอบทักษิณ แต่เป็นเพราะความไม่ชอบทักษิณทำให้เขาละเมิดหลักการสำคัญบางอย่างไป


ส.ศิวรักษ์วิพากษ์วิจารณ์ทักษิณจนเลยเถิดไร้หลักการ แทบไม่ต่างอะไรกับการวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มพันธมิตร เขาบอกว่า

"เราลืมไปนะครับ คุณทักษิณสั่งฆ่าคนมุสลิมภาคใต้ไปเท่าไหร่ คุณทักษิณสั่งฆ่าคนในนามของการเอาชนะยาเสพติดอีกกี่พันคน ทั้งใช้กฎหมายและไม่ใช้" http://www.thaitownusa.com/frontnews/frmNews_View.aspx?Conn=Thai&NewsNo=0904000398

 

การใช้คำว่า "ทักษิณสั่งฆ่า" นั้นดูจะไปไกลเกินเหตุ ในกรณียาเสพติดนั้นเป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาลซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคนชั้นกลาง ส่วนเรื่องมุสลิมภาคใต้นั้นเป็นการตัดสินใจในระดับปฏิบัติ คนที่มีความระมัดระวังคงไม่พูดหรอกว่า "ทักษิณเป็นคนสั่งให้ยิงถล่มมัสยิดกรือเซะ" หรือ "ทักษิณสั่งให้ฆ่ามุสลิมที่ตากใบ" เพราะถ้าหากใช้ตรรกะแบบส.ศิวรักษ์ เราก็อาจพูดได้เช่นกันว่านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นฆาตกรที่อายุน้อยที่สุดเพราะสั่งปราบปรามคนเสื้อแดงที่สามเหลี่ยมดินแดง


ความเลยเถิดของส.ศิวรักษ์ต่อทักษิณ ไปไกลถึงขั้นหลับหูหลับตาหลงเชื่อเรื่องเล่าโกหกเกี่ยวกับการเล่นละครหมิ่นเบื้องสูงที่สนามรัชมังคลากีฬาสถาน เขาบอกว่า

"ดังขอให้สังเกตว่างานมหกรรมเสื้อแดงที่จัดขึ้น ณ สนามกีฬารัชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ นั้น ก่อนที่ทักษิณ ชินวัตร จะปรากฏตัวและเสียง (จากต่างประเทศ) บนจอยักษ์นั้น ได้มีละครเล่นโจมตีพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน แม้จะไม่เอ่ยพระนามตรงๆ ก็ตามที" http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000132566

 

ส.ศิวรักษ์ พูดต่างกรรม ต่างวาระ หลายครั้งว่า ทักษิณ ชินวัตร นั้นเป็นนายกรัฐมนตรีที่เลวร้ายที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมา เลวร้ายยิ่งกว่าเผด็จการอย่างจอมพลสฤษฏดิ์ ธนะรัชต์ เสียอีก ล่าสุดเขาบอกว่าตนเองถูกทักษิณกลั่นแกล้งในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

"ผมได้อ้างว่าคดีของผมนั้นเป็นคดีที่ผมถูกกลั่นแกล้งเหมือนเมื่อครั้งที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ในสมัย รสช.ผมต้องสู้คดีถึง 4 ปี และศาลได้ตัดสินว่าจำเลยอาจจะพูดแรงไป พูดไม่สุภาพแต่ทั้งหมดต้องการที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จึงไม่มีอะไรที่จะเอาโทษกับจำเลยได้ทำให้ผมเสียเวลาไป 4 ปี แต่มาครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลั่นแกล้งผม" http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=380910

 

เมื่อโดนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเล่นงาน ดูเหมือน ส.ศิวรักษ์ จะเรียกร้อง "สิทธิพิเศษ" เหนือใคร ๆ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง

"มาศาลในวันนี้ก็มาให้เห็นหน้าว่ายังมีชีวิตอยู่ 12 วันต้องมาครั้งหนึ่ง สิ้นเปลืองเวลา ค่าใช้จ่ายด้วย ตนอายุ 76 ปีแล้วก็ต้องมาขอนแก่น และตนก็ยังมีคดีอีกคดีหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ สน.ชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร หากนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับกรรมาธิการวุฒิสภาว่าตนจงรักภักดี ก็น่าจะสั่งให้ยุติคดีได้"


ส.ศิวรักษ์ กล่าวอีกว่า "ตามที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาหาถามว่าจะให้ช่วยอย่างไรได้บ้าง เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังคงช่วยดู แต่ขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่ส่งเรื่องไปที่อัยการ และนายกรัฐมนตรีเองก็ต้องการให้ยุติ ตนเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีน่าจะมีการสั่งการไปที่ตำรวจแล้ว แต่ก็ต้องเข้าใจว่าตำรวจนั้นมีหลายหน่วย บางคนก็ไม่ฟังนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ก็ยังคงมีตำรวจบางคนที่เข้าใจ และฟังนายกรัฐมนตรี แต่ตนไม่ขอเอ่ยชื่อ และเขาก็เชื่อว่าคดีนี้เป็นคดีที่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ จึงหวังว่าตำรวจกับนายกรัฐมนตรีจะทำในสิ่งเป็นประโยชน์ต่อตน และเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองเพราะคนที่รู้จักตนมีทั่วโลกก็รู้ดีว่าตนเป็นคนจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นถ้านายกรัฐมนตรีสามารถที่จะสั่งยุติคดีได้ ก็ถือว่าเป็นการช่วยคนแก่คนหนึ่ง" http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=380910


ผมไม่รู้ว่าส.ศิวรักษ์รู้สึกอย่างไรต่อกรณีของสุวิชา ท่าค้อ และแฮรี นิโคไลเดส ที่โดนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเล่นงานจนไม่เป็นผู้เป็นคน ส.ศิวรักษ์ รู้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้เจ็บปวด? ส.ศิวรักษ์คิดจะยื่นมือช่วยเหลือ คนเหล่านี้บ้างหรือไม่ ?


------------------


ผลงานของส.ศิวรักษ์ ที่ผ่านมาอาจทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญระดับโลก เพียงแต่ว่าอย่าปล่อยอคติครอบงำไปมากกว่านี้ ที่สำคัญอย่าเอาตัวรอดจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วยการทิ้งหลักการแล้วโจมตีทักษิณ.

 

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ท่ามกลางเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่จากนักวิชาการสายพันธมิตร, สื่อสายพันธมิตร, 40 สว. ลากตั้งสายพันธมิตร, พรรคการเมืองสายพันธมิตร, นักสิทธิมนุษยชนสายพันธมิตร, คนกลางสายพันธมิตร, คนดีสายพันธมิตร, ตุลาการสายพันธมิตร และอะไรต่อมิอะไรสายพันธมิตรนั้น เราพอจะได้ยินได้อ่านอะไรที่แตกต่างสร้างสรรค์ เป็นถ้อยคำรื่นหูที่ได้ยินแล้วสบายใจอยู่บ้างแม้จะเป็นส่วนน้อยก็ตาม เสียงส่วนน้อยเหล่านี้ควรค่าแก่การจดจำตอกย้ำหรือเก็บไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง เป็นเสียงแห่งความกล้าหาญที่ช่วยดึงรั้งไม่ให้สังคมเตลิดไปกับความหลงผิด เป็นเสียงแห่งเหตุผลและความถูกต้อง เชื่อว่าหลายคนคงผ่านหู ผ่านตามาแล้ว แต่ขอนำเสนอซ้ำอีกครั้งหนึ่ง 1.…
เมธัส บัวชุม
พวกกบโง่....เห็นนกกระยาง....เป็นนางฟ้า...สมน้ำหน้า....หลงบูชา....ดุจนางแถน...นางประแดะ.....แสร้งเมตตา...อย่างแกนๆฝูงกบแสน....ดีใจ....ได้นายดี......๚ะ๛                                                ๏..ตรังนิสิงเห...๚ะ๛( http://www.prachatai.com/webboard/wbtopic.php?id=733477 )========================================= ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ…
เมธัส บัวชุม
ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ละเลงเลือดแผ่นดินเดือด ถ่อยเถื่อน สะเทือนไหมเหล่าแกนนำ อำมหิต คงสะใจประเทศไทย ใกล้พังยับ นับวันรอพันธมิตร ป่วนเมือง ระส่ำสุดเตรียมอาวุธ รบกับใคร กระไรหนอกองทัพธรรม กำมีดพร้า ฆ่าให้พอทำเพื่อ "พ่อ" สนธิลิ้ม และจำลอง ละอองดาว ( http://www.prachatai.com/05web/th/home/comment.php?mod=mod_ptcms&ContentID=13977&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai ) พอฝุ่นควันจากเหตุการณ์สลายหายไป ภาพปรากฏก็เริ่มชัดเจนขึ้น ข้อเท็จจริงค่อย ๆ แสดงตัวออกมาทีละส่วน ๆ ก่อนจะกลายเป็นภาพรวมใหญ่ ทำให้การใส่ความและการโฆษณาชวนเชื่อของแกนนำพันธมิตรฯ…
เมธัส บัวชุม
นายแพทย์ประเวศ วะสี ผู้ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปภายใต้โลโก้ “ราษฎรอาวุโส” เป็น “ผู้ใหญ่” ที่ใครต่อใครรู้จักกันดี เพราะคำพูดคำอ่านหรือแนวคิดของท่าน ตกเป็นข่าวพาดหัวอยู่เสมอทางหน้าหนังสือพิมพ์และได้รับการขานรับจากกลุ่มคนน้อยใหญ่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว นักกิจกรรม แม้กระทั่งข้าราชการ บทบาทของนายแพทย์ประเวศ วะสี ในหลาย ๆ วาระและโอกาส มีความสำคัญและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองไทยอย่างสูง จนคว้ารางวัลต่างๆ มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น บุคคลดีเด่นของชาติ รางวัลแมกไซไซ รางวัลจากยูเนสโก เหรียญเชิดชูเกียรติจาก WHO เป็นที่ยอมรับโดยไม่มีข้อกังขาว่า…
เมธัส บัวชุม
นอกจากจะรู้จักใช้ “สี” ให้เป็นประโยชน์แล้ว ลัทธิพันธมิตรยังมีความสามารถพิเศษในการ ”เปลี่ยนสี” ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป หรือ “เลือกสี” ให้เหมาะกับกาละเทศะ เพราะจะใช้ “สีเดียว” ทุกเวลาและสถานที่คงไม่ได้ การรู้จัก “เปลี่ยนสี” นี้เป็นการปรับตัวเช่นเดียวกับที่เราได้เห็นในสัตว์หลายชนิดที่สามารถสร้างสีให้เกิดความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมหรือสื่อสารกับสัตว์ตัวอื่นๆ ไม่ว่าสัตว์นั้นจะเป็นผู้ล่าหรือผู้ถูกล่า หรือจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีหรือไม่มีกระดูกสันหลังต่างก็มีความสามารถในการเปลี่ยนสีด้วยกันทั้งนั้น
เมธัส บัวชุม
ตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน ปี 49 กระทั่งปัจจุบัน  อันธพาล-ลัทธิพันธมิตร ได้ผลิต ตอกย้ำนำเสนอ วาทกรรมทางการเมืองต่าง ๆ จำนวนมาก ผ่านเครือข่ายการสื่อสารที่กว้างขวางและร่วมด้วยช่วยกันกับองค์กรอันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา บุคคลที่มีชื่อเสียง สว. ลากตั้ง ดารา ฯลฯ  ทั้งที่เป็นวาทกรรมเพื่อมุ่งทำลายฝ่ายตรงข้ามและใช้ในการยกยอปอปั้นลัทธิตนเอง วาทกรรมบางอย่าง ลัทธิพันธมิตรประดิษฐ์ขึ้นโดยตรงสำหรับการกรรโชกข่มขู่รัฐบาลและสังคม แต่บางวาทกรรมไม่ได้คิดขึ้นเองหากแต่นำมาจากประธานองคมนตรี นักวิชาการ ราษฎรอาวุโส สื่อมวลชน และจากบรรดาบุคคลที่เทิดทูนระบอบอมาตยาธิปไตยไว้เหนือหัว…
เมธัส บัวชุม
กลุ่มอันธพาลการเมือง หรือแก๊งมาเฟียเป็นปัญหาเสมอมาสำหรับการสถาปนากติกาการปกครองและระเบียบการเมือง ทั้งนี้เพราะเป็นกลุ่มที่กฎหมายและการจัดระเบียบทางสังคมไม่สามารถควบคุมจัดการได้ คุกคามต่อสวัสดิภาพความเป็นอยู่ปกติของคนโดยทั่วไปเพราะกลุ่มอันธพาลการเมือง หรือแก๊งมาเฟียดำรงชีพอยู่ได้ก็ด้วยการขู่เข็ญกรรโชกกระทั่งใช้กำลัง หรือใช้กฎหมู่เพื่อให้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ นอกจากจะไม่ผลิตอะไรออกมาแล้ว กลุ่มอันธพาลการเมืองยังคอยรีดไถเงินจากน้ำพักน้ำแรงของคนอื่น ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับการข่มขู่รีดไถหรือล็อบบี้อย่างชาญฉลาดของกลุ่มอันธพาลการเมืองที่เรียกตนเองว่าพันธมิตรอย่างสมบูรณ์แบบที่กลุ่มพันธมิตร…
เมธัส บัวชุม
ไม่ต้องเป็นผู้ฉลาดหลังเหตุการณ์เราก็จินตนาการได้ไม่ยากว่าการชุมนุมก่อน 19 กันยายน 2549 ของกลุ่มพันธมิตร ฯ นั้นเป็นการออกบัตรเชิญให้ทหารทำรัฐประหารแม้ว่าบางคนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชุมนุมของพันธมิตร ฯ หลังพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลก็เช่นเดียวกัน ไป ๆ มา ๆ ก็เหมือนเดิมคือการออกบัตรเชิญให้ทหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีกคำรบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพลังประชาชนได้บทเรียนมาแล้วก่อนหน้านี้ และได้รู้ว่าความผิดพลาดในรายละเอียดเพียงนิดเดียวอาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การยึดอำนาจรอบสองได้ รัฐบาลจึงระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดการกับม็อบพันธมิตร ฯ แต่โอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นก็ใช่ว่าจะไม่มี…
เมธัส บัวชุม
บทความที่แล้วพยายามจะให้ความหมายของ “กวีเกรียน” ว่ามีลักษณะอย่างไร แล้วเมื่อลองมาวิเคราะห์ พิจารณา สามารถสรุปรวบยอดได้ว่า กวีเกรียน นั้นเดินทางล้าหลัง อยู่ถึง 3 ก้าวด้วยกัน ก้าวที่ 1 คือ ขาดการทบทวนอดีต ไม่สามารถนำอดีตมาเป็นบทเรียนได้ ไม่สามารถสกัดเก็บซับเอาข้อดี ข้อเสียในอดีตมาเป็นฐานคิดในการวิเคราะห์สังคมการเมือง จะว่าไปบทเรียนในอดีตของสังคมไทยก็มีให้ศึกษาเรียนรู้อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลง 2475, การต่อสู้ของเสรีไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการในอดีตหรือกระทั่งการต่อสู้อยู่ในป่าของพคท.ฯลฯ…
เมธัส บัวชุม
ตอนแรกตั้งใจจะตั้งชื่อบทความว่า “กวีพันธมิตร ฯ” แต่เห็นชื่อที่โดนใจวัยรุ่นกว่าในเวบบอร์ด “ฟ้าเดียวกัน” ว่า “กวีเกรียน” โดยคุณ Homo erectus (ซึ่งเคยเข้ามาวิพากษ์เชิงด่าผมอยู่เป็นประจำจนเลิกไปเอง) จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เข้ากับสมัยนิยม “กวีเกรียน” ในความหมายของผมคือกวีที่ล้าหลัง คิดอ่านไร้เดียงสาเหมือนเด็กที่อ่อนต่อโลก วิเคราะห์สังคมไม่ออกเพราะไม่มีหลักคิดที่มั่นคง อ่านการเมืองไม่เป็นเพราะมัวแต่คิดว่านักการเมืองชั่วร้ายเลวทรามในขณะที่ประชาชนและข้าราชการ และพวกอภิสิทธิชนนั้นมีคุณธรรม จริยธรรม หรืออย่างน้อยก็มีมากกว่านักการเมือง…
เมธัส บัวชุม
-1- พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตัวละครการเมืองที่ไม่ยอมลงจากเวที กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "ภาษาไทย พ.ศ.พอเพียง" เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ วันที่ 26 กรกฎาคม ที่จัดขึ้นโดย ราชบัณฑิตยสถาน มูลนิธิรัฐบุรุษฯ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่า "ภาษาไทยทำให้คนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ สื่อสารที่ดีต่อกัน ทำให้คนเข้าใจกัน ทำให้คนรักกัน โกรธ หรือเกลียดกัน ทำลายกันก็ได้ พวกเราคนไทยจึงต้องตระหนักในความสำคัญของภาษาไทย ต้องไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ไม่ฟุ้งเฟื้อจนเกินไป ต้องรักษาและพัฒนาให้ลูกหลานอย่างพอเหมาะ" (มติชน, 27 ก.ค. 51, หน้า 13) จากคำกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่าพลเอกเปรม ติณสูลานนท์…
เมธัส บัวชุม
ดา ตอร์ปิโด เขย่ารากฐานความศรัทธาของคนไทยอีกคำรบหนึ่งด้วยการพูดปราศรัยต่อหน้าสาธารณะที่ท้องสนามหลวงเมื่อคืนวันที่ 18 กรกฎาคม อย่างตรงไปตรงมา และไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม จากข่าวที่ปรากฏออกมาตามสื่อแขนงต่าง ๆ บอกให้รู้ว่าการปราศรัยของเธอนั้นเกี่ยวพันกับสถาบันเบื้องสูง ต้องยอมรับว่า ดา ตอปิโดร์ เป็นคนกล้าและแกร่งอย่างที่หลายคนทำไม่ได้ในแง่ที่ว่ากล้าพูด กล้าทำในสิ่งที่ตนเองคิดโดยไม่ต้องพะวงว่าจะเกิดผลร้ายตามมา ทราบจากที่เป็นข่าว สนธิ ลิ้มทองกุล นำคำพูดของ ดา ตอร์ปิโด มาเล่าซ้ำออกอากาศผ่าน ASTV ไปทั่วประเทศ คำปราศรัยของดา ตอร์ปิโด…