(เนื้อหาบทความนี้อาจะเปิดเผยความลับของภาพยนตร์)
ผมเชื่อว่าทุกคนเคยมีความฝัน
ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ฮีโร่ของญี่ปุ่นอย่าง อุลตร้าแมน ไอ้มดแดง ขบวนการห้าสีบุกจอโทรทัศน์ หลายคนในตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวน้อยๆที่เฝ้ารอคอยหน้าจอที่สัปดาห์เพื่อจะได้ชมฮีโร่ของตัวเองปราบปรามเหล่าร้ายในหน้าจอที่หวังยึดครองโลก เราได้สนุกสนานกับการผจญภัยของพวกเขา บางคนอาจจะถึงขั้นอยากเป็นฮีโร่กับเขาบ้างเลยทีเดียว หรือบางคนอาจจะใฝ่ฝันที่จะได้เห็นฮีโร่ตัวจริงด้วยสายตาของตัวเอง
ซึ่งเด็กชายที่ชื่อ ฟิล โคลสัน คือหนึ่งในนั้น
ในอีกซีกโลกหนึ่งในยุคที่เด็กชายฟิล โคลสันยังเป็นเด็กนั้น ฮีโร่หนึ่งเดียวของเขานั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นกัปตันอเมริกา ฮีโร่อุปโลกน์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับคนอเมริกันในช่วงสงคราม เด็กชายฟิล โคลสันได้ชมการแสดงของกัปตันอเมริกาด้วยความชื่นชมแม้ว่าจะมีคนตะโกนใส่หูเขาว่า มันเป็นแค่ของปลอม กัปตันอเมริกาเป็นแค่การแสดง แต่เด็กชายฟิล โคลสันหาได้สนใจไม่ เขาได้ไล่เก็บการ์ดกัปตันอเมริกาได้ครบเซ็ตและรอคอยให้ฮีโร่ของเขาได้แสดงฝีมือ กระทั่งทุกอย่างเป็นจริง กัปตันอเมริกากลายเป็นฮีโร่ตัวจริงที่มีส่วนทำให้นาซีพบจุดจบ เช่นเดียวกับสงครามโลกครั้งที่สองที่จบลงด้วยฝีมือของกัปตันอเมริกาด้วยส่วนหนึ่ง ทว่าภารกิจสุดท้ายได้ทำให้กัปตันอเมริกาต้องพบการหลับอย่างยาวนานก่อนที่ตัวเขาจะค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของใครหลายคน
แม้แต่โล่ห์ของเขายังกลายเป็นแค่ที่รองเลเซอร์ของโทนี่ สตาร์ค
กระนั้นการมีอยู่ของกัปตันอเมริกาได้ทำให้เด็กชายฟิล โคลสัน เจริญรอยตามด้วยการเข้ามาทำงานในฐานะเอเยนต์ของหน่วยงานลับที่มีชื่อว่า S. H. E. L. D ที่มีหน้าที่ในการปกปิดการมีอยู่ของฮีโร่ภายใต้ผู้อำนวยการ นิค ฟิวรี่ ในระหว่างที่เขาทำงานนั้นเขาได้ค้นพบกับฮีโร่มากมายทั้ง โทนี่ สตาร์ค ที่เป็นไอออนแมนและเปิดเผยตัวเองต่อสาธารณชน ฮัลค์ ยักษ์ตัวเขียวที่เป็นตัวอันตรายของความมั่นคงประเทศเพราะอารมณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ รวมไปถึงการมาของเทพเจ้าจากโลกอื่นอย่าง ทอร์ ที่ได้เปิดโลกทัศน์ให้เขาได้รู้ว่า โลกนี้ไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้น รวมทั้งการที่เขาได้พบว่ากัปตันอเมริกาขวัญใจของเขาที่หลับไหลอยู่หลายปีได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมๆกับที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับสงครามที่มาจากนอกโลกโดยภัยร้ายที่ชื่อว่า โลกิ น้องชายของทอร์ที่ตกจากดินแดนแอสการ์ดไปหนึ่งปีเต็มๆและกำลังนำกองทัพบุกมาโลก
ทว่าด้วยวิกฤตได้กลายเป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่เด็กชายตัวเล็กที่คนหนึ่งที่บัดนี้ได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วย S.H.E.L.D นั้นจะได้รวมงานกับวีรบุรุษของเขา คำพูดของเขาที่พูดด้วยท่าทางปลื้มใจเมื่อได้ยินว่า กัปตันจะเข้ามาร่วมงานนี้ด้วย เขาก็มีความรู้สึกปลื้มใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ท่าทีของเขาที่พูดคุยกับกัปตันนั้นเป็นท่าทางที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่คุย แต่เป็นภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่ได้คุยกับวีรบุรุษ เสียงของฟิล โคลสันสั่นเครือด้วยความตื่นเต้น เขาพยายามระงับอารมณ์ที่จะให้กัปตันเซ็นการ์ดกัปตันให้ไว้เพราะ เรื่องงานต้องมาก่อน
เด็กชายฟิล โคลสัน กำลังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นทีมฮีโร่รวมพลังกันสู้กับศัตรูสุดแกร่งเป็นครั้งแรก ตัวของเขานั้นอดใจแทบไม่ไหวที่ได้เห็นภาพของฮีโร่รวมตัวกัน ภาพที่พวกเขารวมมือกันสละความรู้สึกทิฐิส่วนตัวออกจากกันเพื่อช่วยโลก
นั้นคือความฝันของเขา นายฟิล โคลสัน
ทว่าความฝันของเขานั้นเขาไม่ได้อยู่เห็นมันด้วยตาตัวเอง
เด็กชายไม่คาดคิดว่า อีโก้ของเหล่าฮีโร่นั้นมากจนไม่อาจจะรวมตัวกันได้ พวกเขาไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน และจะมีเรื่องตลอดเวลานั้นทำให้จำเป็นต้องมีคนคนหนึ่งจุดประกาย คนคนนั้นก็คือ เขา เพียงแต่ว่า ประกายนั้นถูกจุดด้วยชีวิตของมนุษย์เดินดินคนหนึ่ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากไม่มีมรณกรรมของโคลสัน เหล่าฮีโร่ผู้หยิ่งทระนงก็ไม่อาจจะรวมตัวกันได้ติด เพราะความคิดที่แตกแยกของพวกเขานั้นได้ทำให้ชายหนุ่มบริสุทธิ์คนหนึ่งที่เป็นเสมือนตัวแทนของเด็กนับล้านๆต้องตาย และนั้นได้จุดประกายให้ภาพทีมอเวนเจอร์ที่ไม่น่าจะรวมตัวกันได้กลายเป็นทีมฮีโร่ในฝันที่คนทั่วโลกต่างขานรับภาพความฝันนี้ด้วยตัวของพวกเขาเอง ทั้งคำวิจารณ์ที่สวยหรู ทั้งการทำเงินระดับถล่มทลายยิ่งกว่าหนังฮีโร่ใดๆได้บ่งบอกว่า เราทุกคนยังคงมีความฝันอยู่ในตัว เรื่องราวครึ่งชั่วโมงสุดท้ายจึงเป็นเหมือนการเนรมิตภาพความฝันจากคอมมิคให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอที่ทำให้ได้สะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปหมด
แม้ว่าโคลสันจะไม่ได้อยู่ดู การต่อสู้ครั้งนี้ก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้บอกว่า โลกใบนี้จำเป็นต้องมีฮีโร่อาจจะไม่ใช่เพื่อให้เราไปฟัดกับผู้ร้ายแบบนั้น แต่เพื่อค้ำจุ้นจิตใจของเราเอาไว้ให้อยู่ด้วยความศรัทธา
ความศรัทธาในความดีงามที่เชื่อว่า ไม่ว่าอธรรมจะยิ่งใหญ่เพียงใด มีอำนาจล้นฟ้าเพียงใด มีพลานุภาพเพียงใด สุดท้ายแล้วธรรมะจะชนะอธรรมในที่สุด
The Avenger (ดิ อเวนเจอร์) (2012) (Joss Whedon) (A+++++++++++++++++++++++)
บล็อกของ Mister American
Mister American
(บทความตอนนี้จะเป็นเรื่องเบาๆเพื่อให้เตรียมตัวกันให้พร้อมก่อนชมภาพยนตร์เรื่อง Prometheus)
Mister American
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับป๋าไมเคิ่ล ฮานาเก้ที่ได้รางวัลปาล์มทองอีกครั้งหนึ่งจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ Ffpภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาอย่าง Amour ที่เรียกได้ว่าเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ฝีมือการทำหนังของผู้กำกับคนนี้เป็นของจริงที่ยิ่งเวลาผ่านไปรสชาติการทำหนังของเขาก็ยิ่งเข้มข้นทุกทีไม่เหมือนผู้กำกับอีกหลายรายที่มือตกไปอย่างไม่น่าอภัย กระนั้นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับชายที่ชื่อว่า ไมเคิ่ล ฮานาเก้นี้ก็คือ แค่หนังเรื่องแรกของเขานั้นก็ปรากฏแววเก่งมาในทันที
และหนังเรื่องแรกของเขาก็คือ The Seven Continent นั้นเอง
Mister American
ถ้าเอ่ยชื่อของไมเคิ่ล ฮานาเก้ ถ้าไม่ใช่แฟนหนังจริงๆหลายคนอาจจะไม่รู้จักเขาเท่ากับผู้กำกับคนอื่นๆอย่าง ไมเคิ่ล เบย์ สปีลเบิร์กหรือคาเมร่อนก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่หลายคนมารู้จักผู้กำกับจากยุโรปได้ก็คงไม่พ้นนิยามหนังของเขาที่หลายให้คำว่า โหดเหี้ยม เลือดเย็น และน่าขนลุก โดยหนังที่หลายคนมักจะ
Mister American
(เนื้อหาบทความนี้อาจะเปิดเผยความลับของภาพยนตร์)
ผมเชื่อว่าทุกคนเคยมีความฝัน
ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ฮีโร่ของญี่ปุ่นอย่าง อุลตร้าแมน ไอ้มดแดง ขบวนการห้าสีบุกจอโทรทัศน์ หลายคนในตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวน้อยๆที่เฝ้ารอคอยหน้าจอที่สัปดาห์เพื่อจะได้ชมฮีโร่ของตัวเองปราบปรามเหล่าร้ายในหน้าจอที่หวังยึดครองโลก เราได้สนุกสนานกับการผจญภัยของพวกเขา บางคนอาจจะถึงขั้นอยากเป็นฮีโร่กับเขาบ้างเลยทีเดียว หรือบางคนอาจจะใฝ่ฝันที่จะได้เห็นฮีโร่ตัวจริงด้วยสายตาของตัวเอง
ซึ่งเด็กชายที่ชื่อ ฟิล โคลสัน คือหนึ่งในนั้น
Mister American
ครั้งหนึ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง เฉือน ของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ ได้ลงโรงฉายชนกับภาพยนตร์รัก Feel Good อย่างรถไฟฟ้ามาหานะเธอนั้นหลายคนที่ไปชมเรื่องนี้ต่างอึ้งกับภาพความโหดร้าย ของฆาตกรต่อเนื่องของไทยที่คาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ฆาตกรต่อเนื่องที่น่าสนใจ เรื่องหนึ่ง และมีคำถามขึ้นมาว่า