Skip to main content
  ในที่สุดมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่าง โอลิมปิค 2012 ก็ได้จบลงไปแล้ว ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอลิมปิคที่หลายคนจดจำและลุ้นกันอย่างเต็มที่ว่า ทัพนักกีฬาของประเทศไทยจะคว้าเหรียญทองกลับมาได้หรือไม่ นอกจากยังมีควันหลงมากมายที่เกิดขึ้นในกีฬาครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น การทำลายสถิติโลกของ อุสเซน โบลท์ นักวิ่งที่เร็วที่สุดในโลกของจาเมก้า การปรากฏนักวิ่งไร้ขาคนแรกในโอลิมปิคอย่าง ออสการ์ พิทอเรียส การพลิกเอาชนะบราซิลของทีมเม็กซิโก้ และการป้องกันแชมป์บอลหญิงของอเมริกาอีกครั้ง รวมทั้งเรื่องราวของนักกีฬาไทยที่คว้ามาสองเหรียญเงินและหนึ่งเหรียญทองแดงพร้อมเรื่องราวดราม่ามากมายที่ตามมา
แต่ที่หลายคนกำลังพูดถึงกันอยู่มากมายก็คือ ความพ่ายแพ้อันน่ากังขาของ แก้ว พงษ์ประยูร ในรอบชิงชนะเลิศนั้นเอง
 
 
ความพ่ายแพ้ของเขานั้นสร้างความไม่พอใจให้กับคนไทยและอาจจะสร้างความงุนงงกับคนทั่วโลกว่า มันเกิดอะไรขึ้น กรรมการลำเอียง มีอะไรซ่อนอยู่หลังม่านหรือไม่
 
แน่นอนว่า หลายคนไม่พอใจ
 
ตอนนี้เราทำได้แค่ยอมรับผลเพราะทุกอย่างจบลงไปแล้ว โอลิมปิคได้จบลงไปแล้ว เราคงไม่สามารถโทษใครได้นอกจากโทษตัวเองที่พลาดท่าให้แบบนี้
 
ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่เราต้องไปพูดกันทีหลัง
 
แต่ที่น่าตกใจก็คือ ความโกรธแค้น น่ามืดตามัวของคนไทยบางคนที่ทำอะไรเลยเทอญจนอาจจะทำให้เสียชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นการด่าด้วยคำหยาบคาย การเอาภาพมาโพสให้คนเข้าใจผิดๆ และหลายๆ กรณี จนทำให้รู้สึกว่า เรายึดติดกับชัยชนะมากเกินไปหรือเปล่า
 
ชัยชนะไม่ใช่ทุกอย่าง มีบทพิสูจน์หลายอย่างที่พิสูจน์ขอนั้นมาแล้ว อย่างเช่น ในโลกภาพยนตร์เองก็พูดถึงเรื่องนี้ไว้หลายเรื่องเหมือนกัน และโดยเฉพาะสองเรื่องที่ผมจะยกมาพูดถึงนี้ก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี
 
เมื่อปลายปีก่อนมีหนังเรื่องหนึ่งออกฉายในช่วงน้ำท่วมพอดิบพอดี ซึ่งทำให้ต้องเลื่อนไปฉายหลังน้ำลดลงและได้กลายเป็นขวัญใจคนดูไปอย่างน่าเซอร์ไพส์ เรื่องนั้นก็คือ Real Steel หนังว่าด้วยกีฬาชกมวยในโลกอนาคตที่ไม่ให้คนมาต่อยกันแล้ว แต่ให้หุ่นยนต์มาต่อยกันแทน
 
 
เรื่องราวของหนัง เกิดขึ้นเมื่ออดีตนักมวยตกอับที่ชื่อว่า ชาร์ลีย์ เคนตัน ที่สนใจแค่การเอาหุ่นไปชกมวยหาเงินไปวันๆ เท่านั้นต้องมาเลี้ยงดูลูกชายที่ตอนนี้กำลังจะเสียสิทธิการเลี้ยงดูไปให้กับแม่ของเขา ซึ่งชาร์ลีไม่ได้สนใจใยดีลูกชายของเขาเลยแถมยังขายสิทธิการเลี้ยงลูกเพื่อแลกกับเงินไปอีกต่างหากเพราะเขาต้องการเอาเงินไปซื้อหุ่นมาต่อยใหม่นั้นเอง ภายหลังจากหุ่นของเขาถูกกระทืบจนยับเยินในสังเวียนใต้ดิน ชาร์ลีย์กับลูกชายก็ออกไปหาเศษซากวัสดุมาซ่อมมัน และนั้นทำให้เขาได้เจอหุ่นซ้อมที่ชื่อว่า อะตอมเข้าในกองขยะโดยบังเอิญ ซึ่งลูกชายของเขาได้แก่แม็กซ์นำมาซ่อมจนคืนชีพได้อีกครั้ง และเขาก็เอามันไปสู้จนในที่สุดก็ชนะทัวร์นาเม้นต์ไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้เผชิญหน้ากับ ซุส หุ่นแชมป์โลกของทัค มาชิโดะ ผู้ไม่เคยแพ้ใครในรอบสุดท้าย
 
 
เรื่องราวของ Real Steel นั้นช่างคล้ายคลึงกับหนังมวยในตำนานเรื่องหนึ่งที่นอกจากจะได้ออสการ์แล้ว ยังเป็นหนึ่งในหนังที่คนดูรักที่สุดเรื่องหนึ่งและน่าจะเป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดเรื่องของซิสเวสเตอร์ สโตนโลนอย่าง Rocky ที่สร้างมาหลายภาคจนกระทั่งมาถึงภาคสุดท้ายอย่าง Rocky Balboa
 
 
เรื่องราวของร็อคกี้ภาคนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ร็อคกี้แขวนนวมไปแล้วหลายปี เขาได้ใช้ชีวิตบั่นปลายอยู่เพียงลำพังภายในร้านอาหารเล็กที่ชื่อว่า เอเดรียน ซึ่งเป็นชื่อของภรรยาสุดที่รักของเขาที่พึ่งเสียชีวิตไปได้เมื่อสี่ปีก่อน ชีวิตของเขาดูไร้ความหมายเพราะนอกจากทำอาหารแล้ว เขายังชอบพูดถึงอดีตของเขาราวกับไม่ยอมปล่อยวางมันคล้ายกับว่า ตัวเองยังไม่สามารถลืมอดีตไปได้
 
ที่สำคัญแม้แต่ลูกชายยังเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ต้องอยู่แบบนี้และอึดอัดกับการอยู่ใต้ร่มเงาของพ่อตัวเองมากขึ้นทุกที ทว่าในตอนนั้นเองโลกกำปั้นของเขาได้กำเนิดนักชกผู้ไม่เคยแพ้ใคร ไม่เคยล้มบนเวทีมาก่อนอย่าง เมสัน ดิ๊กสัน ขึ้นเขาประกาศท้าใครก็ได้มาสู้กับเขาและด้วยเงินจำนวนมากทำให้ร็อคกี้ตัดสินใจจะขึ้นชกกับแชมป์ผู้ไม่เคยแพ้คนนี้ครับ
 
 
หลายคนบอกว่า ความพ่ายแพ้ของแก้ว พงษ์ประยูรนั้นคล้ายคลึงกับหนังเรื่องนี้ แต่ผมขอส่ายหน้า และปฏิเสธว่าไม่เหมือนเลยสักทีเดียว ถึงแม้ว่าตอนจบนั้นหุ่นซุสจะเอาชนะคะแนนหุ่นอะตอมไปได้ก็ตาม แต่นั้นก็แตกต่างโดยสิ้นเชิง เพราะในขณะที่หนังทั้งสองเรื่องไม่ได้พูดถึงเรื่องชัยชนะ หรือ พูดง่ายๆก็คือ ชัยชนะคือเรื่องรองไปแล้วด้วยซ้ำไป เพราะสิ่งสำคัญในนั้นต้องการจะพูดถึง ความสัมพันธ์ของพ่อลูกนั้นเอง
 
ในรายของ Real Steel นั้นพูดถึงความสัมพันธ์ของพ่อลูกที่ พ่อนั้นไม่ได้รักลูกชายคนนี้เลยเขามองว่า เด็กคนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย ทว่ายิ่งเมื่ออยู่ด้วยกันมากเพียงใด ความสัมพันธ์ที่เหมือนน้ำมันกับน้ำก็เริ่มจางหายไปเรื่อยๆ แม็กซ์ได้ทำให้จิตใจที่เคยหมดไฟไปแล้วของชาร์ลีย์ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ในขณะเดียวกับพวกเขาก็ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันในที่สุด
 
 
ส่วน Rocky Balboa นั้นก็คล้ายคลึงมันพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับลูกที่ไม่พอใจในการใช้ชีวิตที่อยู่ในร่มเงาของผมมาโดยตลอด เพราะชื่อเสียงของพ่อทำให้เขารู้สึกด้อยกว่านั้นเอง ทว่า สิ่งที่เขาได้รับรู้ก็คือ คำพูดของพ่อที่ทำให้เขาได้รู้จักคุณค่าของตัวเอง
 
ดั่งคำที่พูดว่า
 
“ไม่มีอะไรจะอัดเราได้หนักหน่วงเท่ากับการใช้ชีวิต ไม่ว่าเราจะต่อยหนักแค่ไหน สำคัญกว่านั้น คือ เราต้านทานความหนักหน่วงที่โหมใส่ได้มากแค่ไหนต่างหาก”
 
 
ดังนั้นสิ่งสำคัญจริงๆ ของพวกเขาไม่ใช่ชัยชนะ อย่างสองพ่อลูกที่พวกเขาไม่ได้ชนะซุสก็จริง มวยรองบ่อนตัวนี้ก็เอาชนะใจคนดูทั้งสนามได้อย่างไม่ยากเย็นและถูกจดจำมากกว่าผู้ชนะที่ไม่น่าจะชนะได้ (ซึ่งเอาจริงแล้วก็เกิดจากการที่ซุสนั้นไล่เก็บคะแนนไปเยอะในช่วงแรกนั้นเองที่ทำให้คะแนนไล่ไม่ทันแม้ว่าจะไล่ถลุงในตอนท้ายแล้วก็ตาม) และซุสถูกโห่กับชัยชนะครั้งนี้อย่างหนักและหุ่นอะตอมกลายเป็นแชมป์มหาชนไปในที่สุด
 
 
 
หรือกระทั้ง ร็อคกี้ในวัย 50 ที่ขึ้นชกในสภาพที่หลายคนพากันหัวเราะว่าจะอยู่รอดปลอดภัยในยกแรกหรือไม่ บางคนก็บอกว่าเป็นแค่การชกโชว์เท่านั้น โดยไม่ได้คิดว่า หมาแก่ตัวนี้จะอันตรายจนถึงขนาดส่งแชมป์ผู้ไม่เคยล้มคนนี้ลงไปกองกับพื้นถึงสองครั้งเลยทีเดียว
 
นั้นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป การชกโชว์ของชายแก่คนหนึ่งได้เปลี่ยนภาพตรงหน้าให้เห็นถึงการพิสูจน์ตัวเองของแชมป์โลกสองสมัยคนนี้ว่า เหตุใดเขาถึงได้เป็นขวัญใจของคนดูตลอดกาล เหตุใดเขาคือผู้ได้รับฉายาว่าแชมป์มหาชนทั้งๆ ที่ตัวของเขานั้นไม่ได้เก่งกาจไปกว่านักมวยเก่งๆ คนอื่น
 
คำตอบคือ ร็อคกี้ได้บอกเล่าหลายอย่างผ่านหมัดของเขา บอกเล่าเรื่องราวของเขาให้เราได้ประจักว่า เมื่อหลายสิบปีก่อนมีไอ้นักมวยร่องบ่อนคนหนึ่งขึ้นไปชกกับแชมป์โลกที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง เขาสู้สุดใจจนคนดูรักเขาและคอยให้กำลังใจเขาตลอด และที่สำคัญในวันนั้นเขาไม่ได้อยู่ฟังผลแพ้ชนะบนเวที
 
แต่เขาวิ่งลงไปเอเดรียนคนที่เขารัก
 
นั้นเพราะว่า เขาไม่ได้สนใจชัยชนะบนเวทีเลยด้วยซ้ำ
 
และในตอนนี้ก็เช่นกัน หลังการชกสุดมันที่ต่างฝ่ายต่างแลกหมัดกันไม่ยั้ง ในการนับคะแนน ร็อคกี้เดินไปอวยพรให้แชมป์คนปัจจุบันว่า เขาคือสุดยอด อวยพรเขาให้โชคดี ซึ่งเป็นสิ่งที่แชมป์โลกคนนี้ต้องการนั้นก็คือ การยอมรับจากคนอื่นๆ เฉกเช่นเดียวกับร็อคกี้คนนี้
 
 
และนี่เป็นอีกครั้งที่เขาเดินลงจากเวทีไม่ฟังผลคะแนนใดๆ ท่ามกลางเสียงเรียกชื่อของเขาไปทั่วสนาม แม้แต่แชมป์โลกคนปัจจุบันก็ปรบมือให้กับเขาด้วยความชื่นชม
 
แม้ว่าเขาจะไม่ชนะก็ตาม แต่เขานั้นชนะใจคนดูไปหมดแล้ รวมทั้งชนะใจลูกชายของตัวเองด้วย
 
อาจจะเรียกว่า ตัวของเขานั้นได้สิ่งสำคัญกลับคืนมาแล้วก็ได้
 
 
 
แต่ในฉากสุดท้ายที่ร็อคกี้มายืนคุยหน้าหลุมศพของเอเดรียน หญิงคนรักของเขาแล้ววางดอกไม้ให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่รับรู้ถึงสิ่งที่เขาได้จากการต่อสู้ครั้งนี้
 
เหมือนนักกีฬาโอลิมปิคหลายคนที่ต่างๆ ได้รับประสบการณ์ต่างๆ เรื่องราวชีวิตต่างๆ ผ่านเข้ามาเพื่อให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยพวกเขาก็ได้รับรู้ว่า 
 
อะไรคือ เป้าหมายของโอลิมปิคครั้งนี้
 
ไม่ใช่เงินจำนวนมาก ไม่ใช่ชื่อเสียงที่สักวันต้องเลือนหายไป
 
แต่เป็นการเอาชนะตัวเอง

และความหมายของคำว่า ชีวิต
 
ดั่งคำที่ว่า
 
 
"ไม่สำคัญว่าหมัดจะหนักแค่ไหน สำคัญที่ว่าจะรับหมัดได้หนักแค่ไหนต่างหาก"
 

 

บล็อกของ Mister American

Mister American
ถ้าเอ่ยชื่อของไมเคิ่ล ฮานาเก้ ถ้าไม่ใช่แฟนหนังจริงๆหลายคนอาจจะไม่รู้จักเขาเท่ากับผู้กำกับคนอื่นๆอย่าง ไมเคิ่ล เบย์ สปีลเบิร์กหรือคาเมร่อนก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่หลายคนมารู้จักผู้กำกับจากยุโรปได้ก็คงไม่พ้นนิยามหนังของเขาที่หลายให้คำว่า โหดเหี้ยม เลือดเย็น และน่าขนลุก โดยหนังที่หลายคนมักจะ
Mister American
(เนื้อหาบทความนี้อาจะเปิดเผยความลับของภาพยนตร์)  ผมเชื่อว่าทุกคนเคยมีความฝัน ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ฮีโร่ของญี่ปุ่นอย่าง อุลตร้าแมน ไอ้มดแดง ขบวนการห้าสีบุกจอโทรทัศน์ หลายคนในตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวน้อยๆที่เฝ้ารอคอยหน้าจอที่สัปดาห์เพื่อจะได้ชมฮีโร่ของตัวเองปราบปรามเหล่าร้ายในหน้าจอที่หวังยึดครองโลก เราได้สนุกสนานกับการผจญภัยของพวกเขา บางคนอาจจะถึงขั้นอยากเป็นฮีโร่กับเขาบ้างเลยทีเดียว หรือบางคนอาจจะใฝ่ฝันที่จะได้เห็นฮีโร่ตัวจริงด้วยสายตาของตัวเอง  ซึ่งเด็กชายที่ชื่อ ฟิล โคลสัน คือหนึ่งในนั้น
Mister American
ครั้งหนึ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง เฉือน ของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ ได้ลงโรงฉายชนกับภาพยนตร์รัก Feel Good อย่างรถไฟฟ้ามาหานะเธอนั้นหลายคนที่ไปชมเรื่องนี้ต่างอึ้งกับภาพความโหดร้าย ของฆาตกรต่อเนื่องของไทยที่คาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ฆาตกรต่อเนื่องที่น่าสนใจ เรื่องหนึ่ง และมีคำถามขึ้นมาว่า