Skip to main content

 

          รู้จัก จุนจิ อิโต้ไหมครับ

         ถ้าเป็นคนทั่วไปล่ะก็คงส่ายหน้าว่า ไม่รู้จักเป็นแน่แท้  แต่เป็นแฟนการ์ตูนสยองขวัญล่ะก็คงต้องร้อง อ๋อ ออกมาแน่นอน เพราะ เขาคือ นักเขียนการ์ตูนที่สยองขวัญที่ดังที่สุดคนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นและมีผลงานสยองขวัญออกมาสู่ผลงานมากมายในหลายสิบปีที่ผ่านมา และหลายเรื่องก็ถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะ หรือกระทั่งภาพยนตร์กันเลยทีเดียว ในยุคการ์ตูนไม่ลิขสิทธิ์นั้นก็มีผลงานของอาจารย์ออกมาอย่างมากมายและเป็นที่จดจำแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น ชายหนุ่มที่สี่แยก ลูกโป่งแขวนคอ และอีกหลายเรื่องที่ล้วนเป็นผลงานที่น่าจดจำของอาจารย์ท่านนี้ และอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นที่จดจำของอาจารย์จุนจิ อิโต้นี้ยังมีอีกเรื่องนั้นก็คือเรื่องราวของหญิงสาวปริศนาที่ชื่อว่า

โทมิเอะ

ที่บัดนี้โทมิเอะได้กลายเป็นผลงานลิขสิทธิ์ให้เราได้สัมผัสกันแล้วครับ 

เรื่องราวของโทมิเอะเกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่เด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า โทมิเอะ เกิดเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุท่ามกลางสายตาของเหล่าเพื่อนร่วมชั้นที่ต่างไม่ชอบหน้าเธอกันอยู่แล้ว เมื่อเห็นเธอเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ พวกเขาที่เกิดกลัวว่าจะต้องติดคุกขึ้นมาก็ตัดสินใจรวมหัวกันหั่นศพของเธอเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยรวมแล้ว 48 ชิ้นและเอาไปทิ้งตามที่ต่าง ๆ กัน โดยสัญญาว่า พวกเขาจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง

หลังจากเหตุการณ์สยองได้ไม่นาน คนในห้องต่างก็กลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ท่ามกลางความรู้สึกผิดในใจ และทันใดนั้นเองก็มีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อมีนักเรียนหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้อง ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อคนที่ย้ายมาก็คือ โทมิเอะนั้นเอง

และแล้วความสยองก็เข้าครอบคลุมห้องเรียนแห่งนี้

ที่เล่ามาเมื่อครู่นี้เป็นเพียงตอนแรกของโทมิเอะเท่านั้นที่เป็นจุดเริ่มต้นตำนานของเธอ ในฐานะเรื่องสั้นที่อาจารย์จุนจิ อิโต้ยังทำงานอยู่ที่ร้านหมอฟันเขียนส่งไปประกวดงานอุเมสึที่เป็นงานประกวดเรื่องสยองขวัญของญี่ปุ่นก่อนจะได้รับรางวัลติดไม้ติดมือกลับมาในที่สุด

และส่งผลให้โทมิเอะออกมาอาละวาดอีกหลายครั้งในหลายตอนของหนังสือเล่มนี้ ในสถานที่แตกต่างออกไป แต่ฤทธิ์เดชของเธอก็ช่างมากมายมหาศาลเสียเหลือเกิน สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับเธอก็ได้แก่

        1. เธอเป็นหญิงสาวที่งดงามเกินกว่าชายใดจะทานทนไม่ให้หลงรักเธอได้ แต่เห็นผู้ชายเป็นเพียงของเล่นเท่านั้น

        2. เธอมีไฝที่แก้มของเธอด้านซ้ายมือเป็นจุดสังเกต

        3. ผู้ชายที่หลงรักเธอจะคลุ้มคลั่งและสังหารเธอเสมอ และจะสับเธอเป็นชิ้น ๆ

        4. และทุกชิ้นส่วนของเธอจะงอกใหม่ขึ้นมาเป็นโทมิเอะอีกตามส่วนที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เลือดหรืออวัยวะ

        5. อย่าให้ชิ้นส่วนของเธอ เลือด เข้าไปในร่างกายเด็ดชาด มิฉะนั้นเซลของโทมิเอะจะกลืนกินเซลในร่างนั้นทำให้คนคนนั้นกลายเป็นโทมิเอะไปอีกคน

        6. ผมของโทมิเอะมีฤทธิ์ดูดพลังชีวิตของคนคนนั้นแถมทำให้คนที่มีผมของโทมิเอะสวยได้ในชั่วข้ามคืน

       7. แผลของโทมิเอะสามารถหายได้ในชั่วพริบตา

       8. การกำจัดโทมิเอะต้องเผาด้วยความร้อนสูง ๆ เท่านั้นจึงจะตาย

นั้นคือสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับโทมิเอะ หญิงสาวปริศนาที่ไม่ว่าเธอจะไปปรากฏตัวที่ใดก็ส่งผลให้ที่นั้นย่อยยับชิบหายกันไปตาม ๆ กัน ความมีเสน่ห์ของเธอนั้นทำลายชีวิตของใครหลายคนที่หลงเสน่ห์ในความงามของเธอกันไปหมดตั้งแต่ เพื่อนร่วมชั้น ครู หมอ นักวาดรูป นักปั้น นักขายของ จนกระทั่งนายแบบหนุ่มที่ทำให้เขาต้องสูญเสียทุกอย่างไปเสียสิ้น เราจะเห็นได้ว่า ความงามที่ยากจะปฏิเสธได้ของโทมิเอะก็มีพิษร้ายที่พาให้คนที่หลงใหลความงามของเธอพังทลายไปพร้อม ๆ กันด้วย

เสมือนดั่งแมงมุมสาวที่ปล่อยฟีโรโมนหลอกล่อแมลงให้เข้าใกล้ก่อนจับกิน

ถามว่า ตัวละครอย่างโทมิเอะนั้นคือ อะไร แน่นอนวา มันคงไม่มีคำตอบแน่นอน แม้แต่ตัวจุนจิ อิโต้เองก็คงไม่ได้คิดจะหาคำตอบว่า เธอเป็นอะไรกันแน่ แต่เมื่อลองดูลักษณะตัวตนของเธอแล้ว โทมิเอะนั้นก็เสมือนกันสัญลักษณ์ของสิ่งที่เรียกว่า

Lust หรือราคะ นั้นเอง

ในศาสนาคริสต์ที่พูดถึงบาปเจ็ดประการของมนุษย์อันประกอบไปด้วย ราคะ โกรธ ตะกละ อิจฉา ขี้เกียจ โลภ และ เย่อหยิ่ง

ซึ่งหากเปรียบได้ โทมิเอะ คงเป็นสัญลักษณ์ของราคะที่มนุษย์ทุกคนต้องพึงเผชิญหน้า เสมือนบททดสอบที่พระเจ้าได้ส่งลงมาทดสอบว่า มนุษย์จะสามารถทานทนต่อหญิงสาวคนนี้ได้หรือไม่

ก่อนจะพบว่า ยากที่จะมีคนทานทนเธอคนนี้ได้

ในทางศาสนาพุทธนั้น โทมิเอะ มีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่เรียกว่า โอปปาติกะ 

โอปปาติกะ ในมีความหมายว่า ผู้ที่ผุดขึ้นเอง คือ มีผุดขึ้นเป็นตัวเต็มตัวและโตขึ้นทันทีทันใด ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าโอปปาติกะนั้นเป็นการเกิดโดยที่ไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ อาศัยเพียงแต่อดีตกรรมเพียงอย่างเดียว เกิดแล้วสมบูรณ์เต็มตัว ไม่เจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนสัตว์โลกทั่วไป เวลาตายก็จะหายวับไปไม่มีซากร่างเหลือทิ้งไว้เหมือนสัตว์หรือคน

ซึ่งหากมองแล้ว โทมิเอะอาจจะเข้าเค้าอยู่ไม่ใช่น้อยกับสิ่งที่เรียกว่า โอปปาติกะ 

เพราะไม่ปรากฏว่าใครคือพ่อแม่ของเธอ เธอเป็นใครมาจากไหน รู้เพียงแต่ว่า เธอปรากฏตัวไปตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้คนหลงรักเธอก็เท่านั้น เพราะหากเป็นผู้ชายก็ย่อมไม่แคล้วที่จะหลงใหลเธอ แม้ว่าคนคนนั้นจะมีคนรักอยู่แล้วก็ตามก็ไม่อาจจะหักห้ามใจให้หลงรักเธอได้อยู่ดี นั้นเป็นเสมือนการบอกของจุนจิ อิโต้ที่บอกให้เรารับรู้ว่า มนุษย์เราทุกคนล้วนแล้วแต่มีราคะตัณหาอยู่ในใจทั้งนั้น

ทว่า แม้โทมิเอะจะมีร่างกายที่งดงามราวกับเทพธิดาและไม่มีใครจะหาเทียมเทียบได้ แต่เอาจริงแล้วชีวิตของเธอก็เผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่าความตายมาโดยตลอด

เธอถูกฆ่ามานับสิบ ๆ ครั้ง ทั้งเจอพวกเดียวที่แยกออกมาก็ฆ่าหมดเสียสิ้น มีชีวิตอยู่เพียงไม่นานก็ต้องตาย เป็นวัฎจักรวนเวียนเช่นนี้และไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดไปชั่วกาลนาน

ฉะนั้น จุนจิ อิโต้ได้สอนเราให้รู้จักมองคนด้วยจิตใจมากเกินกว่าหน้าตาที่เอาจริงแม้จะงดงามเพียงใด สุดท้ายสิ่งที่งดงามจริง ๆ ย่อมไม่พ้นจิตใจภายในต่างหาก 

คุณจะสวยแบบโทมิเอะไปกันทำไมในเมื่อความสวยของคุณกำลังพาชีวิตของคุณวิบัติไปตาม ๆ กันด้วย

หรือถ้าไม่เชื่อ ลองถามโทมิเอะใกล้ ๆ บ้านดูสิครับว่า 

การถูกฆ่า ฆ่า ฆ่า นับครั้งไม่ถ้วนนั้นเป็นอย่างไรกัน

ถ้าคุณไม่คลั่งเธอไปซะก่อนนะครับ

 

ปัจจุบันโทมิเอะได้วางขายในฉบับลิขสิทธิ์แล้วในชื่อ คลังสยอง รวมผลงานเขย่าขวัญของอิโต้ จุนจิ บทโทมิเอะ ภาคต้นที่พึ่งวางขายเล่มแรกครับ ใครสนใจงานนี้ก็หาซื้อได้ที่ร้านหนังสือการ์ตูนทั่วไปครับ 

 

บล็อกของ Mister American

Mister American
คงไม่มีอะไรต้องพูดมากนอกจากนี่คือ ภาพยนตร์ซอมบี้ที่ดีที่สุดในรอบหลายปี และที่สำคัญนี่ไม่ใช่หนังที่สร้างโดยฮอลลีวู้ดแต่เป็นเกาหลีใต้ ประเทศที่มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเอเชียที่เรียกว่าเป็นเบอร์หนึ่งไปแล้วในด้านคุณภาพของหนังที่นอกจากฮอลลีวู้ดแล้วมีเพียงประเทศนี้ที่ทำหนังออกมาได้สากลและสนุกในแบบที่ทุก
Mister American
ยังคงเป็นช่วงเวลาเศรษฐกิจยังไม่มีวี่แววว่าจะ ฟื้นตัวเสียที ในช่วงปลายปี 2015 นี้ทุกอย่างยังคงมองไม่เห็นว่า อนาคตจะเป็นเช่นไร กระนั้นเองสำหรับงานหนังสือแห่งชาติ เดือนตุลาคมนี้ยังคงเป็นช่วงเวลาร้อนแรงของบรรดาค่ายไลท์โนเวลต่าง ๆ มากมายที่ต่างเตรียมกระสุนดินดำ หรือ ออกหนังสือมาเพื่อจูงใจนักอ่านทั้งหล
Mister American
           ความสำเร็จครั้งมโหฬารของภาคที่สี่ของแฟรนไชส์ Jurassic Park อย่าง Jurassic World นั้นเรียกได้ว่า เป็นการหักปากกานักสังเกตที่คาดเดาว่า ภาคต่อของไดโนเสาร์ภาคนี้อาจจะทำเงินได้ไม่มากนัก ทว่า การเปิดตัวในอเมริกากว่า 200 ล้านเหรียญในเวลาเพียงสามวันจนทำลานสถิติของ
Mister American
              ท่ามกลางความเงียบงันสถาวะเงินฝืดที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยปีนี้มีสภาพเรียกว่า ย่ำแย่ที่สุดในหลายปี ผู้คนไม่ยอมจับจ่ายใช้สอยกันยกเว้นเพียงจำเป็นทำให้สถาวะของประเทศค่อนข้างเงียบ บริษัทหลายบริษัทต่างเจ็บตัวเข้าเนื้อกันไปตาม ๆ กันทำให้หลายคนคาดการณ์ว
Mister American
            “บางระจัน บางระจัน บางระจัน ไม่อาจยืนอยู่ทุกวันเพ็ญเดือนสิบสอง บางระจัน บางระจัน บางระจัน ไม่อาจยืนอยู่ถึงวันเพ็ญเดือนสิบสอง”
Mister American
                ถ้าให้พูดล่ะก็นี่ก็เป็นเวลาครบรอบสามปีแล้วกระมั้งครับนับจากการล่มสลายของค่าย Bliss publishing  ค่ายหนังสือยักษ์ใหญ่ที่ปิดตัวลงไปและทำให้กระแสหนังสือเล่มเล็กอย่างไลท์โนเวลนั้นกลายเป็นหนังสือกระแสหลักที่หลายค่ายพากันกระโจนเข้ามาร่วมสมรภูม
Mister American
            เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้นวงการภาพยนตร์ไทย ไม่สิ ต้องบอกว่า วงการภาพยนตร์เมอร์เชียลอาร์ตของโลกนั้นต้องสูญเสียปรมาจารย์ สุดยอดนักสู้ของโลกไปอย่างไม่มีวันกลับ แม้ว่า ชื่อเสียงของชายคนนั้นจะแทบไม่เป็นที่สนใจของสื่อหรือคนไทยมากนัก หลายคนถึงกับงุนงงว่
Mister American
            ย้อนเวลากลับไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เราคงได้เห็นนโยบายคืนความสุขให้กับประชาชนของ คสช อย่างการเปิดโรงภาพยนตร์เมเจอร์ให้ชมภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาคที่ 5 กันไปบ้างแล้ว  แน่ล่ะว่า หลายคนคงจดจำภาพของบรรดาผู้คนที่พากันยื้อแย่งก
Mister American
        ต้องบอกว่า นี่คือ อนิเมะที่มาแรงแซงทางโค้งที่สุดในซีซั่นที่ผ่านมาเลยทีเดียว ท่ามกลางกระแสอนิเมะฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมามากมายและหลายคนคาดว่า อนิเมะที่ถูกดัดแปลงมาจากไลท์โนเวลชื่อเดียวกันของ ยู คามิยะ นักเขียนการ์ตูนที่อ
Mister American
              ท่ามกลางความวุ่นวายของการเมืองไทยที่ถึงจุดพลิกพันอีกครา หลังเกิดการัฐประหารขึ้นอีกครั้งได้ส่งผลกระทบต่อวงการภาพยนตร์โดยรวม แน่ล่ะว่าภาพยนตร์ไทยที่สามารถทำรายได้มหาศาลในตอนนี้นั้นคงไม่พ้นหนังอย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาคที่ 5 ยุทธหัตถีที่กวาดร
Mister American
          ถ้าพูดถึงหนังซัมเมอร์บล็อกบัสเตอร์ในปีนี้ที่ผมอยากดูใจจะขาดชนิดว่า แทบคลั่งแบบรอไม่ไหวแล้วที่จะต้องไปดูให้ได้นั้นย่อมไม่มีหนังเรื่องไหนทำให้ผมเกิดอาการคลั่งได้มากพอ ๆ กับหนังเรื่อง ก็อตซิลล่า (Godzilla) ของ กาเรธ เอ็ดเวิร์ด ที่เป็นการนำก็อตซิลล่