10 Movie of the Years 2012 สิบหนังประทับใจประจำปี 2012
ปี 2012 ผ่านไปได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วนะครับ จะว่าไปแล้วผมควรจะเขียนบทความนี้เสียตั้งแต่ยังต้นปีแต่เนื่องจากว่าตัวเองติดภารกิจด้านการศึกษาของตัวเองเลยต้องเลื่อนยาวมาจนถึงตรงนี้ครับ ต้องขออภัยด้วยครับ แต่หลังจากนี้จะพยายามลงอาทิตย์ล่ะหนึ่งบทความเหมือนเดิมครับ
แน่นอนว่าเมื่อครบปีแล้วก็ต้องมีการพูดถึงภาพยนตร์ในรอบปี ซึ่งบทความก่อนผมได้พูดถึงหนังไทยไปแล้ว แต่วันนี้จะมาเป็นการสรุปว่า ในปีที่ผ่านมานี้มีหนังเรื่องไหนที่ถูกใจผมบ้าง ด้วยการต้องนั่งคัดเลือกหนังกันวุ่นวายกว่าจะได้ออกมาเป็น 10 ภาพยนตร์ที่ชอบที่สุดครับ
10. Tai Chi Zero (ไทเก๊ก หมัดเล็กเหล็กตัน)
แซงขึ้นมาในอันดับ 10 ได้อย่างน่าประทับใจสำหรับหนังกังฟูกำลังภายในเรื่องนี้ที่ทำเงินไปได้มหาศาลพร้อมทุนสร้างและงานสร้างชั้นเทพ เรื่องราวของ หยางลู่ฉาน ผู้เดินทางมายังหมู่บ้านสกุลเฉินเพื่อเรียนเพลงหมัดสกุลเฉิน ที่จะช่วยชีวิตของเขาจากตุ่มพลังภายในของเขาเอง ทว่าเพลงหมัดนี้ไม่อาจจะถ่ายทอดให้คนนอกตระกูลได้ ชายหนุ่มจึงต้องหาทางประลองกับคนในหมู่บ้านเพื่อเรียนเพลงหมัดนี้ นั่นทำให้เขาได้เจอกับลูกสาวของอาจารย์เฉินนาม ยื่อเหนียง ที่กำลังหวานกับฝานซื่อซิง ทว่าฝานซื่อซิงกลับนำคำสั่งจากราชการที่จะสร้างรถไฟตัดผ่านหมู่บ้านนี้ ชาวหมู่บ้านและหยางลู่ฉานจึงต้องร่วมกันต่อสู้เพื่อปกป้องหมู่บ้านเอาไว้ให้ได้
นอกจากฉากต่อสู้สุดมันในแบบที่เหนือจริงแล้ว สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การที่หนังมันสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยผ่านสองสิ่งอันได้แก่ กฎการเรียนหมัดสกุลเฉิน และ การสร้างทางรถไฟ ที่เสมือนบอกว่า การเปลี่ยนแปลงจะต้องมาถึงในสักวันหนึ่ง ซึ่งหากจะมองว่านี่เป็นหนังที่เชิดชูคอมมิวนิสต์ เชิดชูชาติจีนก็ย่อมได้ เพราะ สิ่งที่หนังได้ทำก็คือ การทำซ้ำค่านิยมของชาวจีนที่มองชาวตะวันตกเป็นพวกละโมบ โลภมาก เห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ และที่สำคัญสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาก็แสดงออกมาเป็นปีศาจร้าย เราเห็นรถไฟในเรื่องมีสภาพไม่ต่างกับอสูรร้าย (ส่วนคนในหมู่บ้านเรียกมันว่า สัตว์ประหลาด)
ที่จริงแล้วตัวละครที่น่าสนใจที่สุดมิใช่ หยางลู่ฉาน พระเอกของเรื่อง แต่เป็น ตัวละครอย่าง ฝานซื่อซิง ที่เป็นตัวร้ายคนนี้ เขาคือคนของหมู่บ้านนี้ที่ได้รับการเรียนจากประเทศตะวันตกจนมองเห็นว่า หมู่บ้านของตนนั่นมีคาวมยากจนและเชื่อว่า วิทยาศาสตร์จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของชาวบ้านได้
ทว่าเทคโนโลยีของเขากลับถูกดูถูกเหยียดหยามจากคนในหมู่บ้านว่าไร้สาระ
นั่นทำให้เขานั่นต้องหาทางพิสูจน์ตัวเองให้ได้ แม้จะต้องกลายเป็นตัวร้ายก็ตามที
น่าเสียดายที่หนังฉายภาพของเขาให้เป็นตัวร้ายที่แสนน่าสมเพชที่หลงมัวเมาในชื่อเสียง เกียรติยศ และ เงินทอง จนลืมกระทั่งรากเง้าของตัวเองก่อนจะเจอสกุลเฉินถล่มจนต้องพ่ายแพ้ไปในภาคนี้พร้อมกับความแค้นที่หนังสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายภาพลักษณ์ความดีของเขาไปจนหมดสิ้น
หรือหนังจะบอกว่า ทุนนิยมนั่นเป็นสิ่งชั่วร้ายกันแน่
แต่กระนั่นหนังก็ตลกร้ายอยู่เล็กน้อยตรงที่
ปัจจุบันจีนนั่นเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่เคียงคู่กับอเมริกาไปแล้ว และที่สำคัญผู้นำของพวกเขาล้วนแล้วแต่ร่ำรวยจากธุรกิจของตนเองแทบทั้งสิ้น
และที่สำคัญไม่สามารถตรวจสอบพวกเขาได้
แน่นอนว่า ภาคแรกนี้จบลงด้วยชัยชนะของคนหมู่บ้านสกุลเฉิน แต่ทว่าสงครามก็ยังไม่จบสิ้นเพราะ เรื่องราวต่อไปกำลังจะมาถึงในภาคต่อไป
9. Hugo
ปีที่ผ่านดูเหมือนว่า จะมีหนังสรรเสริญวงการภาพยนตร์อยู่พอสมควร แต่ในเวทีออสการ์นั่นมีสองเรื่องที่ถูกยกมาพูดถึงเสมอได้แก่ The Artist และ Hugo
ถ้าจะพูดก็คือ นี่คือหนังที่ยกย่องภาพยนตร์ในฐานะมายากลและเวทย์มนต์ที่สำคัญในการเปลี่ยนโลกรวมทั้งบอกเราให้รู้ว่า สิ่งที่เรียกว่าภาพยนตร์ไม่ได้มีเพียงแค่ความบันเทิง
แต่ยังเปลี่ยนชีวิตใครหลายคนได้ด้วย
เช่นเดียวกับการบันทึกประวัติศาสตร์
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากไม่มีหนังเรื่องนี้เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เรียนภาพยนตร์คงไม่รู้จักชายที่ชื่อว่า จอร์จ เมลิเยร์ ผู้สร้างภาพยนตร์ที่ช่วยพลิกโฉมหน้าของประวัติศาสตร์ใหม่จากของเล่นสู่การเล่าเรื่องครั้งประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าหนังของเขาจะถูกดูหมิ่นว่า ล้าสมัย ก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนังของเขามีส่วนทำให้โลกภาพยนตร์ก้าวไกลมาจนถึงทุกวันนี้
ดั่งคำกล่าวที่ว่า ถ้าไม่มี จอร์จ เมลิเยร์ เราคงไม่ได้หนังอย่าง Avatar อย่างทุกวันนี้ คงจะพูดถูก
8. The Dark Knight Rise
และแล้วการปิดไตรภาคของอัศวินรัตติกาลเรื่องนี้ก็มาถึง
ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วมันเป็นการไตรภาคที่ดีและน่าสนใจ แต่กระนั่นไม่ได้ประทับใจผมมากนักทั้ง ๆ ที่นี่คือ หนังหนึ่งในสองเรื่องในปีที่ผ่านมาที่ผมไปเข้าโรงดูด้วยความสนใจว่า
มันจะจบลงอย่างไร
โอเค ผมสนุกกับหนังและชื่นชอบการมาของอัศวินรัตติกาลคนใหม่ แต่กระนั่นสารของหนังในภาคนี้กลับไม่ประทับใจเท่าใดนักอาจจะเพราะตัวร้ายอย่าง เบน ยังไม่เลวร้ายเท่ากับโจ๊กเกอร์ รวมทั้งฉากแอ็คชั่นต่อยกันง่อย ๆ ที่ทำให้ฉากที่แบ๊ทแมนโดนหักหลังดูง่อยตามไปด้วย
ที่จริงแล้วผมเขียนถึงเรื่องนี้ถึงสองบทความในปีที่ผ่านมา แต่หากจะให้จัดอันดับจริง ๆ ล่ะก็หนังเรื่องนี้ย่อมอยู่ในประเภทชอบแต่ไม่ประทับใจครับ
7. TED
พล็อตเรื่องว่าด้วย ตุ๊กตาหมีมีชีวิตและใช้ชีวิตรวมกันเพื่อนรักอาจจะเป็นอะไรที่หลายคนมองว่า มันคงเป็นหนังครอบครัวแน่ ๆ แต่ที่ไหนได้ มันดันเป็นหนังห่าม ๆ ที่เสนอเรื่องของผู้ชายวัย 35 ปี ซะงั้น
หลายคนอาจจะไม่ชอบนัก แต่สำหรับผมแล้วมันสะท้อนภาพของผู้ชายที่มีอาการของสิ่งที่เรียกว่า ปีเตอร์แพน ซินโดรมหรือเด็กไม่ยอมโตนั่นเอง
จะว่าไปแล้วสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชายนั่นก็น่าสงสารครับ พวกเขานั่นมักจะถูกบังคับให้โตขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะทำงานและแต่งงานมีลูกโดยที่พวกเขาจะต้องทิ้งความฝันและความเป็นเด็กของตัวเองไป
TED เป็นเสมือนตัวแทนความเป็นเด็กของพระเอกของเรื่องที่ยังไม่อาจจะก้าวข้ามความเป็นเด็กไปสู่ผู้ใหญ่ได้ ทำให้เขาถูกดูแคลนจากแฟนและเพื่อน ๆ หลายคนที่มองว่า เขายังไม่โต
แน่นอนว่าการผจญภัยของพวกเขาเป็นเสมือนบทพิสูจน์ของพระเอกและ TED ว่า มิตรภาพของพวกเขาจะยืนยาวหรือไม่
เช่นเดียวกับความเป็นเด็กที่ไม่ใช่อุปสรรคและไม่ว่าก็ควรจะเข้าใจด้วย
6. The Expendables 2
ถ้าคุณกำลังมองหาสาระจากหนังแอ็คชั่นยุค 80 เรื่องนี้ล่ะก็ คุณคงจะคิดผิดถนัดเพราะจุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้ก็คือ การบูชาหนังแอ็คชั่นยุค 80 นั่นเอง
ปฏิเสธแนวทางการเมืองของหนังจากยุค 80 ไม่ได้ว่า มีส่วนสำคัญในการทำให้อเมริกากลายเป็นเจ้าโลกโดยเฉพาะในยุคของประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ที่ส่งเสริมการผลิตภาพยนตร์ยุคนี้มากมายมหาศาลและสร้างนักบู้ทั้งหลายขึ้นมามากมายในยุคนี้อย่าง ซิสเวสเตอร์ สโตนโลน , อาร์โนล ชวาร์ซเน็กเกอร์ บรูซ วิลลิส ชัค นอร์ริส ณอง คล็อด แวนแดม และอีกมากมาย
หลายคนต่างฝันว่าอยากจะเห็นพวกเขามาเล่นหนังเรื่องนี้เดียวกัน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เห็นตรงนี้ว่า นี่คือความฝันของผู้ชายอย่างแท้จริง
เอาง่าย ๆ ครับ แค่ฉากสามผู้ยิ่งใหญ่อย่างอาร์โนลด์ สโตนโลน วิลลิสปรากฎตัวออกมาพร้อมกันแถมยังออกมาบู้ด้วยกันอีก
ก็แทบน้ำตาไหลแล้วครับ
5. Women in Black
หลายคนอาจจะมองมันว่าเป็นหนังของเดเนี่ยล เรดคลิฟท์หลังจากจบตำนานแฮรี่ พอตเตอร์ไปแล้ว ซึ่งหลายคนต่างคิดว่า ความสำเร็จเกิดขึ้นเพราะเรื่องนี้ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วหนังสยองขวัญเรื่องนี้คือ การกลับมาของค่ายแฮมเมอร์ ค่ายสยองขวัญในตำนานจากเกาะอังกฤษ
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นก็คือ สไตล์ของหนังสยองขวัญแบบโบราณที่เนิบช้าและไม่ตุ้งแช่แบบยุคปัจจุบัน ความหลอนของหนังเพิ่มขึ้นขีดสุดท่ามกลางบรรยากาศแบบอังกฤษโบราณที่ทำให้เรารู้สึกว่า ภาพของหนังแต่ล่ะภาพช่างสยดสยองเสียจริง ๆ
นอกจากความสยองแล้วหนังยังพูดถึงความรักของพ่อและแม่ได้น่าสนใจอีกด้วย
โดยเฉพาะประเด็นง่าย ๆ ว่า
พ่อแม่ยอมรักลูกทุกคนและยอมตายแทนลูกได้
4. Prometheus
บางครั้งคำตอบที่อยากได้ย่อมมาพร้อมกับคำถามใหม่ที่ยิ่งใหญ่เสมอ
ในที่สุดคำถามที่แฟนเอเลี่ยนทุกคนต้องการคำตอบก็มาปรากฏเอาในเรื่องนี้โดยเฉพาะเรื่องราวของ Space Jokky ที่มาเฉลยว่า ที่จริงแล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนฐานกลางในเอเลี่ยนภาคแรกนั้นคือ ผู้สร้างหรือวิศวกรที่สร้างมนุษย์นั่นเอง
และมันได้มาพร้อมกับคำถามใหม่ว่า พวกเขาสร้างมนุษย์ขึ้นมาทำไม
แน่นอนว่าเรายังไม่ได้คำตอบนั่นแต่สิ่งที่หนังได้บอกก็คือ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่มักจะเริ่มต้นจากสิ่งที่เล็ก
3. The Raid Redemption
หนังต่อสู้สุดมันจากอินโดนีเซียที่จุดกระแสหนังมาเชียลอาร์ตหรือหนังต่อสู้ให้กลับมาอีกครั้งหลังจากซบเซาไปนาน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องคือความดิบที่นำสิ่งที่มีอยู่แล้วนำกลับมาให้ได้ดูอีกครั้ง
แน่นอนว่านอกจากการต่อสู้มันได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความถูกต้อง ความดีความชั่ว และ ตั้งคำถามต่อสังคมอินโดนีเซียถึงปัญหายาเสพติดและการคอร์รับชั่นครั้งใหญ่
ที่เราต้องมานั่งย้อนตัวเองว่า ประเทศเราเองมีการพูดถึงเรื่องแบบนี้ในหนังบ้างไหม
2. The Cabin In The Wood
งานฉลองปาร์ตี้ครั้งใหญ่ของหนังสยองขวัญที่ไม่ใช่การแหกขนบแบบเดียวกับ Scream เมื่อหลายสิบปีก่อนแต่เป็นการรวมตัวของเหล่าหนังสยองขวัญที่ค้นกันมามากมาย มันทั้งเสียดสี และ ล้อเลียนตัวของมัน ราวกับเป็นการฉลองหนังสยองขวัญ หนึ่งใน Genre หนังที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก
สิ่งที่เราเห็นตรงนั่นคือ The Avenger ในฉบับหนังสยองขวัญน่ะเอง
และ
1. The Avenger
และนี่คืออันดับของหนังที่ผมประทับใจที่สุดของปี
ใครจะคาดคิดว่า ความฝันของใครหลาย ๆ คนที่อยากจะเห็นฮีโร่มารวมกันจะมาสำเร็จเอาในที่สุด ใครจะคาดคิดว่าคุณจะได้เห็นซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง ไอออนแมน กัปตันอเมริกา ฮัลค์ ทอร์ หรือ ฮอว์อายมารวมกันในหนังเรื่องเดียวกันแบบนี้และมันได้ลบคำสบประมาทของคนดูหลายคนที่มองว่า
หนังคงไม่ล้มเหลวไม่ต่างกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ขนทีมกันมาเยอะ ๆ อื่น ๆ
แต่ตัวหนังได้พิสูจน์แล้วว่า นี่คือสุดยอดหนังซุปเปอร์ฮีโร่บันเทิงที่ดีที่สุด
ทั้งบทหนังที่แฝงด้วยอารมณ์ขันที่ทำงานตลอดเวลา (ใครไม่ขำกับมุขที่ใส่กันมาบ้างล่ะ) ฉากแอ็คชั่นสุดมันที่ใครจะคิดว่า สร้างขึ้นมาได้ยังไง และ
การพูดถึงวีรบุรุษในแง่ของความฝันของผู้ชายและผู้ชมทุกคน
The Avenger คือภาพยนตร์ที่จะถูกกล่าวขานต่อไปไม่รู้จบในอนาคต
ไม่ติดอันดับแต่อยากจะพูดถึง
บอกเล่าเก้าศพ : หนังสยองขวัญไทยเล็ก ๆ นอกกระแสที่ทำได้อย่างเหลือเชื่อแม้จะมีปัญหาด้านการแสดงของตัวละครบางคน แต่หนังหลายตอนในเรื่องก็ทำได้ดีและบ่งบอกถึงสภาพสังคมที่จุดเล็ก ๆ หนึ่งคนอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครหลายคนไปได้
แม่โขงโฮเต็ล : หนังของอภิชาตพงษ์ที่หลายคนรอคอยมันบอกเล่าถึงสภาพสังคมที่น่าสนใจในประเทศไทย ผ่านเรื่องเล่าสไตล์ถนัดของเขาที่บอกว่า ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลงดั่งสายน้ำโขงและกาลเวลาที่ไม่ย้อนกลับ เสมือนบอกว่า โลกนี้ไม่มีสิ่งใดจีรัง
อันธพาล : หลายคนไม่ประทับใจ แต่สำหรับผมมันคือหนังที่น่าสนใจในปีนี้ มันบอกเล่าถึงความรุ่งเรืองของเหล่าอันธพาลที่ต่างมีชีวิตแขวนบนเส้นดายบนความตาย ที่หนังได้สรุปให้เราเห็นว่า ตอนจบของพวกเขาไม่ได้สวยงามเหมือนตำนาน มันคือการทำลายตำนานนักเลงสุดเท่จาก 2499 จนหมดสิ้น
Flying Dragon And the Tiger Gate : หนังกำลังภายในเรื่องล่าสุดของฉีเคอะที่เป็นภาพสะท้อนให้เราเห็นถึงปรัชญาทางศาสนาพุทธที่แฝงอยู่ในหนังเหล่านี้ที่ดูแล้วเหงาหงอยยิ่งนัก
วงจรปิด : หนังไทยที่หลายคนไม่ได้ดู แต่เป็นหนังสยองขวัญที่ยุทธเลิศทำออกมาได้น่าสนใจโดยเฉพาะการพูดประเด็นเรื่องความรักที่ไม่ได้สวยงามแต่มีด้านมืดที่น่ากลัวยิ่ง
Pain Skin 2 : หนังภาคต่อที่พูดถึงระบบอำนาจที่ปีศาจมีและคนไม่มี มันพูดถึงความรักที่แสนจะปวดร้าวที่กว่าจะจบลงได้ด้วยดีก็เล่นเอาเหนื่อย รวมทั้งเป็นการพิสูจน์การเป็นมนุษย์นั่นคือ สิ่งที่ทุกคนปรารถนา และน่ากล่าวขวัญพอ ๆ กับฉากยูริหอม ๆ ในเรื่องนี้
Abraham Lincoln Vampire Hunters : แม้เราจะมองหาข้อเท็จจริงที่ผสมอยู่ในหนังเรื่องนี้ไปได้น้อยนิด แต่สิ่งที่หนังได้สะท้อนออกมานั่นก็คือ การมองแวมไพร์ในฐานะพวกพ่อค้าที่จ้องสูบเลือดสูบเนื้อผู้คนรวมไปทั่งการพูดระบอบประชาธิปไตยด้วยความงดงามยิ่งสมดังที่พูดว่า
ประชาธิปไตยโดยประชาชนเพื่อประชาชน
ที่ทำให้ฉากสุดท้ายก่อนที่ประธานาธิบดีลินคอล์นจะไปโรงละครนั่น มันช่างงดงามยิ่งนัก
ขอฝากตัวกับทุกท่านในปีนี้อีกครั้งครับ
บล็อกของ Mister American
Mister American
(บทความตอนนี้จะเป็นเรื่องเบาๆเพื่อให้เตรียมตัวกันให้พร้อมก่อนชมภาพยนตร์เรื่อง Prometheus)
Mister American
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับป๋าไมเคิ่ล ฮานาเก้ที่ได้รางวัลปาล์มทองอีกครั้งหนึ่งจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ Ffpภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาอย่าง Amour ที่เรียกได้ว่าเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ฝีมือการทำหนังของผู้กำกับคนนี้เป็นของจริงที่ยิ่งเวลาผ่านไปรสชาติการทำหนังของเขาก็ยิ่งเข้มข้นทุกทีไม่เหมือนผู้กำกับอีกหลายรายที่มือตกไปอย่างไม่น่าอภัย กระนั้นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับชายที่ชื่อว่า ไมเคิ่ล ฮานาเก้นี้ก็คือ แค่หนังเรื่องแรกของเขานั้นก็ปรากฏแววเก่งมาในทันที
และหนังเรื่องแรกของเขาก็คือ The Seven Continent นั้นเอง
Mister American
ถ้าเอ่ยชื่อของไมเคิ่ล ฮานาเก้ ถ้าไม่ใช่แฟนหนังจริงๆหลายคนอาจจะไม่รู้จักเขาเท่ากับผู้กำกับคนอื่นๆอย่าง ไมเคิ่ล เบย์ สปีลเบิร์กหรือคาเมร่อนก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่หลายคนมารู้จักผู้กำกับจากยุโรปได้ก็คงไม่พ้นนิยามหนังของเขาที่หลายให้คำว่า โหดเหี้ยม เลือดเย็น และน่าขนลุก โดยหนังที่หลายคนมักจะ
Mister American
(เนื้อหาบทความนี้อาจะเปิดเผยความลับของภาพยนตร์)
ผมเชื่อว่าทุกคนเคยมีความฝัน
ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ฮีโร่ของญี่ปุ่นอย่าง อุลตร้าแมน ไอ้มดแดง ขบวนการห้าสีบุกจอโทรทัศน์ หลายคนในตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวน้อยๆที่เฝ้ารอคอยหน้าจอที่สัปดาห์เพื่อจะได้ชมฮีโร่ของตัวเองปราบปรามเหล่าร้ายในหน้าจอที่หวังยึดครองโลก เราได้สนุกสนานกับการผจญภัยของพวกเขา บางคนอาจจะถึงขั้นอยากเป็นฮีโร่กับเขาบ้างเลยทีเดียว หรือบางคนอาจจะใฝ่ฝันที่จะได้เห็นฮีโร่ตัวจริงด้วยสายตาของตัวเอง
ซึ่งเด็กชายที่ชื่อ ฟิล โคลสัน คือหนึ่งในนั้น
Mister American
ครั้งหนึ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง เฉือน ของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ ได้ลงโรงฉายชนกับภาพยนตร์รัก Feel Good อย่างรถไฟฟ้ามาหานะเธอนั้นหลายคนที่ไปชมเรื่องนี้ต่างอึ้งกับภาพความโหดร้าย ของฆาตกรต่อเนื่องของไทยที่คาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ฆาตกรต่อเนื่องที่น่าสนใจ เรื่องหนึ่ง และมีคำถามขึ้นมาว่า