Skip to main content

                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง

                  กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด

                  ทำยังไงดี เสียงหัวใจดุร้ายอาละวาดไม่หยุดหย่อน

                  พรมนิ้วลงไป ควอเด็ตสอดประสาน อยากปฏิวัติให้สำเร็จจัง

                  กระหน่ำตีเข้าไป ฟอร์เต้แห่งความเศร้าโศก

                  ทำยังไงดี ธาตุแท้ช่างดื้อรั้นอย่างโหดร้าย"

เนื้อเพลง Seiyuin complex แบบแปลไทยโดย Netflix 

               คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่น 2022 ที่ผ่านมาจะเรียกได้ว่า เป็นม้ามืดได้เท่ากับอนิเมชั่นแนว Slice of life + ดนตรีอย่าง Bocchi the rock ที่สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญเมื่อมันสามารถคว้ารางวัลอนิเมชั่นแห่งปีจาก 9th Anime Trending Awards ได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้นยังคว้ารางวัลใหญ่ ๆ อย่าง รางวัลบทอนิเมชั่นดัดแปลงแห่งปี , รางวัลกำกับ ตอนยอดเยี่ยม และ รางวัลสตอรี่บอร์ด เรียกว่า กวาดรางวัลเรียบวุธ เหนือ อนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ดัง ๆ อย่าง Attack of titan , Chainsaw man , Spy X Family หรือกระทั่ง Lycoris Recoil ที่เป็นม้ามืดของปีนี้เช่นกันก็ยังแพ้ให้กับเรื่องนี้โดยที่หลายคนไม่อยากเชื่อ

                เนื่องจากก่อนหน้านี้ Bocchi the rock ไม่ใช่อนิเมชั่นที่มีคนคาดหวังหรือตั้งตาต่อรอใด ๆ นัก ก่อนหน้านี้มันถุกจัดอันดับไว้ที่ 13 เท่านั้นเอง ทว่า ไม่นานนักความนิยมของเรื่องนี้ก็พุ่งกระฉูดจนยึดหัวหาดของอนิเมชั่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งในและนอกประเทศแบบไม่มีใครเทียบเคียง

                นี่ยังไม่รวมทั้งยอดขายแผ่น BD ในประเทศญี่ปุ่นเอง Bocchi The rock มียอดขายถึง 16793 ชุด นับว่าสูงมาก ๆ เมื่อเทียบกับอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์อย่าง Chainsaw man ที่แป้กคาตารางเมื่อทำไปได้แค่ 1735 ชุดเท่านั้น นับว่า ยอดห่างกันมากอย่างไม่น่าเชื่อ

                นี่ไม่รวมถึงยอดขายแผ่น CD ของ Bocchi the rock ที่รวมเพลงของวงสายรัดของเธอก็ขายไปได้ถึง 73,244 แผ่น เรียกว่า สูงมาก ๆ จนเทียบนักร้องดัง ๆ ได้อย่างไม่ขัดเขิน รวมทั้งยอดดาวน์โหลดจากทั้งในไอทูน และ อื่น ๆ ก็มหาศาลจนเรียกว่า ประสบความสำเร็จอย่างสูง

                ความสำเร็จนี้สร้างความกังขาให้กับหลายคนที่ไม่ได้ชมหรือพึ่งได้รู้จักอนิเมชั่นเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย เนื่องจากหากมองเพียงเพิน ๆ จากหน้าหนังมันน่าจะเป็นแนว Silce of life + ดนตรีแบบเดียวกับพวกแนวดนตรีรุ่นพี่อย่าง K-on คงแค่ขายความน่ารักไปวัน ๆ เท่านั้นเอง หรือ บางคนก็บอกว่า อนิเมชั่นที่ทำมาให้โอตาคุดูแล้วจินตนาการเรื่องลามกเท่านั้น

                ทั้งที่เอาจริงแล้ว Bocchi the rock คือ อนิเมชั่นที่ว่าด้วยมนุษย์อย่างแท้จริง ขณะเดียวก็เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจที่มอบให้กีบคนดูโดยเฉพาะ คนที่เป็นแบบเดียวกับ โบจจิ ตัวเอกของเรื่องนี้

                เรื่องราวของ Bocchi the rock เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่มีชื่อว่า โกโต้ ฮิโตริ ผู้ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกใด ๆ จนตลอดการเรียนของเธอจนถึงม.ปลายนั้นไม่มีเพื่อนเลยสักคน สิ่งเดียวที่ค้ำจุนเธออยู่ตลอดเวลานั้นคือ กีตาร์ไฟฟ้าที่ได้รับมาจากพ่อของเธอ เธอเฝ้าฝึกกีตาร์อย่างหนักจนช่ำชองชนิดว่า เปิดไลฟ์สดในอินเตอร์เน็ตได้และมีผู้เข้าชมมากมาย ทว่า เจ้าตัวเองก็ไม่ได้พอใจจะใช้ชีวิตแบบนี้จึงตัดสินใจจะเดบิวต์เปิดตัวม.ปลายเพื่อหวังจะมีเพื่อนและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้

                แต่ทำอะไรก็ล้มเหลวไปทุกที ความขี้อายไม่มีความมั่นใจตัวเอง คิดเองในแง่ลบตลอดเวลาทำให้เธอไม่กล้าจะพูดอะไรหรือแสดงอะไรกับใครสักที จนวันหนึ่งเธอแบกกีตาร์ไปเพื่อหวังจะใช้มันเพื่อเป็นหัวข้อพูดคุยกับคนในห้อง

                ทว่าก็เหมือนเดิม

                ไม่มีใครสักคนที่สนใจเธอเลย และเธอก็ไม่กล้าจะเข้าไปคุยด้วยอยู่

                ในขณะที่กำลังนั่งคอตกผิดหวังกับความพยายามนี้ เธอได้พบกับ นิจิกะ นักเรียนรุ่นพี่จากอีกโรงเรียนหนึ่งที่มาเจอเธอกำลังแบกกีตาร์พอดี เธอคนนี้ได้ลากให้โกโต้ ฮิโตริ เข้าสู่โลกของการแสดงดนตรีในไลฟ์เฮ้าส์เป็นครั้งแรก

                และเรื่องราวของเธอกับชีวิตวัยรุ่นที่ไม่คาดคิดในฐานะสมาชิกของวงสายรัดก็เริ่มขึ้น

                Bocchi the rock ดัดแปลงมาจากมังงะสี่ช่องของ อากิ ฮามาจิ ที่บอกตัวเองว่า เป็นแฟนคลับเดนตายของวง ASIAN KUNG-FU GENERATION วงป๊อปร็อคชื่อดังของญี่ปุ่นแบบชัดเจน โดยเฉพาะการนำนามสกุลของสมาชิกในวงมาตั้งเป็นชื่อของตัวละครในเรื่องไม่ว่าจะเป็น โกโต้ ฮิโตริ มาจากชื่อนักร้องนำในวง หรือ สมาชิกคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน ไม่ใช่เพียงเท่านั้นยังมีการนำเพลงอย่าง Rock'n Roll, Morning Light Falls on You มาใช้ในเพลง ED ในตอนที่ 12 ของอนิเมชั่น Bocchi the rock บ่งบอกถึงความคลั่งไคล้ที่นำมาประสานกันได้อย่างดี

                นี่ยังไม่รวมถึงทางสตูดิโออย่าง CloverWorks ได้สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป และ ใช้เทคโนโลยีในการบันทึกท่าทางการเล่นกีตาร์และการแสดงอย่างครบถ้วนเพื่อให้ฉากการเล่นคอนเสริ์ตในแต่ละครั้งออกมาสมจริงทั้งการขยับท่าทาง นิ้วและอื่น ๆ ทำให้เรื่องนี้มีการขยับที่ดีกว่าอนิเมชั่นดนตรีเรื่องอื่นอีก

                นอกจากเพลงที่แต่งออกมาอย่างไพเราะติดหูแล้วสิ่งที่ทำให้ Bocchi the rock น่าสนใจและเป็นจุดขายของเรื่องนื้คือเรื่องราวของโกโต้ ฮิโทริ หรือชื่อเล่นว่า บจจิ

                บจจินั้นมีความหมายว่า โดดเดี่ยว ซึ่งถูกตั้งชื่อโดย เรียว สมาชิกในวงเพื่อเรียกการกระทำของเธอที่กลัวการอยู่กับคนอื่น การพูดคุยอย่างมาก เธอแทบสื่อสารหรือออกเสียงใด ๆ ออกมาได้ยากมาก มีเพียงการเล่นกีตาร์และดนตรีเท่านั้นเอง

                ถึงจะมีความหมายเป็นแง่ลบหรือเย้ยหยันแบบไม่ตั้งใจ เหมือนว่า ฮิโตริจะชอบชื่อเล่นนี้มาก เนื่องจากเป็นชื่อเล่นแรกที่เพื่อนตั้งให้

                เธอจึงยินดีที่จะถูกเรียกว่า บจจิน่ะเอง

                บุคลิกบจจินั้นต้องบอกว่า เธอเป็นเด็กสาวประเภท introvert ที่สามารถอธิบายได้ว่า คนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง มีความสุขกับการอยู่คนเดียว ชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียว ดูเหมือนจะขี้อาย มีจำนวนเพื่อนสนิทแบบนับคนได้ มีความเห็นอกเห็นใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา อ่อนไหว เป็นพวกคิดมาก คิดก่อนพูด และในขณะเดียวกันก็พูดน้อย ไม่ชอบเสวนาเรื่องที่ไร้สาระ ฉาบฉวยซักเท่าไหร่ แถมยังเป็นคนขี้อาย ไม่พูด เราจึงเห็นว่า บจจิเป็นตัวละครแบบนี้อย่างชัดเจน

                ด้วยบุคลิกของเธอที่เป็นแบบนี้ทำให้ยากจะเข้าสังคมได้ แม้ว่า ตัวเธอจะปรารถนาอยากจะมีเพื่อน อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ยากแบบสุดกู่อย่างเศร้าใจ

                บจจิเป็นตัวละครที่เรียกว่า เป็นเสมือนตัวแทนของคนที่มีสภาพแบบนี้ เหมือนเป็นตัวแทนที่คนดูได้เฝ้าดูพัฒนาการของเธออย่างใกล้ชิดและแน่นอนว่า เราเห็นอกเห็นใจเด็กสาวคนนี้ที่พยายามแล้วพยายามเล่าเพื่อจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ต่างกับลูกหลาน

                หลายคนมองว่า บจจิเป็นตัวแทนของความขี้แพ้ในสังคมญี่ปุ่น หากจะมองก็คือ ไม่ได้ต่างจากพวกนีทหรือฮิคิโคโมริแต่อย่างใด กระนั้นเองบจจิเองก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น เพราะ ถึงเธอจะล้มเหลวกับการพยายามสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นมากเท่าไหร่ เธอก็ไม่ได้ยอมแพ้ที่จะกลายเป็นแบบนั้นอยู่ดี

                พูดคือ บจจิ เห็นตัวเองเป็นแบบนั้นก็เลยตัดสินใจจะออกไปหาเพื่อน เปลี่ยนตัวเองเท่าที่ตัวเองจะไหว

                แม้มันจะจบด้วยความล้มเหลวในหลาย ๆ ครั้งก็ตาม

                เธอไม่ได้ยอมแพ้

                และ สำคัญคือ บจจิค่อย ๆ พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ

                จากตอนแรกเธอไม่สามารถพูดคุยกับใครได้เลยกลายเป็นว่า พูดได้ เวลาต่อมาเธอสบตาและรับแขกได้ แสดงไลพ์สดต่อหน้าคนได้ พัฒนาการของบจจิเกิดขึ้นแทบตลอดเวลาจนเราเห็นว่า เด็กสาวที่ตัวสั่นงกๆ ตอนขึ้นไลฟ์ครั้งแรกได้หายไปแล้ว

                ไม่ใช่เพียงแค่ บจจิยังทำให้คนอื่น ๆ ในวงเปลี่ยนแปลงไปด้วย

                ไม่ว่าจะเป็นคิตะ ที่ตอนแรกเล่นกีตาร์ไม่เป็นค่อย ๆ เก่งขึ้นเรื่อย ๆ จากตีคอร์ดจนถึงขั้นที่โซโล่รีดช่วยบจจิในตอนท้ายได้ เรียวที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น หรือ นิจิคะตะที่เริ่มเหมาะกับการเป็นผู้วงมากขึ้น ทุกอย่างมาจากบจจิทีโดนดึงเข้ามาแบบไมตั้งใจ ทว่าสุดท้ายวงของเธอก็เกิดขึ้นจนได้

                อย่างที่นิจิคะตะบอกว่า บจจิเป็นฮีโร่ของเธอ

                เนื่องจากทุกครั้งที่วงกำลังถึงทางตัน บจจิจะทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยฝีมือกีตาร์ของเธอ

                หลายคนฟังมาตอนนี้คงคิดว่า บจจิเก่งเทพแบบนี้มีอะไรให้ลุ้น เอาจริง ๆ ถึงฝีมือกีตาร์เก่งเทพแค่ไหน แต่ความที่เป็น Introvert ไม่มั่นใจตัวเองนี่ละทำให้เธอไม่สามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่เลย หนำซ้ำยังเล่นเข้ากับคนอื่นไม่ได้ทำเอาไลฟ์แรกเละเทะกันทีเดียว

                แต่เมื่อเวลาผ่านไป บจจิค่อย ๆ พัฒนาจนสุดท้ายเล่นเข้ากับคนอื่น ไม่พอยังโชว์ความสามารถของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ได้สำเร็จ

                แม้จะจบลงด้วยความตลกขำขันตามสไตล์อนิเมชั่นตลกก็เถอะ อย่างน้อยเธอก็ก้าวข้ามจากจุดเดิมไปได้

                แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการนำตัวละครบุคลิกแบบ Introvert มาใช้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็มีตัวละครที่มีบุคลิกคล้าย ๆ กันอย่าง  Watashi ga Motenai no wa dō Kangaetemo Omaera ga Warui! ที่มีตัวเอกเป็นสาว introvert ที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือน ๆ กันอย่าง คุโรกิ โทโมโกะ ที่อยากจะเดบิวต์ม.ปลาย หลังจากชีวิตก่อนหน้าล้มเหลวมาก่อน กระนั้นเองด้วยความที่มันเน้นไปที่ความสมเพชของนางเอกมากเกินไปทำให้หลายคนเบือนหน้านี้กระทั่งมันเปลี่ยนไปเป็นมังงะยูริถึงกลับมาดังอีกครั้ง

                สิ่งที่คล้ายกันของสองเรื่องนี้ก็คือ ทั้งบจจิ และ โทโมโกะ ไม่ได้อยากเป็นขี้แพ้ หรือ หนีหายไปจากสังคม พวกเธออยากเข้าสังคม อยากมีเพื่อน แต่ปัญหาคือ พวกเธอไม่รู้จะเข้ายังไงต่างหาก

                สิ่งที่บจจิมีดีกว่าโทโมโกะก็คงมีแค่ฝีมือกีตาร์เท่านั้น ทว่านอกจากนั้นก็จบลงด้วยความล้มเหลวไปหมด

                เพียงแค่ว่า ถึงจะล้มเหลวแค่ไหน ทั้งสองคนก็โชคดีที่คนรอบของพวกเธอคอยสนับสนุนและช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา

                อย่าง บจจินั้นแม้ว่า ครอบครัวจะเป็นสิ่งที่เหมือนซ้ำเติมเล็ก ๆ ให้บจจิเข้ากับสังคมไม่ได้ แต่พวกเขาก็เป็นห่วงและเอาใจลูกสาวคนนี้ให้เข้าสังคม ถึงบางคนจะไม่ทันความคิดด้านลบของเธอก็เถอะ นี่ไม่รวมถึงบรรดาเพื่อนร่วมวงที่ช่วยเหลือเธอ ให้กำลังใจเธอ คนที่ไลฟ์เฮ้าส์ รุ่นพี่ในวงอื่นที่ที่ผลักดันให้เด็กสาวคนนี้ได้กลายนักดนตรีที่งดงามในที่สุด

                การได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจจากคนรอบข้างนี้เองก็ทำให้เรานึกถึงสาวน้อยที่ชื่อว่า ฮอนโจ คาเอเดะ จากเรื่อง lit. meaning Itai no wa Iya nano de Bōgyoryoku ni Kyokufuri Shitai to Omoimasu หรือ น้องโล่สายแทงก์ แกร่งเกินร้อย ที่ตัวเอกอย่าง คาเอเดะได้ไปเล่นเกมออนไลน์เกมหนึ่งในชื่อ เมเปิ้ล ก่อนที่วิธีการเล่นแบบพิศดารของเธอทำให้กลายเป็นตัวเทพได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพลังป้องกันที่มาจากแนวคิดว่า ไม่อยากเจ็บตัวน่ะเอง

                แม้ว่าในนิยายจะไม่ได้บอกพื้นเพของคาเอเดะแบบชัดแจ้ง ทว่า หลายคนพอคาดเดาได้ว่า คาเอเดะน่าจะเป็นเด็กพิเศษ หรือ ออทิสติกอ่อน ๆ ที่แม้จะไม่ถึงขั้นหนักหน่วงจนใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปไม่ได้ แต่ก็มีลักษณะนิสัยที่ผิดเพี้ยน ย้ำคิดย้ำทำอยู่ ซึ่งอาการนี้สามารถใช้ชีวิตกับคนในสังคมได้ แต่ต้องมีความเข้าใจและช่วยเหลือจากคนรอบข้าง

                ในที่นี้คือ ริสะ เพื่อนของคาเอเดะที่ประกบดูแลเพื่อนสาวคนนี้ตลอดเวลา เสียแค่ว่า ตอนที่คาเอเดะเข้าไปเล่น เธอดันต้องเรียนเพิ่มซะงั้น ทำให้ไม่ได้บอกวิธีเล่นกับเพื่อนคนนี้

                คงไม่ต้องบอกว่า การที่คาเอเดะหรือเมเปิ้ลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในเกมนี้และรอบข้างก็มาจากครอบครัว และเพื่อนทั้งเกมและนอกเกมที่ช่วยเหลือจนใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

                เราจะเห็นว่า อนิเมชั่นญี่ปุ่นหลายเรื่องให้ความสำคัญกับตัวละครที่มีบกพร่องทั้งในด้านร่างกาย และ จิตใจอย่างมาก กระนั้นเองพวกเขาเองก็ไม่ได้มองว่า คนเหล่านี้เป็นภาระแต่กลับให้กำลังใจพวกเขาให้ก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ได้ และ เข้าสู่สังคมได้สำเร็จ

                การที่ทั้งบจจิ โทโมโกะ หรือ กระทั่ง เมเปิ้ลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้นี้คงมาจากการที่พวกเธอมีสังคมดี มีเพื่อน มีครอบครัวดี ๆ ที่ช่วยหนุนเสริมพวกเธอในทางเลือกที่ที่พวกเธอได้เลือกหนทางของตัวเอง

                สำคัญคือ เหล่าตัวละครในเรื่องนี้ไม่ยอมแพ้

                แม้จะล้มเหลวแค่ไหน พวกเธอก็ยังสู้ต่อ

                จะน่าสมเพชแค่ไหน

                จะหัวเราะเยาะ หรืออย่างไรก็เดินหน้าต่อ

                แบบเดียวกับที่บจจิได้แสดงให้เราเห็น

                ว่า อย่ายอมแพ้

ป.ล. Bocchi the rock สามารถชมได้ทั้งใน Netflix และ AIS PLAY รวมทั้ง  bilibili ครับ

ป.ล. ยอดขายมังงะของ Bocchi the rock ทะลุ 2 ล้านเล่มเป็นที่เรียบร้อยหลังจากอนิเมชั่นเรื่องนี้ออกฉาย

 

บล็อกของ Mister American

Mister American
   (บทความตอนนี้จะเป็นเรื่องเบาๆเพื่อให้เตรียมตัวกันให้พร้อมก่อนชมภาพยนตร์เรื่อง Prometheus)
Mister American
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับป๋าไมเคิ่ล ฮานาเก้ที่ได้รางวัลปาล์มทองอีกครั้งหนึ่งจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ Ffpภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาอย่าง Amour ที่เรียกได้ว่าเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ฝีมือการทำหนังของผู้กำกับคนนี้เป็นของจริงที่ยิ่งเวลาผ่านไปรสชาติการทำหนังของเขาก็ยิ่งเข้มข้นทุกทีไม่เหมือนผู้กำกับอีกหลายรายที่มือตกไปอย่างไม่น่าอภัย กระนั้นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับชายที่ชื่อว่า ไมเคิ่ล ฮานาเก้นี้ก็คือ แค่หนังเรื่องแรกของเขานั้นก็ปรากฏแววเก่งมาในทันที  และหนังเรื่องแรกของเขาก็คือ The Seven Continent นั้นเอง
Mister American
ถ้าเอ่ยชื่อของไมเคิ่ล ฮานาเก้ ถ้าไม่ใช่แฟนหนังจริงๆหลายคนอาจจะไม่รู้จักเขาเท่ากับผู้กำกับคนอื่นๆอย่าง ไมเคิ่ล เบย์ สปีลเบิร์กหรือคาเมร่อนก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่หลายคนมารู้จักผู้กำกับจากยุโรปได้ก็คงไม่พ้นนิยามหนังของเขาที่หลายให้คำว่า โหดเหี้ยม เลือดเย็น และน่าขนลุก โดยหนังที่หลายคนมักจะ
Mister American
(เนื้อหาบทความนี้อาจะเปิดเผยความลับของภาพยนตร์)  ผมเชื่อว่าทุกคนเคยมีความฝัน ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ฮีโร่ของญี่ปุ่นอย่าง อุลตร้าแมน ไอ้มดแดง ขบวนการห้าสีบุกจอโทรทัศน์ หลายคนในตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวน้อยๆที่เฝ้ารอคอยหน้าจอที่สัปดาห์เพื่อจะได้ชมฮีโร่ของตัวเองปราบปรามเหล่าร้ายในหน้าจอที่หวังยึดครองโลก เราได้สนุกสนานกับการผจญภัยของพวกเขา บางคนอาจจะถึงขั้นอยากเป็นฮีโร่กับเขาบ้างเลยทีเดียว หรือบางคนอาจจะใฝ่ฝันที่จะได้เห็นฮีโร่ตัวจริงด้วยสายตาของตัวเอง  ซึ่งเด็กชายที่ชื่อ ฟิล โคลสัน คือหนึ่งในนั้น
Mister American
ครั้งหนึ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง เฉือน ของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ ได้ลงโรงฉายชนกับภาพยนตร์รัก Feel Good อย่างรถไฟฟ้ามาหานะเธอนั้นหลายคนที่ไปชมเรื่องนี้ต่างอึ้งกับภาพความโหดร้าย ของฆาตกรต่อเนื่องของไทยที่คาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ฆาตกรต่อเนื่องที่น่าสนใจ เรื่องหนึ่ง และมีคำถามขึ้นมาว่า