Skip to main content

ผมรู้จัก “จ่านิว” ผ่านสื่อต่าง ๆ ในฐานะนักกิจกรรมคนหนึ่ง

จำไม่ได้แล้วว่าเขาทำวีรกรรมอะไรต่ออะไรบ้าง ผมเห็นเขาห่าง ๆ ในงานสัมมนาวิชาการหลายครั้ง

"ประชาไท" เคยเขียนแซวว่าเขาเป็น “นักกินฟรีในตำนาน” และเป็นนักศึกษาที่ไม่ค่อยเข้าเรียน

คำว่า “จ่า” มาจากไหนไม่ทราบ เขาไม่เคยเป็นตำรวจ-ทหาร และน่าจะอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามด้วยซ้ำ แต่เอามาใส่หน้าชื่อของเขาก็ดูเข้าท่าดี เหมาะสมกับรูปร่างท่าทางของเขา

สายวันหนึ่งผมพบเขาโดยบังเอิญที่ศาลทหาร ในสายตาของผม เขาเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่เขาสุภาพและใจดี เขายินดีถ่ายรูปคู่กับเพื่อนของผม แม้ว่าพวกเราไม่รู้จักกันมาก่อน

ตลกดีที่เจ้าหน้าที่รัฐ มักเชื่อว่าผู้ต้องหาคดีการเมืองเป็นพวกเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้จักกันเลย

ผมมาสนใจเรื่องครอบครัวของจ่านิวอย่างละเอียดในเดือนพฤษภาคม 2559 เมื่อได้ข่าวว่าแม่ของเขาถูกจับกุมในคดีร้ายแรง เธอถูกกล่าวหาว่าทำผิด กม.อาญา ม.112 เพียงเพราะพิมพ์คำว่า “จ้า” ในแชท

พาดหัวข่าวต่าง ๆ ใช้คำว่า “แม่ของจ่านิว” แทนที่จะเรียกชื่อของเธอ

ใช่ ! เรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้นหรอกหากเธอไม่ใช่ “แม่ของจ่านิว”

ภัยทางการเมือง ทับถมวิกฤติเศรษฐกิจที่หนักหนาอยู่แล้วให้ย่ำแย่กว่าเดิม แม่ของจ่านิวรับจ้างทำงานบ้านแบบไม่ประจำ เพราะต้องไปโรงพักและขึ้นศาลเป็นประจำ เธอทำงานไม่เลือก แต่ผู้ว่าจ้างของเธอส่วนใหญ่เลือกจุดยืนทางการเมืองมากกว่าเลือกแม่บ้าน

และทางเลือก...ไม่ได้มีไว้สำหรับคนไม่มีฐานะ

เธอเสียลูกค้าไปหลายรายหลังจากเป็นข่าว ...

ผมไปเยี่ยมเธอครั้งหนึ่งที่กองบังคับการปราบปราม วันนั้นมีคนเข้าไปเยี่ยมเธอหลายคน ผมยืนรออยู่หน้าอาคาร แล้วฝากแผ่นกระดาษข้อความให้กำลังใจไปให้เธอ ไม่ใช่ข้อความของผมหรอก แต่ผมรวบรวมมาจากเพื่อน ๆ ในเฟซบุ๊ก ไม่รู้สิ ผมพูดให้กำลังใจใครไม่เป็น และบางทีบางเรื่องมันก็ทำให้เราตีบตันพูดไม่ออก ในฐานะคนแปลกหน้าต่อกัน ผมไม่รู้จะคุยอะไร

แต่ผมไป เพราะเราอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ภายใต้ระบบอยุติธรรมของสังคม

วันหนึ่งอาจเป็นผม เป็นคุณ หรือเป็นใครก็ได้ ที่โดนกระทำแบบนี้

ภาพข่าวลูกชายยืนคุยกับแม่โดยมีตาข่ายเหล็กกั้นกลาง สีหน้าสลดเศร้าและน้ำตาคลอหน่วย สะเทือนใจผมเป็นที่สุด

กุมภาพันธ์ 2561 สองแม่ลูกกลายเป็นผู้ต้องหาพร้อมกันในคดี MBK39

โทษฐานที่ลูกชายเป็นผู้ปราศรัยรณรงค์ให้มีการเลือกตั้ง และแม่ปรากฏตัวอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย

8 กุมภาพันธ์ แม่ของจ่านิวมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ปทุมวัน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  ทิศทางของคดี วงเงินประกันตัว เวลาที่ต้องใช้ในการต่อสู้คดี ฯลฯ ล้วนน่ากังวลสำหรับคนทำมาหากินแบบวันต่อวัน

จ่านิวสะสมคดีความเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และแม่ของเขาก็เช่นกัน

ผมไม่ทราบว่าแม่ของจ่านิวหันมาสนใจการเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่  บางที..เธออาจแค่ตามไปอยู่ที่นั่นด้วยความเป็นห่วงลูกชาย  หรืออาจเป็นเพราะการถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมซ้ำ ๆ ผลักดันให้เธอไม่อยู่เฉยอีกต่อไป 

8 มีนาคม สองแม่ลูกไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.นางเลิ้ง ในคดี RND50

“นั่นไง หนึ่งออกมาแล้ว” เสียงคนข้าง ๆ พูดขึ้น แล้วผมก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของเธอดังลั่นเริงร่ามาแต่ไกล 

บุคลิกของเธอสดใสเหมือนที่ผมเห็นในเฟซบุ๊ก  แต่ไม่เหมือนในภาพจำของผมจากข่าวครั้งโน้น

นายคาดหวังจะเห็นอะไร – คนอมทุกข์ ร้องไห้ฟูมฟาย เบื่อหน่าย แบกโลก ? – ผมถามตัวเอง

สองแม่ลูกนั่งกินส้มตำด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย ในสายตาของผมทั้งคู่เหมือนพี่น้องกันมากกว่า แต่น้ำเสียงของเธอทำให้ผมสัมผัสได้ว่านี่แหละ “แม่” จ่านิวดูนิ่งขรึมไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผมเห็น แต่ “แม่หนึ่ง” ตลกโปกฮา พะวักพะวนหันซ้าย ขวา หน้า หลัง ทักทายคนรอบตัวตลอดเวลา เสียงดังเอะอะมะเทิ่งไม่หยุด ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งโพสต์เฟซบุ๊กว่าป่วยจนไม่มีเสียง

แม่หนึ่งดูกลมกลืนกับแวดวงผู้ต้องหามากกว่าจ่านิว เช่นเดียวกันกับอีกสองวันหลังจากนั้น ในเวทีปราศรัยของคนรุ่นใหม่ที่ธรรมศาสตร์ แม่หนึ่งเดินทั่วงานและมีคนขอถ่ายรูปเยอะแยะไปหมดราวกับเธอเป็นดาราดัง คนเรียกเธอว่า “หนึ่ง” หรือ “แม่หนึ่ง” ไม่ค่อยมีใครเรียกว่า “แม่จ่านิว” เหมือนข่าวครั้งโน้นอีกแล้ว

เธอไม่ได้เป็นเพียงแม่ของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น แต่วันนี้เธอกลายเป็นนักต่อสู้อีกคนหนึ่ง

“ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน” ของแม่หนึ่ง ยังจะนำคดีมาเพิ่มให้อีกเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่เขาไม่หยุดเคลื่อนไหวผลักดันสิ่งที่เขาเชื่อ แต่แม่หนึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะห้ามปราม

จ่านิวเคยเป็นนักศึกษาที่แย่ แต่วันนี้เขาเป็นนักปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่

ด้วยความเป็นแม่ เธอย่อมมีแต่ความเป็นห่วงเป็นใย แต่เพราะมีแม่อย่างเธอ สังคมเราจึงมีนักต่อสู้ที่กล้าหาญ เอาตัวเองเข้าแลกเพื่อพลิกหน้าประวัติศาสตร์การเมือง แม่หนึ่งเชื่อมั่นในความคิดของลูกชาย ให้เสรีภาพ และสนับสนุนเขา มากกว่าจะเหนี่ยวรั้งไว้ด้วยความเป็นห่วง

หมายเรียกให้จ่านิวไปรับทราบข้อกล่าวหาที่พัทยาส่งตามมาหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน

วันนี้...แม่หนึ่งโพสต์ภาพครอบครัวนั่งรถไฟไปพัทยา บรรยากาศชื่นมื่นราวกับไปท่องเที่ยว

ถ้าคุณนับหนึ่งได้ การนับ สอง สาม สี่ ห้า ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

หากโลกนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับคนอ่อนแอ ดังนั้น...ไม่ว่าเรื่องราวจะแย่แค่ไหนก็ขอให้คุณหัวเราะไปกับมัน

บล็อกของ โมโม่ MOMO

โมโม่ MOMO
ในนามของความเรียบร้อย รัฐใช้อำนาจปรามประชาชนให้อยู่ในความสงบ
โมโม่ MOMO
หากไม่มีสี...ไม่มีแผงเหล็กกั้นเราจะคิดอย่างไรต่อกัน ?ในความเป็นมนุษย์แท้จริงเราเท่ากันแต่คนที่ถูกทำให้ตายแม้ตายไปแล้ว ก็ยังไม่เท่าใครเหล่านั้นคนเป็น ส่งเสียงแทนคนตายแต่คนเป็น...แม้เสียงของตัวเองยังหดหาย
โมโม่ MOMO
เพราะความตายเกิดขึ้นอย่างผ
โมโม่ MOMO
ยอดแชร์ข้อเขียนเกี่ยวกับ "พี่จ๋า" มากมายจนน่าดีใจ คงช่วยให้พี่จ๋าคงขายของได้เยอะขึ้น
โมโม่ MOMO
Iผมรู้จัก “พี่อึ่ง” น้อยมาก หรือแทบจะเรียกว่าไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่หลายคนบอกว่าผมน่าจะได้คุยกับเธอ ซึ่งจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ได้คุยสักที
โมโม่ MOMO
ผมได้ยินชื่อเธอบ่อย ๆ จากมิตรสหายท่านหนึ่งที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แต่จินตนาการรูปร่างหน้าตาว่าคงจะตัวเล็ก ๆ น่ารัก โดยเฉพาะเมื่ออาจารย์ท่านั้นมีน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเธอมาก
โมโม่ MOMO
เป็นครั้งที่สองที่ผมได้คุยกับ “พี่จ๋า” เธอดูซูบผอมลงมากจากที่เราเจอกันครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาที่ผ่านมา วันนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวมีคนแนะนำ “นี่พี่จ๋า ที่โดนคดีผู้หญิงยิง ฮ. ไงครับ”
โมโม่ MOMO
ผมรู้จัก “จ่านิว” ผ่านสื่อต่าง ๆ ในฐานะนักกิจกรรมคนหนึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเขาทำวีรกรรมอะไรต่ออะไรบ้าง ผมเห็นเขาห่าง ๆ ในงานสัมมนาวิชาการหลายครั้ง"ประชาไท" เคยเขียนแซวว่าเขาเป็น “นักกินฟรีในตำนาน” และเป็นนักศึกษาที่ไม่ค่อยเข้าเรียน