Skip to main content
 

มีตำนานกล่าวขานถึงเวทมนต์วิเศษ
ที่จะทำให้คนธรรมดา เสียงไพเราะกว่าใคร
เริงระบำได้เหนือกว่าใคร
\\/--break--\>

และขึ้นสู่จุดที่สูงสุดกว่าใคร

มีคนมากมายหวังจะเป็นเจ้าของมนตรานี้
แต่มีเพียงไม่มากนัก ที่ได้มันเป็นเจ้าของ

มีครั้งหนึ่ง ที่มนต์วิเศษไปอยู่ที่เด็กชายคนหนึ่ง
เด็กคนนั้นอยู่ในครอบครัวนักดนตรี

เด็กชายคนนั้นร้องเพลงอย่างเริงร่า
เต้นรำจนสุดฝีเท้า
เขาโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางพี่น้อง

พ่อของเขาสังเกตเห็นถึงพลังของมนต์วิเศษ
จึงฝึกเคี่ยวเขาอย่างหนัก
จนเขาไม่มีเวลาให้วัยเยาว์

ยิ่งฝึก มนต์วิเศษยิ่งส่องประกาย
พาเขาและครอบครัวเข้าใกล้จุดสูงสุด

เมื่ออยู่ใกล้จุดสูงสุดมากขึ้นเรื่อยๆ
สูงขึ้นพร้อมๆ กับประกายจากมนต์วิเศษที่สว่างขึ้น
เขาก็พบว่า ประกายของเขาเจิดจรัสเกินกว่าพี่น้องของเขา

และเขาก็ขึ้นถึงจุดสูงสุดเพียงลำพัง

เสียงชื่นชมดังก้องทุกครั้งที่เขาเปล่งเสียง
เสียงกรีดร้องดังก้องทุกครั้งที่เขาเริงระบำ

และตัวเขาเอง ก็หลงไปกับมนต์วิเศษนั้น

เขาเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นคนละคน
ประดับอาภรณ์งดงามทั่วกาย
สร้างบ้านให้ใหญ่กว่าใคร

เสียงที่เคยดังชื่นชม เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบ และถ้อยคำอิจฉาเจือปน

และเขาก็ได้รู้ว่า...ณ ที่สูงสุด แม้จะเป็นที่สง่างามที่สุด
แต่ก็เป็นที่ๆ คนชิงชังจะมองเห็นเขาชัดที่สุดเช่นกัน

เสียงต่อว่าเขาเริ่มดังขึ้น ดังขึ้น...
เรื่องร้ายๆ ของเขาถูกพูดถึงมากขึ้น
เรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้างประดังประเดใส่เขา

ประกอบกับมนต์วิเศษ ที่แม้จะยังคงอยู่
แต่โลกที่เปลี่ยนไป พาให้คนตื่นเต้นกับสิ่งใหม่
จนหลงลืมมนต์วิเศษของเขา

เขาเหมือนอยู่บนโลกคนเดียว
ความเจ็บปวดกัดกร่อนเขาจนอ่อนแอ
เสียงก่นด่าเสียดแทงเข้าไปถึงจิตใจ

ในเวลาต่อมา เมื่อโลกหมุนไป
หลายคนเริ่มคิดถึงมนต์วิเศษของเขา
และเรียกร้องให้เขาสำแดงเวทมนต์

เขาทำตามเสียงเรียกร้อง
แต่ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินกว่าจะสำแดงมนต์นั้นแล้ว

      สิ้         
แม้ทุกคนจะรักเขา และส่งเสียงร่ำไห้ให้เขา
แต่เขาก็ไม่ได้รับรู้ถึงมันอีกแล้ว

คุณอยากได้มนต์วิเศษแบบนี้มั้ย...

(เขียนเพื่อไว้อาลัยแด่ Michael Jackson ครับ)

 

 

บล็อกของ เด็กใหม่ในเมือง

เด็กใหม่ในเมือง
My Private Radio – รายการเพลงที่ผมมั่นใจว่าดีที่สุดในเว็บประชาไท (เพราะมันมีอยู่รายการเดียว :-P) กลับมาพบกับท่านอีกครั้งแล้วครับ
เด็กใหม่ในเมือง
มาล่าช้ากันสักนิดนึงนะครับสำหรับรายการวิทยุส่วนตัวของผม แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มานะครับหวังว่ารายการนี้จะพอทำให้บรรยากาศอันดุเดือดในช่วงนี้เย็นๆ ลงมาบ้าง และรายการนี้... ไม่ว่าสีใด ก็ฟังกันได้สบายๆ...
เด็กใหม่ในเมือง
ตอนที่ผมกำลังทำรายการวิทยุออนไลน์เล็กๆ รายการนี้ เมื่อมองออกไปที่ท้องฟ้าแถวบ้าน ผมเห็นพระจันทร์ดวงโตสวยส่องสว่างอยู่... เลยอยากจะเลือกเพลงให้เข้ากับบรรยากาศในตอนนั้น พอเลือกเพลงได้ ก็เลยเอาเพลงที่เลือกมาเปิดให้คุณๆ ฟังกันนั่นแหละครับ       
เด็กใหม่ในเมือง
แม้ว่าในประชาไท รายการ My Private Radio จะเพิ่งได้มาโอกาสมาเปิดเพลงเพราะมั่ง ไม่เพราะมั่งให้กับคุณๆ ได้ฟังกันไม่นานนี้ แต่จริงๆ แล้ว ถ้านับตั้งแต่ที่ผมเริ่มทำรายการตอนแรกลงในเว็บไซต์ http://myprivateradio.ning.com แล้ว ตอนที่คุณได้ฟังอยู่ตอนนี้ นับเป็นตอนที่ 10 แล้วครับ   ในตอนนี้ ผมเลยตั้งโจทย์เล่นๆ ว่า ถ้าผมต้องเลือกเพลงทุกเพลงในรายการ ให้กับคนหลายๆ คน ตั้งแต่เพี่อนของผม เลยเถิดไปจนถึงทีมการท่าเรือไทย เอฟ ซี (!) ผมจะหยิบอะไรมาเปิดบ้าง
เด็กใหม่ในเมือง
 กลับมาอีกครั้งสำหรับรายการวิทยุส่วนตัวของผมครับ :-)ผมบันทึกเสียงรายการตอนนี้ในคืนวันวาเลนไทน์ เลยทำให้บรรยากาศของวันแห่งความรักเผลอตลบอบอวลเข้ามาในรายการด้วยตอนนี้เลยมีเพลงรักดีๆ ให้ฟังกันเยอะครับเชิญฟังกันได้เลยครับ  
เด็กใหม่ในเมือง
  กลับมาอีกครั้งกับรายการวิทยุส่วนตัวของผมครับ :-)   GT 200 กับเพลงโซล – ดิสโก้ ดูมันไม่เกี่ยวกันเลย แต่มันก็มาอยู่ในรายการนี้กันได้ซะงั้น   เชิญฟัง และติ-ชมกันได้ครับ       
เด็กใหม่ในเมือง
ผมกำลังสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่อยู่ครับ... ของเล่นชิ้นที่ว่า คือการทำรายการวิทยุออนไลน์ของตัวเองครับ
เด็กใหม่ในเมือง
  ถ้าคุณผู้อ่านแวะเข้าห้องเฉลิมกรุงของเว็บไซต์ pantip.com (พันทิปไม่ได้มีแค่ห้องราชดำเนินนะครับพี่น้อง...) ซึ่งเป็นเวบบอร์ดที่พูดถึงแวดวงดนตรี ละครเวที และงานศิลปะอยู่เป็นประจำละก็ คุณคงจะรู้ว่าศิลปิน-นักร้องที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงที่สุดในห้องเฉลิมกรุงในช่วงเดือน - สองเดือนที่ผ่านมานั้นเป็นใคร ถ้าคุณไม่ใช่เด็กห้องเหลิมกรุง คุณอาจจะเดาว่าเป็น Wonder Girls, Girl's Generation, ดงบังชินกิ, ซุปเปอร์จูเนียร์ หรือบรรดาบอยแบนด์ - เกิร์ลกรุ๊ปทั้งสัญชาติไทยและเกาหลี
เด็กใหม่ในเมือง
  มีตำนานกล่าวขานถึงเวทมนต์วิเศษที่จะทำให้คนธรรมดา เสียงไพเราะกว่าใครเริงระบำได้เหนือกว่าใคร
เด็กใหม่ในเมือง
ผมเริ่มนั่งเขียนบทความชิ้นนี้ ตอน 10 โมงกว่าๆ ของวันที่ 14 เมษายน 2552 หลังวันสุกดิบของการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ในหลายๆ จุดทั่วกรุงเทพฯที่จั่วหัวแบบนี้ ผมไม่ได้มาพูดเรื่องการเมืองหรอกครับ (ผมเขียนวัน-เวลาเอาไว้เพื่อเตือนความจำของตัวเองเท่านั้นแหละ)ผมจะมาเล่าเรื่องที่ทำงานประจำของผมให้คุณๆ ฟังครับ
เด็กใหม่ในเมือง
ผมขอเริ่มต้นบทความชิ้นนี้ ด้วยการย้อนระลึกถึงเมื่อครั้งที่ผมยังเป็นเด็กนักเรียนประถม ในยุคที่สถานีโทรทัศน์ทุกแห่งในประเทศไทยยังไม่มีการออกอากาศช่วงกลางวันในวันธรรมดา และยังไม่มีเคเบิลทีวีให้บริการอย่างเอิกเกริกแบบตอนนี้ ในยุคที่คอมพิวเตอร์ยังเป็นสิ่งอภิมหาแพงเกินกว่าที่ทุกครัวเรือนจะมี หรือถึงบ้านไหนจะมี เทคโนโลยีในยุคนั้นก็ยังไม่เอื้อให้คอมพิวเตอร์เป็นศูนย์รวมความบันเทิงแบบทุกวันนี้ ความบันเทิงในยุคนั้นของผม นอกจากรายการทีวีวันเสาร์ - อาทิตย์แล้ว บรรดาวีดิโอจากร้านเช่าก็เป็นความบันเทิงราคาถูกที่พอจะมีกันได้ ซึ่งวีดิโอที่เรามักจะเลือกเช่า ก็หนีไม่พ้นการ์ตูนและหนังต่างๆ
เด็กใหม่ในเมือง
(ก่อนจะเริ่มบทความ...คุณผู้อ่านรู้สึกไหมครับ ว่าชื่อบทความกับชื่อผม มันคล้องจองกันพิลึก อิอิ...)  ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านจะมีศิลปิน หรือวงดนตรีใดๆ ที่เมื่อมีอัลบั้มใหม่ของพวกเขา / เธอ ออกวางแผง เราก็ไม่รีรอที่จะรีบไปหาอัลบั้มมาเป็นเจ้าของโดยพลันหรือเปล่า สำหรับตัวผม...โมเดิร์นด็อกสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้ผมตลอดมา ตั้งแต่สมัยผมควักเงิน 60 บาทจากกระเป๋านักเรียนสีกากีออกจากกระเป๋า และคว้าอัลบั้ม “โมเดิร์นด็อก” (ที่มีชื่อเล่นว่าอัลบั้ม “เสริมสุขภาพ”) จากแผงเทป จนถึงวันนี้ วันที่โมเดิร์นด็อกมีอัลบั้ม “ทิงนองนอย” ออกมาเป็นอัลบั้มใหม่ ความรู้สึกนั้นก็ยังเกิดกับผมไม่แปรเปลี่ยน…