Skip to main content
ผมเริ่มนั่งเขียนบทความชิ้นนี้ ตอน 10 โมงกว่าๆ ของวันที่ 14 เมษายน 2552 หลังวันสุกดิบของการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ในหลายๆ จุดทั่วกรุงเทพฯ

ที่จั่วหัวแบบนี้ ผมไม่ได้มาพูดเรื่องการเมืองหรอกครับ (ผมเขียนวัน-เวลาเอาไว้เพื่อเตือนความจำของตัวเองเท่านั้นแหละ)

ผมจะมาเล่าเรื่องที่ทำงานประจำของผมให้คุณๆ ฟังครับ

ผมก็เป็นเช่นคนเขียนหนังสือแลกเงินทั่วไป ที่โดยลำพังเงินจากการเขียนหนังสือนั้น ไม่พอในการใช้ชีวิตเท่าไหร่ สิ่งที่พอจะทำได้ ก็คือการหางานประจำทำ เพื่อให้มีข้าวกิน และมีแรงจะทำงานเขียนดีๆ ได้ (เอาเข้าจริง พอเรามีตังค์กินข้าว ก็กลายเป็นว่าเราขี้เกียจจนเราไม่ทำงานเขียนซะงั้น เฮ้อ...)

ผมมาทำงานเก็บค่าเช่า-ค่าน้ำ และเดินจดเลขมิเตอร์น้ำที่แฟลตในละแวกที่หลายๆ คนร่ำลือกันว่า "แดงจัด" ในกรุงเทพฯ ซึ่งในตอนแรกๆ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ

แต่พอมาทำงานจริงๆ และได้สัมผัสกับชาวบ้านในแฟลตจริงๆ ผ่านการพูดคุย และเดินจดมิเตอร์น้ำแล้ว ก็พบว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นซะทีเดียว

ผมพบว่าเอาที่จริง ในแฟลตที่ผมทำงานนั้น ทั้งแดงทั้งเหลืองก็อยู่ปนๆ กันนะแหละ

ที่ผมบอกแบบนั้น เพราะในช่วงที่มีการชุมนุมของพันธมิตร ผมก็พบว่าหลายๆ บ้านก็เปิด ASTV แช่ไว้ทั้งวัน ในขณะเดียวกันในช่วงที่ นปช. ชุมนุม ผมก็เห็นหลายๆ บ้านเป็น D-Station แช่ทั้งวันเหมือนกัน (เผลอๆ บ้านที่เปิดทั้ง ASTV และ D-Station จะเป็นบ้านหลังเดียวกันก็ได้นะ)

บางห้องประกาศกันโต้งๆ ว่า "บ้านนี้ไม่เอาประชาธิปัตย์" ไว้ที่หน้าบ้าน ในขณะที่อีกบ้านก็ประกาศจุดยืนชัด ด้วยการแปะสติกเกอร์ต่อต้านทักกี้ (ขออนุญาตเรียกคุณทักษิณแบบนี้นะครับ ผมว่าดูน่ารัก และละม้ายคล้ายนักร้อง J  - Popดี...) พร้อมทั้งมี "มือตบ" เป็นของประดับบ้านอีกนะ

เมื่อกลับเข้าในออฟฟิศ ที่เป็นจุดจ่ายเงินค่าเช่าแฟลตของชาวบ้าน เราก็จะได้ยินความเห็นทางการเมืองของคนทั้งสองฝ่าย ซึ่งแม้จะรู้สึกดุเดือดเพียงใด แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาหลายๆ เรื่องที่ถูกพูดถึง นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องซุบซิบนินทา

แม้กระทั่งกับเพื่อนร่วมงานของผม ก็มีทั้งคนที่มักไปชุมนุมเสื้อแดงอยู่บ่อยๆ และสาวใต้ที่ประกาศตนกันชัดๆ ว่าเป็นประชาธิปัตย์เต็มตัว...มีแม้กระทั่งคนที่บอกว่า "สู้กันให้ตายแม่มทั้งคู่นะแหละ" ..... - -"

แต่ยังไงซะ เราก็ไม่เคยต้องปะทะกันเพราะเรื่องพรรค์นี้

เพราะเอาเข้าจริงทั้งเหลือง ทั้งแดง ทั้งน้ำเงิน ฯลฯ ต่างก็เป็นหน่วยหนึ่งในสังคม ที่ต้องพึ่งพาอาศัย และอยู่ร่วมกันอยู่ดี ผมเองก็ยังต้องอาศัยแท็กซี่เสื้อแดง และก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยแถวบ้านผมก็ออกจะเหลืองอ๋อย

...ผมจินตนาการถึงประเทศที่มีสีเพียงสีเดียว ไม่ว่าจะเหลือง หรือแดงทั้งแผ่นดินนั้น ต่างเป็นโลกที่ห่วยแตก และน่าสะพรึงกลัวเสียนี่กระไร

()()()()()()()()()()()()

หลังจากวัน - สองวันนี้ กระแสความโกรธแค้น ชิงชังจากคนทั้งสองสี (รวมถึงบรรดา "คนไม่มีสี" ด้วย) กระพือโหมทั่วไปหมด

ถึงเวลานี้ ผมไม่สนใจบรรดาแกนนำของทุกสีอีกแล้ว... แต่ผมสนใจว่า ในวันพฤหัสนี้ เมื่อออฟฟิศผมเปิดทำการ

โลกใบที่ผมต้องเข้าไปทำงานนั้น จะยังเป็นโลกใบเดิมหรือไม่...

 

 

 

บล็อกของ เด็กใหม่ในเมือง

เด็กใหม่ในเมือง
My Private Radio – รายการเพลงที่ผมมั่นใจว่าดีที่สุดในเว็บประชาไท (เพราะมันมีอยู่รายการเดียว :-P) กลับมาพบกับท่านอีกครั้งแล้วครับ
เด็กใหม่ในเมือง
มาล่าช้ากันสักนิดนึงนะครับสำหรับรายการวิทยุส่วนตัวของผม แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มานะครับหวังว่ารายการนี้จะพอทำให้บรรยากาศอันดุเดือดในช่วงนี้เย็นๆ ลงมาบ้าง และรายการนี้... ไม่ว่าสีใด ก็ฟังกันได้สบายๆ...
เด็กใหม่ในเมือง
ตอนที่ผมกำลังทำรายการวิทยุออนไลน์เล็กๆ รายการนี้ เมื่อมองออกไปที่ท้องฟ้าแถวบ้าน ผมเห็นพระจันทร์ดวงโตสวยส่องสว่างอยู่... เลยอยากจะเลือกเพลงให้เข้ากับบรรยากาศในตอนนั้น พอเลือกเพลงได้ ก็เลยเอาเพลงที่เลือกมาเปิดให้คุณๆ ฟังกันนั่นแหละครับ       
เด็กใหม่ในเมือง
แม้ว่าในประชาไท รายการ My Private Radio จะเพิ่งได้มาโอกาสมาเปิดเพลงเพราะมั่ง ไม่เพราะมั่งให้กับคุณๆ ได้ฟังกันไม่นานนี้ แต่จริงๆ แล้ว ถ้านับตั้งแต่ที่ผมเริ่มทำรายการตอนแรกลงในเว็บไซต์ http://myprivateradio.ning.com แล้ว ตอนที่คุณได้ฟังอยู่ตอนนี้ นับเป็นตอนที่ 10 แล้วครับ   ในตอนนี้ ผมเลยตั้งโจทย์เล่นๆ ว่า ถ้าผมต้องเลือกเพลงทุกเพลงในรายการ ให้กับคนหลายๆ คน ตั้งแต่เพี่อนของผม เลยเถิดไปจนถึงทีมการท่าเรือไทย เอฟ ซี (!) ผมจะหยิบอะไรมาเปิดบ้าง
เด็กใหม่ในเมือง
 กลับมาอีกครั้งสำหรับรายการวิทยุส่วนตัวของผมครับ :-)ผมบันทึกเสียงรายการตอนนี้ในคืนวันวาเลนไทน์ เลยทำให้บรรยากาศของวันแห่งความรักเผลอตลบอบอวลเข้ามาในรายการด้วยตอนนี้เลยมีเพลงรักดีๆ ให้ฟังกันเยอะครับเชิญฟังกันได้เลยครับ  
เด็กใหม่ในเมือง
  กลับมาอีกครั้งกับรายการวิทยุส่วนตัวของผมครับ :-)   GT 200 กับเพลงโซล – ดิสโก้ ดูมันไม่เกี่ยวกันเลย แต่มันก็มาอยู่ในรายการนี้กันได้ซะงั้น   เชิญฟัง และติ-ชมกันได้ครับ       
เด็กใหม่ในเมือง
ผมกำลังสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่อยู่ครับ... ของเล่นชิ้นที่ว่า คือการทำรายการวิทยุออนไลน์ของตัวเองครับ
เด็กใหม่ในเมือง
  ถ้าคุณผู้อ่านแวะเข้าห้องเฉลิมกรุงของเว็บไซต์ pantip.com (พันทิปไม่ได้มีแค่ห้องราชดำเนินนะครับพี่น้อง...) ซึ่งเป็นเวบบอร์ดที่พูดถึงแวดวงดนตรี ละครเวที และงานศิลปะอยู่เป็นประจำละก็ คุณคงจะรู้ว่าศิลปิน-นักร้องที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงที่สุดในห้องเฉลิมกรุงในช่วงเดือน - สองเดือนที่ผ่านมานั้นเป็นใคร ถ้าคุณไม่ใช่เด็กห้องเหลิมกรุง คุณอาจจะเดาว่าเป็น Wonder Girls, Girl's Generation, ดงบังชินกิ, ซุปเปอร์จูเนียร์ หรือบรรดาบอยแบนด์ - เกิร์ลกรุ๊ปทั้งสัญชาติไทยและเกาหลี
เด็กใหม่ในเมือง
  มีตำนานกล่าวขานถึงเวทมนต์วิเศษที่จะทำให้คนธรรมดา เสียงไพเราะกว่าใครเริงระบำได้เหนือกว่าใคร
เด็กใหม่ในเมือง
ผมเริ่มนั่งเขียนบทความชิ้นนี้ ตอน 10 โมงกว่าๆ ของวันที่ 14 เมษายน 2552 หลังวันสุกดิบของการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ในหลายๆ จุดทั่วกรุงเทพฯที่จั่วหัวแบบนี้ ผมไม่ได้มาพูดเรื่องการเมืองหรอกครับ (ผมเขียนวัน-เวลาเอาไว้เพื่อเตือนความจำของตัวเองเท่านั้นแหละ)ผมจะมาเล่าเรื่องที่ทำงานประจำของผมให้คุณๆ ฟังครับ
เด็กใหม่ในเมือง
ผมขอเริ่มต้นบทความชิ้นนี้ ด้วยการย้อนระลึกถึงเมื่อครั้งที่ผมยังเป็นเด็กนักเรียนประถม ในยุคที่สถานีโทรทัศน์ทุกแห่งในประเทศไทยยังไม่มีการออกอากาศช่วงกลางวันในวันธรรมดา และยังไม่มีเคเบิลทีวีให้บริการอย่างเอิกเกริกแบบตอนนี้ ในยุคที่คอมพิวเตอร์ยังเป็นสิ่งอภิมหาแพงเกินกว่าที่ทุกครัวเรือนจะมี หรือถึงบ้านไหนจะมี เทคโนโลยีในยุคนั้นก็ยังไม่เอื้อให้คอมพิวเตอร์เป็นศูนย์รวมความบันเทิงแบบทุกวันนี้ ความบันเทิงในยุคนั้นของผม นอกจากรายการทีวีวันเสาร์ - อาทิตย์แล้ว บรรดาวีดิโอจากร้านเช่าก็เป็นความบันเทิงราคาถูกที่พอจะมีกันได้ ซึ่งวีดิโอที่เรามักจะเลือกเช่า ก็หนีไม่พ้นการ์ตูนและหนังต่างๆ
เด็กใหม่ในเมือง
(ก่อนจะเริ่มบทความ...คุณผู้อ่านรู้สึกไหมครับ ว่าชื่อบทความกับชื่อผม มันคล้องจองกันพิลึก อิอิ...)  ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านจะมีศิลปิน หรือวงดนตรีใดๆ ที่เมื่อมีอัลบั้มใหม่ของพวกเขา / เธอ ออกวางแผง เราก็ไม่รีรอที่จะรีบไปหาอัลบั้มมาเป็นเจ้าของโดยพลันหรือเปล่า สำหรับตัวผม...โมเดิร์นด็อกสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้ผมตลอดมา ตั้งแต่สมัยผมควักเงิน 60 บาทจากกระเป๋านักเรียนสีกากีออกจากกระเป๋า และคว้าอัลบั้ม “โมเดิร์นด็อก” (ที่มีชื่อเล่นว่าอัลบั้ม “เสริมสุขภาพ”) จากแผงเทป จนถึงวันนี้ วันที่โมเดิร์นด็อกมีอัลบั้ม “ทิงนองนอย” ออกมาเป็นอัลบั้มใหม่ ความรู้สึกนั้นก็ยังเกิดกับผมไม่แปรเปลี่ยน…