Skip to main content

ใต้ร่มไม้ สายลมพัดมาแผ่วๆ ทำให้ใบไม้โอนไหวและส่งเสียงระบัดใบแส่ส่าย กังวานในแต่หาได้รู้สึกหนวกหูรำคาญแต่อย่างใด นี่เป็นต้นไม้ไม่กี่ต้นในทุ่งหญ้ากลางหุบเขา นั่นเอง หญ้าจึงพลิ้วไหวพร้อมกับใบไม้ และกรุ่นกลิ่นดอกหญ้านั้นเล่าก็คละเคล้ามากับสายลมแผ่วนั้น ไม่ไกลออกไปเท่าใดนักลำธารไหล ส่งเสียงแว่วมาพอได้ยิน อิ่มเอมและผ่อนคลายเมื่อยามหลับตาลง เบิกบานและผ่อนคลายเมื่อยามลืมตามองออกไป


ก้าวย่างแห่งการแสวงหาของมนุษย์ เริ่มต้นที่ใด ???? นั่นน่ะสิ โลกของวัยเยาว์มิได้แสวงหาสิ่งใดมากมายนัก การดำรงอยู่ และวิถีแห่งการเรียนรู้มันเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือเปล่า มั้ง ยุคสมัย วัย กาลเวลา ค่อยๆ แยกเราออกจาก วิถีนั้น นั่นเองกระมังเราจึงเริ่มสร้างมิติ วิถีแห่งการแสวงหา เพราะเพื่อการชดเชยส่วนที่เลือนหายไป เมื่อคราวที่เราเริ่มรู้สึกถึงการสิ้นสุดวัยเยาว์


ท้องถนน ภูผา ป่า น้ำ ไกลออกไปถึงท้องทะเล เกาะแก่ง ถึงผืนแผ่นดินที่ไกลออกไป คือหนทาง ภาพ เสียง และปรากฏการณ์ของโลก เรียกร้อง ดึงดูดเราเข้าไปสู่ และเราก็ดิ่งลึกเข้าไป งดงามงดงาม เพราะนั่นคือวิถีแห่งการแสวงหานั่นเอง และผู้คนก็เช่นกัน ผู้คนมากมาย ทั้งผู้ยิ่งใหญ่และไม่ยิ่งใหญ่ต่างล้วนมีเรื่องราวให้น่าศึกษา ค้นหา สืบค้นไขความทั้งหลาย


ยิ่งไกลออกไป ยิ่งไกลออกไป เราล้วนพบว่าโลกกว้างใหญ่ยิ่งนัก ยิ่งทำความรู้จักก็ยิ่งไม่รู้จัก ยิ่งเรียนรู้ก็ยิ่งต้องเรียนรู้ ยิ่งเข้าใจก็ยิ่งไม่เข้าใจ


ดูเหมือนสิ่งที่เราแสวงหานั้นมันไม่มีอยู่ในเรา นั่นกระมัง เราจึงต้องแสวงหา และเราก็ยิ่งไม่รู้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่า แท้จริงสิ่งซึ่งเราแสวงหานั้นคืออะไร บนแผ่นดินที่ไกลออกไป ไกลออกไป หา หา หา มีเรื่องราวมากมายที่พบพาน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ส่งซึ่งเราแสวงหา แต่นั่นก็ไม่ได้ไร้ค่า ทุกสิ่งที่พบมีความหมาย และเต็มไปด้วยคุณค่าที่สามารถนำพาชีวิตไปสู่ผลอันดีงาม แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งซึ่งเราแสวงหา


ปราชญ์ ผู้รู้ กระทั่งถึงผู้คนมากมายต่างบอกกล่าวมาว่า สิ่งซึ่งมีความหมายที่สุดของการแสวงหา มันอยู่ในใจของเราเอง แล้วเราทั้งหลายต่างก็กล่าวถ้อยคำนี้ดั่งเดียวกัน ใช่สิ เราต่างรู้ว่า พื้นที่แห่งการแสวงหาที่มีความหมายที่สุดคือ อาณาจักรในใจของเรา แต่กระนั้น เราก็ไม่อาจเดินทางเข้าสู่ภายในใจของเรา นั่นอย่างไร เราจะทำอย่างไรเล่า เพื่อที่จะสามารถเดินทางเข้าสู่โลกภายในของตัวเราเอง


อย่างนี้หรือเปล่า วิถีแห่งการแสวงหา และสิ่งซึ่งเราแสวงหา ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน


บล็อกของ นาโก๊ะลี

นาโก๊ะลี
บางกอก เมืองหลวงที่รวมของทุกสิ่งในประเทศ ที่รวมของคนหลากหลายเผ่าพันธุ์ ความหลากหลายตามที่ใครต่อใครบอกกล่าวกันว่า นั่นเป็นเรื่องสวยงาม ก็ว่ากันไป บางคนก็อาจเข้าใจได้ตามที่กล่าว แต่บางคนก็แค่ตีฝีปากเพื่อให้ดูดีมีรสนิยม ก็แล้วแต่ต้นทุนของใครของมัน มีความจริงอันหนึ่งก็คือ ในบางกอก ที่ที่มีทุกอย่างให้แสวงหา แต่ก็กลับมีคนจำนวนหนึ่งที่โหยหาอิสรภาพ ซึ่งดูเหมือนเมืองที่มีทุกสิ่งอย่างบางกอก จะไม่มีสิ่งนี้ หรือเปล่า...มั้ง...
นาโก๊ะลี
เดือนธันวาคม....คล้ายกับว่า ผู้คนมากมายล้วนให้คุณค่า ให้ความสำคัญ หรือให้ความหมายต่อเดือนนี้ เป็นพิเศษ อย่างนั้นหรือเปล่า อาจจะด้วยว่ามันเป็นเดือนสุดท้ายของปี และก็เป็นเดือนของฤดูหนาว ที่ผู้คนจะได้ออกเดินทาง จะได้ท่องเที่ยว เป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวๆ เป็นเดือนที่ทุกคนคล้ายอยากให้ถึง หรือไม่อยากให้ถึง เพราะนั่นก็เป็นสัญลักษณ์ว่า อีกปีหนึ่งกำลังจะผ่านไปแล้ว สายลมที่นำพาลมหนาวมาหยุดพัดไปบ้างแล้ว ในชนบท สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือความเหน็บหนาวที่แทรกอยู่ในอากาศ ดังนั้นแม้ไม่มีลมหนาว ก็ยังหนาว ใต้ถุนเรือน หรือลานบ้าน เป็นที่ก่อไฟให้ล้อมวงผิงไฟ เช้าๆ หรือยามค่ำคืน…
นาโก๊ะลี
  ริมฝั่งน้ำที่ไม้ได้กว้างใหญ่ไพศาลเท่าใดนัก ลมเหนือพัดพาไอหนาวมาถึง และนั่นก็พอก่อให้ผืนน้ำเกิดก่อเป็นคลื่นเล็กๆ เคลื่อนเข้าสู่ฝั่ง หรือแปลเปลี่ยนทิศทางไปตามแรงลม นั่นมิได้มีอะไรพิเศษแตกต่างออกไป หากแต่ว่า ในผืนน้ำอันมิได้กว้างใหญ่เท่านั้นนั้น ปรากฏเศษหญ้าที่ลอยไปตามน้ำและลม เราเห็นแล้ว มันเคลื่อนไปอย่างไม่มีจุดหมาย มันเคลื่อนไปเพราะไม่ใช่ต้นหญ้าอีกต่อไปแล้ว มันไม่มีชีวิต มันไม่มีที่ทางให้หยัดยืน มันมิได้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะของตัวเอง มันย่อมไม่เรียกว่ามันดำรงอยู่  
นาโก๊ะลี
สิ่งแรกที่อยากบอกเล่าก็คือเรื่องของความมหัศจรรย์ ติช นัท ฮันห์ บอกว่า ความมหัศจรรย์ของชีวิต ไม่ใช่อยู่ที่การเดินบนน้ำได้ หรือการเหาะได้ แต่การยืน และเดินอยู่บนผืนแผ่นดิน นี่ก็เป็นความมหัศจรรย์แล้ว เช่นนั้นแล้วยามใดที่ชีวิตมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น นั่นก็คงเป็นความมหัศจรรย์ด้วยนั่นเอง
นาโก๊ะลี
การสนทนายามเช้า ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ออนไลน์... มีบางสิ่งขาดหาย และเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย นั่นคือ จดหมาย และไปรษณียบัตร เมื่อเราเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม เริ่มรู้จักมองหญิงสาว เริ่มหลงรักสาว เริ่มเรียนรู้วิธีจีบหญิง ช่วงเวลานั้น การสื่อสารที่ชัดเจนที่สุดที่เราสามารถสื่อสารได้ ว่าก็มากกว่าการพูดคุย เพราะการพูดคุยเรามักเขินอายกันอยู่มาก การสื่อสารที่ว่านั้นก็คือ จดหมาย
นาโก๊ะลี
อันที่จริง นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เราเห็นมาตลอดชีวิตกระมัง แต่เราก็รู้สึกถึงมันอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และเราทั้งหลายก็อาจจมอยู่ในสภาพวะเช่นนี้อยู่เสมอ รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง พยายามเปลี่ยนอยู่บ้าง หรือสยบยอมอยู่บ้าง นั่นก็คงสุดแท้แต่วิถีของแต่ละคน ผิดหรือถูกก็อาจจะไม่มีอยู่ ความเหมาะสมของแต่ละคนคงจะเป็นเกณฑ์ได้กระมัง
นาโก๊ะลี
ฉันจะดำรงอยู่เพื่อเธอ                      และฉันเรียนรู้เสมอเป็นอย่างนี้ เราเก็บเกี่ยวเรื่องราวมากมี                มาหลอมเป็นวิถีเป็นทางของเรา ฉันยังได้ยินเสียงของเธอ                 ถ้อยคำนำเสนอมาบอกเล่า พาไปค้นแก่นแท้จากวัยเยาว์             เห็นดวงจิตเก่าซึ่งงดงาม ฉันจะเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ  …
นาโก๊ะลี
เราทั้งหลายต่างก็เคยล้มเหลว หรือประสบผลสำเร็จ นั่นก็ไม่ได้มีอะไรแปลกออกไป เราทั้งหลายรับรู้และประสบเช่นนั้นเสมอมาว่ากันไป แต่สิ่งที่เรานึกถึงในช่วงเวลานี้ก็คือ หลายครั้งหลายคราวที่เราประสบความล้มเหลวกับกิจการงานแห่งชีวิต เรามักมองเห็นเหตุปัจจัยมากมายที่เป็นเงื่อนไขปัจจัยอันนำมาสู่ความล้มเหลวนั้น นี่ก็ว่าถึงคนอื่นๆ รอบๆ ตัวเราด้วยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยนั้น คนเดียว และสาเหตุเดียวที่มิได้เกี่ยวข้อง และอยู่นอกเหนือเงื่อนไขนั้นก็คือเรา (หรือเปล่า...มั้ง) หรือว่าเราอาจจะรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ก็เห็นเป็นสาเหตุอันเล็กน้อยเท่านั้น นี่ก็ว่ากันไปตามสภาพที่พบทั่วไป…
นาโก๊ะลี
เช้าวันนี้....มีหมอกจางๆ ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ความรู้สึกบอกเราว่า นี่กำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ฤดูที่ใครๆ หลายคนนิยมชมชอบ หมอกจางๆ ทำให้ทางเดินในสวนสลัวราง มองไปไกลๆ ในบึงเรือลำหนึ่งลอยลำอยู่ในความสลัวนั้น นับเป็นภาพที่งดงามไม่น้อยนัก พระอาทิตย์สีแดงดวงโตๆ ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นจากสายหมอก นับเป็นยามเช้าที่เบิกบานและงดงามได้ไม่น้อยทีเดียว
นาโก๊ะลี
“ทำไม” เข้าใจว่า นี่เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในชีวิต ในกระบวนการเรียนรู้ และการเติบโตของผู้คนส่วนใหญ่ ว่าก็เมื่อเริ่มรู้จักกับการตั้งคำถาม หรือเริ่มสงสัยใคร่รู้เรื่องราวในชีวิต
นาโก๊ะลี
เมื่อยังเด็ก ไม่เข้าใจอะไรนัก เวลาที่เราเห็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่เรารู้สึกว่ามันเหนือกว่าธรรมชาติ เราจะคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ฝืนธรรมชาติ เช่น การบินของเรือบิน เราคิดว่านั่นเป็นความพิเศษที่มนุษย์สร้างขึ้น แล้วยังมีสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งรถยนต์ โทรทัศน์ วิทยุ ไฟฟ้า ทั้งหลายทั้งปวง ที่เรารู้มาว่ามันเป็นผลผลิตทางวิทยาศาสตร์ และเราก็คิดว่า นั่นไม่ได้เป็นไปโดยธรรมชาติ มันคือความเก่งของมนุษย์ที่สร้างมันขึ้นมา
นาโก๊ะลี
แผ่นดินกี่แดนใด               มีเอาไว้ให้พักพิง ยามเหนื่อยได้แอบอิง         หลบมาพักเพื่อฟื้นฟู ออกไปจากบ้านเก่า            จากวัยเยาว์ไปเรียนรู้ เติบโตค่อยมาดู                 ผืนแผนดินแห่งวันวาน หรือจากแล้วไปลับ             เดินทางกลับเลยทางผ่าน เป็นเวลาชั่วกาลนาน           ที่ลับล่วงแล้วพ้นเลย…