Skip to main content

ดูเหมือนว่า  บางคราวการอยู่ร่วมกันของผู้คนนั้นเป็นเรื่องยากลำบากนักหนา  ด้วยวิถี วิธีที่ผ่านไปของพวกเขาทั้งหลาย  สิ่งที่ปรากฏดูเหมือนว่าอะไรก็ตามที่มันมากเกินไป ล้วนเป็นเรื่องเลวร้าย  หรือบางอย่างมิได้ถึงขั้นเลวร้ายมันก็เกิดเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่ความล้มเหลว สู่ความขาดพร่องของวิถี หรือการปิดกั้นการเรียนรู้  

ดังว่า...สถานการณ์จำลองหลายครั้งในกิจกรรมการเรียนรู้  ที่เรามักพบเห็นผู้คนผู้....มากเกินไปทั้งหลาย เช่น เงียบเกินไป ก้าวร้าวเกินไป  นั่นก็เป็นตัวปิดกั้นการเรียนรู้ของชีวิต  ทั้งหมดนั้นมันบ่งบอกว่าบางมนุษย์นั้นชอบอยู่คนเดียว  มีความหมายลึกล้ำกว่านั้นหรือไม่  การอยู่คนเดียว เพียงตัดสินใจเอง เผชิญเอง รับผิดชอบเอง อาจจะเป็นเรื่องไม่ยากที่ผู้คนจะกระทำได้  แต่มันจะทำให้เราเติบโตได้อย่างไร เพราะเราจะไม่ได้เห็นความคิด หรือเรื่องราวที่แปลกใหม่เลย

ว่าถึงการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม หรือชุมชน หรือกลุ่มคน แน่นอนอยู่ว่าจะมีบางเรื่องราวที่ไม่ถูกใจเรา บางความเห็นของเราจะไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติ หรือบางเรื่องก็ไม่ได้รับการใส่ใจ  และไม่อาจเลี่ยงว่าบางคราวเราก็แสดงออกถึงความโง่เขลา ซึ่งทุกคนมีภาวะนี้อยู่แล้ว  ทั้งหมดนั้นถ้าเข้าใจมันได้  มันก็จะหมายความว่ากลุ่มต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับกลุ่ม ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับใครคนใดคนหนึ่ง  

แน่นอน...นี่คือสังคมในอุดมคติ  ในสังคมนั้นทุกคนต้องเป็นผู้นำ ทุกคนมีส่วนร่วม  ไม่มีใครหรือกลุ่มใครกุมอำนาจอยู่เพียงคนหรือกลุ่มเดียว ซึ่งก็เหมือนเดิมล่ะว่า ความต้องการของกลุ่มบางเรื่องไม่ตรงกับความต้องการของเรา

หลักการดูว่าไม่ยากนัก รูปแบบทางกายภาพก็ดูไม่ยากนัก ตามเหตุตามผลก็ไม่ยากนัก  ความสำเร็จ ความล้มเหลว วิถีวิธีก็ชัดเจนแล้ว  แต่สิ่งที่ยากคืออะไร...  ส่วนที่ยากที่สุดมนุษย์มีความรู้สึก  มีกิเลสของตัวเอง  มีความปรารถนา ความต้องการส่วนตัว  มีด้านมืดด้านสว่างที่ต่างไป  และนี่คือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง และเมื่อมองตามอุดมคติแล้ว  ความขัดแย้งนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา ความสำเร็จหรือล้มเหลวของสังคมนั้นๆ  คืออะไร  มันก็ย่อมจะมาจากว่า  สังคมนั้นๆ  จัดการความต่างความเหมือนอย่างไร  จัดการกับความขัดแย้งของกลุ่มอย่างไร  ที่สำคัญคือจัดการกับความขัดแย้งในตัวเองได้อย่างไร  นี่คือหนทางหรือไม่...

ที่สุดแล้ว  มนุษย์ไม่มีทางเลือกอื่น  นั่นคือการต้องอยู่กันเป็นสังคม ผู้คนจะแสวงหา เรียนรู้ ดำรงอยู่อย่างเป็นสุขได้เพียงใด  ล้วนขึ้นอยู่กับความวางใจ  ว่าจะวางใจไว้ตรงไหน จะจัดการกับความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวง จะจัดการกับความเหมือน ความต่างทั้งปวงนั้นอย่างไร  ว่าตามอุดมคติแล้ว  ผู้คนก็ต้องมีพื้นที่ของตัวเอง  มีพื้นที่ในการแสดงออก  ได้รับรู้วิถีของตัวเอง และผู้คนอย่างแท้จริงนั่นเอง

หรือว่าการอยู่รวมกันของพวกเราทั้งหลายนั้นจะมิใช่บทกวีที่งดงาม...

 

บล็อกของ นาโก๊ะลี

นาโก๊ะลี
จะเขียนทุ่งเขียนทางเขียนช้างม้า                  เขียนความคิดขานค่าจังหวะวิถี
นาโก๊ะลี
ทนายจำเลย ชูรถเมล์จำลอง แล้วถามพยานโจทย์ ซึ่งก็คือ Jacky ตำรวจที่จับกุมจำเลยนั้นได้นั่นเอง  ทนายจำเลยถามว่า รู้ได้ไงว่า จำเลยคือคนกระทำผิด Jacky บอกว่า ก็เขาเป็นคนไล่จับจำเลยมา แล้วจำเลยก็หนีขึ้นรถเมล์  ทนายชูรถจำลองนั้นแล้วถามว่า เมื่อคุณมองดูรถเมล์ คุณเห็นมันทั้งคันหรือเปล่า เขาก็บอกว่า เปล่า อีกข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น  ทลายจำเลยก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่อาจบอกได้ว่า อีกฝั่งหนึ่งของรถเมล์เกิดอะไรขึ้น  การโต้เถียงประเด็นนี้ ทำให้ศาลพิพากษา ยกฟ้อง  แต่นี่เป็นเพียงเรื่องราวในหนังครับ วิ่งสู้ฟัดภาคแรก ของเฉินหลง  แต่เรื่องนี้ มันมีเรื่องน่าสนใจ....
นาโก๊ะลี
หากว่า ผืนแผ่นดินที่งดงาม สร้างคนให้งดงาม  แล้วผืนแผ่นดินที่ยากแค้นลำเค็ญเล่า จะสร้างคนมาแบบใด...ความจริงนี่ก็อาจเป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากนัก  แต่ ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่...นี่ก็อาจต้องมองเข้าไปในรายละเอียดมากขึ้น...กระมัง  การเดินทางครั้งหนึ่งของชีวิต  ในซากปรักหักพัง ของภัยธรรมชาติอันได้คร่าชีวิตคนไปมากมาย  ในกลิ่นของความตายและความเศร้าโศก เราได้เห็นหน่ออ่อนของต้นหญ้าที่ผุดขึ้นมา ในความชื้น ภายใต้ซากปรักหักพังนั้น
นาโก๊ะลี
การสูญเสีย ดูจะเป็นเงื่อนไขใหญ่ที่ทำให้คนเราตกไปสู่สภาวะที่เรียกว่า “เสียศูนย์”  มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสามีตาย ภรรยาตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์ถึงยี่สิบปี ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม  นี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ก็ไม่อาจรู้ได้  แต่ความจริงที่เห็นโดยส่วนใหญ่ ความสูญเสียก็มักเป็นเรื่องที่กระทบกับหัวใจคนอย่างรุนแรง  เช่น อกหัก  หรือ คนที่เรารักตายไป  หรือความพ่ายแพ้  ซึ่งความพ่ายแพ้นี่ก็คือการเสียฟอร์ม มันก็คือการเสียศูนย์ความเป็นตัวตนนั่นเอง
นาโก๊ะลี
ชีวิตหลุดลอยไปในบางวาระ           ซึ่งในสถานะแห่งมนุษย์ กับการเดินทางอันไม่สิ้นสุด            บางคราวนั้นจึงสะดุด จึงทรุดโทรม พลาดหวังพังพ่ายสลายสิ้น             ทั่วผืนแผ่นดินทุกข์ท่วมถั่งโถม เสพย์สิ่งใดได้บ้างพอปลอบประโลม เมามายโง่โงมระทมร้าว ภาวะเช่นไรเหนี่ยวนำพา                เมื่อความปรารถนาที่บอกกล่าว ล้มเหลวไปในทางที่ทอดยาว     …
นาโก๊ะลี
คนสวนนักสะสมเมล็ดพันธุ์
นาโก๊ะลี
บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหนในการงานของชีวิต  ที่เราต้องทำงานบางอย่าง  บางอย่างที่ไม่ใช่หน้าที่  ไม่ใช่งานของเรา  เพียงแต่ว่า  นั่นคืองานที่มันเกี่ยวข้องกับเรา งานที่ต้องเกื้อหนุนงานของเรา  และเราก็มักจะไม่พอใจที่คนที่เขามีหน้าที่นั้น เขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ 
นาโก๊ะลี
ยามที่บางคนกล่าวคำว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” มันฟังดูคล้ายเขาจะบอกว่า สิ่งที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญกว่านี้ไปอีกแล้ว.... และหลายครั้งที่เราจะพบว่า คนๆ เดียวกันนี้ก็กล่าวถึงสิ่งอื่นๆ ในเรื่องอื่นๆ ในวาระอื่นๆ ว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” และด้วยท่าทีที่คล้ายว่า สิ่งนั้นเป็นที่สุดแห่งความสำคัญดั่งเดียวกับทุกๆ ครั้ง ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา
นาโก๊ะลี
ถ้อยคำที่ประทับใจ แม่ทับเหวินไท่ บอกกับแม่ทัพ ฮัวมู่หลานว่า “เมื่อเจ้าสวมเกราะแม่ทัพ ชีวิตก็ไม่ใช่ของเจ้าคนเดียว” ในสมรภูมิหนึ่ง เมื่อกองทัพของฮัวมู่หลานถูกหักหลัง น้องชายลูกพี่ลูกน้องของฮัวมู่หลาน และทหารจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นเชลย และถูกเอามาล่อให้ทหารออกไปช่วย ในสภาวะที่ไม่อาจทำอย่างไรได้ มีทหารคนหนึ่งบอกกับแม่ทัพว่า เราต้องออกไปช่วยพวกเขา “นั่นเสี่ยวหู่นะ เขาเป็นน้องชายท่านนะ” แม่ทัพบอกว่า “พวกเจ้าก็เป็นพี่น้องของข้าเช่นเดียวกัน”
นาโก๊ะลี
วัดเซนแห่งหนึ่ง พระเซนต่างก็ปฏิบัติภาวนาในวิถีแห่งเซน คราวหนึ่งในวัดเกิดเรื่องขึ้น มีของหายในวัด หลายครั้งหลายหน เกิดความเดือดร้อนไปทั้งวัด เมื่อทำการสืบสวน สอบสวนในที่สุดก็พบขโมย ซึ่งก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวัด มีการเรียกประชุมสมาชิกทั้งวัด เหล่าพระเซนทั้งหลายต่างก็เรียกร้องให้ขับขโมยออกจากวัด ทั้งมีเสียงสนับสนุนมากมายต่อการลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วยการขับออกจากวัดนั้น ในที่สุดเจ้าอาวาสก็กล่าวต่อคณะสงฆ์ และสมาชิกวัดทั้งหมดว่า “พวกเธอทั้งหลายผู้ได้เรียนรู้แล้วถึงความถูกต้องดีงาม พวกเธอสามารถใช้ชีวิตอย่างรู้ผิดชอบชั่วดี พวกเธอทั้งหลายจึงสมควรเป็นผู้ออกจากวัด แต่ผู้ที่เป็นขโมยนั้น…
นาโก๊ะลี
คนสวน ปลูกพืชผักธัญญาหาร เฝ้าดูกี่เติบโต จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต คนสวนบอกว่า เมื่อต้นไม้เริ่มงอกออกมา มันต้องการอาหาร ต้องการการบำรุงรักษา จนกว่ามันจะโตเต็มที่ เริ่มให้ดอกผล บางอย่างเก็บดอก บางอย่างเก็บใบ บางอย่างเก็บผล ก็ว่ากันไป แต่เมื่อมันให้ผลนั่นแล้ว มันก็จะค่อยๆ แห้งเหี่ยว ตายไป ระหว่างนี้มันไม่ต้องการอาหารมาก มันไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก.......
นาโก๊ะลี
ในชีวิตของเรา มีความพยายามมากมายนัก พยายามที่จะทำบางสิ่ง พยายามที่จะไม่ทำบางสิ่ง พยายามที่จะรัก พยายามที่จะไม่รัก ดูเหมือนโลกไม่ได้จัดวางชีวิตเราให้เป็นไปตามความปรารถนา และหลายครั้งเราก็เชื่อได้ว่า ความสมบูรณ์พร้อมนั้น ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แม้แต่คนที่เขาแสดงออกว่า ชีวิตเขาช่างพรั่งพร้อม ได้ทุกอย่างตามที่ตนปรารถนา นั่นก็เป็นเพียงการโม้โป้ปดเท่านั้นเองกระมัง เพราะที่สุดแล้วเขาอาจซ่อนบางสิ่งเอาไว้ บางสิ่งที่เขามิได้ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด