Skip to main content

ดูเหมือนว่าขณะที่มุมหนึ่งหรือหลายมุมของโลกผันแปรไปในระบบระบอบของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เกิดนวัตกรรมสำหรับชีวิตมากขึ้นทุกวัน ตัวแทนหรือผู้ผลิตบอก กรอกข้อมูลเข้าไปในจิตไร้สำนึกของเราทุกวันว่า สิ่งทั้งหลายนั้นล้วนจำเป็นสำหรับชีวิต หรืออย่างน้อยมันก็ทำให้ชีวิตเราสุขสบายขึ้น

หลายวาระที่สิ่งทั้งหลายนั้นมันไม่ได้นำพาเฉพาะความสะดวกเพียงอย่างเดียว แต่มันได้นำพาความยุ่งยากซับซ้อนมาด้วยเสมอ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ทั้งรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว หรือบางครั้งเราก็เสพได้สะดวกขึ้น แต่ก็ทำให้เวลาส่วนหนึ่งหายไปจากชีวิตเรา หรือเมื่อเริ่มจากสิ่งหนึ่ง มันก็พาเราไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่ง หลายๆ สิ่ง และในที่สุดมันก็เคลื่อนไปอย่างไม่รู้จบ

หากนั่นคือส่วนหนึ่งครึ่งค่อนโลก ในยุคสมัยทั้งหมดนี้มันมีภาพในอีกมิติเคียงคู่กันมา เมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้คนมากกว่าค่อนโลกในเวลานี้ แต่ก็ยังมีหลายผู้คนที่ไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ เมื่อผู้คนส่วนใหญ่ของโลกติดต่อสื่อสารกันด้วยจดหมายไฟฟ้า (Email) ก็ยังมีบางคนที่ยังเขียนจดหมายใส่ซองส่งไปรษณีย์ มีผู้คนมากมายที่กินอาหารขยะ ด้วยแทบทั้งวันเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะกินข้าว นั่นก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ตื่นมาทำอาหารเช้า และกินอย่างมีความสุข ขณะที่ผู้คนมากมายสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงเพราะยี่ห้อมันดัง แต่บางคนกลับยังมีความสุขกับการตัดเย็บเสื้อผ้าใส่เองด้วยความภาคภูมิใจ นี่อาจจะเป็นตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่มันมีคำตอบอยู่ในตัวของมันเองแล้วว่า คนในแบบไหนที่ใช้ชีวิตได้อย่างลุ่มลึกและมีความหมายมากกว่ากัน

จากทะเลผ่านทุ่งราบถึงภูเขา แผ่นดินของประเทศนี้ยาวเหยียดนับพันกิโลเมตร ถนนขนาดใหญ่เชื่อมต่อระหว่างเมือง รถยนต์หลากแบบหลายพันธุ์ผ่านทางสัญจรด้วยความเร็ว ห่างไปไม่ไกลนักถนนดินสายเล็กๆ ทอดขนานกันไป ลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน ชายหาด แม่น้ำ ทุ่งนา กิ่วดอย บางแห่งมันอาจจะดูเงียบเหงาอยู่บ้างสำหรับคนที่คุ้นเคยกับความอึกทึก แต่หลายครั้งเราจะพบว่านั่นเป็นถนนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างยิ่งทีเดียว หากสืบสาวลึกลงไปบนถนนชนบทเหล่านี้ ศึกษาเทียบเคียงกับถนนสายใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลกันนั้น เรามักจะพบว่ามันมีความเป็นมาแบบเดียวกัน ดังว่าคราหนึ่งมันเคยเป็นทางที่สัญจรด้วยเกวียน ช้าง ม้า วัว ควาย

เมื่อมีถนนลาดยาง รถราวิ่งสะดวกขึ้น ลึกไปกว่านั้นมันเป็นทางผ่านระหว่างอารยธรรมหนึ่งไปสู่อารยธรรมหนึ่ง ขณะที่ทางขนานในชนบทที่ไม่ไกลกันนั้น มันยังคงสภาพเดิมอยู่มาก ตรงที่เคยเป็นหลุมเป็นบ่อก็ยังเป็นหลุมเป็นบ่อ ทางที่ถูกชำแรกด้วยสายน้ำหลากก็ยังคงรักษาสภาพเดิมไว้ได้ ยังมีวัวควายเดินร่วมทางเดียวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน แน่นอนว่ามันมีอะไรๆ เปลี่ยนไปมาก แต่สภาพมันก็ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เพราะมันเป็นหนทางที่ติดอยู่แนบแน่นกับวิถีชีวิตของผู้คน มันเป็นหนทางที่เชื่อมระหว่างบ้านพี่ป้าน้าอาญาติพี่น้องและวัดวาดังก่อนเก่า ในขณะที่ถนนลาดยางหน้าหมู่บ้าน มันเชื่อมระหว่างเมืองกับเมือง

หลายคราวที่สัญจรผ่านหนทางอันเก่าแก่ เรามักได้เห็นแง่มุมอันเก่าแก่ของจิตวิญญาณของเรา บางครั้งที่เราพบว่าสิ่งที่วิญญาณเราโหยหาไม่ใช่ความล้ำสมัยของเทคโนโลยี แต่เราโหยหาความลุ่มลึก ความมีชีวิตชีวาของชีวิต แล้วเราก็มักจะพบว่า โลกแห่งเทคโนโลยีนั้นเราไม่ต้องแสวงหามันหรอก เพราะมันจะวิ่งมาหาเราเอง ภาพอันเก่าแก่ทั้งหลายนั้นต่างหากที่มันค่อยๆ หนีห่างเราออกไป และทั้งหมดนั้นมันนำพาความหมายในจิตวิญญาณอันเก่าแก่ของเราไปด้วย หากเราได้สืบค้นลงไปอย่างจริงแท้โดยไม่ลำเอียงแล้วไซร้ บางหนทางในชนบทมันจะนำพาเราไปสู่ความหมายแห่งจิตวิญญาณอันเก่าแก่และงดงาม…

บล็อกของ นาโก๊ะลี

นาโก๊ะลี
บางกอก เมืองหลวงที่รวมของทุกสิ่งในประเทศ ที่รวมของคนหลากหลายเผ่าพันธุ์ ความหลากหลายตามที่ใครต่อใครบอกกล่าวกันว่า นั่นเป็นเรื่องสวยงาม ก็ว่ากันไป บางคนก็อาจเข้าใจได้ตามที่กล่าว แต่บางคนก็แค่ตีฝีปากเพื่อให้ดูดีมีรสนิยม ก็แล้วแต่ต้นทุนของใครของมัน มีความจริงอันหนึ่งก็คือ ในบางกอก ที่ที่มีทุกอย่างให้แสวงหา แต่ก็กลับมีคนจำนวนหนึ่งที่โหยหาอิสรภาพ ซึ่งดูเหมือนเมืองที่มีทุกสิ่งอย่างบางกอก จะไม่มีสิ่งนี้ หรือเปล่า...มั้ง...
นาโก๊ะลี
เดือนธันวาคม....คล้ายกับว่า ผู้คนมากมายล้วนให้คุณค่า ให้ความสำคัญ หรือให้ความหมายต่อเดือนนี้ เป็นพิเศษ อย่างนั้นหรือเปล่า อาจจะด้วยว่ามันเป็นเดือนสุดท้ายของปี และก็เป็นเดือนของฤดูหนาว ที่ผู้คนจะได้ออกเดินทาง จะได้ท่องเที่ยว เป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวๆ เป็นเดือนที่ทุกคนคล้ายอยากให้ถึง หรือไม่อยากให้ถึง เพราะนั่นก็เป็นสัญลักษณ์ว่า อีกปีหนึ่งกำลังจะผ่านไปแล้ว สายลมที่นำพาลมหนาวมาหยุดพัดไปบ้างแล้ว ในชนบท สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือความเหน็บหนาวที่แทรกอยู่ในอากาศ ดังนั้นแม้ไม่มีลมหนาว ก็ยังหนาว ใต้ถุนเรือน หรือลานบ้าน เป็นที่ก่อไฟให้ล้อมวงผิงไฟ เช้าๆ หรือยามค่ำคืน…
นาโก๊ะลี
  ริมฝั่งน้ำที่ไม้ได้กว้างใหญ่ไพศาลเท่าใดนัก ลมเหนือพัดพาไอหนาวมาถึง และนั่นก็พอก่อให้ผืนน้ำเกิดก่อเป็นคลื่นเล็กๆ เคลื่อนเข้าสู่ฝั่ง หรือแปลเปลี่ยนทิศทางไปตามแรงลม นั่นมิได้มีอะไรพิเศษแตกต่างออกไป หากแต่ว่า ในผืนน้ำอันมิได้กว้างใหญ่เท่านั้นนั้น ปรากฏเศษหญ้าที่ลอยไปตามน้ำและลม เราเห็นแล้ว มันเคลื่อนไปอย่างไม่มีจุดหมาย มันเคลื่อนไปเพราะไม่ใช่ต้นหญ้าอีกต่อไปแล้ว มันไม่มีชีวิต มันไม่มีที่ทางให้หยัดยืน มันมิได้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะของตัวเอง มันย่อมไม่เรียกว่ามันดำรงอยู่  
นาโก๊ะลี
สิ่งแรกที่อยากบอกเล่าก็คือเรื่องของความมหัศจรรย์ ติช นัท ฮันห์ บอกว่า ความมหัศจรรย์ของชีวิต ไม่ใช่อยู่ที่การเดินบนน้ำได้ หรือการเหาะได้ แต่การยืน และเดินอยู่บนผืนแผ่นดิน นี่ก็เป็นความมหัศจรรย์แล้ว เช่นนั้นแล้วยามใดที่ชีวิตมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น นั่นก็คงเป็นความมหัศจรรย์ด้วยนั่นเอง
นาโก๊ะลี
การสนทนายามเช้า ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ออนไลน์... มีบางสิ่งขาดหาย และเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย นั่นคือ จดหมาย และไปรษณียบัตร เมื่อเราเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม เริ่มรู้จักมองหญิงสาว เริ่มหลงรักสาว เริ่มเรียนรู้วิธีจีบหญิง ช่วงเวลานั้น การสื่อสารที่ชัดเจนที่สุดที่เราสามารถสื่อสารได้ ว่าก็มากกว่าการพูดคุย เพราะการพูดคุยเรามักเขินอายกันอยู่มาก การสื่อสารที่ว่านั้นก็คือ จดหมาย
นาโก๊ะลี
อันที่จริง นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เราเห็นมาตลอดชีวิตกระมัง แต่เราก็รู้สึกถึงมันอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และเราทั้งหลายก็อาจจมอยู่ในสภาพวะเช่นนี้อยู่เสมอ รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง พยายามเปลี่ยนอยู่บ้าง หรือสยบยอมอยู่บ้าง นั่นก็คงสุดแท้แต่วิถีของแต่ละคน ผิดหรือถูกก็อาจจะไม่มีอยู่ ความเหมาะสมของแต่ละคนคงจะเป็นเกณฑ์ได้กระมัง
นาโก๊ะลี
ฉันจะดำรงอยู่เพื่อเธอ                      และฉันเรียนรู้เสมอเป็นอย่างนี้ เราเก็บเกี่ยวเรื่องราวมากมี                มาหลอมเป็นวิถีเป็นทางของเรา ฉันยังได้ยินเสียงของเธอ                 ถ้อยคำนำเสนอมาบอกเล่า พาไปค้นแก่นแท้จากวัยเยาว์             เห็นดวงจิตเก่าซึ่งงดงาม ฉันจะเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ  …
นาโก๊ะลี
เราทั้งหลายต่างก็เคยล้มเหลว หรือประสบผลสำเร็จ นั่นก็ไม่ได้มีอะไรแปลกออกไป เราทั้งหลายรับรู้และประสบเช่นนั้นเสมอมาว่ากันไป แต่สิ่งที่เรานึกถึงในช่วงเวลานี้ก็คือ หลายครั้งหลายคราวที่เราประสบความล้มเหลวกับกิจการงานแห่งชีวิต เรามักมองเห็นเหตุปัจจัยมากมายที่เป็นเงื่อนไขปัจจัยอันนำมาสู่ความล้มเหลวนั้น นี่ก็ว่าถึงคนอื่นๆ รอบๆ ตัวเราด้วยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยนั้น คนเดียว และสาเหตุเดียวที่มิได้เกี่ยวข้อง และอยู่นอกเหนือเงื่อนไขนั้นก็คือเรา (หรือเปล่า...มั้ง) หรือว่าเราอาจจะรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ก็เห็นเป็นสาเหตุอันเล็กน้อยเท่านั้น นี่ก็ว่ากันไปตามสภาพที่พบทั่วไป…
นาโก๊ะลี
เช้าวันนี้....มีหมอกจางๆ ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ความรู้สึกบอกเราว่า นี่กำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ฤดูที่ใครๆ หลายคนนิยมชมชอบ หมอกจางๆ ทำให้ทางเดินในสวนสลัวราง มองไปไกลๆ ในบึงเรือลำหนึ่งลอยลำอยู่ในความสลัวนั้น นับเป็นภาพที่งดงามไม่น้อยนัก พระอาทิตย์สีแดงดวงโตๆ ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นจากสายหมอก นับเป็นยามเช้าที่เบิกบานและงดงามได้ไม่น้อยทีเดียว
นาโก๊ะลี
“ทำไม” เข้าใจว่า นี่เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในชีวิต ในกระบวนการเรียนรู้ และการเติบโตของผู้คนส่วนใหญ่ ว่าก็เมื่อเริ่มรู้จักกับการตั้งคำถาม หรือเริ่มสงสัยใคร่รู้เรื่องราวในชีวิต
นาโก๊ะลี
เมื่อยังเด็ก ไม่เข้าใจอะไรนัก เวลาที่เราเห็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่เรารู้สึกว่ามันเหนือกว่าธรรมชาติ เราจะคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ฝืนธรรมชาติ เช่น การบินของเรือบิน เราคิดว่านั่นเป็นความพิเศษที่มนุษย์สร้างขึ้น แล้วยังมีสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งรถยนต์ โทรทัศน์ วิทยุ ไฟฟ้า ทั้งหลายทั้งปวง ที่เรารู้มาว่ามันเป็นผลผลิตทางวิทยาศาสตร์ และเราก็คิดว่า นั่นไม่ได้เป็นไปโดยธรรมชาติ มันคือความเก่งของมนุษย์ที่สร้างมันขึ้นมา
นาโก๊ะลี
แผ่นดินกี่แดนใด               มีเอาไว้ให้พักพิง ยามเหนื่อยได้แอบอิง         หลบมาพักเพื่อฟื้นฟู ออกไปจากบ้านเก่า            จากวัยเยาว์ไปเรียนรู้ เติบโตค่อยมาดู                 ผืนแผนดินแห่งวันวาน หรือจากแล้วไปลับ             เดินทางกลับเลยทางผ่าน เป็นเวลาชั่วกาลนาน           ที่ลับล่วงแล้วพ้นเลย…