Skip to main content
วันที่ 13 มิถุนายน พ่อต้องไปบรรยายเรื่องเครือข่ายอินแปงกับการพัฒนาสังคมเกษตรกรรมรอบเทือกภูพานที่สกลนคร ลูกตื่นแต่เช้าตรู่ พร้อมพ่อ ในเวลา 03.55 น. พ่อออกไปแล้วลูกนอนต่อ จนตื่นราวๆเจ็ดโมงเช้า เปิดเสียงเทศน์ของหลวงพ่อที่ลูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์ฟัง


วันนี้สดชื่นมาก พ่อบอกว่าหน้าตาแจ่มใส ฉี่ ถ่ายเหลืองเป็นก้อนปกติ
(เยอะ) ชงยาญี่ปุ่นกิน แล้วอ่านคำภาวนาอุทิศบุญและคำอธิษฐานบารมี

หลวงพ่อกับแม่ชีมาเยี่ยม หลวงพ่อเทศน์สอน ทำสมาธิ แม่ชีคนใหม่สวย จบ doctor บอกว่าจะเอาอาหารเสริมถั่วเหลืงผสมงาดำมาให้ หลวงพ่อกับแม่ชีกลับกินฟักทอง

แม่ชีเอาอาหารเสริมมาให้ ตรวจแล้วกินไม่ได้

พ่อกลับมา ซื้อมังคุด มีหนังสือ "อนาคตอันเก่าแก่" ได้ผ้าห่มจากธิเบตผ้าห่มจากพม่า แหวนพม่าพ่อกินข้าว เข้ามาด้านใน (พ่ออุ้มเข้ามาในห้อง/คนเขียน) กินยาธิเบต น้ำอุ่น พ่อนวดหลังให้ หลับ ฉี่ อึ ประมาณ 2 ทุ่มครึ่งกินข้าวนึ่งปลา แกงอ่อม ประมาณ 5 ทุ่ม ฉี่ อึ ประมาณ 02.30 . กินมังคุด ฟักทองนึ่ง กล้วย นอนหลับสบายดีฝนตก อากาศเย็นสบาย

 

14/6/51

วันนี้วันเกิดแม่ พ่อจะไปดอนตาล เอาสับปะรดไปให้สวนหมอเขียวแล้วรับปุ้ยมาด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะไปตอนไหน เริ่มหิวข้าว...... (รายละเอียดเรื่องกิน).....อ่าน อนาคตอันเก่าแก่ กินน้ำเขียว ออกมาด้านนอก(ระเบียง) (ตรวจอาหาร กิน นวด ขูดซา กดลมปราณ นอนฟังเพลงธิเบต/คนเขียน)

 

หลวงพ่อมาเทศน์สอน หลวงพ่อกลับ แม่ชีมาเยี่ยมเอาสมุดบันทึกให้ดู แม่ชีบอกว่าวันหลังมาวาดรูปด้วยกัน กินยาธิเบต น้ำอุ่น ยาญี่ปุ่น แม่ชีลูบหัวแล้วอยากนอน (แม่ชีกลับแล้ว ขูดซา ตรวจอาหาร กินอาหาร ดูCD การ์ตูนธรรมะ/คนเขียน)

 

พ่อและปุ้ยมา เอาต้นไม้หัวใจล้านดวงเป็นของขวัญวันเกิดแม่ ฟัง CD ขลุ่ยธิเบต ดู CD พุทธสถานแม่เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า พ่ออุ้มเข้ามาด้านใน กินยาธิเบต น้ำอุ่นดู CD ต่อ พ่อกับปุ้ยกินข้าว พ่อแม่ น้านี คุยกันเรื่องอาหาร ปุ้ยอ่านนิทานให้ฟัง นอน หิวข้าว กินนึ่งปลา แกงจืดตอน 3 ทุ่ม ฟักทอง มังคุดด้วย ฉี่ กินกล้วยกับข้าวเหนียว ตอนเที่ยงคืน นอนหลับสบายพ่อเช็ดตัวให้ตอนดึก ลมพัดตลอดทั้งคืน พ่อเปิด CDเพลงขลุ่ยธิเบตตอนเที่ยงคืน

 

วันที่ 15 มิถุนายน พ่อต้องไปทำธุระบางอย่างที่วัดบ้านติ้วตั้งแต่เช้า ลูกตื่นในเวลาปกติ แม่จึงเปิดเพลงธิเบตให้ฟังเบาๆ ส่วนพี่ปุ้ย ยังไม่ตื่น คงเหนื่อยจากการเดินทางและการเรียน วันนี้เป็นวันหยุดเรียนเสาร์อาทิตย์ ลูกจะได้มีพี่ปุ้ยมาอยู่เป็นเพื่อนอีกคน เวลาที่ลูกสองคนอยู่ด้วยกัน แม่เห็นลูกคุยกันจุ๊กจิ๊กแล้วหัวเราะกิ๊กกั๊กกันตลอดเวลา วันนี้ แม่แอบได้ยินเรื่องที่ลูกถามพี่สาวถึงการเรียนด้วย รู้ไหม แม่แอบขำในใจ ที่ลูกมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าพี่สาวของลูกเสียอีก เพราะลูกบอกกับพี่ปุ้ยว่า

 

"อ่านหนังสือธรรมะบ้าง จิตใจจะได้เข้มแข็ง เวลาเรียนหนังสือจะได้มีความจำดีขึ้น" เพราะลูกค้นเจอด้วยตัวเองแล้วว่า ธรรมะช่วยเยียวยาชีวิตได้ทุกแง่มุม

 

น้านีทำอาหารบางอย่างให้ลูก ตรวจแล้วไม่ผ่าน ต้องทำชนิดอื่นมาให้ เป็นอย่างนี้ทั้งเช้าและเที่ยง แต่น้านีก็ยังเต็มใจทำให้ ไม่เคยปริปากบ่นหรือแสดงอาการหงุดหงิด

 

พ่อเอากับข้าวมา ตรวจอาหาร กินโจ๊กใส่ปลาไม่ได้ ให้น้านีทำใหม่ แม่นวดให้ นอนไปฟัง CD หลวงพ่อเทศน์ไปด้วย หิวข้าวเริ่มแสบท้อง กินต้มจืดผัก ฟักทอง เห็นแม่กินข้าวยิ่งหิว ฟัง CD ต่อ ตรวจนึ่งปลา กินได้ แม่นวดพอกท้องแล้วปวด เอาน้ำอุ่นมาประคบ นอนพัก

หลวงพ่อมาสอนเรื่องการรักษาอาการเจ็บ หลับ ตื่นขึ้นมา หลวงพ่อกลับไปตอนไหนไม่รู้ หายปวด ฉี่ ถ่าย

 

ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ แต่สุดท้ายของบันทึกในวันนั้น ลูกเขียนว่า

 

ถ่ายปกติ ตอนตี 1 กับ ตี 4 ฉี่ 4 ครั้ง นอนหลับสบายดี ฝนตก พ่อไม่สบาย คิดว่าเป็นไข้

 

วันที่ 16 มิถุนายน ครบหนึ่งเดือนที่ออกจากโรงพยาบาล ครบ 10 วัน ที่มาอยู่ที่วัดป่าภูไม้ฮาว

พ่อไม่สบาย ยังนอนหลับอยู่ น้านีกินข้าว อ่านหนังสือ หลวงพ่อมาเทศน์สอน หลวงพ่อกลับ ....แม่ชีมาเยี่ยม วาดรูปให้แม่ชี ถ่ายรูปคู่กับแม่ชี แม่นวดให้ แม่ชีกลับ

ฉี่ ถ่ายตอนตี 2 กว่าๆ นอนหลับสบาย ฝนตก ท่องพุทโธ....นอน

 

ทั้งหมดนั้น คือกิจกรรมสำคัญในการดูแลตัวเองทั้งกายและใจของลูก บางวันอาจมีบางสิ่งที่คนอื่นมาร่วมทำ ได้ถูกถ่ายทอดไว้ในสมุดบันทึก แม่รู้ว่านั่นคือความสุขของลูกประการหนึ่ง ขณะที่ต้องนอนอยู่กับที่ ลุกนั่งเองก็ยังยาก

 

แต่สิ่งหนึ่งที่ลูกไม่ได้ถ่ายทอดไว้เป็นบันทึก คือการเยียวยาด้านจิตใจ ที่มีลูกและหลวงพ่อเท่านั้นที่รู้

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
  ภูเขาหัวโล้นลูกนี้ อยู่ในเทือกเดียวกับภูหลวง จังหวัดเลย "ถามจริงๆ เถอะ คนแบบเราๆ นี่ ถ้าไปเป็นคนทำสวนจะหาเลี้ยงตัวเองได้จริงหรือ"เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งถามฉัน ในวันที่ฉันยังไม่ได้มีอาชีพทำสวน คงเป็นคำถามเพื่อนำไปสู่การสนทนาเชิงวิเคราะห์ว่าความคิดที่จะพึ่งตนเองจากอาชีพนี้เป็นไปได้จริงหรือ และฉันจำได้ว่าคำตอบของตัวเอง คือ"ไม่ได้" "ไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าการพึ่งตนเองหมายถึงการตัดเส้นเลือดทางการเงินจากอาชีพอื่นโดยสิ้นเชิง สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นปลูกต้นไม้ในปีแรกๆ และไม่มีเงินเก็บ หรือไม่มีคนสนับสนุนทางการเงิน คงไปไม่รอด"ฉันตอบจากประสบการณ์ที่เห็นปัญญาชนหลายคนอยากจะเป็นชาวไร่…
เงาศิลป์
ยามค่ำคืนที่เหน็บหนาวออกปานนี้ หนาวจนต้องสวมเสื้อกันหนาวหนาๆ ถึงสองชั้น หวังทนทานต่อความแหลมคมของไอหนาวที่แทรกซอนเข้ามาบาดเนื้อ เสื้อผ้าอาจปกป้องร่างกายไว้ได้บ้าง แต่บางความหนาวที่แทรกซึมเข้ามาได้กลับกระพือความร้อนรุ่มภายในให้ลุกโชน  ภาพถ่ายสุดท้ายของเจ้าเก๋า ในวันก่อนจะจากไปเพียงไม่กี่วัน สิ้นสุดเสียทีอีกหนึ่งชีวิต ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป เพราะพิษของสารเคมีที่เข้าไปทำลายตับไตไส้พุงจนหมดสิ้น ในเวลาสี่วัน วันสุดท้ายของมันกับความรู้สึกห่วงใยของฉัน มันคงรับรู้ได้ นาทีสุดท้าย มันจึงสะท้อนลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงทิ้งตัวลงบนตักฉัน แล้วจากไปนิรันดร์
เงาศิลป์
พวกมันพากันเลื้อยไปบนผิวดิน ในสภาวะอากาศอุ่นๆ คล้ายทุรนทุรายรีบร้อนที่จะไปที่ไหนสักที่ แต่กลับหลงทางวกวนจนขาดใจตายไปในที่สุด เพียงชั่วเวลาไม่ถึงชั่วโมงยามนี้ ไอแดดไม่ผ่าวร้อนอีกต่อไป ละไอหมอกที่ห่อหุ้มรอบๆตัว สร้างความมัวซัวทั้งแนวป่า มันจึงปกป้องผิวดินให้เย็นฉ่ำ และเก็บความชุ่มชื้นไว้ด้วยหยาดน้ำค้าง แต่ทำไมไส้เดือนผู้รักดินจึงคิดทิ้งถิ่นอาศัย ดิ้นรนไปสู่ความตายเช่นนี้ด้วยเล่าสำหรับฉัน รอยต่อของฤดูฝนชนฤดูหนาว ธรรมชาติมีของกำนัลที่น่ารักมามอบให้มากมาย โดยเฉพาะแม่นกทั้งหลายที่มีลูกน้อยและสั่งสอนลูกๆให้หัดบิน มีมาให้เห็นใกล้ๆอยู่บ่อยครั้ง เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ดี สำหรับการหาอาหาร…
เงาศิลป์
ละไอหมอกลอยเรี่ยอาบยอดไม้ ยามแสงเช้าสาดส่องทั่วลานไร่ รอบๆ กายคล้ายความฝัน นานนับปีแล้ว ที่ฉันไม่ได้เดินทางไกล ฤดูกาลเช่นนี้ มักกระซิบเรียกหาให้โลดแล่นออกไปตามใจตน แต่คราวนี้งานหนักในไร่ยังคงเร่งเร้าอยู่ตรงหน้า ยิ่งยามต้นไม้โบกไหว สบัดเรียวใบชุ่มเขียวให้คลายสี แล้วปล่อยให้ลมแล้งแต้มสีเหลืองจางๆ ลงแทน ฉันยิ่งต้องเร่งทำงาน หยิบสมุดบันทึกออกมาอ่านอย่างไม่ตั้งใจ กลับพบบางอย่างที่ชวนขำ ฤดูหนาวของปีนั้น ฉันได้เร่ร่อนท่องเที่ยวไปท่ามกลางความขัดแย้งที่บานปลายไปจนถึงขั้นสู้รบฆ่าฟันกันรายวัน และได้เห็นภาพการประท้วงที่วุ่นวายบนท้องถนน เกือบทั่วทั้งประเทศ บนรถไฟ จากเมืองแคนดี้…
เงาศิลป์
“ทำไมพี่ไม่ใช้ตัวพ่วงท้ายที่ไถพรวนไปพร้อมๆ กับตัดหญ้าล่ะครับ ดินจะได้ไม่แข็ง” เป็นคำแนะนำของยุทธ ซึ่งแวะมาที่ไร่แต่เช้า เพื่อขอยืมพลั่วไปตักปุ๋ยขี้ไก่ ไว้หยอดใส่หลุมแตงโมที่เถาว์เริ่มเลื้อยยาว ขณะที่ฉันขับรถแทรกเตอร์ตัดหญ้าในสวน เจตนารมณ์ของการทำสวนที่คิดว่าจะเบียดเบียนชีวิตอื่นให้น้อยที่สุด และเพื่อประโยชน์ตนอันสูงสุด เท่าที่จะทำได้ ฉันจึงตั้งใจว่าจะไม่ไถพรวน แม้บางทฤษฎีของบางนักวิชาการจะบอกว่า ดินทรายต้องไถพรวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายฤดูฝน เพราะการไถพรวนพลิกหน้าดิน จะช่วยลดการสูญเสียน้ำใต้ดินจากการดูดซึมของต้นหญ้า ใช่สิ ในภาคอีสานฉันเห็นการไถพรวนในเกือบทุกแปลงการเกษตร…
เงาศิลป์
นานๆ จึงจะมีเพื่อนบ้านแวะมาเยี่ยม ยิ่งยามนี้ยิ่งยากที่จะได้พบเจอคนผ่านทาง เพราะเส้นทางรถอีแต๊กถูกกระแสน้ำเชี่ยวลากพาดินทรายพัดหายไปทางลำธารข้างล่างโน่น จนกลายเป็นร่องน้ำลึกมีรากไม้ขนาดเล็กใหญ่พาดพันกันยุ่งเหยิง ส่วนพื้นที่ในไร่ ต้นไม้ยังเล็กนัก ร่องน้ำเล็กใหญ่เกิดขึ้นมากมาย แต่ที่ดินไม่พังทลายลงไปมาก เพราะผิวดินยังมีรากกอหญ้าสูงยึดดึงเอาไว้ ฉันหวังว่าปีต่อๆไป ผิวดินจะปลอดภัยมากกว่านี้ ถนนทางทิศตะวันออกของไร่กลายเป็นลำธาร จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เป็นสิ่งเกินจำเป็นไปในทันที ไม่ต้องพูดถึงรถยนต์ที่ฉันไม่มีใช้ รถอีแต๊กที่เคยผ่านเส้นทางนี้ทุกเช้า…
เงาศิลป์
ทุกชีวิตย่อมมีศักยภาพในการใช้ชีวิต หากยอมรับว่า “เกมการล่า” ว่าเป็นวิถีทางที่มีอยู่จริง และเราสามารถยอมรับความเจ็บปวดได้เมื่อตนเองถูกล่า ชีวิตฉันมักจะเป็นดั่งนี้… สิบกว่าปีที่แล้ว ณ ริมธาร “ห้วยแก้ว” เชียงใหม่ สายฝนที่ตกลงมาอย่างหน่วงหนักตลอดคืน ทำให้หลังคากระท่อมที่มุงด้วยใบหญ้าคา ทรุดฮวบลงมากองทับตัวฉันและกองหนังสือของฉันจนเปียกปอน ฉันได้แต่หัวเราะอย่างขำขื่น สาสมใจ วันนี้...ในหุบเขากว้าง บนแผ่นดินที่ราบสูง หลังจากฟ้าฝนกระหน่ำสายติดต่อกันหลายวันหลายคืน ฟ้าจึงบรรณาการแสงแดดอันอุ่นเอื้อมาให้ ต้นไม้ของฉันจึงได้หายใจบ้าง ต้นไม้ใหญ่ อาจพอมีเวลาต่อรอง…
เงาศิลป์
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นตื่นตระหนกเบิกโพลงอยู่ในความมืดสลัวของกระสอบปุ๋ย ทันทีที่ฉันเปิดปากถุงพวกมันต่างเงยหน้าจ้องมองมาที่ฉัน ดวงตาอีกสี่คู่เป็นสีน้ำตาลกลมกลืนกับความมืดจึงไม่สะดุดใจเท่าดวงตาคู่ที่เป็นสีน้ำทะเลกระจ่างจ้าคู่นั้น“โถ ลูกหนอลูก” ฉันร้องครางอยู่ในใจ นั่นคือเหตุการณ์ในเวลาเช้าตรู่ ที่ฟ้าฝนกระหน่ำสายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กาลเช่นนี้ได้ลักพาความสดชื่นแห่งวันใหม่ไปซุกซ่อนไว้ในม่านเมฆฝนหนาทึบริมฟ้า ราวกับมันเป็นจำเลยที่ต้องโทษหนัก และเช่นกัน ฉันผู้เคยเสพสุขจึงต้องร่วมรับโทษทัณฑ์นั้นไปด้วย เพราะเวลาที่อึมครึมในแต่ละนาทีดูเหมือนเนิ่นช้าและหน่วงทับอารมณ์มากขึ้นและมากขึ้นทุกขณะ  …
เงาศิลป์
ฉันสำเหนียกถึงแรงสะเทือนที่ดิ้นสะท้านอยู่ภายในอก ยามที่เผลอใจไปยึดมั่นกับเรื่องราวความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราขณะนี้ ทั้งที่ฉันตั้งใจวางตัวเองไว้ตรงชายขอบของสังคม... ไม่ได้ตั้งใจปิดหูปิดตาตัวเอง แต่เพราะการสื่อสารทั้งหลายที่ไม่สะดวก ฉันจึงหลุดออกมานอกวงสนทนาของความขัดแย้งเกลียดชัง เพราะ...ถูกและผิด ใช่และไม่ใช่เป็นเรื่องซับซ้อน วันวาน...สภาพชีวิตของฉันเป็นเสมือนวัชพืชของสังคมวันนี้...ฉันเป็นผู้แผ้วถางวัชพืชตัวจริงอย่างสำนึกรู้ผิดบาป แม้จะเลือกใช้เครื่องมือที่ปลอดภัยที่สุดแล้วต่อชีวิตเล็กๆ แต่กระนั้นฉันก็ยังทำลายชีวิตบางชีวิตอยู่ดี
เงาศิลป์
“เมื่อวานนี้คนในหมู่บ้านถูกหวยกันหลายคน”ยายแดงเริ่มเรื่อง ขณะที่นั่งจุมปุ๊กบนพื้นหญ้าหน้าบ้าน พลางเอาเสียมปากแบนแซะหญ้าเล่น ใบหน้ายังแดงก่ำ หยาดเหงื่อยังเปียกชื้นที่ไรผม เพราะงานดายหญ้า“แล้วยายแดงไม่ถูกกะเขาด้วยเหรอ” ฉันนั่งบนที่พักเชิงบันได หลังจากจัดเรียงกล้าไม้ใกล้โอ่งน้ำเสร็จไปแล้วหนึ่งชุด“ไม่ได้ซื้อกับเขาหรอก ไม่ค่อยได้ซื้อหวย” นับว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่อง ฉันชื่นชมในใจ“แล้วชาวบ้านได้เลขมาจากไหนกันละยายแดง”“เขาว่าเป็นเลขผีบอก ผีจากวัดป่าบอกผ่านเจ้าอาวาสอีกที”“อืม....ไม่เลวแฮะ แสดงว่าผีมีจริง”....ฉันนึกถึงกุศโลบายของตัวเอง ที่บอกกับใครๆว่าทุกวันนี้อาศัยอยู่กับ “ผีโนนบ้านคึม…
เงาศิลป์
นั่งบนตอไม้เล็กๆ หลังพิงโอ่งน้ำขนาดเท่าช้างพังตั้งท้อง ในปากกำลังเคี้ยวมะม่วงแก้วที่สุกพอห่ามๆ รสชาดกำลังดีมีความเปรี้ยวนิดๆ ทั้ง “เจ้าเสือ” หมาหนุ่มคู่บารมี ยังนอนหมอบราบคาบแก้ว ทำท่าขอแบ่งกินอยู่ตรงเท้า ดูสิ..ฉันใช้ชีวิตราวกับพระราชาในเทพนิยาย  เพราะเบื้องหน้าไกลโพ้นโน่น ตรงขอบฟ้าเหนือดงไม้นั่น คือการแสดงพลังพิเศษของเหล่าสามัญมนุษย์ เพื่อสื่อสารกับเทวดาพญาแถน จนท้องฟ้าสั่นสะเทือน ม่านเมฆเคลื่อนอยู่ไปมาเนื่องจากบ้านไร่เป็นที่ๆ ห่างไกลชุมชนทั้งในระยะทาง และด้วยสายตา แต่ฉันก็สามารถมองเห็นที่ตั้งของทุกหมู่บ้านรายรอบได้เป็นอย่างดี ในวันเวลาเช่นนี้ ทุกทิศทางจะมีเสียงดังฟู่ยาวๆ…
เงาศิลป์
มันคงเป็นเรื่องเล่าที่ชวนพิศวง ฉันคงสงสัยว่ามันมีความจริงปนอยู่สักเท่าใด หากไม่ได้ถูกบันทึกไว้ด้วยมือของฉันเองภาพในอดีตเมื่อยี่สิบปีที่แล้วฉันเห็นตัวเองเกาะแน่นอยู่บนอานรถมอเตอร์ไซค์ที่ไต่ไปตามคันนาเล็กๆ คนขับชำนาญทางเป็นอย่างดี เพราะไม่เช่นนั้นอาจได้ลงไปนอนแช่น้ำในผืนนากันทั้งคู่“พี่หวาด” เป็นหมอยาพื้นบ้านและเป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน แกทำหน้าที่เป็นสารถีรวมทั้งเป็นเนวิเกเตอร์ในการไปพบเจอกับแหล่งข้อมูล และนั่นคือที่มาของเรื่องราวที่เหลือเชื่อ ที่หลงเหลือไว้ให้ฉันหยิบจับขึ้นมาอ่านซ้ำอย่างประหลาดใจไม่น่าเชื่อว่าฉันจะเคยพบเจอกับบุคคลที่มีบุคลิกพิเศษมากมาย ปัจจุบันเขาเหล่านั้นลาจากโลกนี้ไปแล้ว…