ทุกชีวิตย่อมมีศักยภาพในการใช้ชีวิต หากยอมรับว่า “เกมการล่า” ว่าเป็นวิถีทางที่มีอยู่จริง
และเราสามารถยอมรับความเจ็บปวดได้เมื่อตนเองถูกล่า
ชีวิตฉันมักจะเป็นดั่งนี้…
สิบกว่าปีที่แล้ว ณ ริมธาร “ห้วยแก้ว” เชียงใหม่ สายฝนที่ตกลงมาอย่างหน่วงหนักตลอดคืน
ทำให้หลังคากระท่อมที่มุงด้วยใบหญ้าคา ทรุดฮวบลงมากองทับตัวฉันและกองหนังสือของฉันจนเปียกปอน
ฉันได้แต่หัวเราะอย่างขำขื่น สาสมใจ
วันนี้...ในหุบเขากว้าง บนแผ่นดินที่ราบสูง
หลังจากฟ้าฝนกระหน่ำสายติดต่อกันหลายวันหลายคืน ฟ้าจึงบรรณาการแสงแดดอันอุ่นเอื้อมาให้ ต้นไม้ของฉันจึงได้หายใจบ้าง ต้นไม้ใหญ่ อาจพอมีเวลาต่อรอง แต่มันสำปะหลังพ่ายแพ้แก่เกมนี้ไปแล้ว
ฉันสูญเสียความหวังสำหรับรายได้ที่ควรจะมี
ครั้งนี้ไร้เสียงหัวเราะ มีเพียงเสียงถอนหายใจ
คุกคู คุกคู ฉันเรียกขานเจ้านกน้อย “คัดเค้า”
มันเป็นเหยื่อแห่งเกมล่าของเจ้าหมาหนุ่ม ที่ฉันแย่งมาจากปากผู้ล่า เมื่อวานนี้
ขาข้างซ้ายแตกหัก ขนปีกและขนอ่อนตามตัวถูกทึ้งจนเกลี้ยงเกลา ยับเยิน
แววตาตื่นตระหนกหวาดกลัวยังพอมีอยู่
โชคดีที่ฉันมีต้นตะขบลูกดกอยู่หน้าบ้านหนึ่งต้น
อาหารชนิดใหม่ที่อาจไม่อร่อยเท่าเนื้อสัตว์
แต่มันก็ยอมกลืนกิน
อาจเป็นโชคดีที่ไม่ยืนยาวนัก เพราะต้นขะตบอายุปีกว่า ใบเริ่มเหลืองพราว
น้ำที่ท่วมขังโคนต้นกำลังทำให้มันพ่ายแพ้แก่เกม
กินเข้าไปมากๆ นะ หายเร็วๆ ด้วย ฉันวิงวอนร้องขอ
ขนปีกงอกออกมาเมื่อไหร่ ฉันจะปล่อยแกไป
เพราะฉันเองก็ไม่ชอบให้ใครมากักขังชีวิตฉันเช่นกัน
รีบเข้มแข็ง เพราะเราต่างมีหน้าที่ในการใช้ชีวิต
คราวหน้าอาจไม่โชคดีเหมือนคราวนี้
แกอาจจะถูกหมาตะปบเข้าปากแบบทันควัน
และฉันอาจจะต้องย้ายถิ่นไปปลูกต้นไม้บนแผ่นดินอื่น