Skip to main content

รุ่งขึ้นอีกวัน หลังจากเก็บอัฐิของลูกแล้ว ความเศร้าโศกค่อยๆ ถอยห่างไปจากเรา ในตอนสาย พ่อได้ประกาศเจตนารมย์ให้แก่ญาติมิตรทั้งหลายทราบว่า พ่อจะตั้ง “กองบุญแม่ชีป่าน” ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมด้านธรรมะ แก่เยาวชนตามเจตจำนงค์ของลูกที่เคยบอกกับใครๆไว้ว่า อยากทำงานสืบต่อพระพุทธศาสนา แม่เชื่อว่า ในขณะที่พ่อกล่าวคำขอบคุณทุกๆคนที่นั่งอยู่ในถ้ำ ตอนนั้น ลูกได้รับรู้ด้วยเป็นแน่แท้

ไม่เพียงแค่พ่อแม่และญาติพี่น้องใกล้ชิดเท่านั้นที่เลี้ยงดูแม่ชีป่านมา ที่ผ่านมานั้น มีทั้งพี่น้องชาวบ้าน โดยเฉพาะเครือข่ายอินแปง และมิตรสหายทุกคนได้ช่วยกันเลี้ยงจนเติบโตมา จนเป็นคนทั้งดี ทั้งเก่ง ทั้งอดทนและอะไรต่างๆ ที่ดีงามที่ผมพูดแบบนี้ ไม่ใช้ว่าลูกคนนี้ตายแล้วก็มายกย่องเขา แต่เขามีหลายอย่างเกินความเป็นเด็ก ที่ได้จากเรียนรู้มาจากทุกๆคนที่เขาใกล้ชิด”

ลูกผม ตัดสินใจมาอยู่ที่วัดนี้ วันที่มา คุณแม่ผมร้องไห้ เพราะทางขึ้นมาลำบากมาก คลื่นติดต่อทางโทรศัพท์ก็ไม่มี และได้พี่น้องบ้านติ้วช่วยหามลูกผมขึ้นมา คิดดูแล้วก็น่าเป็นห่วง ตามที่ท่านกังวลเพราะหากป่วยหนักมาก จะมีใครมารักษาให้ในวัด คุณแม่เจ็บปวดเรื่องพ่อที่เพิ่งเสียไปไม่นาน และหลานที่เป็นมะเร็ง จนต้องร้องไห้ตัดพ้อผม ผมก็ไม่รู้จะพูดช่วยแบบไหน จนได้หลวงพ่อ ช่วยอธิบายเรื่องจิตให้เข้าใจ และตัวผมเองได้เห็นลูกสาวแผ่จิตเมตตา เห็นการอ่าน รวมทั้งการศึกษาต่างๆด้วย ลูกผมไม่เพียงอ่านหนังสือมาก หนังสือแต่ละเล่มหนาเป็นสี่ห้าร้อยหน้า อ่านประมาณว่าหากเปรียบเทียบว่าเอาหนังสือการ์ตูนมารวมกันแล้ว ประมาณสามร้อยเล่ม และอ่านหนังสือธรรมะ เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธเจ้า หนังสือแปลจากประเทศต่างๆ เขารู้สึกสนุกที่ได้อ่าน เขามีความฝัน มีความสุขไปแบบนั้น..”

แต่ที่สุด ทั้งหมดเป็นสัจธรรมอย่างหลวงพ่อว่า โรคมะเร็งเมื่อถึงเวลาแล้ว กำลังเราก็อ่อนลงไป และกำลังเราไม่เพียงพอจนสุดท้ายลูกผมก็จากไป”

สถานการณ์ที่ลูกผมจากไป ที่เห็นได้ว่าลำบากนิดหนึ่งก็คือตอนที่เขาก่อนจะเสีย มีอาการกึกกักในหูในปากเล็กน้อย มีอาการกัดลิ้นนิดหนึ่งและผ่อนคลาย ค่อยๆหมดลมหายใจ ถามว่าเจ็บไหม ไม่ ปวดไหม ไม่ ร้อนไหม ไม่ ยกมือขึ้นไหว้ แล้วก็จากไป”

น้ำเสียงพ่อเริ่มสั่นเครืออีกแล้ว

สิ่งที่ผมได้ คือมีแต่คนมาช่วย มาให้ ผมต้องขอบคุณ ผมไม่มีเงิน ไม่มีหลักประกัน เพราะไม่ใช่ข้าราชการ แต่ว่าผมมีพี่น้อง คนนั้นคนนี้ ให้มาตลอด ให้จนเหลือ”

“ สิ่งที่พูดในช่วงสุดท้ายนี้ คือ ผมตั้งใจจะนำเงินที่ทุกคนช่วยทำบุญนี้ มาเป็นกองบุญ โดยขออนุญาตใช้ชื่อว่า กองบุญวิมุตตา คือชื่อลูกสาวผมเอง ตั้งเป็นทุนเพื่อการศึกษา เพื่อให้รู้จัก เข้าใจ และหาทางแก้ไข หาทางออกในการรักษาโรคมะเร็ง ให้ได้มากขึ้น และดีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแผนปัจจุบัน หรือแพทย์ทางเลือก โดยพยายามใช้ประสบการณ์จากลูกสาวและคนอื่น ๆ  โดยจะเอาเงินจากพี่น้องที่บริจาคเข้ามา และในขณะที่พี่น้องชาวบ้านทำบุญ ผมซึ้งใจพี่น้องบ้านเก่า บ้านบัว และบ้านอื่นๆ แต่ที่ผมต้องขอบคุณคือ พี่น้องบ้านกกตูม ซึ่งผมเองไม่รู้จักซื่อ ไม่เคยเห็นหน้า แต่รู้จักสามสี่คนที่นี่ตามที่หลวงพ่อแนะนำให้รู้จัก นอกนั้นผมไม่รู้จัก แต่พี่น้องเอาข้าว เอาเงินห้าบาท สิบบาท ยี่สิบบาท มาให้ ผมเห็นค่าของเงินเหล่านั้น ผมเป็นคนจน เป็นคนทุกข์ ผมเห็นเงินเหล่านี้ผมไม่ใช้ ผมจะเอาเงินมารวบรวมเป็นกองทุน และมั่นใจว่าจะมีคนมาช่วยค้นหา หรือถอดความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งให้ได้มากกว่านี้“

ผมไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ผมสูญเสียลูกผมไป แต่ผมต้องเอาชนะเรื่องเหล่านี้ให้ได้ แต่ไม่ใช่ผมคนเดียว ซึ่งต้องอาศัยเพื่อน และคนรู้จักมีความรู้เรื่องสุขภาพเข้ามาช่วยกันดูแลร่วมกัน “

รวมทั้ง ผมจะสนับสนุนกิจกรรมด้านธรรมะ ให้แก่เยาวชนในท้องถิ่นบ้านเรา ได้รู้จัก ได้เข้าพระพุทธศาสนา เพื่อการรู้จักตัวเอง และพึ่งพาจิตใจตัวเอง ได้ในที่สุด เหมือนที่แม่ชีป่านได้ทำเอาไว้”

เนื่องจากเป็นธรรมเนียมประเพณีของเครือข่ายอินแปง ที่มีทุนสวัสดิการช่วยเหลือครอบครัวสมาชิก เงินก้อนนี้ที่ผมได้รับ ผมก็จะนำมาดำเนินการเป็นกองบุญต่อไปด้วย”

ลูกแม่ ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว ที่ลูกจากไป กิจกรรมจากกองบุญของลูกได้ดำเนินไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะด้านการอบรมธรรมะแก่เยาวชน ที่เรียกว่า "เขียนภาพ วาดใจ" ที่ครูเป้ ของลูก มาเป็นครูผู้ถ่ายทอดให้แก่กลุ่มเพื่อนๆของลูกที่บ้านป้าเฒ่า ลุงเปี๊ยกไงจ๊ะ

 

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
  ภูเขาหัวโล้นลูกนี้ อยู่ในเทือกเดียวกับภูหลวง จังหวัดเลย "ถามจริงๆ เถอะ คนแบบเราๆ นี่ ถ้าไปเป็นคนทำสวนจะหาเลี้ยงตัวเองได้จริงหรือ"เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งถามฉัน ในวันที่ฉันยังไม่ได้มีอาชีพทำสวน คงเป็นคำถามเพื่อนำไปสู่การสนทนาเชิงวิเคราะห์ว่าความคิดที่จะพึ่งตนเองจากอาชีพนี้เป็นไปได้จริงหรือ และฉันจำได้ว่าคำตอบของตัวเอง คือ"ไม่ได้" "ไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าการพึ่งตนเองหมายถึงการตัดเส้นเลือดทางการเงินจากอาชีพอื่นโดยสิ้นเชิง สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นปลูกต้นไม้ในปีแรกๆ และไม่มีเงินเก็บ หรือไม่มีคนสนับสนุนทางการเงิน คงไปไม่รอด"ฉันตอบจากประสบการณ์ที่เห็นปัญญาชนหลายคนอยากจะเป็นชาวไร่…
เงาศิลป์
ยามค่ำคืนที่เหน็บหนาวออกปานนี้ หนาวจนต้องสวมเสื้อกันหนาวหนาๆ ถึงสองชั้น หวังทนทานต่อความแหลมคมของไอหนาวที่แทรกซอนเข้ามาบาดเนื้อ เสื้อผ้าอาจปกป้องร่างกายไว้ได้บ้าง แต่บางความหนาวที่แทรกซึมเข้ามาได้กลับกระพือความร้อนรุ่มภายในให้ลุกโชน  ภาพถ่ายสุดท้ายของเจ้าเก๋า ในวันก่อนจะจากไปเพียงไม่กี่วัน สิ้นสุดเสียทีอีกหนึ่งชีวิต ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป เพราะพิษของสารเคมีที่เข้าไปทำลายตับไตไส้พุงจนหมดสิ้น ในเวลาสี่วัน วันสุดท้ายของมันกับความรู้สึกห่วงใยของฉัน มันคงรับรู้ได้ นาทีสุดท้าย มันจึงสะท้อนลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงทิ้งตัวลงบนตักฉัน แล้วจากไปนิรันดร์
เงาศิลป์
พวกมันพากันเลื้อยไปบนผิวดิน ในสภาวะอากาศอุ่นๆ คล้ายทุรนทุรายรีบร้อนที่จะไปที่ไหนสักที่ แต่กลับหลงทางวกวนจนขาดใจตายไปในที่สุด เพียงชั่วเวลาไม่ถึงชั่วโมงยามนี้ ไอแดดไม่ผ่าวร้อนอีกต่อไป ละไอหมอกที่ห่อหุ้มรอบๆตัว สร้างความมัวซัวทั้งแนวป่า มันจึงปกป้องผิวดินให้เย็นฉ่ำ และเก็บความชุ่มชื้นไว้ด้วยหยาดน้ำค้าง แต่ทำไมไส้เดือนผู้รักดินจึงคิดทิ้งถิ่นอาศัย ดิ้นรนไปสู่ความตายเช่นนี้ด้วยเล่าสำหรับฉัน รอยต่อของฤดูฝนชนฤดูหนาว ธรรมชาติมีของกำนัลที่น่ารักมามอบให้มากมาย โดยเฉพาะแม่นกทั้งหลายที่มีลูกน้อยและสั่งสอนลูกๆให้หัดบิน มีมาให้เห็นใกล้ๆอยู่บ่อยครั้ง เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ดี สำหรับการหาอาหาร…
เงาศิลป์
ละไอหมอกลอยเรี่ยอาบยอดไม้ ยามแสงเช้าสาดส่องทั่วลานไร่ รอบๆ กายคล้ายความฝัน นานนับปีแล้ว ที่ฉันไม่ได้เดินทางไกล ฤดูกาลเช่นนี้ มักกระซิบเรียกหาให้โลดแล่นออกไปตามใจตน แต่คราวนี้งานหนักในไร่ยังคงเร่งเร้าอยู่ตรงหน้า ยิ่งยามต้นไม้โบกไหว สบัดเรียวใบชุ่มเขียวให้คลายสี แล้วปล่อยให้ลมแล้งแต้มสีเหลืองจางๆ ลงแทน ฉันยิ่งต้องเร่งทำงาน หยิบสมุดบันทึกออกมาอ่านอย่างไม่ตั้งใจ กลับพบบางอย่างที่ชวนขำ ฤดูหนาวของปีนั้น ฉันได้เร่ร่อนท่องเที่ยวไปท่ามกลางความขัดแย้งที่บานปลายไปจนถึงขั้นสู้รบฆ่าฟันกันรายวัน และได้เห็นภาพการประท้วงที่วุ่นวายบนท้องถนน เกือบทั่วทั้งประเทศ บนรถไฟ จากเมืองแคนดี้…
เงาศิลป์
“ทำไมพี่ไม่ใช้ตัวพ่วงท้ายที่ไถพรวนไปพร้อมๆ กับตัดหญ้าล่ะครับ ดินจะได้ไม่แข็ง” เป็นคำแนะนำของยุทธ ซึ่งแวะมาที่ไร่แต่เช้า เพื่อขอยืมพลั่วไปตักปุ๋ยขี้ไก่ ไว้หยอดใส่หลุมแตงโมที่เถาว์เริ่มเลื้อยยาว ขณะที่ฉันขับรถแทรกเตอร์ตัดหญ้าในสวน เจตนารมณ์ของการทำสวนที่คิดว่าจะเบียดเบียนชีวิตอื่นให้น้อยที่สุด และเพื่อประโยชน์ตนอันสูงสุด เท่าที่จะทำได้ ฉันจึงตั้งใจว่าจะไม่ไถพรวน แม้บางทฤษฎีของบางนักวิชาการจะบอกว่า ดินทรายต้องไถพรวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายฤดูฝน เพราะการไถพรวนพลิกหน้าดิน จะช่วยลดการสูญเสียน้ำใต้ดินจากการดูดซึมของต้นหญ้า ใช่สิ ในภาคอีสานฉันเห็นการไถพรวนในเกือบทุกแปลงการเกษตร…
เงาศิลป์
นานๆ จึงจะมีเพื่อนบ้านแวะมาเยี่ยม ยิ่งยามนี้ยิ่งยากที่จะได้พบเจอคนผ่านทาง เพราะเส้นทางรถอีแต๊กถูกกระแสน้ำเชี่ยวลากพาดินทรายพัดหายไปทางลำธารข้างล่างโน่น จนกลายเป็นร่องน้ำลึกมีรากไม้ขนาดเล็กใหญ่พาดพันกันยุ่งเหยิง ส่วนพื้นที่ในไร่ ต้นไม้ยังเล็กนัก ร่องน้ำเล็กใหญ่เกิดขึ้นมากมาย แต่ที่ดินไม่พังทลายลงไปมาก เพราะผิวดินยังมีรากกอหญ้าสูงยึดดึงเอาไว้ ฉันหวังว่าปีต่อๆไป ผิวดินจะปลอดภัยมากกว่านี้ ถนนทางทิศตะวันออกของไร่กลายเป็นลำธาร จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เป็นสิ่งเกินจำเป็นไปในทันที ไม่ต้องพูดถึงรถยนต์ที่ฉันไม่มีใช้ รถอีแต๊กที่เคยผ่านเส้นทางนี้ทุกเช้า…
เงาศิลป์
ทุกชีวิตย่อมมีศักยภาพในการใช้ชีวิต หากยอมรับว่า “เกมการล่า” ว่าเป็นวิถีทางที่มีอยู่จริง และเราสามารถยอมรับความเจ็บปวดได้เมื่อตนเองถูกล่า ชีวิตฉันมักจะเป็นดั่งนี้… สิบกว่าปีที่แล้ว ณ ริมธาร “ห้วยแก้ว” เชียงใหม่ สายฝนที่ตกลงมาอย่างหน่วงหนักตลอดคืน ทำให้หลังคากระท่อมที่มุงด้วยใบหญ้าคา ทรุดฮวบลงมากองทับตัวฉันและกองหนังสือของฉันจนเปียกปอน ฉันได้แต่หัวเราะอย่างขำขื่น สาสมใจ วันนี้...ในหุบเขากว้าง บนแผ่นดินที่ราบสูง หลังจากฟ้าฝนกระหน่ำสายติดต่อกันหลายวันหลายคืน ฟ้าจึงบรรณาการแสงแดดอันอุ่นเอื้อมาให้ ต้นไม้ของฉันจึงได้หายใจบ้าง ต้นไม้ใหญ่ อาจพอมีเวลาต่อรอง…
เงาศิลป์
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นตื่นตระหนกเบิกโพลงอยู่ในความมืดสลัวของกระสอบปุ๋ย ทันทีที่ฉันเปิดปากถุงพวกมันต่างเงยหน้าจ้องมองมาที่ฉัน ดวงตาอีกสี่คู่เป็นสีน้ำตาลกลมกลืนกับความมืดจึงไม่สะดุดใจเท่าดวงตาคู่ที่เป็นสีน้ำทะเลกระจ่างจ้าคู่นั้น“โถ ลูกหนอลูก” ฉันร้องครางอยู่ในใจ นั่นคือเหตุการณ์ในเวลาเช้าตรู่ ที่ฟ้าฝนกระหน่ำสายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กาลเช่นนี้ได้ลักพาความสดชื่นแห่งวันใหม่ไปซุกซ่อนไว้ในม่านเมฆฝนหนาทึบริมฟ้า ราวกับมันเป็นจำเลยที่ต้องโทษหนัก และเช่นกัน ฉันผู้เคยเสพสุขจึงต้องร่วมรับโทษทัณฑ์นั้นไปด้วย เพราะเวลาที่อึมครึมในแต่ละนาทีดูเหมือนเนิ่นช้าและหน่วงทับอารมณ์มากขึ้นและมากขึ้นทุกขณะ  …
เงาศิลป์
ฉันสำเหนียกถึงแรงสะเทือนที่ดิ้นสะท้านอยู่ภายในอก ยามที่เผลอใจไปยึดมั่นกับเรื่องราวความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราขณะนี้ ทั้งที่ฉันตั้งใจวางตัวเองไว้ตรงชายขอบของสังคม... ไม่ได้ตั้งใจปิดหูปิดตาตัวเอง แต่เพราะการสื่อสารทั้งหลายที่ไม่สะดวก ฉันจึงหลุดออกมานอกวงสนทนาของความขัดแย้งเกลียดชัง เพราะ...ถูกและผิด ใช่และไม่ใช่เป็นเรื่องซับซ้อน วันวาน...สภาพชีวิตของฉันเป็นเสมือนวัชพืชของสังคมวันนี้...ฉันเป็นผู้แผ้วถางวัชพืชตัวจริงอย่างสำนึกรู้ผิดบาป แม้จะเลือกใช้เครื่องมือที่ปลอดภัยที่สุดแล้วต่อชีวิตเล็กๆ แต่กระนั้นฉันก็ยังทำลายชีวิตบางชีวิตอยู่ดี
เงาศิลป์
“เมื่อวานนี้คนในหมู่บ้านถูกหวยกันหลายคน”ยายแดงเริ่มเรื่อง ขณะที่นั่งจุมปุ๊กบนพื้นหญ้าหน้าบ้าน พลางเอาเสียมปากแบนแซะหญ้าเล่น ใบหน้ายังแดงก่ำ หยาดเหงื่อยังเปียกชื้นที่ไรผม เพราะงานดายหญ้า“แล้วยายแดงไม่ถูกกะเขาด้วยเหรอ” ฉันนั่งบนที่พักเชิงบันได หลังจากจัดเรียงกล้าไม้ใกล้โอ่งน้ำเสร็จไปแล้วหนึ่งชุด“ไม่ได้ซื้อกับเขาหรอก ไม่ค่อยได้ซื้อหวย” นับว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่อง ฉันชื่นชมในใจ“แล้วชาวบ้านได้เลขมาจากไหนกันละยายแดง”“เขาว่าเป็นเลขผีบอก ผีจากวัดป่าบอกผ่านเจ้าอาวาสอีกที”“อืม....ไม่เลวแฮะ แสดงว่าผีมีจริง”....ฉันนึกถึงกุศโลบายของตัวเอง ที่บอกกับใครๆว่าทุกวันนี้อาศัยอยู่กับ “ผีโนนบ้านคึม…
เงาศิลป์
นั่งบนตอไม้เล็กๆ หลังพิงโอ่งน้ำขนาดเท่าช้างพังตั้งท้อง ในปากกำลังเคี้ยวมะม่วงแก้วที่สุกพอห่ามๆ รสชาดกำลังดีมีความเปรี้ยวนิดๆ ทั้ง “เจ้าเสือ” หมาหนุ่มคู่บารมี ยังนอนหมอบราบคาบแก้ว ทำท่าขอแบ่งกินอยู่ตรงเท้า ดูสิ..ฉันใช้ชีวิตราวกับพระราชาในเทพนิยาย  เพราะเบื้องหน้าไกลโพ้นโน่น ตรงขอบฟ้าเหนือดงไม้นั่น คือการแสดงพลังพิเศษของเหล่าสามัญมนุษย์ เพื่อสื่อสารกับเทวดาพญาแถน จนท้องฟ้าสั่นสะเทือน ม่านเมฆเคลื่อนอยู่ไปมาเนื่องจากบ้านไร่เป็นที่ๆ ห่างไกลชุมชนทั้งในระยะทาง และด้วยสายตา แต่ฉันก็สามารถมองเห็นที่ตั้งของทุกหมู่บ้านรายรอบได้เป็นอย่างดี ในวันเวลาเช่นนี้ ทุกทิศทางจะมีเสียงดังฟู่ยาวๆ…
เงาศิลป์
มันคงเป็นเรื่องเล่าที่ชวนพิศวง ฉันคงสงสัยว่ามันมีความจริงปนอยู่สักเท่าใด หากไม่ได้ถูกบันทึกไว้ด้วยมือของฉันเองภาพในอดีตเมื่อยี่สิบปีที่แล้วฉันเห็นตัวเองเกาะแน่นอยู่บนอานรถมอเตอร์ไซค์ที่ไต่ไปตามคันนาเล็กๆ คนขับชำนาญทางเป็นอย่างดี เพราะไม่เช่นนั้นอาจได้ลงไปนอนแช่น้ำในผืนนากันทั้งคู่“พี่หวาด” เป็นหมอยาพื้นบ้านและเป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน แกทำหน้าที่เป็นสารถีรวมทั้งเป็นเนวิเกเตอร์ในการไปพบเจอกับแหล่งข้อมูล และนั่นคือที่มาของเรื่องราวที่เหลือเชื่อ ที่หลงเหลือไว้ให้ฉันหยิบจับขึ้นมาอ่านซ้ำอย่างประหลาดใจไม่น่าเชื่อว่าฉันจะเคยพบเจอกับบุคคลที่มีบุคลิกพิเศษมากมาย ปัจจุบันเขาเหล่านั้นลาจากโลกนี้ไปแล้ว…