Skip to main content
20080115 ภาพประกอบ

 

ริ้วสีชมพูอมส้ม กระจ่างจ้าที่ริมขอบฟ้า ดุจแก้มใสปลั่งของสาวน้อย ไรแสงสาดจับจ้าบนท้องฟ้าเหนือศรีษะ งดงามตระการ

 

ฉันยืนมองแสงสีตรงหน้า ที่แปรเปลี่ยนไปทีละนิดๆ อย่างโปร่งโล่งในอารมณ์ สูดลมหายใจยาว นำเอาความสดชื่นไปกักเก็บไว้เต็มปอด สัมผัสความเย็นชุ่มที่ล่วงลึกลงภายใน ผิดกับผิวกายที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวสีทึมเนื้อหนานุ่ม เพียงผิวหน้าเท่านั้นที่ได้สัมผัสกับละไอหมอกหนาลอยเรี่ยพื้น

 

ความหนาวเย็น ไม่ใช่มิตรที่ดีนัก ไม่ควรใกล้ชิดจนเกินไป ร่างกายมันบอกให้ฉันอย่างนั้น

 

เช้านี้เป็นอีกวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่นทั้งกายใจ งานหนักในไร่กลายเป็นคุณแก่ชีวิต หยาดเหงื่อที่ไหลหลั่งช่วยชะล้างความหมักหมมแห่งการงาน และแผ่นหลังล้าหนัก ยามจ่อมจมอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ในห้องแคบนานๆ อีกทั้งได้นอนหลับสนิทอย่างล้ำลึก แม้อากาศจะหนาวเหน็บในยามดึก แต่กองไฟที่คุกรุ่น เป็นเครื่องคลายหนาวได้อย่างดียิ่ง

 

เช้านี้ มันกลายเป็นกองถ่านแดงๆ

 

เสียงรถยนต์แว่วมา เหลียวไปดู เป็นรถกระบะสีแดงเลือดหมูสภาพกลางเก่ากลางใหม่ โยกเยกเชื่องช้ามาบนถนนสายฝุ่น ที่คั่นระหว่างไร่ แล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งตรงเข้ามาในพื้นที่ของฉัน ไม่ถึงห้านาทีมันมาจอดนิ่งสนิทใกล้ๆที่ฉันยืนอยู่

 

เป็นผู้ชายคนเดียว และฉันไม่เคยรู้จัก

 

ฉันมีโลกส่วนตัวสูงกว่าคนปกติ แต่ในยามปรับตัวเข้ากับผู้คน ฉันก็สามารถทำได้ ขอแต่ให้ฉันได้เป็นฝ่ายเลือกที่จะกระทำ ยามใดที่ถูกกระทำ เช่นวันนี้ ฉันจึงรู้สึกอึดอัดจนยิ้มไม่ออก

 

เขามาเช้าเกินไป..ทั้งๆที่ฉันยังไม่ทันล้างหน้าล้างตา ไม่ทันได้จิบกาแฟกระตุ้นประสาท ไม่ทันทำอะไรสักอย่างให้กับตัวเองนอกจากสูดลมหายใจยาวๆ และเหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาสะบัดกายไล่ความหนาว

 

ไปไหนคะ” อันที่จริงฉันไม่น่าจะถามโง่ๆอย่างนี้ เพราะนี่ก็สุดทางแล้ว และเขาก็น่าจะไม่ใช่คนหลงทาง แต่เพราะฉันไม่รู้ว่าจะทักเขาอย่างไรให้ดีกว่านี้
ผมตั้งใจมาที่นี่แหละ เจอลุงลีเมื่อวานนี้ รู้ว่าเจ๊ มาซื้อที่ทำสวนที่นี่ จึงอยากจะมาบอกขายที่ดิน” เขาไม่อ้อมค้อม แต่ฉันสิ ฝืดเหลือทน ด้วยใจจริงไม่ชอบให้ใครเรียกเจ๊ ยกเว้นคนที่มาทำงานในไร่ แบบรายวัน (นานๆมาที) เมื่อเขาเรียกเจ๊ ฉันก็ปล่อยให้เขาเรียกไปตามสบาย แต่คนใกล้ชิดที่ต้องคบหากันนานๆ ฉันขอร้องว่าช่วยนับญาติกับฉันหน่อย ซึ่งก็ได้ผล อย่างป้าแดงจะเรียกฉันว่า “น้อง....”

 

เขาเดินลงมาจากรถ ด้วยเครื่องแต่งกายที่ทันสมัยในกางเกงยีนส์ใหม่เอี่ยม เสื้อยืดคอโปโลสีเหลืองสวย ท่าทางคล่องแคล่วจนฉันระแวง ว่าอาจจะมาสอดส่องเรื่องอื่นมากกว่าจะมาบอกขายที่ดิน แต่เมื่อเขายืนยันเรื่องตำแหน่งแห่งหนของพื้นที่ ฉันจึงค่อยวางใจ มันเป็นที่ดินที่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ในอีกหมู่บ้านหนึ่ง ที่อยู่ใกล้ภูเขามากกว่าที่นี่

เขาบอกว่า เขาเป็นเขยที่หมู่บ้านนั้น แต่เกิดในหมู่บ้านนี้ มิน่า จึงรู้เส้นทางแถวนี้ดี

 

ฉันปฏิเสธไปว่าไม่มีเงินจะซื้อที่ดิน หรืออะไรที่แพงๆอีกแล้ว ที่ทำอยู่นี่ก็แทบจะไม่มีทุนทำต่อ ต้องใช้แรงงานตัวเองเป็นหลัก เขาคงไม่ค่อยจะเชื่อ หรือว่าเขาไม่เข้าใจชีวิตก็ไม่รู้ได้ ยังคงอ้อนวอนให้ฉันช่วย ราวกับมันมีราคาแค่ไม่กี่สิบบาท จนฉันรู้สึกหงุดหงิด..บอกเขาว่า เงินเป็นล้าน ฉันไม่มีปัญญาซื้อหาหรอกนะ อย่าคิดว่าฉันรวย พรรคพวกญาติพี่น้องของฉันก็ไม่ได้ร่ำรวย แค่นี้ก็หมดตัวแล้ว เชื่อสิ...คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายอ้อนวอนให้เขาเชื่อฉันบ้าง

 

ขณะที่เขาสอดส่ายสายตามองไปรอบๆกระท่อมของฉัน คงจะเห็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ฉันวางไว้ใต้เพิงหมาแหงนหลังบ้าน มันเป็นทรัพย์สินที่คนละแวกนี้รู้ว่าฉันใช้มัน เพราะเสียงอันดังสนั่นยามหัวค่ำไม่กี่ชั่วโมง ลุงจ่อย ช่างสร้างบ้านหลังน้อยให้ฉันเคยล้อว่า บ้านนี้นักเลงพอตัว เอาของมีราคาทิ้งไว้นอกบ้าน ฉันได้แต่ยิ้ม ไม่สามารถตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ก็บอกแกไปว่า

 

ว่างๆ ช่วยแวะมาทำกระท่อมหลังน้อยๆ ที่มีประตูล็อคกุญแจได้ ให้หน่อยนะลุง” ลุงจ่อยพยักหน้า แต่ไม่เคยแวะมาอีกเลย ฉันรู้ว่าแกไม่ว่าง จนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตของตัวเองเสร็จแล้วนั่นล่ะ ฉันจึงต้องทำใจใหญ่ เชื่อว่าแถวนี้ไม่มีขโมย โดยเฉพาะขโมยที่ย่องมาในตอนที่ฉันหลับสนิท

 

พอฉันยืนยันว่าฉันจน ไม่มีเงิน ไม่มีทุน ไม่คิดจะเป็นนายหน้าค้าที่ดินด้วย เขายังอิดออด บอกว่าช่วยซื้อเฉพาะที่ดินของเขาก็ได้ แค่ 30 ไร่ จะให้ราคาพิเศษ หรือถ้าจะหาเพื่อนมาช่วยซื้อเพิ่ม ก็มีของญาติพี่น้องเมียที่อยากจะขาย รวมๆแล้วที่ดินที่อยู่ติดกัน ราวๆร้อยไร่นั่นล่ะ

 

ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงอยากจะขายที่ดินทำกินกันนัก หากเป็นเพราะมีหนี้สิน ต้องการปลดหนี้ ก็เท่ากับว่าสภาพชีวิตพี่น้องชาวอีสาน ไม่เคยดีขึ้นมาเลย เพราะฉันถูกเสนอขายที่ดินบ่อยมาก จนสงสัยว่า นี่เขากำลังขายที่ดินราคาเป็นแสนเป็นล้าน หรือว่ากำลังขายปลาทูราคาห้าบาทสิบบาทกันแน่

 

สำหรับฉันในเวลานี้ แค่จะซื้อน้ำมันเบนซินมาเติมเครื่องตัดหญ้า ฉันยังต้องคิดแล้วคิดอีก ว่าจะซื้อดีไหมหนอ หรือว่าจะหวดหญ้าด้วยสองแขนกับพร้าทื่อๆ ที่ฉันไม่มีปัญญาจะลับให้คมกริบได้ด้วยตัวเอง

 

ส่วนเครื่องปั่นไฟ ฉันตัดสินใจจะใช้มันอาทิตย์ละหนก็พอ ในเวลาที่แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือเรียกร้องขอพลังเพิ่มเติม มันคือสิ่งจำเป็นที่ฉันต้องมี ในยามฉุกเฉิน และป้องกันคนที่อยู่ไกลๆ โดยเฉพาะแม่ ไม่ให้กังวลว่าฉันอาจจะกลายเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่ควรเป็นไป

 

ก่อนที่เขาคนนั้นจะจากไป ได้ขอร้องให้ฉันเก็บเบอร์โทรศัพท์มือถือของเขาเอาไว้ เผื่อฉันจะเปลี่ยนใจ

 

ชื่อและเบอร์โทรศัพท์ บนกระดาษสีขาวแผ่นเล็กๆ ฉันกำไว้ในมือโดยไม่ได้อ่านดู

 

หวนคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยที่รัฐบาลน้าชาติครองเมือง คราวนั้นที่ดินในภาคอีสานถูกกว้านซื้อขนานใหญ่ จนราคาที่ดินพุ่งพรวด นายหน้าค้าที่ดินเดินสวนกันเป็นขบวนพาเหรด การเงินสะพัดสุดๆ และแล้วไม่นาน ฟองสบู่ก็แตกโผล๊ะ ทุกอย่างละลายหายวับไปกับตา

 

มันคือคลื่นแห่งหายนะลูกใหญ่ที่โถมซัดเข้ามา แม้วันนี้ คลื่นลูกเล็กๆยังทยอยตามมาไม่ขาดสาย

 

กระดาษแผ่นน้อยร่วงลงสู่กองไฟอย่างตั้งใจ สีขาวค่อยๆกลายเป็นน้ำตาล และไม่ถึงอึดใจเปลไฟก็ลุกโชน


ท้องไส้ฉันเริ่มส่งเสียงบอกว่าหิว

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
  ภูเขาหัวโล้นลูกนี้ อยู่ในเทือกเดียวกับภูหลวง จังหวัดเลย "ถามจริงๆ เถอะ คนแบบเราๆ นี่ ถ้าไปเป็นคนทำสวนจะหาเลี้ยงตัวเองได้จริงหรือ"เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งถามฉัน ในวันที่ฉันยังไม่ได้มีอาชีพทำสวน คงเป็นคำถามเพื่อนำไปสู่การสนทนาเชิงวิเคราะห์ว่าความคิดที่จะพึ่งตนเองจากอาชีพนี้เป็นไปได้จริงหรือ และฉันจำได้ว่าคำตอบของตัวเอง คือ"ไม่ได้" "ไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าการพึ่งตนเองหมายถึงการตัดเส้นเลือดทางการเงินจากอาชีพอื่นโดยสิ้นเชิง สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นปลูกต้นไม้ในปีแรกๆ และไม่มีเงินเก็บ หรือไม่มีคนสนับสนุนทางการเงิน คงไปไม่รอด"ฉันตอบจากประสบการณ์ที่เห็นปัญญาชนหลายคนอยากจะเป็นชาวไร่…
เงาศิลป์
ยามค่ำคืนที่เหน็บหนาวออกปานนี้ หนาวจนต้องสวมเสื้อกันหนาวหนาๆ ถึงสองชั้น หวังทนทานต่อความแหลมคมของไอหนาวที่แทรกซอนเข้ามาบาดเนื้อ เสื้อผ้าอาจปกป้องร่างกายไว้ได้บ้าง แต่บางความหนาวที่แทรกซึมเข้ามาได้กลับกระพือความร้อนรุ่มภายในให้ลุกโชน  ภาพถ่ายสุดท้ายของเจ้าเก๋า ในวันก่อนจะจากไปเพียงไม่กี่วัน สิ้นสุดเสียทีอีกหนึ่งชีวิต ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป เพราะพิษของสารเคมีที่เข้าไปทำลายตับไตไส้พุงจนหมดสิ้น ในเวลาสี่วัน วันสุดท้ายของมันกับความรู้สึกห่วงใยของฉัน มันคงรับรู้ได้ นาทีสุดท้าย มันจึงสะท้อนลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงทิ้งตัวลงบนตักฉัน แล้วจากไปนิรันดร์
เงาศิลป์
พวกมันพากันเลื้อยไปบนผิวดิน ในสภาวะอากาศอุ่นๆ คล้ายทุรนทุรายรีบร้อนที่จะไปที่ไหนสักที่ แต่กลับหลงทางวกวนจนขาดใจตายไปในที่สุด เพียงชั่วเวลาไม่ถึงชั่วโมงยามนี้ ไอแดดไม่ผ่าวร้อนอีกต่อไป ละไอหมอกที่ห่อหุ้มรอบๆตัว สร้างความมัวซัวทั้งแนวป่า มันจึงปกป้องผิวดินให้เย็นฉ่ำ และเก็บความชุ่มชื้นไว้ด้วยหยาดน้ำค้าง แต่ทำไมไส้เดือนผู้รักดินจึงคิดทิ้งถิ่นอาศัย ดิ้นรนไปสู่ความตายเช่นนี้ด้วยเล่าสำหรับฉัน รอยต่อของฤดูฝนชนฤดูหนาว ธรรมชาติมีของกำนัลที่น่ารักมามอบให้มากมาย โดยเฉพาะแม่นกทั้งหลายที่มีลูกน้อยและสั่งสอนลูกๆให้หัดบิน มีมาให้เห็นใกล้ๆอยู่บ่อยครั้ง เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ดี สำหรับการหาอาหาร…
เงาศิลป์
ละไอหมอกลอยเรี่ยอาบยอดไม้ ยามแสงเช้าสาดส่องทั่วลานไร่ รอบๆ กายคล้ายความฝัน นานนับปีแล้ว ที่ฉันไม่ได้เดินทางไกล ฤดูกาลเช่นนี้ มักกระซิบเรียกหาให้โลดแล่นออกไปตามใจตน แต่คราวนี้งานหนักในไร่ยังคงเร่งเร้าอยู่ตรงหน้า ยิ่งยามต้นไม้โบกไหว สบัดเรียวใบชุ่มเขียวให้คลายสี แล้วปล่อยให้ลมแล้งแต้มสีเหลืองจางๆ ลงแทน ฉันยิ่งต้องเร่งทำงาน หยิบสมุดบันทึกออกมาอ่านอย่างไม่ตั้งใจ กลับพบบางอย่างที่ชวนขำ ฤดูหนาวของปีนั้น ฉันได้เร่ร่อนท่องเที่ยวไปท่ามกลางความขัดแย้งที่บานปลายไปจนถึงขั้นสู้รบฆ่าฟันกันรายวัน และได้เห็นภาพการประท้วงที่วุ่นวายบนท้องถนน เกือบทั่วทั้งประเทศ บนรถไฟ จากเมืองแคนดี้…
เงาศิลป์
“ทำไมพี่ไม่ใช้ตัวพ่วงท้ายที่ไถพรวนไปพร้อมๆ กับตัดหญ้าล่ะครับ ดินจะได้ไม่แข็ง” เป็นคำแนะนำของยุทธ ซึ่งแวะมาที่ไร่แต่เช้า เพื่อขอยืมพลั่วไปตักปุ๋ยขี้ไก่ ไว้หยอดใส่หลุมแตงโมที่เถาว์เริ่มเลื้อยยาว ขณะที่ฉันขับรถแทรกเตอร์ตัดหญ้าในสวน เจตนารมณ์ของการทำสวนที่คิดว่าจะเบียดเบียนชีวิตอื่นให้น้อยที่สุด และเพื่อประโยชน์ตนอันสูงสุด เท่าที่จะทำได้ ฉันจึงตั้งใจว่าจะไม่ไถพรวน แม้บางทฤษฎีของบางนักวิชาการจะบอกว่า ดินทรายต้องไถพรวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายฤดูฝน เพราะการไถพรวนพลิกหน้าดิน จะช่วยลดการสูญเสียน้ำใต้ดินจากการดูดซึมของต้นหญ้า ใช่สิ ในภาคอีสานฉันเห็นการไถพรวนในเกือบทุกแปลงการเกษตร…
เงาศิลป์
นานๆ จึงจะมีเพื่อนบ้านแวะมาเยี่ยม ยิ่งยามนี้ยิ่งยากที่จะได้พบเจอคนผ่านทาง เพราะเส้นทางรถอีแต๊กถูกกระแสน้ำเชี่ยวลากพาดินทรายพัดหายไปทางลำธารข้างล่างโน่น จนกลายเป็นร่องน้ำลึกมีรากไม้ขนาดเล็กใหญ่พาดพันกันยุ่งเหยิง ส่วนพื้นที่ในไร่ ต้นไม้ยังเล็กนัก ร่องน้ำเล็กใหญ่เกิดขึ้นมากมาย แต่ที่ดินไม่พังทลายลงไปมาก เพราะผิวดินยังมีรากกอหญ้าสูงยึดดึงเอาไว้ ฉันหวังว่าปีต่อๆไป ผิวดินจะปลอดภัยมากกว่านี้ ถนนทางทิศตะวันออกของไร่กลายเป็นลำธาร จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เป็นสิ่งเกินจำเป็นไปในทันที ไม่ต้องพูดถึงรถยนต์ที่ฉันไม่มีใช้ รถอีแต๊กที่เคยผ่านเส้นทางนี้ทุกเช้า…
เงาศิลป์
ทุกชีวิตย่อมมีศักยภาพในการใช้ชีวิต หากยอมรับว่า “เกมการล่า” ว่าเป็นวิถีทางที่มีอยู่จริง และเราสามารถยอมรับความเจ็บปวดได้เมื่อตนเองถูกล่า ชีวิตฉันมักจะเป็นดั่งนี้… สิบกว่าปีที่แล้ว ณ ริมธาร “ห้วยแก้ว” เชียงใหม่ สายฝนที่ตกลงมาอย่างหน่วงหนักตลอดคืน ทำให้หลังคากระท่อมที่มุงด้วยใบหญ้าคา ทรุดฮวบลงมากองทับตัวฉันและกองหนังสือของฉันจนเปียกปอน ฉันได้แต่หัวเราะอย่างขำขื่น สาสมใจ วันนี้...ในหุบเขากว้าง บนแผ่นดินที่ราบสูง หลังจากฟ้าฝนกระหน่ำสายติดต่อกันหลายวันหลายคืน ฟ้าจึงบรรณาการแสงแดดอันอุ่นเอื้อมาให้ ต้นไม้ของฉันจึงได้หายใจบ้าง ต้นไม้ใหญ่ อาจพอมีเวลาต่อรอง…
เงาศิลป์
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นตื่นตระหนกเบิกโพลงอยู่ในความมืดสลัวของกระสอบปุ๋ย ทันทีที่ฉันเปิดปากถุงพวกมันต่างเงยหน้าจ้องมองมาที่ฉัน ดวงตาอีกสี่คู่เป็นสีน้ำตาลกลมกลืนกับความมืดจึงไม่สะดุดใจเท่าดวงตาคู่ที่เป็นสีน้ำทะเลกระจ่างจ้าคู่นั้น“โถ ลูกหนอลูก” ฉันร้องครางอยู่ในใจ นั่นคือเหตุการณ์ในเวลาเช้าตรู่ ที่ฟ้าฝนกระหน่ำสายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กาลเช่นนี้ได้ลักพาความสดชื่นแห่งวันใหม่ไปซุกซ่อนไว้ในม่านเมฆฝนหนาทึบริมฟ้า ราวกับมันเป็นจำเลยที่ต้องโทษหนัก และเช่นกัน ฉันผู้เคยเสพสุขจึงต้องร่วมรับโทษทัณฑ์นั้นไปด้วย เพราะเวลาที่อึมครึมในแต่ละนาทีดูเหมือนเนิ่นช้าและหน่วงทับอารมณ์มากขึ้นและมากขึ้นทุกขณะ  …
เงาศิลป์
ฉันสำเหนียกถึงแรงสะเทือนที่ดิ้นสะท้านอยู่ภายในอก ยามที่เผลอใจไปยึดมั่นกับเรื่องราวความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราขณะนี้ ทั้งที่ฉันตั้งใจวางตัวเองไว้ตรงชายขอบของสังคม... ไม่ได้ตั้งใจปิดหูปิดตาตัวเอง แต่เพราะการสื่อสารทั้งหลายที่ไม่สะดวก ฉันจึงหลุดออกมานอกวงสนทนาของความขัดแย้งเกลียดชัง เพราะ...ถูกและผิด ใช่และไม่ใช่เป็นเรื่องซับซ้อน วันวาน...สภาพชีวิตของฉันเป็นเสมือนวัชพืชของสังคมวันนี้...ฉันเป็นผู้แผ้วถางวัชพืชตัวจริงอย่างสำนึกรู้ผิดบาป แม้จะเลือกใช้เครื่องมือที่ปลอดภัยที่สุดแล้วต่อชีวิตเล็กๆ แต่กระนั้นฉันก็ยังทำลายชีวิตบางชีวิตอยู่ดี
เงาศิลป์
“เมื่อวานนี้คนในหมู่บ้านถูกหวยกันหลายคน”ยายแดงเริ่มเรื่อง ขณะที่นั่งจุมปุ๊กบนพื้นหญ้าหน้าบ้าน พลางเอาเสียมปากแบนแซะหญ้าเล่น ใบหน้ายังแดงก่ำ หยาดเหงื่อยังเปียกชื้นที่ไรผม เพราะงานดายหญ้า“แล้วยายแดงไม่ถูกกะเขาด้วยเหรอ” ฉันนั่งบนที่พักเชิงบันได หลังจากจัดเรียงกล้าไม้ใกล้โอ่งน้ำเสร็จไปแล้วหนึ่งชุด“ไม่ได้ซื้อกับเขาหรอก ไม่ค่อยได้ซื้อหวย” นับว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่อง ฉันชื่นชมในใจ“แล้วชาวบ้านได้เลขมาจากไหนกันละยายแดง”“เขาว่าเป็นเลขผีบอก ผีจากวัดป่าบอกผ่านเจ้าอาวาสอีกที”“อืม....ไม่เลวแฮะ แสดงว่าผีมีจริง”....ฉันนึกถึงกุศโลบายของตัวเอง ที่บอกกับใครๆว่าทุกวันนี้อาศัยอยู่กับ “ผีโนนบ้านคึม…
เงาศิลป์
นั่งบนตอไม้เล็กๆ หลังพิงโอ่งน้ำขนาดเท่าช้างพังตั้งท้อง ในปากกำลังเคี้ยวมะม่วงแก้วที่สุกพอห่ามๆ รสชาดกำลังดีมีความเปรี้ยวนิดๆ ทั้ง “เจ้าเสือ” หมาหนุ่มคู่บารมี ยังนอนหมอบราบคาบแก้ว ทำท่าขอแบ่งกินอยู่ตรงเท้า ดูสิ..ฉันใช้ชีวิตราวกับพระราชาในเทพนิยาย  เพราะเบื้องหน้าไกลโพ้นโน่น ตรงขอบฟ้าเหนือดงไม้นั่น คือการแสดงพลังพิเศษของเหล่าสามัญมนุษย์ เพื่อสื่อสารกับเทวดาพญาแถน จนท้องฟ้าสั่นสะเทือน ม่านเมฆเคลื่อนอยู่ไปมาเนื่องจากบ้านไร่เป็นที่ๆ ห่างไกลชุมชนทั้งในระยะทาง และด้วยสายตา แต่ฉันก็สามารถมองเห็นที่ตั้งของทุกหมู่บ้านรายรอบได้เป็นอย่างดี ในวันเวลาเช่นนี้ ทุกทิศทางจะมีเสียงดังฟู่ยาวๆ…
เงาศิลป์
มันคงเป็นเรื่องเล่าที่ชวนพิศวง ฉันคงสงสัยว่ามันมีความจริงปนอยู่สักเท่าใด หากไม่ได้ถูกบันทึกไว้ด้วยมือของฉันเองภาพในอดีตเมื่อยี่สิบปีที่แล้วฉันเห็นตัวเองเกาะแน่นอยู่บนอานรถมอเตอร์ไซค์ที่ไต่ไปตามคันนาเล็กๆ คนขับชำนาญทางเป็นอย่างดี เพราะไม่เช่นนั้นอาจได้ลงไปนอนแช่น้ำในผืนนากันทั้งคู่“พี่หวาด” เป็นหมอยาพื้นบ้านและเป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน แกทำหน้าที่เป็นสารถีรวมทั้งเป็นเนวิเกเตอร์ในการไปพบเจอกับแหล่งข้อมูล และนั่นคือที่มาของเรื่องราวที่เหลือเชื่อ ที่หลงเหลือไว้ให้ฉันหยิบจับขึ้นมาอ่านซ้ำอย่างประหลาดใจไม่น่าเชื่อว่าฉันจะเคยพบเจอกับบุคคลที่มีบุคลิกพิเศษมากมาย ปัจจุบันเขาเหล่านั้นลาจากโลกนี้ไปแล้ว…