Skip to main content

 

ศยามล ไกยูรวงศ์

 


การบริหารประเทศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในการเร่งรัดเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม หรือ โครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ   ซึ่งทั้งสองโครงการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลและเป็นการกู้เงินที่ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินตกทอดต่อไปถึงลูกหลานของคนไทย   ที่สำคัญมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพของคนไทยจำนวนมหาศาลเช่นเดียวกัน

การพัฒนาโครงการดังกล่าวในวันนี้คนไทยตัดสินใจไม่ได้  การพัฒนาโครงการคุ้มทุนทางเศรษฐกิจหรือไม่ หรือเป็นประโยชน์แก่คนไทยทุกคนมากน้อยอย่างไร   เมื่อมีปัญหาสิ่งแวดล้อม และสังคมเกิดขึ้น มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างไร  ใครรับผิดชอบ    ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวก็ยังไม่มีการเผยแพร่ให้คนไทยได้รับรู้อย่างเป็นเหตุเป็นผล และมีหลักวิชาการรองรับ ตลอดจนการได้ทราบความเห็นของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบว่ามีความเห็นอย่างไร นอกจากข้อมูลว่ารัฐบาลมีนโยบายจะดำเนินการโครงการ มีประโยชน์กับประชาชนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้จริง แต่ไม่กล่าวถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม

บทเรียนที่เจ็บปวดของคนไทยจากการพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ด  ซึ่งกำหนดให้ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรมหนัก  นอกจากปัญหาเดิมยังแก้ไขไม่ได้  แต่ภาคธุรกิจเอกชนก็ยังมีแผนเดินหน้าขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมไออาร์พีซี  นิคมอุตสาหกรรมเหมราช และนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร เป็นต้น  ตลอดจนการขยายกำลังการผลิตของโครงการ   โดยที่กลไกทั้งทางกฎหมาย กลไกของรัฐ หรือแม้แต่องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพยังไม่มีสถานะเป็นกฎหมาย  ตลอดจนการนิคมแห่งประเทศไทยร่วมกับภาครัฐ ก็ยังไม่มีความเข้มงวดตรวจสอบการดำเนินการโครงการ  หรือร่วมรับผิดชอบแก้ไขปัญหาให้กับคนระยองอย่างจริงจัง

การเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวจึงไม่มีความเชื่อมั่นใดๆที่ประชาชนจะไว้วางใจว่าเมื่อดำเนินการโครงการแล้ว ไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้หรือรัฐบาลชุดไหนจะสนใจติดตามแก้ไขปัญหาให้แก่พวกเขา  แ]tประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวต้องเผชิญกับชะดากรรมที่โหดร้าย และกลายเป็นคนจน ซึ่งสร้างปัญหาสังคมในที่สุด 

การพัฒนาประเทศให้ตั้งรับกับการพัฒนาโลกาภิวัตน์ได้นั้น  ประเทศไทยต้องมีความพร้อมของการวางแผนพัฒนาประเทศที่มองไกลไปถึงสามสิบปีข้างหน้า  มีระบบกฎหมาย และกลไกต่างๆที่มีบทบาทในการพิจารณาโครงการ การอนุมัติโครงการ และการติดตามตรวจสอบการดำเนินการโครงการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนให้มีการปฏิบัติตามแผนการติดตามการดำเนินการโครงการอย่างเคร่งครัด    

รัฐบาลได้เคยมีมติคณะรัฐมนตรี ให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) มีบทบาทการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Impact Assessment/SEA) แต่การดำเนินการดังกล่าวก็เป็นกรณีศึกษาของแผนพัฒนาภาคใต้    และมีกรณีศึกษาของเขื่อนแม่วงก์โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ใช้การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง  

การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการประเมินผลกระทบในระดับนโยบายสาธารณะ เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างยิ่งในโลกของการพัฒนาโลกาภิวัฒน์   เครื่องมือนี้ควรดำเนินการเป็นอันดับเบื้องต้นก่อนการพัฒนาเป็นรายโครงการ   เพราะเป็นการวางแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่  เพื่อมีฐานข้อมูลอย่างรอบด้านเกี่ยวกับสภาพของพื้นที่  ฐานทรัพยากรในพื้นที่  แนวทางการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน แนวทางการวางผังเมือง  ข้อมูลทางเศรษฐกิจ  สังคม และสิ่งแวดล้อม ในอดีตและปัจจุบัน ลักษณะของประชากร วัฒนธรรมการดำรงชีวิต อัตลักษณ์และสุขภาพของผู้คนในพื้นที่ การรองรับการบริการสาธารณะของภาครัฐ การพัฒนาโครงการต่างๆในพื้นที่ ผลของการพัฒนาพื้นที่เป็นอย่างไร ณ ปัจจุบัน เป็นต้น  การมีฐานข้อมูลดังกล่าวในทุกประเด็น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับรู้และเข้าใจอย่างครบถ้วน  จะทำให้การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของการวางแผนพัฒนาเชิงพื้นที่ และการประเมินสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมในระดับยุทธศาสตร์ โดยประชาชนในพื้นที่ได้สังเคราะห์ร่วมกับความรู้และประสบการณ์ในการดำรงชีวิตของเขา มาประเมินผลกระทบและวางแผนได้ว่าการพัฒนาตำบล จังหวัด และประเทศของเขาควรเป็นอย่างไร  การพัฒนาโครงการเป็นอย่างไรจึงตามมาในภายหลัง  การวางแผนพัฒนาเชิงพื้นที่ลักษณะดังกล่าวเป็นการวางแผนพัฒนาจากล่างขึ้นบน  

กระบวนการดังกล่าวจะดำเนินการได้ต้องการวิสัยทัศน์ของรัฐบาล และตระหนักในการพัฒนาประเทศแบบล่างขึ้นบน  เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนประเทศ   ซึ่งต้องใช้งบประมาณ และกลไกของระบบราชการ ภาควิชาการ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ทุกภาคส่วนร่วมกันดำเนินการในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ  การปฏิรูปประเทศไทยจึงมิใช่เพียงการปรับเปลี่ยนพรรคการเมืองใดเป็นรัฐบาล หรือโครงสร้างทางการเมือง  แต่ต้องปฏิรูปกลไก กฎหมายต่างๆที่ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศสนับสนุนกลุ่มทุนข้ามชาติเข้ามาลงในประเทศ และแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ มีปัญหาแรงงานข้ามชาติ  โดยที่ประเทศไม่ได้วางแผนการพัฒนาเพื่อรองรับกับสถานการณ์ดังกล่าว และสนับสนุนการพัฒนาประเทศจากล่างขึ้นบนเป็นจริง

กรณีของการพัฒนาประเทศที่เป็นโครงการขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว   ได้แก่ โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท  และโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม และโครงสร้างพื้นที่ นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่มีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมหาศาล  แต่กระบวนการของรัฐบาล กลับใช้วิธีเริ่มต้นด้วยกระดาษเพียงไม่กี่หน้า  เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบในกระบวนการดำเนินการโครงการทุกขั้นตอนแทนภาครัฐ   โดยภาครัฐมีหน้าที่เป็นเพียงผู้เปิดประมูลเท่านั้น  ภาคประชาชนรับรู้ว่าจะเกิดโครงการ แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆในการวางแผนมาก่อนหน้านี้เลย   การจัดเวทีการรับฟังความคิดเห็นกรณีโครงการบริหารจัดการน้ำ  ตามคำสั่งศาลปกครอง จึงไม่ใช้เวทีการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่เป็นเวทีชี้แจงข้อมูลโครงการเท่านั้น     จึงไม่น่าแปลกใจที่ประชาชนในพื้นที่คัดค้านโครงการเป็นส่วนใหญ่ 

บทเรียนนี้จึงเป็นอุทาหรณ์สำคัญว่ารัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าดูถูกหลอกลวงสมองของคนไทย ว่าเขาคือคนโง่ไม่รู้อะไรเลย  ในโลกของการสื่อสารข้ามพรมแดน  ไม่สามารถปิดหูปิดตาได้อีกต่อไป  การพัฒนาประเทศจึงไม่ใช่ดำเนินการแบบสั่งการได้อีกต่อไป   การพัฒนาประเทศจึงต้องดำเนินการด้วยหลักการห้าประการคือ  1)วิสัยทัศน์ของผู้นำ 2)กระบวนการพัฒนาจากล่างขึ้นบน  3)ฐานข้อมูลทุกมิติและรอบด้าน 4)ทุกภาคีร่วมคิดร่วมทำ  และ 5)สร้างความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในสังคม

 

 

บล็อกของ ศยามล ไกยูรวงศ์

ศยามล ไกยูรวงศ์
ศยามล  ไกยูรวงศ์
ศยามล ไกยูรวงศ์
การเดินหน้าเลือกตั้งของรัฐบาลครั้งนี้จะทำให้ปรากฏว่ามีจำนวนกี่เสียงของคนไทยที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง  หากคนใดไม่ต้องการเลือกตั้งก็ไม่ต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หากคนใดต้องการไปเลือกตั้ง ก็ให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง  ด้วยการเคารพสิทธิเสรีภาพของทุกคน จะได้รู้กันให้ชัดเจนว่าเสียงของคนไทยจำนวนกี่เสียงต้องการอย่างไร 
ศยามล ไกยูรวงศ์
การชุมนุมทางการเมืองเพื่อแสดงออกซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่าง และต้องการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล  รวมทั้งการชุมนุมให้เรียกร้องแก้ไขปัญหาของหลายเครือข่ายในหลายประเด็นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา  โดยที่ไม่มีการใช้ความรุนแรง   แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะของคนไทยที่กล้าแสดงออก และกล้าตรวจสอบรัฐบาล  
ศยามล ไกยูรวงศ์
ศยามล ไกยูรวงศ์
รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment/EIA) คือการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นรายงานทางวิชาการที่มีความสำคัญยิ่ง ต่อการอนุมัติ/อนุญาตของหน่วยงานของรัฐและของรัฐบาล