ศยามล ไกยูรวงศ์
ค่านิยมของคนไทยที่ฝังรากลึกมายาวนาน คือการชื่นชมคนที่มีเกียรติยศมั่งมีเงินทอง ค่านิยมเช่นนี้มีในทุกกลุ่มทุกชนชั้น ไม่ว่าจะเป็นในภาคชนบทหรือในเมือง ในหมู่บ้านคนไทยส่วนใหญ่คิดว่าตนเองปกครองตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพาผู้อื่นให้ปกครองแทนตน ไม่เชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของลูกหลานของตน และใช้ระบบพรรคพวกในการเลือกผู้บริหารท้องถิ่น
หน่วยงานของรัฐ หรือชนชั้นนำมีความเห็นว่าการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด จะได้บุคคลที่เป็นพ่อค้า นักธุรกิจ หรือผู้มีบารมีในจังหวัด แต่ยังขาดประสบการณ์ อายุน้อย ไม่มีประสบการณ์การประสานงานกับส่วนราชการ แนวคิด “เกิดที่ไหนตายที่นั่น” ต้องผูกพันกับพื้นที่ ไม่มีโอกาสโอนย้ายไปทำงานที่อื่น ทำให้ขาดประสบการณ์การเรียนรู้ และไม่มีระบบการพัฒนาบุคลากร มีการซื้อเสียง คอรัปชั่นในการเลือกตั้งของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น
แต่ความจริงที่ปรากฏในวันนี้ การปกครองในรูปแบบเดิมที่รวมศูนย์อำนาจ และมีการปกครองส่วนภูมิภาคที่ซ้ำซ้อนกับการปกครองส่วนท้องถิ่น ก็มีปัญหาการคอรัปชั่นในทุกจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่สามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้ ต้องรอการตัดสินใจของรัฐบาลกลาง เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาการแย่งชิงที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาภัยพิบัติ ปัญหาสังคม หรือแม้แต่ปัญหาการบริหารราชการ ในสภาวะที่ไม่มีรัฐบาล และมีสุญญากาศทางการเมือง ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดชะงัก ท้องถิ่นไม่สามารถบริหารจัดการได้ เพราะยังมีข้อจำกัดของอำนาจหน้าที่ และงบประมาณ การปกครองในรูปแบบปัจจุบันจึงไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ทุกวันนี้ที่มีความซับซ้อนของปัญหามากยิ่งขึ้น
ความหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง การไม่ยอมรับต่อสิ่งใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น จะทำให้ไม่มีการเตรียมตัวต่อการตั้งรับและการป้องกันต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น รัฐบาล หน่วยงานของรัฐ และชนชั้นนำในสังคมไทย ต่างชื่นชมในการเปิดประเทศเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และยินดีต้อนรับต่อสิ่งใหม่ๆจากนอกประเทศเข้ามา แต่กลับไม่ยอมรับต่อการทำให้ประชาชนรู้เท่าทันและบริหารจัดการจังหวัดของตนเอง
แน่นอนว่าระยะทางของการเปลี่ยนแปลงย่อมนำไปสู่ปัญหาอุปสรรค และมีข้อผิดพลาดหลายประการที่ประชาชนต้องเรียนรู้ที่จะปกครองตนเองด้วยตัวเขาเอง เพื่อการสร้างรากฐานของความเป็นประชาธิปไตย ทั้งในด้านทัศนคติ ค่านิยม และพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงนี้จึงเกิดขึ้นไม่ได้ด้วยงานวิจัยและสุนทรพจน์ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางกฎหมาย เพื่อปรับเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลกลาง และราชการส่วนภูมิภาคมาสู่การปกครองท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ
การให้จังหวัดปกครองตนเองภายใต้รัฐไทย จึงไม่ใช่เป็นการแบ่งแยกประเทศ หรือเป็นแบบสหพันธรัฐ เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศมีเนื้อที่กว้างใหญ่และมีหลายรัฐ การกระจายอำนาจไปที่ระดับจังหวัดเพื่อให้มีการจัดทำบริการสาธารณะในระดับจังหวัดได้คล่องตัว ตัดสินใจได้รวดเร็วต่อการแก้ไขปัญหา มีงบประมาณของจังหวัดที่บริหารจัดการอย่างเป็นอิสระ และมีรายได้เป็นของจังหวัด เพื่อพัฒนาให้ประชากรในจังหวัดได้มีความภาคภูมิใจในถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเอง ตลอดจนฟื้นฟูประเพณีวัฒนธรรมของชุมชนแต่ดั้งเดิม เนื่องจากที่ผ่านมารัฐส่วนกลางได้ครอบงำและทำลายวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างในประเทศมาโดยตลอด
ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจังหวัดปกครองตนเอง จึงเป็นเจตจำนงของประชาชนในการนำเสนอร่างกฎหมายจากภาคประชาชน ตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 281 ที่ต้องการให้ความเป็นอิสระแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักแห่งการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปประเทศไทย
การเป็นจังหวัดปกครองตนเอง จึงไม่ได้เกิดขึ้นทั้งประเทศ หากแต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละจังหวัด โดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งภายในจังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่าห้าพันคน มีสิทธิเข้าชื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้มีการจัดทำประชามติจัดตั้งจังหวัดปกครองตนเอง จังหวัดปกครองตนเองมีฐานะเป็นนิติบุคคล มีความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การเงินการคลัง และงบประมาณ ตลอดจน การมีอำนาจหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน
ในอดีตจนถึงปัจจุบันการปกครองของรัฐไทยอยู่ภายใต้การชี้นำของพระมหากษัตริย์และชนชั้นนำในสังคมไทย จึงทำให้คนไทยไม่ได้มีโอกาสที่จะเรียนรู้การปกครองตนเอง และกำหนดอนาคตของตนเองอย่างเป็นอิสระ การปลูกฝังประชาธิปไตยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมของคนได้นั้น ต้องมีการปฏิบัติจริงและลองผิดลองถูก การปกครองตนเองจะทำให้คนไทยเรียนรู้ในการเลือกผู้นำของตนเองจากการพิจารณานโยบาย ไม่ใช่จากความชอบส่วนบุคคล เรียนรู้ในการยอมรับความคิดที่แตกต่าง แต่สามารถทำงานร่วมกันได้ เรียนรู้ที่จะรับฟังและตระหนักต่อเสียงส่วนน้อย และนำมาปฏิบัติให้เป็นฉันทามติของทุกคน เพราะฉะนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องเรียนรู้ประชาธิปไตยจากการปกครองตนเอง