Skip to main content

 

เรื่องนี้กลายเป็นฮอตอิชชูของสังคมที่น่าติดตามกว่าละครไทยเรื่องไหนๆ ไม่ใช่แค่เพราะเป็นเรื่องของดารา แต่เพราะเป็นเรื่องความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่าง แม่-ลูก ที่ท้าท้ายขนบสังคมไทยอย่างแรง

เมื่อลูก (สาว) ลุกขึ้นมาปฏิเสธการสยบยอมต่ออำนาจของแม่ และทวงคืนอำนาจในการจัดการชีวิตและทรัพย์สินเงินทองตนเอง ยิ่งเป็นหญิงด้วยแล้ว แรงกดทับย่อมหนักหน่วงมากกว่าชาย พอมีข่าวว่าหญิงไป (หลง) เชื่อชายซึ่งเป็นคนนอก "ครอบครัว" ยิ่งไปกันใหญ่

ข่าวปล่อยเรื่อง "ท้องก่อนแต่ง" เป็นข้อหาร้ายแรงที่ลดคุณค่าความเป็นหญิงไทยทุกผู้ทุกนามและถูกใช้ทำลายกันบ่อยในทุกยุคทุกสมัย และขวัญก็ไม่ได้รับการยกเว้นในข้อนี้ 

ความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี การรักครอบครัวมากกว่า "คนอื่น" หยาดน้ำตาและความน้อยเนื้อต่ำใจ กลายเป็นไม้เด็ดของแม่และพี่สาวที่ถูกงัดขึ้นมาจัดกระหน่ำเรนนี่เซลล์เพื่อเรียกร้องเสียงสนับสนุนและความเห็นใจจากสังคม  (เมื่อไม้แข็งอย่าง "ขวัญไม่กลับบ้าน" หรือข่าวปล่อยเรื่องมีน้องดูจะทำอะไรนางไม่ได้)

ฝ่ายแม่บอกว่าเรื่องเงิน "ไม่เกี่ยว" กับความขัดแย้ง แต่ทำไปเพราะเป็นห่วงลูก ถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อให้แม่มีความชอบธรรมในการเดินเกมต่อ  

แต่เอาเข้าจริงเงินทองมันก็เรื่องใหญ่นั่นแหละ ประเด็นหลักมันอยู่ที่การเทียบค่าระหว่างบุญคุณของบุพาการีกับมูลค่าที่ต้องตอบแทน

ผู้คนกำลังถกเถียงกันว่า ลูก (สาว) ต้องตอบแทนบุญคุณแม่ "แค่ไหน?" หรือ "เท่าไหร่" จากขนบจารีตเดิมคือ "ทั้งหมดของชีวิต" ครั้นมาแปรเป็น "มูลค่า" คิดคำนวณตัวเลขที่จะต่อรองกันมันจึงสับสนอลหม่าน นับเลขกันไม่ถูกเลยทีเดียว ข่าวต่าง ๆ ที่ขุดงัดกันขึ้นมา ทั้งเรื่องบ้าน 50 ล้านบาท รถเบนซ์คันใหม่ การหาเลี้ยงทั้งชีวิต บัตรเอทีเอ็ม ฯลฯ ล้วนอยู่ในข้อถกเถียงเพื่อการเทียบคุณค่ากับมูลค่าในประเด็นนี้

ฝ่ายแม่อ้างจารีตว่าด้วยพระคุณแม่นั้นมากล้นสุดจะประมาณได้  ส่วนแฟนคลับของลูกสาวก็พยายามเทียบมูลค่าเพื่อชั่งตวงวัดหามาตรฐานของคำว่า "พอ" (เสียที)

ตัวเลขอายุก็เช่นกันที่ถูกใช้เป็นเกณฑ์วัดความเป็นผู้ใหญ่ อิสรภาพ และการสิ้นสุดของการอยู่ภายใต้อำนาจกดทับของครอบครัว (เดิม)  

30 เป็นเลขที่แฟนคลับใช้เป็นข้อเรียกร้องกดดันแม่ให้ "ปล่อย" ลูกสาวเลือกทางเดินชีวิตของตนเองได้แล้ว คือรับงานเอง จัดการเงินทองเอง เลือกคนรักเอง

ซึ่งในที่สุดผู้หญิงก็ย่อมตกไปอยู่ภายใต้อำนาจของระบอบแห่ง "ครอบครัว" (ใหม่) ตามจารีตแบบไทย ๆ ที่สังคมกำหนดกรอบไว้แล้วว่าคนรัก หญิง-ชาย ภรรยา-สามี ควรมีบทบาทและพันธะอย่างไรต่อกัน

ความเป็น "ลูก" และ "ความหญิง" เป็นโจทย์ใหญ่ของเรื่อง สองวาทกรรมนี้ทำให้ขวัญดิ้นไม่หลุดจากความคาดหวังของสังคมจารีตแบบไทย ๆ  แต่แฟนคลับซึ่งเป็นคนยุคใหม่ก็ออกแรงเชียร์กันเต็มเหนี่ยว

อีที่เชียร์กันหนักๆ นี่ชวนให้ผู้เขียนสงสัยว่าถ้าถึงตาพวกคุณเองล่ะ จะดิ้นกันหลุดไหม ?

ผู้เขียนซึ่งเป็น "ลูกสาว" ก็ยังคงดิ้นพราด ๆ อยู่ในกรอบจารีตและวาทกรรมแบบไทย ๆ ที่ตนเองรับเอามาครอบกำหนดกรอบชีวิตอยู่เช่นกัน 

#ทฤษฎีน่ะได้แต่ในทางปฏิบัติวินาศสันตะโร

 

บล็อกของ "ไม่มีชื่อ"

"ไม่มีชื่อ"
ชีวิตเป็นของเรา ร่างกายของเป็นของเรา อวัยวะเป็นของเรา เงินทองที่ใช้จัดการชีวิตก็เป็นของเรา  ดังนั้นสิทธิในการเลือกที่จะมีหรือไม่มีคู่/ครอบครัว ก็ควรจะเป็นของเราด้วย
"ไม่มีชื่อ"
...น่าทึ่งอย่างมากที่มนุษย์จำนวนมากยังคงมุ่งมั่นที่จะดิ้นรนต่อรองแม้แต่ในเรื่องที่ไม่น่าจะต่อรองได้ สรรหาวิธีการอันแยบยลมาใช้ต่อรอง และต่อรองแม้กับเทพยดาฟ้าดินที่ดูราวกับมีอำนาจสูงส่งจนไม่น่ากล้าที่จะต่อรอง
"ไม่มีชื่อ"
การทำเกษตรอินทรีย์กลายมาเป็น “แบบอย่าง” หรือ “ต้นแบบ” ที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้บริโภคโดยทั่วไปยกย่อง และอยากให้เกษตรกรไทยหันมาทำตามอย่างจริงจัง...ทว่า เกษตรกรแต่ละคนมี “ต้นทุน”  ที่ต่างกัน การทำเกษตรอินทรีย์จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเกษตรกรอีกเป็นจำนวนมาก 
"ไม่มีชื่อ"
ความตายของ "คนไร้บ้าน" ช่างง่ายดายและแผ่วเบา หลายคนไม่มีโอกาสที่จะยื้อยุดลมหายใจของตนเอง และบางคนก็ไม่คิดพยายามที่จะทำเช่นนั้น อันที่จริง การมีอยู่ของคนไร้บ้านก็แผ่วเบาดุจเดียวกัน มีคนไม่มากนักที่รับรู้และสนใจการมีอยู่และการจากไปของพวกเขา