Skip to main content

สำหรับเพลงนี้ฉันยกย่องประโยคนี้ ...เขียวระบัดนุ่มราวไหมที่ทอคลุมไหล่ให้เธอ ห่มยามฟ้าเย็น” ชื่อเพลง แนวร้างทางเดิม ประพันธ์โดยคุณจรัล มโนเพ็ชร ขับร้องโดยคุณสุนทรี เวชานนท์ อยู่ในอัลบั้ม แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน ฉันชอบเวอร์ชันที่เธอร้องปัจจุบันมากกว่าในซีดี เพราะมีความรู้สึกว่าเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ หลอมรวม และผ่านการตีความจนทำให้ได้อารมณ์ที่แตกต่าง


 

 


 


18_8_01


ยามตะวันลา เหม่อยืนมองฟ้าเรืองรอง

น้ำเปี่ยมฝั่งสอง ใบไผ่ลอยล่องเป็นแพ

หอมข้าวใหม่อวดรวงไว้รอเธอมาเกี่ยวดูแล อยู่เต็มท้องทุ่ง


ฉันแพ้แสงตะวันตกดิน ใครคนหนึ่งเคยบอกฉันว่าแสงอาทิตย์ยามเช้าให้พลัง แสงอาทิตย์ยามเย็นดูดพลังจากเรา คนโบราณจึงสอนไม่ให้นอนทับตะวัน หรือนอนในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อตื่นขึ้นมาเราจะเพลีย เพราะพลังในร่างกายจะหายไป ฉันรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ตั้งแต่เด็กในวัยที่ยังไม่เรียนรู้ความเหงา ฉันชอบขี่จักรยานออกไปนอกเมืองเล็ก ๆ ที่บ้านเกิด ไปดูทุ่งนา ทุ่งข้าวเขียว สูดกลิ่นหอมของใบข้าว กลิ่นน้ำในนา และชอบดูแสงอาทิตย์ลับฟ้า ชอบมองไปที่หลังภูเขาใหญ่เบื้องหน้าว่าคนที่อยู่บนนั้นเขาทำอะไรกันอยู่ หนาวไหม ยุงกัดไหม บางวันดูเพลินจนดาวขึ้นที่ขอบฟ้า


18_8_02


ลมแผ่วรวยรินกลิ่นไอดินหอมจรุง

เขาเสียดป่าสูง อ้อมโอบราวอุ้งมือไพร

เขียวระบัดนุ่มราวไหมที่ทอคลุมไหล่ให้เธอ ห่มยามฟ้าเย็น


อย่างที่บอก ฉันยกย่องประโยคนี้ เขียวระบัดนุ่มราวไหมที่ทอคลุมไหล่ให้เธอ ห่มยามฟ้าเย็น ฉันยกให้เป็นสุดยอดของความเปรียบที่สามารถทำให้สีมีความรู้สึก (เขียว-นุ่มราวไหม) จากสายตาของเขา-รินสีสันของโลกสู่หัวใจ ทอร้อยถ้อยคำออกมาเป็นความอบอุ่นยามหนาวเย็น เป็นบทกวีที่ทำให้เห็นทุ่งข้าวเขียวทีไรก็นึกถึงผ้าคลุมไหล่ จนอยากหนาวเหน็บแม้แดดเปรี้ยงทุกที


ผู้เขียนเป็นกวี นึกภาพคุณจรัลทอสีเขียวเป็นผ้าคลุมไหล่ให้เธอคนนั้น ฟ้าเย็นย่ำคงอุ่นอวลไปด้วยสีเขียวผืนนั้น นอกจากความงามแล้วเขาถักทอสิ่งใดทิ้งไว้ในโลกใบนี้บ้าง...ก่อนจากไป “อยู่ในห้องอัดเขาฟังทุกเม็ด ละเอียดมาก อย่างตรงนี้เขาบอกว่า ยังไม่เขียวน่ะแอ๊ด เขียวอีกนิด เวลาร้องว่าเขียวต้องเขียว ร้องว่าหนาวต้องหนาว เขาฟังจนได้อารมณ์อย่างที่เขาต้องการ” (สุนทรี เวชานนท์)


18_8_03


ใครบรรเลงพิณเสียงเพลงไพรอ่อนหวาน

ทำนองคือตำนานหยั่งรู้ในสิ่งที่เห็น

รอเธอมาเยือนยามฟ้ามีดวงเดือนเพ็ญ

คืนยาวอันหนาวเย็นช่วยกันก่อไฟ


คืนหนาวกลางพายุฝนเช่นสถานการณ์ในบ้านเราเวลานี้ สิ่งเดียวที่จะช่วยบรรเทาความว้าเหว่ไม่ว่าจะทางความคิดหรือในอารมณ์ได้บ้างก็มีเสียงเพลง ท่วงทำนองเพลงหลายเพลงมีส่วนช่วยเยียวยาหัวใจ เหมือนเพื่อนที่คิดคล้ายกัน รู้สึกเหมือนกัน รอคอยให้คืนวันอันหนาวเย็นผ่านพ้นไปด้วยกัน ระหว่างนั้นจะมีใครช่วยก่อไฟรอคืนฟ้าเปิด จันทร์เต็มดวง หรือนั่งรอคอยดาวบางดวงส่องประกายด้วยกันหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่


18_8_04


กลางเถื่อนเลือนรางกับแนวทางร้างคนไป

หนาวสั่นหวั่นไหวดาวเกลื่อนไม่เหมือนเดือนเพ็ญ

คิดถึงอยู่...อยากจะรู้เมื่อใดคืนกลับมาเป็นแสงส่อง


สำหรับฉัน..เมื่อยามนั้นมาถึง ยามเมื่อต้องเดินทางกลางโลกเถื่อน กลับพบว่าแม้ร้างคนไปแต่หัวใจกลับอบอุ่นเพียงมีแสงดาวแสงจันทร์ แต่บางครามีผู้คนร่วมทางมากมายกลับคล้ายไปอยู่คนเดียว ท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำซัด ฉันบอกตัวเองว่า หนาวเหน็บก็หาเสื้อใส่ เปียกปอนก็หาเสื้อเปลี่ยน ไปไม่ได้ก็หยุดพัก หลังฝนตกท้องฟ้าแจ่มใสตั้งหลักได้ก็ไปต่อ การเดินทางยังอีกยาวไกล


มีดาวมองดาว มีเดือนมองเดือน ไม่ต้องมีเข็มทิศ แต่ไปอย่างมีจุดหมาย

กายเปียกได้ถูกลมพัดได้

แต่ความคิดและใจ

ไม่.


บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
ได้มีโอกาสไปแอ่วเมืองน่านเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หลังจากไม่ได้ไปมาเป็นสิบปี ไปคราวนี้คนที่ไปด้วยก็แทบไม่เคยไปเลย มีเราคนเดียวที่มาบ่อยที่สุด กระนั้นก็นับได้ประมาณสี่ครั้ง ความที่เมืองน่านเป็นเมืองที่จะว่าไกลก็ไกล จะว่าไม่ไกลก็ไม่ไกลนัก ขับรถจากเชียงใหม่ 5 ชั่วโมงรวมเวลาพักรถกินกาแฟที่เด่นชัย ขับรถเส้นทางนี้ขอแนะนำร้านกาแฟสดเด่นชัย ตรงริมแม่น้ำ เชิงสะพานทางไปลำปาง กาแฟเค้าดีจริงๆ หรือหากใครดื่มกาแฟไม่ได้ ถ้าได้ผ่านไปที่อ.ร้องกวาง จ.แพร่ แวะตลาดสด มีร้านหนึ่งขายเมี่ยง ใช้อมตอนขับรถง่วง ๆ ได้ผลดี เพราะเมี่ยงเป็นใบชาชนิดหนึ่งมีคาเฟอีนเหมือนกัน เราชอบกินเมี่ยงเพราะไม่ขับปัสสาวะเหมือนกาแฟ  
โอ ไม้จัตวา
  รูปนี้ก็ต้องจับกล้องนิ่ง ๆ เพราะถ่ายท้องฟ้าตอนเย็น
โอ ไม้จัตวา
 คำถามเดิม ถ่ายยังไงให้ดีให้สวย คำตอบแบบกำปั้นทุบกล้องเลยคือ มองให้เห็นความงาม ซึ่งตรงนี้ขอเน้นย้ำว่า “ความงามเป็นเรื่องปัจเจก” เป็นเรื่องของใครของมัน กล้องก็ของเรา เราถ่ายเราก็เอาไปดู และชื่นชมอย่างน้อยก็กับตัวเอง คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างไม่ต้องสนใจ ถ้าเราเห็นว่างาม...ถ่ายเลย
โอ ไม้จัตวา
  หลายคนถามว่าถ่ายรูปอย่างไรให้สวย ช่วยสอนหน่อยได้ไหม ความที่ไม่ได้ร่ำเรียนเรื่องการถ่ายภาพมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้เราสอนเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้เช่นกัน คำตอบที่บอกไปส่วนใหญ่จะบอกแบบโยนกล้องให้แล้วไปหาเอา
โอ ไม้จัตวา
  ไปกินปลาสะแงะมาแล้ว รสชาติและเนื้อคล้าย ๆ กับปลาคังน่ะ ร้านที่ไปกินเป็นร้านอาหารอร่อยด้วยรสมือคนปรุง ชื่อร้านน้องเบส ขอแนะนำ เป็นห้องแถวสองคูหา นอกจากปลาสะแงะที่น่าลิ้มรสแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้อีกเมนูหนึ่งของร้านนี้คือ เห็ดหอมทอดซีอิ้ว ที่มีน้ำจิ้มสีเขียวสูตรของร้านนี้โดยเฉพาะ อร่อยจริง ๆ
โอ ไม้จัตวา
ภาพจาก www.thailandoutdoor.com ไปปายคราวที่แล้ว ได้ยินชื่อปลาสะแงะในเมนูร้านอาหารร้านอร่อย (ร้านน้องเบส เห็ดหอมทอดอร่อยด้วยน้ำจิ้มสีเขียว) แต่ก็ไม่ได้กิน ถามใครก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นปลาอะไร ดียังไง ทำไมต้องปลาสะแงะ จนกระทั่งมาเจอข้อเขียนของคุณ’รงค์  วงษ์สวรรค์ ที่เคยเขียนไว้ถึงปลาชนิดหนึ่งชื่อปลาไหลหูดำ “ปลาไหลหูดำ  โอว  หี่  เหมา  ปรุงรสน้ำแดงกับเห็ดหอมและผักบุ้ง--เอ้งฉ่าย   ปลานี้อิมพอร์ทเข้ามาจากฮ่องกงราคาแพงและมีกินในฤดูเดือนเท่านั้น แต่บางคนบอกความลับว่า  พรานปลาแถบลุ่มน้ำตาปีภาคใต้นำมาส่งอย่างไม่เปิดเผยเพื่อการผดุงราคาเหนือกว่าปลาอื่น…
โอ ไม้จัตวา
http://blog.palungjit.com/uploads/s/saochiangmai/3152.mp3 เพลงน้องน้อยแพนด้า สำหรับดาวน์โหลดค่ะ แพนด้าไม่ใช่หมี แพนด้าคือแพนด้า
โอ ไม้จัตวา
  ความที่ปายเป็นเมืองโรแมนติก เมืองที่อยู่สบาย ล้อมรอบด้วยภูเขา มีแม่น้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน เหมือนภาพในฝัน ในนิทานยังไงยังงั้น จึงมีผู้คนจำนวนหนึ่งย้ายนิวาสสถานมาอาศัยอยู่ที่ปาย บางคนมานอนอ่านหนังสือ พักผ่อน เช่าบ้านอยู่นาน ๆ เป็นจุดแวะพักในซอกมุมหนึ่งของโลก ก่อนจะออกเดินทางต่อไป  
โอ ไม้จัตวา
ดอกไม้ริมทาง ใครจะนึกบ้างว่าเมืองที่ “อะไรก็ปาย” ในพ.ศ.นี้ เคยเป็นดินแดนสำหรับเนรเทศผู้กระทำความผิดมาก่อน ย้อนหลังไปไกลเจ็ดร้อยกว่าปี เมื่อเริ่มสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นในพ.ศ. 1839 ในสมัยราชวงศ์มังรายปกครองเชียงใหม่นี้ ปายก็เป็นเมืองหน้าด่านเมืองหนึ่งของเชียงใหม่ ในชื่อว่า “เมืองน้อย” ซึ่งปัจจุบันบ้านเมืองน้อย (อยู่ระหว่างปายกับอ.เวียงแหง) เป็นหมู่บ้านของชาวปกากญอ อยู่ต้น ๆ ของแม่น้ำปาย
โอ ไม้จัตวา
  ได้เวลาพารถคันน้อย ๆ ไปออกกำลังกายอีกแล้ว คราวนี้ไปแบบไม่รู้อะไรเลย บ้านวัดจันทร์ ฉันรู้จักในนามป่าสนวัดจันทร์ ความที่ชอบต้นสนสองใบ สามใบ และไม่เคยแยกออกสักทีว่าอย่างไหนสองใบ หรือสามใบ แต่ที่ชอบคือใบฝอย ๆ เวลามองไกล ๆ แล้วดูเป็นฟู่ ๆ สวยดี ใบสนไม่มีน้ำ ยามหน้าแล้งจึงยังเขียวอยู่เนื่องจากมีน้ำมันอยู่ข้างใน
โอ ไม้จัตวา
คนปาย
โอ ไม้จัตวา
ตื่นเช้ามาด้วยอาการแฮ้งค์ดาวแดงอย่างสุดชีวิต ความที่เคมีในร่างการเริ่มปฏิเสธดาวดาวสีแดงดวงนี้ ทำให้ชีวิตฉันง่ายขึ้นเมื่อต้องชะตากับลีโอ จนเพื่อนร่วมทางบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กินลีโอ