Skip to main content

องค์ บรรจุน

วงดนตรีพื้นเมืองของแต่ละชาติย่อมมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง แต่กระนั้นวงดนตรีที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกัน ไม่ว่าพม่า มอญ ไทย ลาว เขมร ย่อมมีความคล้ายคลึงกันเพราะต่างได้รับอิทธิพลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะดนตรีมอญกับไทยมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งเครื่องดนตรีและทางดนตรี เหตุเพราะไทยรับเอาอิทธิพลของดนตรีมอญมาไม่น้อย ในเมืองไทยจึงมีเพลงมอญเก่าแก่หลงเหลืออยู่มากมาย เช่น แประมังพลูทะแย กชาสี่บท ดอมทอ ขะวัวตอฮ์ เมี่ยงปล่ายหะเลี่ย เป็นต้น [1] รวมทั้งครูเพลงมอญในเมืองไทยยังได้มีการแต่งเพลงไทยสำเนียงมอญขึ้นมาอีกมากมาย เช่น มอญรำดาบ มอญดูดาว (เพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) มอญอ้อยอิ่ง มอญแปลง มอญนกขมิ้น กราวมอญรำ เป็นต้น และสิ่งที่โดดเด่นของดนตรีมอญ คือ วงปี่พาทย์มอญ อันเป็นที่นิยมมาทุกยุคทุกสมัย

ปี่พาทย์มอญ

ปี่พาทย์มอญ "ดนตรีเสนาะ ศิษย์ครูเจิ้น" จังหวัดปทุมธานี

สมัยกรุงธนบุรีนั้นมีหลักฐานปรากฎตามหมายรับสั่งในงานฉลองพระแก้วมรกตว่า
“…ในระยะที่ว่างนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พิณพาทย์ไทย พิณพาทย์ รามัญ และมโหรีไทยมโหรีแขก ฝรั่ง มโหรีจีน ญวน เขมร ผลัดเปลี่ยนกันสมโภช ๒ เดือนกัน ๑๒ วัน พระราชทานเบี้ยเลี้ยงผู้ที่มาเล่นนั้น หมื่นราชาราชมโหรีไทย ชาย ๒ หญิง ๔ พระยาธิเบศรบดีมโหรีแขก ๒ มโหรีฝรั่ง ๓ พระยาราชาเศรษฐีองเชียงชุนมโหรีญวน พระยาราชาเศรษฐีจีน มโหรีจีน ๖ พระยารามัญวงศ์มโหรีมอญ คนเพลงชาย ๒ หญิง ๔ พิณพาทย์ ๙ หลวงพิพิทวาทีมโหรีเขมร ชาย ๔ หญิง ๓ หมื่นเสนาะภูบาลพิณพาทย์ไทย ๕ รามัญ ๕ ลาว ๑๒…” [2]

วงปี่พาทย์มอญมีเครื่องดนตรีบรรเลงเทียบได้กับวงปี่พาทย์เครื่องห้าของไทย ได้แก่
(๑) ปี่มอญ มีรูปร่างคล้ายปี่ชวา แต่ขนาดใหญ่กว่า และมีลำโพงทำด้วยทองเหลือง ครอบต่ออยู่ตรงปลายปี่
(๒) ระนาดเอก มีลักษณะรูปร่างเหมือนของไทย
(๓) ฆ้องมอญ ลักษณะของวงฆ้องจะโค้งขึ้นทั้ง ๒ ข้าง ตัวร้านฆ้องแกะสลักลวดลายปิดทอง ประดับกระจกงดงาม ทางด้านซ้ายของคนตีมักแกะเป็นรูปกินนรจับนนาค เรียกว่าหน้าพระ
(๔) ตะโพนมอญ รูปร่างคล้ายตะโพนไทย แต่ใหญ่กว่า และตรงกลางหุ่นป่องน้อยกว่า ใช้บรรเลงผสมในวงปีพาทย์มอญ มีหน้าที่บรรเลงหน้าทับ กำกับจังหวะต่างๆ
(๕) เปิงมางคอก มีหลายลูก โดยมากจะมี ๗ ลูก เทียงเสียงสูงต่ำเรียงลำดับกันไป แขวนกับคอกเป็นวง ล้อมตัวผู้ตี
นอกจากนี้ยังมีเครื่องประกอบจังหวะ คือ ฉิ่ง ฉาบ โหม่ง ซึ่งมี ๓ ลูก มีเสียงสูงต่ำเป็น ๓ เสียง บรรเลงรวมกันเรียกว่า วงปี่พาทย์มอญ

ปี่พาทย์มอญ บางลำพู
ปี่พาทย์มอญ "ดุริยปราณีต" บางลำพู กรุงเทพฯ งาน ๕ ธันวามหาราช ปี ๒๕๔๘ ณ ท้องสนามหลวง

วงปี่พาทย์มอญ เป็นวงดนตรีที่นิยมเล่นทั้งงานมงคลและงานอวมงคลทั่วไป แต่ภายหลังมีการนำวงปี่พาทย์มอญไปบรรเลงในงานพระศพของสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ พระราชินีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงดำริว่า สมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์นั้นเป็นเชื้อสายมอญโดยตรง จึงโปรดฯ ให้นำวงปี่พาทย์มอญมาบรรเลง และด้วยเหตุนี้เองภายหลังจากงานพระศพดังกล่าว จึงได้เกิดเป็นค่านิยมว่า หากเป็นงานศพผู้ดีจะต้องมีปี่พาทย์มอญบรรเลงด้วย [3] จนกลายเป็นธรรมเนียมยึดถือกันในเวลาต่อมาในหมู่ชาวไทย ซึ่งไม่เฉพาะแต่ศพผู้ดีเท่านั้นแม้ศพของสามัญชนทั่วไปก็เชื่อถืออย่างเดียวกันว่า ปี่พาทย์มอญนั้นใช้บรรเลงเฉพาะในงานศพเท่านั้น และพาลเกิดความเชื่อตามมาว่าวงดนตรีปี่พาทย์มอญเป็นสิ่งอัปมงคล หากไม่มีงานศพหรือคนตายแล้ว ห้ามเอาขึ้นบ้านเรือนผู้ใด เพราะเชื่อว่าจะเป็นลางไม่ดี [4]

ภาพฆ้องมอญด้านข้าง แกะสลักรูปกินนรจับนาค
ฆ้องมอญด้านข้าง แกะสลักรูปกินนรจับนาค

ไม่เพียงแต่การบรรเลงวงปี่พาทย์มอญเท่านั้น ที่เกิดเป็นค่านิยมว่าเป็นวงดนตรีที่ใช้เฉพาะงานอัปมงคล แม้แต่เสียงดนตรีที่เกิดจากการบรรเลงในวงปี่พาทย์มอญ ยังถูกเหมารวมไปด้วย ได้แก่ เสียงของ “ตะโพนมอญ” ซึ่งมีเสียงดังกังวาลลึกกว่าตะโพนไทย หน้าใหญ่ภาษามอญเรียกว่า "เมิ่กโหน่ก" และในภาษาไทยเรียกว่า "หน้าเทิ่ง" หรือ "หน้าเท่ง" ส่วนหน้าเล็กภาษามอญเรียกว่า "เมิ่กโด้ด" และในภาษาไทยเรียกว่า “หน้าทึง” เนื่องจากเวลาตีตะโพนแล้วเสียงที่ได้คือ “เท่ง-ทึง” เช่นนี้เอง ประกอบกับผู้คนมักได้ยินเสียงตะโพนมอญในงานศพเสมอ จึงเกิดเป็นคำเรียกคนตายในอีกความหมายหนึ่งว่า “เท่งทึง” [5]

 

ตะโพนมอญ ที่มาของคำว่า
ตะโพนมอญ ที่มาของคำว่า "เท่งทึง"

 

ความเป็นจริงนั้นก็ด้วยเหตุผลที่ได้แจ้งแล้วข้างต้นแล้วว่า ปี่พาทย์มอญบรรเลงได้ทั้งงานมงคล และงานอวมงคล (งานศพ) ทั่วไป อย่างเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ ในงาน ๕ ธันวามหาราช ชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพได้นำวงปี่พาทย์มอญ มอญรำ และนักร้องเพลงมอญ ไปแสดงบนเวทีกลางท้องสนามหลวงเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็มิได้มีปัญหาแต่อย่างใด ทางราชสำนัก สำนักพระราชวัง และมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช มิได้มีคำถามใดๆ ทั้งสิ้น เพราะสถาบันเหล่านี้เข้าใจดี ในหมู่คนมอญก็ยังมีค่านิยมแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง การที่คนไทยรับปี่พาทย์มอญไปแสดงนับเป็นสิ่งที่ดี วัฒนธรรมการดนตรีจะได้ไม่หยุดนิ่ง มีพัฒนาการ แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน แต่อย่างน้อยควรมีคำอธิบายความหมายที่มาที่ไปให้ได้รู้กัน ลองคิดกันดูเล่นๆ หากใครสักคนคิดตั้งวงปี่พาทย์มอญขึ้นมา และยึดถือเป็นอาชีพของครอบครัว ปีหนึ่งๆ รับแต่งานศพ มันจะไปพอกินอะไร คงต้องลุกขึ้นมานั่งแช่งชักหักกระดูกให้ผู้คนล้มตายกันทุกวัน “จะได้งานเข้า”

----------
1 ไพโรจน์ บุญผูก. (๒๕๓๗). ปี่พาทย์-มอญรำ. ใน สยามอารยะ. ๒(๒๓). หน้า ๕๒.
2 กรมหลวงนรินทรเทวี. (๒๕๔๖). อัญเชิญพระแก้วมรกตจากเวียงจันลงมากรุงธนบุรี. ใน ศิลปวัฒนธรรม. หน้า ๑๔๑.
3 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ; และ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์. (๒๕๐๕). สาส์นสมเด็จ เล่มที่ ๑๘. หน้า ๑๐๗.
4 อนันต์ สบฤกษ์. (๒๕๕๑). เพลงพื้นบ้าน ‘กันตรึม’ ในกระแสการเปลี่ยนแปลง. ใน เอกสารประกอบการบรรยายประชุมวิชาการ, แผนที่วัฒนธรรม: เครื่องมือสร้างความสัมพันธ์ชายแดน. สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล, ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๑. เอกสารอัดสำเนา.
5 สมภพ ภิรมย์. (๒๕๒๕). มอญ. ใน รวมเกล็ดพงศาวดารและประวัติศาสตร์ชนชาติมอญ. บรรณานุสรณ์ ในงานพระราชทานเพลิงศพรองอำมาตย์โท ขุนอาโภคคดี (เพิ่ม หลักคงคา). หน้า ๗๓.

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
การบริภาษผู้ที่มาทำให้เราไม่พอใจนั้นมีอยู่ด้วยกันทุกชนชาติ หากแต่ถ้อยคำที่ก่นด่ากันนั้นมีนัยยะสำคัญอย่างไร เหตุใดคนที่เลือกสรรถ้อยคำนั้นขึ้นมาจึงคิดว่าจะเป็นคำที่เจ็บแสบ สามารถระบายอารมณ์พลุ่งพล่านนั้นลงได้ ว่าแต่ว่า คำที่คนชาติหนึ่งด่ากันแล้วนำเอาไปด่าใส่คนอีกชาติหนึ่งมันจะเจ็บแสบอย่างเดียวกันหรือไม่ หรือคนด่าจะเป็นฝ่ายเจ็บเสียเอง
องค์ บรรจุน
บางท่านอาจเคยรู้มาบ้างแล้วว่า นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซียมีเลือดเนื้อเชื้อไขไทยสยาม แต่บรรดาคนเกือบทั้งหมดในจำนวนนี้อาจจะยังไม่รู้ว่า เชื้อสายไทยสยามของท่านนั้นแท้จริงแล้วคือ มอญ ด้วยสายเลือดข้างมารดานั้นคือ คุณหญิงเนื่อง (คุณหญิงฤทธิสงครามรามภักดี) หลานลุงของหลวงรามัญนนทเขตคดี อดีตนายอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีคนแรก ต้นสกุล นนทนาคร
องค์ บรรจุน
แม้พุทธศาสนาจะมีต้นกำเนิดมาจากชมพูทวีป แต่ชนชาติต่างๆ ได้มีการแลกรับปรับใช้ในแบบของตนเอง เกิดลัทธินิกายผิดแผกแตกต่างกันไป สำหรับพุทธศาสนาในเมืองไทยนั้นเป็นที่รับรู้กันมานานแล้วว่า ได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิเถรวาทของมอญ ซึ่งเลื่องชื่อเรื่องความเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติของสงฆ์และความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแน่นแฟ้นของพุทธศาสนิกชนมอญ ข้อหนึ่งที่จะกล่าวถึงต่อจากนี้คือ พุทธประวัติตอนที่พระนางพิมพาสยายผมลงเช็ดพระบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธประวัติตอนนี้มีกล่าวถึงเฉพาะในส่วนของมอญเท่านั้น นอกจากนี้ชาวมอญยังได้นำมาใช้ในชีวิตจริงกับกษัตริย์และราชวงศ์อีกด้วย…
องค์ บรรจุน
ตลาดน้ำเกิดใหม่ใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วอึดใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ผู้คนให้การต้อนรับแบบน้ำใสใจจริง และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์รายรอบที่น่าสนใจ แม้จะเป็นตลาดน้ำเกิดใหม่เมื่อไม่นานแต่ก็ไม่มีการเสริมแต่งอย่างฝืนธรรมชาติ ซ้ำยังโดดเด่นด้วยของกินของใช้และของฝากหลากหลายโดยพ่อค้าแม่ขายคนในท้องถิ่น เปิดขายทุกวันเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่เช้าตรู่เรื่อยไปจนแดดร่มลมตก จากนั้นตลาดก็จะวายไปเองตามวิถีทางของมัน  
องค์ บรรจุน
ป้าขจี (สงวนนามสกุล) เป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในหลายวัฒนธรรม คลุกคลีกับผู้คนตั้งแต่เหนือสุดจนเกือบใต้สุดแดนสยาม อีกทั้งยังมีการผสมผสานหลายชาติพันธุ์ในตัวของป้า กับวัยที่ผ่านสุขทุกข์มาแล้วกว่า ๗๖ ปี จิตใจที่โน้มเอียงเลือกจะอยู่ข้างวัฒนธรรมแบบใดหรือยอมรับการผสมผสานของสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตมากน้อยเพียงใดนั้น คงเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่หล่อหลอมป้าขจีมาตั้งแต่วัยเด็ก
องค์ บรรจุน
ไม่รู้ว่าทำไมนักวิชาการที่ชอบใช้ทฤษฎีเมืองนอกเมืองนา ประเภทท่องจำขี้ปากฝรั่งมาพูด (สังเกตดูจากบทความวิชาการที่มักมีวงเล็บภาษาอังกฤษ มีเชิงอรรถในแต่ละหน้าเกือบครึ่งหน้ากระดาษ ฉันไม่ได้รังเกียจหลักการวิชาการของต่างชาติที่มีมาก่อนเรา เพียงแต่สงสัยว่า ตรงไหนกันหนอคือความคิดสร้างสรรค์ที่มาจากสมองของคนเขียน...?) ชอบเอาทฤษฎีมาทดสอบพฤติกรรมเอากับคนเล็กคนน้อย คนที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงในสังคม โดยมักมีคำถามและ “คำพิพากษา” ต่อคนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เมื่อพบเจอคนชาติพันธุ์นุ่งห่มชุดประจำชาติของเขาในกิจกรรมสำคัญ ก็ล้วนมีคำพูดถากถางเสียดสี และพูดคุยกันในกลุ่มของตัวเองแบบเห็นเป็นเรื่องขำ
องค์ บรรจุน
ถึงทุกวันนี้คนส่วนใหญ่คงรู้กันแล้วว่า พม่าย้ายเมืองหลวงจาก ร่างกุ้ง (Rangoon) ไปยังเมืองเนปิดอว์ (Naypyitaw หรือ Naypyidaw) หลายคนอาจไม่รู้ว่าทำไม เหตุผลที่คาดเดากันไปก็มีหลายอย่าง ทั้งความเชื่อถือของนายพลตานฉ่วยตามคำทำนายของโหรส่วนตัว ภัยคุกคามจากอเมริกา หรือข่าวล่าสุดเรื่องการสะสมอาวุธ สร้างอุโมงค์ใต้ดินซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากเกาหลีเหนือเมื่อไม่นาน เพื่อลำเลียงพลและสรรพาวุธป้องกันตนเองและควบคุมชนกลุ่มน้อยต่างๆ
องค์ บรรจุน
เม้ยเผื่อน เล่าว่า ตนเองเกิดที่ย่านวัดน่วมกานนท์ ตำบลชัยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับบ้านปากบ่อและอยู่ภายในตำบลเดียวกันและเป็นหมู่บ้านของสามีและเครือญาติทางสามี
องค์ บรรจุน
  ผมไม่ได้คิดฝันว่าจะเป็นนักวิชาการมาแต่ต้น สู้เรียนเพิ่มจากระดับปริญญาตรีในศาสตร์คนละแขนงต่างขั้ว แค่หวังเพียงจะได้รับฟังและพูดคุยอธิบายความกับนักวิชาการทั้งหลายให้รู้เรื่องบ้างเท่านั้น
องค์ บรรจุน
ผมเป็นคนมหาชัย แม้ว่ามหาชัยเป็นเพียงแค่ชื่อตำบลหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร แต่คนทั่วไปกลับรู้จักคุ้นเคยมากกว่าชื่อจังหวัด เช่นเดียวกับ แม่กลอง ซึ่งเปรียบเหมือนชื่อเล่นที่คนเคยปากมากกว่าชื่อสมุทรสงคราม ทั้งที่เป็นเพียงชื่อตำบลเล็กๆ เท่านั้น ทั้งสองจังหวัดนี้อยู่ชายทะเลอ่าวไทย สมุทรสาครมีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน ไปออกอ่าวไทยที่บ้านท่าจีน ไม่ต่างจากสมุทรสงครามที่มีแม่น้ำแม่กลองไหลผ่าน ไปออกอ่าวไทยที่บ้านแม่กลอง
องค์ บรรจุน
มอญ เป็นชนชาติเก่าแก่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยมีรัฐเอกราชปกครองตนเองอยู่ตอนใต้ของประเทศพม่า ปัจจุบันอยู่ในฐานะชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า ขณะที่มอญส่วนหนึ่งได้อพยพเข้ามายังดินแดนไทย และมีฐานะเป็นชนกลุ่มน้อยเช่นเดียวกัน ชนชาติมอญ มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมสืบเนื่องมายาวนาน แม้ปัจจุบันจะไม่มีรัฐปกครองตนเอง แต่วัฒนธรรมมอญทางด้านศาสนา ภาษา วรรณคดี สถาปัตยกรรม นาฏศิลป์ ดนตรี ความเชื่อและประเพณีพิธีกรรมของชนชาติในภูมิภาคนี้ ล้วนได้รับอิทธิพลจากมอญ
องค์ บรรจุน
ราชาธิราช คือ วรรณคดีไทยที่แปลมาจากพงศาวดารมอญ โดยมีการแต่งเติมรายละเอียดบางอย่าง จึงไม่ใช่ประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารมอญ แม้คนมอญจำนวนมากเชื่อว่า “ราชาธิราช” เป็นพงศาวดารชาติมอญก็ตาม เพราะได้รับอิทธิพลจากการที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดฯให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) และคณะ แปลขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ นำมาสู่การจัดพิมพ์จำหน่ายโดยหมอบรัดเลย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓ และอีกหลายสำนักพิมพ์มากกว่า ๒๒ ครั้ง ไม่นับแบบเรียน การแสดงลิเก ละครพันทาง ละครเวที และละครโทรทัศน์