Skip to main content
ต่อจากการตอบจดหมายเรื่องทุกข์ใจกับคนที่ไม่ชอบเรา

1

ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล

คำถามที่ 1 มันก็มีเหตุให้ถามน่ะค่ะ
ทุกวันนี้บรรเทาด้วยการ ปล่อย ปลง และหมั่นสวดมนต์
สวดพาหุง และแผ่เมตตา

ไว้จะเล่าให้ฟังแบบมีข้อมูลนะคะ
ขอบคุณจริงๆค่ะที่สละเวลาตอบ และตอบยาวๆด้วย

เข้าใจกระจ่างขึ้นมากค่ะ

อ้อ ขอนำไปแปะบล็อก  เพื่อให้เป็นธรรมทานแก่บุคคลอื่นด้วยนะคะ

2
เรื่องการปลงและปล่อยวาง

อันนี้สำคัญมากๆ
คือ ในเริ่มต้น เราให้ "ความคิด" ของเรา ปลงและปล่อยวางก่อน
แต่เมื่อเรา เจริญสติ โดยการ ดูกายดูจิตแล้ว

ให้พี่เข้าไปเผชิญกับความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดด้วยใจที่เป็นการ
รู้  สภาวะต่างๆ ที่เกิด โดยไม่ใช้สมอง ไม่ใช้หัวคิด หรือปรุงแต่ง
รู้ สภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยไม่เพ่ง ทำจิตให้นิ่ง หรือ หาอารมณ์อื่นมากระทบ (เช่น ไปอ่านหนังสือ หรือฟังเพลง หรือ หาเรื่องสนุกๆ ทำ)

เพราะหากเราจงใจให้อารมณ์อื่นมากระทบแล้วอารมณ์เดิม มันไม่ได้หายไปไหน มันเหมือนตกไปอยู่ใน

ลิ้นชักโต๊ะของเรา แล้วมันก็จะรอวันปะทุออกมาได้เรื่อยๆ
หมายความว่า มันจะไปอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา แล้วรอวันปะทุมาได้บ่อยๆ
 
การรู้ก็ คือ การรู้ สภาวะนั้นตรงๆ เลยครับ
รู้ว่ามันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
 
เราสามารถเริ่มต้นง่ายๆ โดยการ "หาฐานให้ใจไปเกาะ"
คือเราอาจ ใช้ กาย, เวทนา, จิต, ธรรม เป็น ฐานให้จิตเราเกาะไว้
เช่น หาพี่เอาใจมาไว้ที่ฐานกาย หากกายเคลื่อนไหว พี่ก็รู้สึกตัว มือขยับก็รู้สึกตัว กระพริบตา ก็รู้สึกตัว
เมื่อเราเกิดความคิด เราก็รู้ว่าเรากำลังคิด แล้วก็กลับมารู้สึกตัวที่กายเราต่อ
 
หรือหากความคิดเกิด พี่ก็รู้ว่ากำลังคิด
หากโกรธ ก็รู้ว่ากำลังโกรธ
หากดีใจ ก็รู้ว่าดีใจ
 
เรารู้ทุกๆ อารมณ์ ตามความเป็นจริง
เมื่อรู้ แล้ว มันก็จะหายไปโดยที่เราไม่ต้อง ปรุงแต่ง แทรกแซงเพิ่มเติม
แรกๆ ก็อาจมีรู้บ้าง หลงบ้าง เผลอบ้าง
ไม่เป็นไร ค่อยๆทำไปนะครับ
 
เจริญสติต้องค่อยๆ ทำ
ทำแบบไม่เครียดมาก
ทำแบบสบายๆ
 
หากพี่ทำไปเรื่อยๆ
รู้ ไปเรื่อยๆ
มันจะเป็นไปตามอริยสัจ 4 ก็คือ
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
คือ ทุกข์ (คือกายและใจ) ให้ รู้ เมื่อรู้แล้ว สมุทัย (เหตุให้เกิดทุกข์ ก็คือกิเลสทั้งหลาย) ก็จะละ
นิโรธ (นิพพาน, พ้นทุกข์) ก็จะเกิด มรรค (มรรคทั้ง8)  ก็ต้องเดินไปเรื่อยๆ
 
เอ๊ะ เขียนไปเขียนมา ผมยิ่งงง
แค่นี้ก่อน ไว้มาเม้าท์ใหม่
ไปทำงานก่อนครับบบบบบบบบบ^^
 
อนุโมทนากับพี่นะครับ

3
อ่านบันทึกของคุณน้องแล้วพี่ไม่คิดว่าชายหนุ่มวัยยี่สิบนิดๆ
จะคิดอะไรได้ไกลขนาดนี้

พี่มีคำถามอีกเป็นกระบุงเลยค่ะ
แล้วจะถามไปอีก  

บอกตรงๆว่า ในชีวิตนี้ไม่เคยเฉียดกรายเข้าใกล้ธรรมะ  หรือนำหลักคำสอน
ในธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่
แต่เมื่อเจอเรื่องทุกข์ใจ  และหัดคิดในทางบวก แผ่เมตตา หรือรู้จักสลัดความโกรธแค้นชิงชัง
ก็รู้สึกเย็นลงๆๆๆๆ

จนในที่สุดก็ เฮ้ย บิงโก
นี่ฉันกำลังพบทางสว่างอยู่นี่นา
เพียงแต่ยังไม่เคยไปปฏิบัติธรรมจริงๆจังๆเท่านั้นแหละค่ะ

จะค่อยๆเล่าเรื่องให้ฟังว่าทำไมต้องถามคำถามข้อ 1

ขอบคุณนะคะ

4
พี่ครับ

 
ผมชอบประโยคนี้มากเลย
 
"มองโลกในแง่ดี มีความสุข มองโลกตามความเป็นจริง พ้นจากความทุกข์"
 
จากที่ได้ฟัง
ผมก็ได้ลองมองโลก คือ โลกภายในของผม คือ กายและใจของผม
ตามความเป็นจริง แต่ก็อย่างว่านะครับ หนทางนี้ยังอีกใกล้ ต้องอดทนเข้าไว้ .....
 
อื้ม....ดีไม่ดี เรื่องที่พี่ทำอยู่ ก็เป็นการปฏิบัติธรรมนะครับ
อาจเป็นการปฏิบัติโดยไม่ปฏิบัติ
อันนี้ผมว่าหลายคนปฏิบัติธรรมเยอะมาก แต่เพียงเราไม่ได้เอาคำว่า ปฏิบัติไปกำกับไว้
 
ทุกคนมีธรรมะที่ลึกซึ้งอยู่ในตัวเอง
ธรรมะเกิดจากปัญญาในใจเรานี้แหละ ไม่ต้องไปหาจากที่ไหน
 
หากมีโอกาส อยากฟังธรรมะจากพี่บ้างนะครับ
ผมว่าพี่มีอะไรที่น่าสนใจ เยอะเลยยยยยยยย^^
 
สาธุครับ

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบอยู่กับตัวเอง เพราะมีความรู้สึกไม่มั่นคง อีกทั้งยังคิดว่าเราควรที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ บ้าง ในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีในความสัมพันธ์  แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ทำงานขับเคลื่อนทางสังคมในเรื่องชีวิตทางเพศได้เข้าร่วมภาวนา หรือ Retreat ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการภาวนาเพื่อติดตามเพื่อนๆ ที่ได้ภาวนาในรุ่นต่างๆ ก่อนหน้านี้ให้ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอย่างไร มีสุข มีทุกข์อย่างไรบ้าง
พันธกุมภา
เมื่อมีเวลาตรวจดูสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าผมได้พบกันสภาวธรรมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปหลายๆ ประการ มีเกิด มีดับ สลับกันไปในจิตแต่ละช่วงขณะ คือค่อยๆ รู้สึกตัวบ้างในบางครั้ง รู้ว่าเผลอ รู้ว่าหลง รู้ว่าประคอง ในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความคิด ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความอยาก
พันธกุมภา
ผมถามพี่ที่รู้จักกันท่านหนึ่งว่า "ที่คนทั่วไปไม่ค่อยปฏิบัติธรรมเพราะอะไร"และพี่ท่านนี้ก็ได้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง ว่า เมื่อก่อนเค้าไม่สนใจ  เพราะเป็นเด็กจะไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่พอโตขึ้นแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ในบางคำถาม แต่ธรรมะกลับตอบได้
พันธกุมภา
ถามสวัสดีค่ะเหนื่อยจัง  นอนน้อยเลยเบลอมีคำถามมาถามน้องอีกแล้วค่ะ  คือเมื่อคืนและเมื่อหลายคืนก่อน ดูละครสาปภูษา กับสุสานภูเตศวรสองเรื่องนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือ  ย้อนยุค  ทะลุมิติ  โดยมีเรื่องวิญญาณมาเกี่ยวข้องจู่ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาว่า  เชื่อเรื่อง ชาตินี้ ชาติหน้า ไหมทำให้พี่คิดขึ้นมาว่า เออ แล้วมันจริงเหรอ เรื่องนี้น่ะไม่รู้สิคะ  ตามความคิดส่วนตัวคือ เชี่อค่ะเชื่อ เลยไม่อยากทำอะไรไม่ดีเลย  อยากสั่งสมความดี สร้างบุญเพราะเราเห็นว่ามันสุขตั้งแต่นาทีที่ทำวันก่อนอ่านหนังสือคุณ ดังตฤณ พี่คิดว่าตามแนวคิดคุณดังตฤณ  มันก็มีจริงสิคะ ชาตินี้…
พันธกุมภา
ต่อจากการตอบจดหมายเรื่องทุกข์ใจกับคนที่ไม่ชอบเรา1 ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะอ่านแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล
พันธกุมภา
ช่วงที่ผ่านมา มีจดหมายจาก คุณ พรพรรณ เขียนจดหมายมาสอบถามผม 4 เรื่องดังนี้  1. การที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนที่เขาไม่ชอบเรา หรือมีทัศนคติที่ขัดแย้งกัน  เราควรทำอย่างไร2. การแผ่เมตตา  ช่วยให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นคลายลง ได้หรือไม่  และการแผ่เมตตามีคุณอย่างไร3. การไปปฏิบัติ  จะช่วยให้เกิดผลบุญถึงเจ้ากรรมนายเวรได้จริงหรือเปล่าคะ4. คุณน้องเต้าเชื่อเรื่องกรรม หรือไม่คะ ผมได้รับและตอบกลับดังนี้.................... สวัสดีครับ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้ผมได้แบ่งปันนะครับแต่...สภาวะของผมอาจเป็นคนอื่น…
พันธกุมภา
 คืนนี้ ดึกแล้วครับช่วงเวลาตีสามกว่าๆ ควรเป็นเวลาที่ผมจะได้นอนหลับอย่างสงบแต่ไม่รู้ทำไม? คืนนี้จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากจะรวมเล่มบันทึก "ธรรมใจ ไดอารี่" นี้ให้เสร็จ
พันธกุมภา
ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเพิ่งตื่น ตอนนี้ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟัน ตาก็ดูเบลอ ทำอะไรก็เบลอๆ อยู่นิดหนึ่ง ยังไม่ค่อยมีใจอยากจะทำอะไร ความขี้เกียจเป็นเพื่อนที่ไม่หนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้างๆ กายผม ไม่อยากทำอะไรเลย แม้ว่าจะมีงานมากน้อยเพียงใด ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงที่การอยู่เฉยๆ เพราะเวลาไม่ได้ทำอะไรก็ดีไปอีกอย่าง...บอกไม่ถูกครับ
พันธกุมภา
  ตอนนี้ผมพบว่าความอ่อนล้าทำให้เหนื่อยกับสิ่งกำลังทำอยู่ ไม่ว่างานจะสนุกเพียงใด แต่ถ้าอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาในชีวิตจนไม่สามารถจัดการได้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง วิธีการเรียงลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการมีชีวิตที่สมดุลกัน
พันธกุมภา
แม่เพิ่งโทรมาถามผมว่าวันเกิดปีนี้จะทำอะไร? และเตือนว่าอย่าลืมไปทำบุญถวายพระ แถมยังบอกอีกว่าปีนี้ อยากให้ทำทานโดยการซื้อผ้าเช็ดตัวให้กับผู้เฒ่าผู้แก่และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ในหมู่บ้าน ผมรู้สึกดีใจที่คุณแม่โทรมา เพราะอย่างน้อยแสดงว่าท่านจำวันเกิดของผมได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับวันเกิดเพราะมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผม แต่ที่ไหนได้วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ เพราะท่านได้ให้การเกิดผมมาลืมตาดูโลก
พันธกุมภา
ช่วงอาทิตย์กว่าที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คนรอบข้างผมต้องเสียชีวิตไปมากกว่า 3 คน คนหนึ่งเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย อีกคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และคนสุดท้ายเสียชีวิตดูความชรา การจากไปของคนรู้จักเหล่านี้ แน่นอนว่านำมาซึ่งความเสียใจ ความเศร้าโศก และมันก็ทำให้ผมคิดถึง “ความตาย” อยู่ทุกๆ ขณะ เพราะความตายนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ ซึ่งมันเป็นการบอกย้ำธรรมชาติของชีวิตว่าชีวิตทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง
พันธกุมภา
หลังจากวันที่เริ่มบันทึกมาจนถึงวันนี้ ก็ผ่านเลยมาหลายวันแล้ว มีเรื่องราวหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตแต่เท่าที่สำคัญและจำได้ดีคือ ช่วงวันที่ 5 - 15 มกราคม ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ที่ทำงานสุขภาวะทางเพศประมาณ 20 คนได้เข้าอบรมภาวนาภายในและการเรียนรู้โครงสร้างทางสังคม ที่บ้านสวนธารทิพย์ ซึ่งมีพี่อวยพร เขื่อนแก้ว เป็นกระบวนกรหลัก