แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ทำงานขับเคลื่อนทางสังคมในเรื่องชีวิตทางเพศได้เข้าร่วมภาวนา หรือ Retreat ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการภาวนาเพื่อติดตามเพื่อนๆ ที่ได้ภาวนาในรุ่นต่างๆ ก่อนหน้านี้ให้ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอย่างไร มีสุข มีทุกข์อย่างไรบ้าง
การภาวนาคือการพัฒนาจิตใจของตนเอง หรือ การถอยออกมามองชีวิตตัวเอง (Step back) มองเข้าไปเพื่อพิจารณาใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งในสิ่งที่เราเป็นและดำรงอยู่ ซึ่งใน 5 วันที่ระหว่างที่ได้ภาวนา ทางอาจารย์ผู้ซึ่งเป็นกระบวนกรได้พาให้เราแต่ละคนกลับมาอยู่กับตัวเอง และเรียนรู้การโอบอุ้มสภาวะต่างๆ ที่เกิดในใจของตัวเรา
ใน 5 วันนี้ เรามีการภาวนา เจริญสติ เพื่อให้เกิดความรู้ตัวกับตนเอง การสนทนาแลกเปลี่ยน เพิ่มเติมเนื้อหาความรู้ การมองโลก มองตัวเอง การภาวนาในป่า ฯลฯ สิ่งหนึ่งที่ผู้ร่วมภาวนากว่า 30 คน เรียนรู้ตลอดระยะเวลา 5 วันนี้ คือ การอยู่กับตัวเอง เป็นการเรียนรู้ที่จะ โอบอุ้ม สภาวะจิตใจของตัวเอง มากกว่าจะตอบโต้ออกไปในรูปแบบต่างๆ
แม้ว่าหลายคนจะได้รับบาดแผลทางใจ ความเหนื่อยล้าทางกาย หรือสิ่งใดก็ตาม เราล้วนมีการแสดงออกมาโดยการตอบโต้สภาวะเหล่านั้น ด้วยการหาสิ่งอื่นมาทดแทน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เพื่อลืมความทุกข์ หรือ การโต้ตอบผู้ที่บอกว่าเราทำไม่ดี ทำไม่ถูกต้อง โดยการถกเถียง ปฏิเสธ หรือ ไม่ยอมรับ เป็นต้น
การตอบโต้ออกไปทำให้เราไม่ได้เรียนรู้จากสภาวะต่างๆ ที่เราเป็น ทำให้บางครั้งเวลาเราโกรธกับใครสักคนหนึ่ง ปฏิกิริยาของเราจึงแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทว่าการอยู่กับตัวเองในการภาวนานี้ ถือเป็นการ "โอบอุ้ม" ความรู้สึกที่เป็นทุกข์ เป็นสุข ความโกรธ ความเหนื่อยล้า ความเหงา ความโดดเดี่ยว ความกลัว สำหรับโจทย์ชีวิตของแต่ละคน ที่ต่างก็มีสภาวะแตกต่างกันตามบริบทของชีวิต
ผมพบว่าการได้โอบอุ้มกับความรู้สึกต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวเองนี้ เป็นการเรียนรู้ที่จะพบกับความจริงที่อยู่ในตัวตนของเรา เป็นความจริงที่เราต้องทักทาย พบปะ ทำความรู้จัก อย่างลึกซึ้ง และเมื่อเราโอบอุ้มความรู้สึกนี้แล้ว เราจะพบความจริงว่าเราจะมีการแสดงออกต่อสภาวะต่างๆ เหล่านี้อย่างไร
เพราะปัญญาที่มีในตัวของแต่ละคนจะเป็นผู้บอกเองว่าเราควรจะทำอย่างไร หรือ ไม่ควรทำอย่างไร
สิ่งที่ผมเรียนรู้จากการภาวนานี้ในเบื้องต้นคือ หากวันนี้เราไม่เริ่มที่จะพึ่งพิงใจของตัวเองแล้ว วันหนึ่งเมื่อเราไม่มีใคร ไม่มีครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ไม่มีคนรักเคียงข้าง ไม่มีกัลยาณมิตร ไม่มีครูบาอาจารย์ หรือ ใครสักคนคอยโอบอุ้มความทุกข์ของเรา เราก็ต้องโอบอุ้มตัวเอง
ซึ่งหนทางนี้ หากเรามองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ณ ตอนนี้ผมว่าเตรียมตัวเสียแต่ตอนนี้ดีกว่า อย่างน้อยจะได้เป็นการสะสมปัญญา สะสมต้นทุนสำหรับชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าเราจะอยู่ใน สภาวะทุกข์หรือสุข เราจะได้เผชิญกับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเข็มแข็ง มั่นคง และเข้าใจมันอย่างที่มันเป็น