Skip to main content

ผมชอบเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพราะจะทำให้จิตใจตัวเองเกิดอารมณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งที่ไม่ค่อยจะเกิด เช่น ความขุ่นเคืองใจในการตากแดด ความกลัวจากการเดินในป่าช้า ความเหนื่อยจากการเดินหลงทาง เป็นต้น ซึ่งการหาสิ่งใหม่ให้ใจได้รู้ได้เห็นนี้จะช่วยให้เห็นสภาวะต่างๆ เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ถือเป็นอุบายหนึ่งในการภาวนา

\\/--break--\>

 

ดังเช่นเหตุการณ์ในช่วงการเดินจงกรมที่ดงไผ่ ภายหลังการมาเยือนของกิ่งกือแล้ว ผมได้เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงสถานที่ในการภาวนาเป็นบริเวณป่าที่อยู่ภายในวัดป่าสุคะโต ซึ่งผมยังมีอีกหลายจุดที่ผมยังไม่เคยเดินไป จึงคิดว่าไปเดินรอบๆ วัดน่าจะทำให้เห็นจิตใจตัวเองได้ชัดเจนขึ้น

 

ผมย่างเท้าก้าวไปตามเส้นทางเดินภายในวัด มุ่งหน้าจากดงไผ่ ไปสู่เป้าหมายแรกคือ “ป่าช้า” ภายในวัด ที่ซึ่งผมเคยไปเยือนมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อครั้นที่มาภาวนาที่วัดครั้งแรก และครั้งนี้ผมก็เลือกที่จะเดินไปที่ดังกล่าวก่อนเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์และบรรยากาศเก่าๆ

 

ทั้งๆ ที่ตอนเดินเข้าไปข้างในนั้นจะเป็นตอนกลางวัน แต่ความคิดปรุงแต่งฟุ้งซ่านต่างๆ ก็ได้ปรากฏให้ได้เห็นในการเคลื่อนไหวเดินแต่ละก้าว แม้แสงแดดอ่อนๆ จะส่องลงมากระทบต้นไม้ ใบหญ้า น้อยใหญ่ที่อยู่ระหว่างสองข้างทาง และความเงียบสงัดก็กระทบเป็นอารมณ์ทำให้ใจไหลไปคิดมากมาย ทว่าเมื่อเกิดสติรู้สึกถึงสิ่งที่ดำรงอยู่ตรงหน้า ผมจึงค่อยๆ ก้าวต่อไปเรื่อยๆ

 

ผมเดินมาเรื่อยๆ จนถึงป่าช้าด้วยความเบิกบาน และเมื่อถึงภายในป่าช้า มองไปทั่วบริเวณรอบๆ มีสภาพที่รกไปด้วยหญ้าและมีต้นไม้สูงตระหง่านสลับไปมา ผมจึงเดินไปยังศาลาและน้อมกราบบูชาพระพุทธรูป และได้นั่งสมาธิอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงลุกขึ้นไปเดินจงกรมที่ตรงด้านในเมรุเผาศพ ซึ่งมีสภาพดำไปด้วยถ่านไหม้ ผมเดินไปมาระหว่างทางภายในเมรุ ใจตอนนั้นเห็นแต่ความกลัว เห็นความคิดปรุงแต่ง เกิดขึ้นและดับลง เป็นช่วงๆ มีบ้างที่เกิดสติและก็หลงไปคิดอีก เป็นความจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของจิต

 

เนื่องจากธรรมชาติของจิตมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปมา ไม่ใช่ตัวตน บังคับ ควบคุมไม่ได้ เราจึงอาศัยความเป็นจริงชั่วครู่ของจิตนี้เป็นการรู้แจ้งเห็นจริงในไตรลักษณ์ และก็ได้พิจารณาไปเห็นถึงความไม่เที่ยงที่เกิดภายใจของตนรวมทั้งมองเห็นความไม่เที่ยงของชีวิตที่มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา เมื่อใจเห็นธรรมข้อนี้ จึงมีความอ่อนน้อมต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละขณะที่ไม่ควรจะหลงไปตามกิเลสและความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ ที่เป็นทางผิดติดตัวเรามานานแสนนาน

 

ความรู้สึกตัวที่เกิดขึ้นทำให้เกิดพื้นที่ตื่นรู้ในใจและเมื่อมีข้อคิดสะกิดขึ้นมา ใจจึงจะสามารถยอมรับความจริงของชีวิตได้ ผมพบว่าการมาเดินภายในเมรุในครั้งนี้ทำให้ได้รับประสบการณ์ทางธรรมที่ล้ำค่าและยังย้ำเตือนให้เราดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท และผมก็ได้ย้ำเตือนกับตัวเองว่า ภารกิจในการเจริญสติภาวนานี้เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดลมหายใจ

 

เมื่อผมภาวนาภายในป่าช้าแล้วจึงน้อมใจขอบคุณและแผ่เมตตาไปยังสรรพชีวิตและครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ “พระอาจารย์ปู่” พระอาจารย์ที่นำพาผมให้มาพบกับสถานที่แห่งนี้ ผมยืนสงบนิ่งชั่วครู่...จากนั้นจึงเดินทางกลับไปยังที่พักเพื่อเตรียมตัวทำวัตรเย็นและฟังธรรมจากครูบาอาจารย์ต่อไป

 

 

 

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
มีเรื่องหนึ่ง ที่อยากเตือนตัวเองมากๆ นั่นคือว่านักภาวนาหลายๆ คน พอภาวนาไปแล้ว ก็เริ่มคิดว่าเป็นนักภาวนา บางทีเราก็หลงไปสร้างภาพความเป็นคนดีขึ้นมาทันที จนลืมนึกถึงไปว่าเราภาวนาเพื่อเห็นความจริง และความจริงนี้ก็เป็นความจริงธรรมดาของกายและใจเท่านั้นเอง
พันธกุมภา
ช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา ผมตั้งใจอธิษฐานในการภาวนาในรูปแบบอิริยาบถ เดิน ยืน นั่ง หรือ “เนสักชิก” ซึ่งเป็นธุดงควัตร นั้นหมายความว่าช่วงกลางคืนผมจะไม่นอนหลับ แต่จะเจริญสติอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หัวค่ำจนถึงช่วงสว่าง และใช้ชีวิตต่ออย่างปกติ
พันธกุมภา
สำหรับเรื่องป่าเขา มีเรื่องหนึ่งที่ผมจำได้ ตอนนั้นในการเข้าร่วมคอร์สภาวนาแห่งหนึ่ง อาจารย์ผู้นำกระบวนการ ได้เชื้อเชิญให้ผู้เข้าร่วมทุกคน ได้ร่วมหาคำตอบของชีวิตโดยการเข้าไปในป่า และอยู่ตรงนั้นเพื่อหาคำตอบให้กับชีวิตของตัวเอง โดยการอยู่เงียบๆ และอยู่กับตัวเองคนเดียวให้มากที่สุด ไม่พูดไม่คุยกับใคร และรอคำตอบที่เกิดขึ้นในใจของเรา
พันธกุมภา
ชีวิตในการอยู่ท่ามกลางขุนเขา ป่าไม้ ร่มไพร ลำธาร เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ได้มีอากาสเฝ้ามองใจของตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง เป็นบรรยากาศที่เห็นอาการต่างๆ เกิดขึ้น แปรเปลี่ยนไป ตามการปรุงแต่งของอารมณ์และสิ่งที่เข้ามากระทบภายนอก ทั้งการดูผ่านตา ได้ยินผ่านหู ได้กลิ่นผ่านจมูก ก็ตาม
พันธกุมภา
ผมชอบเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพราะจะทำให้จิตใจตัวเองเกิดอารมณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งที่ไม่ค่อยจะเกิด เช่น ความขุ่นเคืองใจในการตากแดด ความกลัวจากการเดินในป่าช้า ความเหนื่อยจากการเดินหลงทาง เป็นต้น ซึ่งการหาสิ่งใหม่ให้ใจได้รู้ได้เห็นนี้จะช่วยให้เห็นสภาวะต่างๆ เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ถือเป็นอุบายหนึ่งในการภาวนา
พันธกุมภา
การเจริญสติในช่วงที่อยู่ที่วัดป่าสุคะโต ภายหลังจากผ่านบททดสอบแรกเรื่องการเดินจงกรมที่ผมมัวแต่ไปตั้งท่าว่าอยากรู้อยากดูสภาวะแล้ว ก็ได้เกิดความรู้สึกตัวขึ้นว่าตัวเองนั้นเผลอไปจ้องมองเสียนาน
พันธกุมภา
การเดินทางมาเจริญสติที่วัดป่าสุคะโตในช่วงก่อนเข้าพรรษานี้ แม้ว่าที่พักจะไม่เพียงพอแต่ผมก็ได้นอนด้านบนศาลา ซึ่งมีผู้คนมาจากหลายๆ ที่มาร่วมเจริญสติ และยังมีคณะผ้าป่าที่มาร่วมทอดผ้าป่าอีกด้วย ครานี้ที่วัดจึงแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา อยู่ในวัยเด็กเล็ก ไปจนถึงผู้สูงอายุ
พันธกุมภา
วันเข้าพรรษาปีนี้ผมมีความตั้งใจกับตัวเองที่จะภาวนาให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นโดยการเจริญสติในรูปแบบอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความอดทน พากเพียรให้กับตัวเอง ในการมีสติสัมปชัญญะมากยิ่งขึ้นกว่าชีวิตปกติที่ผ่านมา
พันธกุมภา
 สวัสดีประชาไท สวัสดี ผองน้องพี่ ประชาไทสบายดี กันไหม ให้ถามหาได้พบกัน แบ่งปันธรรม แต่นานมาขอขอบคุณ วิถีพา เราพบกัน
พันธกุมภา
  เรื่องนี้ผ่านมานานแล้ว, ปลายฝนต้นหนาว อากาศร้อนระอุไปทั่วแผ่นฟ้า ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสมานั่งพักผ่อนอยู่นิ่งๆ คนเดียวมานานแล้ว เพราะหน้าที่การงานที่มากมาย ทำให้ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาของผมเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างไร้ค่า เพียงเพราะผมมุ่งแต่จะทำงาน แต่ไม่ได้มีโอกาสได้ดูแลคนที่ผมรักเลยแม้แต่น้อย ผมทำงานที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง เราทำงานเพื่อสังคม มีอุดมการณ์ที่อยากเห็นคนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี งานที่เราทำเป็นงานเพื่อส่วนรวม เพื่อประโยชน์ของคนอื่น ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องมีเวลาให้กับงาน ให้กับคนอื่นมากกว่าการดูแลตัวเองและการดูแลคนที่ผมรัก
พันธกุมภา
ชีวิตเกิดมาหนนี้ สิ่งที่ต้องการสูงสุดคืออะไร? คำถามนี้ ถามแล้ว ถามอีก ใจคอยถามอยู่ตลอดเวลาว่าต้องการอะไร ปรารถนาสิ่งใด ทำไมยังไม่มุ่งไปทางนั้นให้เต็มที่ ไยจึงกลัวที่จะเลือก ที่จะตัดสินใจ แม้ว่ารู้และเห็นว่าความน่ากลัว สังเวช อนาถใจของการเวียนว่ายนี้มีมากน้อยเพียงใด แต่เหตุใด ใจจึงไม่เคยหลุดออกจากสมมุติมากมายที่เกาะกุมเราไว้
พันธกุมภา
ช่วงหลังๆ นี้ผมได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับญาติธรรมกัลยาณมิตรหลายๆ คน ซึ่งแต่ละคนก็เจอสภาวะจิตที่แตกต่างกัน มีรูปแบบการภาวนาที่แตกต่างกัน ตามจริต ตามเหตุ ปัจจัยของแต่ละคน ทำให้แต่ละคนเจอกับสภาวะต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน และมีความรู้ ตื่น เบิกบาน ที่มากมายคละกันไป กัลยาณมิตรที่ร่วมสนทนากันนี้มีอยู่ในหลายวัย หลากอาชีพ และมีความสนใจในการภาวนาที่แตกต่างกัน บางคนมีปัญหาเรื่องความรัก ปัญหาครอบครัว ปัญหากับที่ทำงาน ปัญหากับการเรียน และก็ล้วนแต่มองเห็นว่าการภาวนาโดยการเจริญสติรู้กายรู้ใจในชีวิตประจำวันนี้จะทำให้ตัวเองได้เข้าใจความทุกข์และพ้นจากความทุกข์