Skip to main content

ช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา ผมตั้งใจอธิษฐานในการภาวนาในรูปแบบอิริยาบถ เดิน ยืน นั่ง หรือ “เนสักชิก” ซึ่งเป็นธุดงควัตร นั้นหมายความว่าช่วงกลางคืนผมจะไม่นอนหลับ แต่จะเจริญสติอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หัวค่ำจนถึงช่วงสว่าง และใช้ชีวิตต่ออย่างปกติ

\\/--break--\>

การภาวนาในตอนกลางคืนแบบโต้รุ่งนี้ดำเนินมาได้ 3 วัน ผมก็พบว่าตัวเองมีกำลังกายไม่พอที่จะอยู่ภาวนาต่อทั้งคืนเพราะต้องทำงานตอนกลางวัน พอไม่ได้หลับก็เลยทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงในการทำงานหรือไปไหนมาไหน ผมจึงใช้วิธีใหม่คือ ถ้าจะนอนก็จะนอนตื่นเดียว คือ เมื่อง่วงก็จะนอน และหากสะดุ้งตื่นมาก็จะภาวนาต่อ ทั้งนี้ก็ยังคงถือแนวทางเดิมคือจะนอนโดยไม่ให้หลังระนาบกับพื้น


เมื่อตั้งใจและทำต่อไปได้อีกไม่กี่วัน ก็เกิดความเหนื่อยกายและใจก็เริ่มที่จะท้อ เพราะร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรงสมบูรณ์ ดูเหนื่อยเพลียและไม่มีเรี่ยวแรง ทั้งที่ๆ คิดว่าการภาวนาโต้รุ่งแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าจะทำได้ เพราะย้อนไปก่อนหน้านี้หลายปี ยังสามารถเที่ยวผับกลางคืนจนโต้รุ่งได้เลย เพียงแค่การภาวนาฝึกสติทำไมเราจะทำไม่ได้


และท้ายที่สุดความพยายามในการฝึกฝนตนเองในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ไม่ถึงไหน เพราะร่างกายที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง จนกระทั่งถึงขั้นที่ต้องไปนอนโรงพยาบาลเลยทีเดียว เพื่อเติมน้ำเกลือและพักผ่อน ตอนที่เข้าโรงพยาบาลใจที่อยากจะลองดูใหม่อีกครั้ง กับใจหนึ่งก็บอกว่าพอก่อนดีกว่า ไม่งั้นจะฝืนสังขารร่างกายมากไป จึงตัดสินเปลี่ยนแนวทางการภาวนาใหม่ จากที่เข้มข้นมากเกินไป เป็นการบังคับกายมากเกินไป มาเป็นการใช้ชีวิตปกติธรรมดา อย่างวันทั่วๆ ไป


ทว่าก็ดำเนินการภาวนาเหมือนเดิม คือ ตอนเช้าและก่อนนอนจะเดินจงกรมและนั่งขัดสมาธิเพื่อเจริญสติและระหว่างวันก็ดูจิตดูกายทำงานของเขาไป


จากการทดลองภาวนาเข้มในช่วงเข้าพรรษาทำให้ผมเห็นว่าเราควรจะปฏิบัติธรรมเพื่อให้สมควรแก่ธรรม และสมควรแก่สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเราด้วย เพราะเราเองก็ต้องทำงานตอนกลางวัน และการภาวนาต่อเนื่องตอนกลางคืนบางทีอาจทำให้ร่างกายเราไม่ได้พักผ่อน จนก่อให้เกิดผลกระทบข้างเคียงได้


หรือแม้แต่การภาวนาครั้งนี้ก็เป็นการเรียนรู้ ฝึกความอดทนของตน ต่อความขี้เกียจ และความอยากเลิก ก็ทำให้ได้เรียนรู้ที่จะค่อยๆ เป็นค่อยๆไป ไม่เร่งความเพียรมากเกินไป เพราะหากทำแบบนี้มันมีเส้นแบ่งระหว่างภาวนาเพื่อเพิ่มปัญญา และภาวนาเพื่อเพิ่มอัตตา แม้ว่าผมจะเล่าให้ใครฟังน้อยมาก ว่าได้ทำการภาวนาอย่างไรในช่วงเข้าพรรษา แต่เมื่อใจหนึ่งมันทำได้ก็กลายเป็นการนึกคิดว่าฉันแน่ ฉันเจ๋ง


แม้ว่าเราตั้งใจจะภาวนาเพื่อเป็นพุทธบูชาก็ตามที และการภาวนาลักษณะนี้เราจึงต้องน้อมกลับมาที่ใจของตนว่าเราภาวนาเพื่อลดอัตตา ละกิเลส โดยการรู้ทันกายและใจที่เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงไปมา สิ่งต่างๆ นี้เป็นบททดสอบทางจิตใจแก่ผม และผมก็ได้รับบทเรียนที่มีค่าทั้งในแง่ของการภาวนาและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพกายของตนที่เรายังต้องใช้กายนี้เป็นฐานในการปฏิบัติทางใจอีกต่อไป ฉะนั้นเรื่องการถนุถนอมร่างกายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากทีเดียว ไม่งั้นเราจะมีความเพียรมากไปจนกลายเป็นวิปัสสนูอย่างหนึ่ง ซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็ต้องเจออะไรมาเตือนอย่างที่ผมเจอนี้แหละครับ

 

 

 

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบอยู่กับตัวเอง เพราะมีความรู้สึกไม่มั่นคง อีกทั้งยังคิดว่าเราควรที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ บ้าง ในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีในความสัมพันธ์  แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ทำงานขับเคลื่อนทางสังคมในเรื่องชีวิตทางเพศได้เข้าร่วมภาวนา หรือ Retreat ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการภาวนาเพื่อติดตามเพื่อนๆ ที่ได้ภาวนาในรุ่นต่างๆ ก่อนหน้านี้ให้ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอย่างไร มีสุข มีทุกข์อย่างไรบ้าง
พันธกุมภา
เมื่อมีเวลาตรวจดูสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าผมได้พบกันสภาวธรรมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปหลายๆ ประการ มีเกิด มีดับ สลับกันไปในจิตแต่ละช่วงขณะ คือค่อยๆ รู้สึกตัวบ้างในบางครั้ง รู้ว่าเผลอ รู้ว่าหลง รู้ว่าประคอง ในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความคิด ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความอยาก
พันธกุมภา
ผมถามพี่ที่รู้จักกันท่านหนึ่งว่า "ที่คนทั่วไปไม่ค่อยปฏิบัติธรรมเพราะอะไร"และพี่ท่านนี้ก็ได้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง ว่า เมื่อก่อนเค้าไม่สนใจ  เพราะเป็นเด็กจะไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่พอโตขึ้นแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ในบางคำถาม แต่ธรรมะกลับตอบได้
พันธกุมภา
ถามสวัสดีค่ะเหนื่อยจัง  นอนน้อยเลยเบลอมีคำถามมาถามน้องอีกแล้วค่ะ  คือเมื่อคืนและเมื่อหลายคืนก่อน ดูละครสาปภูษา กับสุสานภูเตศวรสองเรื่องนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือ  ย้อนยุค  ทะลุมิติ  โดยมีเรื่องวิญญาณมาเกี่ยวข้องจู่ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาว่า  เชื่อเรื่อง ชาตินี้ ชาติหน้า ไหมทำให้พี่คิดขึ้นมาว่า เออ แล้วมันจริงเหรอ เรื่องนี้น่ะไม่รู้สิคะ  ตามความคิดส่วนตัวคือ เชี่อค่ะเชื่อ เลยไม่อยากทำอะไรไม่ดีเลย  อยากสั่งสมความดี สร้างบุญเพราะเราเห็นว่ามันสุขตั้งแต่นาทีที่ทำวันก่อนอ่านหนังสือคุณ ดังตฤณ พี่คิดว่าตามแนวคิดคุณดังตฤณ  มันก็มีจริงสิคะ ชาตินี้…
พันธกุมภา
ต่อจากการตอบจดหมายเรื่องทุกข์ใจกับคนที่ไม่ชอบเรา1 ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะอ่านแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล
พันธกุมภา
ช่วงที่ผ่านมา มีจดหมายจาก คุณ พรพรรณ เขียนจดหมายมาสอบถามผม 4 เรื่องดังนี้  1. การที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนที่เขาไม่ชอบเรา หรือมีทัศนคติที่ขัดแย้งกัน  เราควรทำอย่างไร2. การแผ่เมตตา  ช่วยให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นคลายลง ได้หรือไม่  และการแผ่เมตตามีคุณอย่างไร3. การไปปฏิบัติ  จะช่วยให้เกิดผลบุญถึงเจ้ากรรมนายเวรได้จริงหรือเปล่าคะ4. คุณน้องเต้าเชื่อเรื่องกรรม หรือไม่คะ ผมได้รับและตอบกลับดังนี้.................... สวัสดีครับ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้ผมได้แบ่งปันนะครับแต่...สภาวะของผมอาจเป็นคนอื่น…
พันธกุมภา
 คืนนี้ ดึกแล้วครับช่วงเวลาตีสามกว่าๆ ควรเป็นเวลาที่ผมจะได้นอนหลับอย่างสงบแต่ไม่รู้ทำไม? คืนนี้จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากจะรวมเล่มบันทึก "ธรรมใจ ไดอารี่" นี้ให้เสร็จ
พันธกุมภา
ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเพิ่งตื่น ตอนนี้ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟัน ตาก็ดูเบลอ ทำอะไรก็เบลอๆ อยู่นิดหนึ่ง ยังไม่ค่อยมีใจอยากจะทำอะไร ความขี้เกียจเป็นเพื่อนที่ไม่หนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้างๆ กายผม ไม่อยากทำอะไรเลย แม้ว่าจะมีงานมากน้อยเพียงใด ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงที่การอยู่เฉยๆ เพราะเวลาไม่ได้ทำอะไรก็ดีไปอีกอย่าง...บอกไม่ถูกครับ
พันธกุมภา
  ตอนนี้ผมพบว่าความอ่อนล้าทำให้เหนื่อยกับสิ่งกำลังทำอยู่ ไม่ว่างานจะสนุกเพียงใด แต่ถ้าอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาในชีวิตจนไม่สามารถจัดการได้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง วิธีการเรียงลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการมีชีวิตที่สมดุลกัน
พันธกุมภา
แม่เพิ่งโทรมาถามผมว่าวันเกิดปีนี้จะทำอะไร? และเตือนว่าอย่าลืมไปทำบุญถวายพระ แถมยังบอกอีกว่าปีนี้ อยากให้ทำทานโดยการซื้อผ้าเช็ดตัวให้กับผู้เฒ่าผู้แก่และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ในหมู่บ้าน ผมรู้สึกดีใจที่คุณแม่โทรมา เพราะอย่างน้อยแสดงว่าท่านจำวันเกิดของผมได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับวันเกิดเพราะมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผม แต่ที่ไหนได้วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ เพราะท่านได้ให้การเกิดผมมาลืมตาดูโลก
พันธกุมภา
ช่วงอาทิตย์กว่าที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คนรอบข้างผมต้องเสียชีวิตไปมากกว่า 3 คน คนหนึ่งเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย อีกคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และคนสุดท้ายเสียชีวิตดูความชรา การจากไปของคนรู้จักเหล่านี้ แน่นอนว่านำมาซึ่งความเสียใจ ความเศร้าโศก และมันก็ทำให้ผมคิดถึง “ความตาย” อยู่ทุกๆ ขณะ เพราะความตายนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ ซึ่งมันเป็นการบอกย้ำธรรมชาติของชีวิตว่าชีวิตทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง
พันธกุมภา
หลังจากวันที่เริ่มบันทึกมาจนถึงวันนี้ ก็ผ่านเลยมาหลายวันแล้ว มีเรื่องราวหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตแต่เท่าที่สำคัญและจำได้ดีคือ ช่วงวันที่ 5 - 15 มกราคม ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ที่ทำงานสุขภาวะทางเพศประมาณ 20 คนได้เข้าอบรมภาวนาภายในและการเรียนรู้โครงสร้างทางสังคม ที่บ้านสวนธารทิพย์ ซึ่งมีพี่อวยพร เขื่อนแก้ว เป็นกระบวนกรหลัก