Skip to main content

เร็วๆ นี้ผมและญาติธรรมกำลังร่วมกันดำเนินการจัดพิมพ์ธรรมใจไดอารี่ ฉบับธรรมทาน ซึ่งพี่ๆ ญาติธรรม ทุกๆ คน ที่ได้มาพบเจอ รู้จัก สนทนาธรรมกัน ได้ช่วยเหลือ เกื้อกูล ให้คำปรึกษา แนะนำต่างๆ มากมาย และเมื่อมีผู้เสนอให้ทำ ธรรมใจไดอารี่ขึ้น


ผมเองก็เกรงใจและไม่กล้าที่จะดำเนินการเพราะไม่อยากจะให้มันกลายเป็นการทำเพื่อตัวเอง แต่ยังไงเสียสิ่งที่ทำ มันก็ไม่ได้เป็นการทำเพื่อใคร นอกจากทำเพื่อพระพุทธศาสนา ผมพบว่าตัวเองมีเหตุนำพาที่ดี ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้มาพบกัลยาณมิตร พี่ๆ เพื่อนๆ หลายๆ ท่าน

ได้พบความทุกข์ก็นำพาให้ผมมาพบกับการเจริญสติภาวนา ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงวันนี้ ไม่มีทางที่ผมจะแปรเปลี่ยนใจตัวเองไปจากเส้นทางนี้ไปได้ ผมจึงมองเห็นประโยชน์อย่างน้อยก็กับคนที่สนใจภาวนาที่จะได้รับจากหนังสือเล่มนี้ (และเพื่อนคนหนึ่งก็ได้เล่าให้ฟังว่าลุงที่โรงพิมพ์ก็สนใจการภาวนาไปด้วย^^)


อย่างน้อยๆ เราก็สามารถบอกกับตัวเองได้ว่า ทุกๆ คนได้มีส่วนร่วมในการสร้างสะพานเชื่อมโยงตัวเองมาสู่หนทางแห่งความรู้สึกตัว ด้วยสติปัฎฐานที่พระพุทธเจ้ามอบไว้แก่โลกใบนี้ และครูบาอาจารย์ถ่ายทอดรักษาสืบต่อกันมาจนปัจจุบัน


ญาติธรรมที่ร่วมดำเนินการหลักคือ “สมาคมตื่น” หรือ Wake Up Acdemy ซึ่งการพบเจอกันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่คงจะเป็นวิถีแห่งธรรมที่จัดสรรให้ได้พบปะกัลยาณมิตรหลายๆ คน


จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งปลายเดือน พฤษภาคม 2552 ผมได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับ “ตุ๊โย” – หลวงพี่ ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา เอื้ออารี ท่านและผมได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการภาวนาของกันและกัน ทำให้ผมมีความสุข และอิ่มเอมใจ และยังพบว่านอกจาก ตุ๊โย (ตุ๊ เป็นภาษาเหนือ แปลว่า พระ) แล้ว ยังมีพี่น้องญาติธรรมอีกหลายคนที่ร่วมพูดคุย แบ่งปัน ฉันกัลยาณมิตร ผ่านโปรแกรม MSN


กลุ่มนี้มีชื่อว่า “
Wake Up Academy” เป็นสมาคมตื่น เป็นบริษัทที่ชวนกันทำความตื่น ปลุกปัญญา ให้ตื่นรู้ อยู่อย่างมีสติกับปัจจุบันขณะ เป็นชุมชนเล็กๆ ที่รวมบรรดาญาติธรรม ซึ่งส่วนใหญ่รู้จักกันจาก “ลานธรรม” www.larndham.net มามากน้อย ต่างกันตามกาลเวลา


บางคนในกลุ่มยังเป็นวัยรุ่น เป็นวัยทำงาน ทั้งชายหญิง ทำงานทั้งภาครัฐและเอกชน หรือแม้แต่เป็นพ่อค้า แม่ค้า ทำงานหลากหลายอาชีพ มีชีวิตหลากหลายรูปแบบ สมดั่งเป็น บริษัท ที่รวมเอาคนหลายๆ แนวมาอยู่รวมกัน เป็นชุมชนของคนภาวนา ที่สร้างกำลังใจให้แก่กันและกัน คอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน


บริษัทนี้ เป็น พุทธบริษัท มีธุรกิจคือการเจริญสติภาวนา โดยมีผลกำไรอยู่ต่อหน้าต่อตา ให้ผลโดยฉับพลันคือ “สติสัมปชัญญะ” หรือ “ความรู้สึกตัว” นี้เอง


นอกจากตุ๊โยแล้ว ผมได้รู้จักและร่วมสนทนาธรรมกับพี่ๆ อีกหลายท่าน เช่น พี่หมออ้อ พี่กุ้ง พี่ไก่ พี่หมู พี่เอ พี่ดอย พี่สุ พี่อ้อม พี่ทัช พี่นัส พี่เต้ พี่ปลา พี่แป้ง พี่หนาน พี่ตี๋ พี่อ้น พี่เก่ง พี่อ้อมใจ พี่เด่น พี่เอ็ม พี่เจี๊ยบ พี่จิ๋ม พี่โจ๊ก พี่ติก พี่ติ๊ก พี่นัท พี่น้ำ พี่พู่กัน พี่ตุ้ม พี่เล็ก พี่อุ้ย พี่อ้อย พี่แอน พี่ป้อม พี่อ้อ พี่นุช พี่ปัด พี่เปี๊ยก พี่เจน พี่หยา พี่แพท พี่เบิร์ด พี่แอร์ อ้อม ขวัญ น้องจูน น้องอ้อม น้องทราย น้องแคท และอีกหลายท่านๆ ที่มิได้เอ่ยถึง ซึ่งทุกๆ คน ล้วนแล้วแต่อยู่บนหนทางเดินแห่งการปฏิบัติภาวนา และเป็นกัลยาณมิตรที่คอยแบ่งปันประสบการณ์ คำแนะนำ เรื่องเล่าสุข ทุกข์ แก่กันและกัน อย่างดีเสมอมา


และเมื่อพี่ๆ หลายคน ได้เห็นว่า “ธรรมใจไดอารี่” เล่มนี้ น่าจะนำมาพิมพ์แจกจ่ายไปยังญาติมิตรของคนในกลุ่ม ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ 2553 นี้ ผมจึงรู้สึกเกรงใจและนอบน้อมต่อคำเสนอของพี่ๆ เพราะด้วยบันทึกนี้เป็นเพียงบันทึกธรรมดาๆ เล่มหนึ่งเท่านั้น หาได้มีความลึกซึ้งในแง่มุมทางธรรมมากนัก ทว่าพี่ๆ หลายคนก็เห็นว่าน่าจะให้พี่ๆ ผู้รู้ คนอื่นได้ช่วยดูแลเนื้อหาให้ด้วย ซึ่งผมก็ได้ดำเนินการปรึกษาแล้วหลายๆ ท่าน


อย่างไรก็ตามบัดนี้ บันทึก “ธรรมใจไดอารี่” เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างได้ นับว่าเกิดจากแรงกายแรงใจของพี่ๆ ญาติมิตรสหายธรรมทุกๆ คน ช่วยกันเท่าที่ช่วยได้ ตามกำลังจิตศรัทธา จึงขอให้ผลกุศลของการจัดทำ หนังสือ “ธรรมใจไดอารี่” ฉบับ ธรรมทาน เล่มนี้ จงอำนวยพรแก่พี่ๆ ญาติธรรมใน Wake up Academy และครอบครัวทุกๆ ท่าน ตลอดจนสรรพสัตว์ สรรพชีวิต ทุกภพภูมิ ขอจงมีแต่ความสงบ สะอาด สว่าง และพบกันที่สุดแห่งทุกข์ คือ พระนิพพาน โดยทั่วกัน


ท่านที่สนใจร่วมพิมพ์ธรรมใจไดอารี่ ฉบับธรรมทาน สามารถดูรายละเอียดได้ที่

http://arwritz.thai-forum.net/forum-f1/topic-t11.htm#39

 

 

 

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมคิดไว้มานานหลายเดือนแล้วว่า จะตั้งใจเขียน "บันทึกการเจริญสติ" ของตัวเองขึ้นมาเพราะคิดว่าคงจะดี ถ้าได้บันทึกไว้ เพื่อการเรียนรู้ของตัวเอง และคนอื่นๆ ที่สนใจ ก่อนที่จะบันทึกในกาลต่อไป ขอเล่าเรื่องการภาวนาของตัวเองก่อน....สำหรับผมแล้ว เริ่มต้นของการปฏิบัติคือเมื่อปลายปี 2549 ก็เกิดจากทุกข์ทางใจ เพราะงานเยอะ เครียด และตอนนั้นแฟนจะขอเลิก เขาเลยเสนอว่าให้ไปปฏิบัติธรรมเพื่อทำใจ จึงได้สมัครไปปฏิบัติของท่าน โกเอ็นก้า ที่ ธรรมอาภา จ.พิษณุโลก พอไปทำมา 10 วัน ก็ดีใจ ที่ทุกข์ครั้งนี้ทำให้ได้พบกับธรรมะ
พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนา ปลายปี 2551 นี้ ผมมีโปรแกรมไปเจริญสติที่วัดป่าสุคะโตอีกครั้ง ภายหลังจากเมื่อสิ้นปี 2550 ที่ผ่านมาผมได้เดินทางไปที่วัดป่าสุคะโตแล้วและได้พบหลัก พบหนทาง หลายอย่างที่เหมาะสมกับตัวเองยิ่งนัก แต่การเดินทางไปครั้งนี้ไม่เหมือนปีก่อน....มีหลายเรื่องเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง ไปตามกาลเวลา สิ่งที่เข้ามารับรู้ทำให้อารมณ์ของผมเกิดขึ้นไปต่างๆ นานา และสิ่งที่เสียใจที่สุด ทำให้ใจหม่นหมองมาหลายวัน นั่นคือการมรณภาพของ "หลวงปู่" เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
พันธกุมภา
พันธกุมภา ถึง มีนา เมื่อฉบับที่แล้ว ผมได้กล่าวถึงโครงการ “ธรรมทานสู่โรงพยาบาล” ที่ผมและลูกปัดไข่มุก ร่วมกันทำในนามกลุ่ม “ธรรมะทำดี” – กลุ่มที่เราสองคนร่วมกันคิด ร่วมกันก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา เพื่อการเผยแพร่ธรรมะที่เราได้พบและเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ที่ผ่านมา พวกเราสองคนต้องขอบคุณพี่ๆ หลายๆ ท่านที่ได้ส่งหนังสือมาให้นะครับ ตอนนี้มีคนที่มอบหนังสือมาหลายเล่ม ทั้งนิตยสาร และหนังสือธรรมะ และก็มีบางส่วนที่เราไปหาซื้อแถวจตุจักร จากเงินเก็บของเราที่มีอยู่
พันธกุมภา
พันธกุมภา ถึง พี่มีนา  ผมหายจากหน้าจอไปนานเพราะมีงานให้ทำ จนฟกช้ำจิตใจไปทั่วเลย ไม่ค่อยมีเวลาได้พัก เพราะงานที่ผมรัก ทำให้ผมต้องใช้กำลังกายและความคิดมากเหลือล้น ผมจึงเป็นดั่งคนที่นำเอาพลังชีวิตในอนาคตมาใช้ ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าจะพอมีเรี่ยวแรงเหลือใช้หรือไม่ในกาลต่อไป เฮ้อ...แต่ที่จะเล่าให้พี่ฟังครานี้ก็คือ ช่วงที่ผ่านมาผมและ “ลูกปัดไข่มุก” ได้ไปจัดห้องสนทนาธรรมชื่อห้องว่า “ห้องธรรมตามใจ” เนื่องในงานเพศศึกษาวิชาการขององค์การแพธ แล้วมีเรื่องที่น่าสนใจมากมาย ทว่าในฉบับนี้อยากเอาคำคมชวนคิดที่ “ลูกปัดไข่มุก” และผมได้ช่วยกันคิดและเขียนขึ้นมาบอกเล่าต่อ ดังนี้ครับ 1.…
พันธกุมภา
มีนา ถึง...น้อง พันธกุมภา ความขี้เกียจมันไม่เข้าใคร ออกใครจริงๆ ... แต่ตอนนี้ต้องเริ่มลุกขึ้นมาทำงานแล้ว เพราะคนที่อดทนไม่ได้เมื่อเราไม่ทำงานก็คือ “แม่” ของเราเอง แม่ของพี่ เป็นภาพสะท้อนของคนจีนในเมืองไทย รุ่นที่ 2 ที่ยังคง ลำบาก ทำงานหนัก และถือปรัชญาพุทธ “ขงจื๊อ” ในเรื่องการทำงานว่าต้องมี ความซื่อสัตย์ ไม่เอารัดเอาเปรียบ ความขยัน อดทน และอดออม แม่มีทุกอย่างจริงๆ แต่พี่อาจจะไม่มีทุกอย่าง อย่างที่แม่มี เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่เรามีความเหมือนและความต่าง แม้เราจะเติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่สอนให้เราเป็นคนค้าขาย เราอาจจะไม่ได้อยากค้าขาย ครอบครัวสอนให้เราทำงานหนัก…
พันธกุมภา
มีนาถึง พันธกุมภาช่วงนี้เป็นเวลาพักของพี่ ช่างเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากๆ ในความรู้สึก... แต่พี่อดคิดถึงน้องไม่ได้... แล้ววันหนึ่ง... โดยที่ไม่คาดคิด เราก็มาพบกันโดยที่มิได้คาดหมายหรือนัดกันไว้ก่อน พี่อดคิดไม่ได้ว่า ชีวิตคนเราช่างแปลกจริงๆ เราก็มาพบกันจนได้ เพราะความไม่สบายของพี่ชายเพื่อนของเรา ส่วนตัวพี่ไปบ้านนั้นเพราะต้องการไปดูแลตัวเองนอกจากได้ไปดูแลตัวเองและพบกับน้องแล้ว พี่ยังได้พบกับเพื่อนอีกหลายคน ที่ไม่ได้พบกันนานที่นั่น ใครหลายคนบอกว่า โลกมันช่างแคบ ถ้าเรารู้จักคนนี้ เราก็จะรู้จักคนนั้น แต่อาจจะไม่ใช่ในช่วงเวลาเดียวกันเท่านั้นเองการพักผ่อนของพี่ ก็คงเหมือนกับคนทั่วๆ…
พันธกุมภา
มีนา ถึง...พันธกุมภา ตั้งแต่ตกงาน พี่ยังไม่ได้หยุดงานเลย พี่พบว่าโลกปัจจุบันมีงานอยู่หลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนิยามมันว่าเป็นงานอย่างไร สำหรับชีวิตพี่ตอนนี้ มีงานแบบที่ถูกให้คุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม และงานที่ไม่ได้ถูกให้ค่าเชิงเศรษฐกิจแต่จำเป็นต้องทำ อันนี้ยังไม่ได้นับรวมเรื่องทางธรรมที่พี่ไปพบมา คืองานที่ทำแล้วไม่มีคุณค่าทางโลกแต่ได้ “บุญ” คิดดูสิว่า... ในโลกเรามีงานมากมายขนาดไหน งานที่พี่ลาออกมาเพื่อขอพัก พี่ยังไม่ได้พักเลยจนกระทั่งบัดนี้ เพราะพี่ทำแต่งานที่ไม่ให้ค่าทางเศรษฐกิจ อย่าง การดูแลแม่ งานบ้าน และการดูแลบ้าน และยังงานอื่นๆ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับครอบครัว…
พันธกุมภา
พันธกุมภา ถึง มีนา ผมขอแสดงความดีกับพี่สาวของผมด้วยนะครับ ที่มีโอกาสได้พักผ่อน แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าการที่เราตกงานนั้นเปรียบเสมือนการพายเรือในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่เคว้งคว้างไม่รู้ว่าจะมีหนทางในงานใหม่อย่างไรได้อีก ผมทราบดีว่าพี่คงจะเหนื่อยจากการทำงานมิน้อยเลย และเชื่อว่าการได้รับมอบหมายงานเยอะคงไม่ใช่สาเหตุของการออกจากงานหรอกใช่ไหมครับ ผมรู้ว่าจดหมายหลายฉบับที่พี่ได้เขียนมาบอกเล่านั้นมันสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้กับวิถีชีวิตความเป็นคนในเมืองหลวง และรวมถึงการต้องสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตา ที่มีตัวตนแตกต่างกันไป การที่เราทำงานที่เรารัก…
พันธกุมภา
มีนา  ถึง พันธกุมภา พี่กำลังจะเป็นคนตกงานค่ะ... ฉันกำลังจะเป็นคนตกงานค่ะ เดือนสิงหาคมนี้เป็นเดือนสุดท้ายสำหรับการทำงานอย่างเป็นทางการของฉัน ญาติพี่น้อง... เจ้านาย... เพื่อนร่วมงาน... เพื่อน... ต่างเป็นห่วงเป็นใยกลัวว่าพี่จะว่าง กลัวว่าฉันจะไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ ตอนที่ฉันทำงาน พวกเขาต่างให้ความห่วง ความกังวล ว่าฉันทำงานหนักเกินไป  คนและสังคมสมัยนี้ให้คุณค่ากับการทำงานมากกว่าคุณค่าของความว่างงาน พี่เคยมีประสบการณ์การตกงานมาก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนั้นพี่ยังไม่สามารถปล่อยวางเรื่องการว่างงานได้ แต่ครั้งนี้ พี่พยายามปล่อยวางเรื่องการงานในปัจจุบันเพื่อพบกับความว่าง …
พันธกุมภา
  พันธกุมภาถึง มีนาเมื่อฉบับที่แล้วพี่มีนาได้กล่าวถึงเรื่องการ "ปล่อยวาง" ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งของการปฏิบัติธรรม เพราะหาไม่แล้วเราก็เป็นเพียงแค่ผู้เผชิญกับความสุขที่จิตใจเกิดขึ้นโดยที่หลงยึดติดอย่างไม่ทันรู้ตัวทั่วถ้วนสิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำในที่นี้ก็คือ เรื่องการปล่อยวาง หรือ การวางเฉย ซึ่งคล้ายกับภาษาธรรมที่เรียกว่า "อุเบกขา" นี้ ถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง เพราะอย่างที่เราได้รู้กันมานั้นก็คือ ในการปฏิบัติธรรมนั้น ถือว่ามีด้วยกัน 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ การทำสมถะ และการทำวิปัสสนา เท่าที่รู้, การทำสมถะ คือ การทำให้จิตสงบ ทำให้จิตนิ่ง…
พันธกุมภา
มีนา สวัสดี พันธกุมภา รู้ว่าน้องสบายดี พี่ก็ยินดีไปด้วย การดำรงชีวิตอย่างมีสติไม่ใช่เรื่องง่าย พี่ก็ว่างบ้างไม่ว่างบ้าง เพียงแต่ช่วงเวลาที่น้องไม่ว่าง บังเอิญพี่ว่าง ซึ่งเป็นเรื่องดีที่เราจะมีจังหวะชีวิตที่แตกต่างกัน และทำให้การเขียนงานลงตัว พี่ยังคิดอยู่ว่า ถ้าไม่ว่างขึ้นมาพร้อมๆ กัน คงมีปัญหาแน่ๆ สำหรับพี่ ความแตกต่างจึงน่าสนใจ เช่นเดียวกับฤดูที่แตกต่าง ชีวิตที่ขึ้นๆ ลงๆ ช่วงสัปดาห์ที่น้องกำลังมีความสุขอยู่นั้น ชีวิตของพี่เหน็ดเหนื่อยและผจญกับความทุกข์ของคนอื่น แล้วยึดมาเป็นความทุกข์ของตนเอง ... บางทีพี่ก็คิดว่า ทำไมเราจึงเป็นคนอย่างนั้นไปได้ และทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่…
พันธกุมภา
พันธกุมภา ถึง มีนา สวัสดีครับพี่มีนา เป็นอะไรไปถึงไหนอย่างไรบ้างครับ หวังว่าพี่จะสบายดีมีสติในทุกๆ ความสนุกนะครับ อืม...จะว่าไปแล้วเราก็ไม่ได้ตอบรับจดหมายกันนานทีเดียว บางทีพี่ก็ว่างมากมายจนผมรู้สึกอิจฉาตาร้อน และผมเองบางทีก็ว่างนิดหน่อย พอมีเวลามานั่งขีดเขียน เวียนวนให้พี่ได้ยลได้ติดตามอยู่เนืองๆ ช่วงที่ผ่านมาวันเข้าพรรษา ผมพาตัวเองไปเข้าวัดมาครับ แถวๆ เกาะสีชัง ได้ไปกับคนที่รักและใช้ชีวิต “ดูจิต” สนทนาธรรมและดื่มด่ำบรรยากาศอบอุ่นจากไอทะเล ทำกับข้าวกินกันริมชายฝั่ง นั่งนับดาวยามราตรี มีเวลาก็ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเกาะ หาซื้อเงาะ ซื้อทุเรียนมานั่งกิน รินน้ำเปล่าชนกัน…