Skip to main content

พันธกุมภา

20080111 เดินทางภายในที่วัดป่าสุคะโต

ถึง มีนา,

ฉันเริ่มเขียน “ธรรมตามใจ” มาได้เพียงไม่นาน ก็พบว่าอันแท้แล้ว ยังมีกัลยาณมิตรทางธรรมอีกหลายคนที่อยู่ในช่วงวัยใกล้ๆ กัน จึงน่าจะชวนกันมาแบ่งปันธรรมปฏิบัติในพื้นที่นี้ร่วมกัน

มีนา, เป็นเพื่อนรุ่นพี่ ที่ตอบรับคำเชื้อเชิญจากฉัน – เธอ เป็นผู้หญิงรุ่นพี่ ที่ฉันรู้จักมาค่อนปีทีเดียว ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าเจอกันครั้งแรกที่ไหนอย่างไร เพราะผ่านมาแล้วหลายนาน แต่ก็ไม่เป็นไร คงไม่สำคัญไปกว่าการที่ต่อไปเราทั้งสองจะได้แบ่งปัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เราต่างปฏิบัติเช่นกัน

ฉันกับเธอ, พันธกุมภากับมีนา, เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นมา ตัวตนทางโลกของเราอาจมีค่าเฉลี่ยของอายุที่ต่างกันอยู่มาก แต่ในทางธรรมแล้ว ไม่ว่าเพศใด วัยใด ย่อมมี “ความเท่า” กันอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร เพศไหน การเป็นพี่น้องทางธรรมนั้นย่อมหมายถึงความเหลื่อมล้ำต่างๆ ของเพศ วัย อายุ สถานะทางสังคม จะไม่เป็นอุปสรรค กำแพงกั้นระหว่างกันและกัน ฉะนี้แล้วเราจึงเสมือนเพื่อนร่วมเดินทางในเส้นทางนี้ด้วยกัน

ยังไงก็ดี ฉันมีเรื่องที่อยากจะเล่าให้เธอฟังว่า หลังจากที่ฉันได้อ่านประวัติและคำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ตอนนั้นจิตของฉันบอกว่าแนวปฏิบัติที่หลวงพ่อเทียน ท่านได้สอนสั่งศิษยานุศิษย์มามากมายแล้วนี้ เป็นแนวปฏิบัติที่น่าจะหาโอกาสได้ลองฝึกได้ปฏิบัติดู

บวกกับที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ฉันนับถือได้แนะนำให้ได้ลองเข้าร่วมปฏิบัติแนวหลวงพ่อเทียน ตอนประมาณเดือนเมษายนปีนี้กับกลุ่มนักพัฒนา ที่จังหวัดสกลนคร ฉันได้ตอบปากตกลงที่จะเข้าร่วม และรอเวลาที่จะมาถึงด้วยการศึกษาและอ่านคำสอนของหลวงพ่อเทียน เท่าที่จะหามาอ่านได้

ต่อมาไม่นาน วันหนึ่งมีคนบอกฉันว่าเขาจะไปบวชที่วัดป่าสุคะโต ที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นวัดที่มีแนวการสอนการปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อเทียน และที่วัดก็เปิดให้ผู้สนใจการปฏิบัติได้เข้าไปปฏิบัติตามเหตุอันควร

 

ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๐ ฉันโทรศัพท์สอบถามพี่แก้ว รุ่นพี่ที่ทำงานเอ็นจีโอในภาคเหนือ ซึ่งเคยบวชเป็นพระแล้วปฏิบัติที่วัดป่าสุคะโตมาก่อน พี่แก้วดีใจมากที่รู้ว่าฉันจะไปที่นั่น ได้เล่าเรื่องแนวทางการปฏิบัติ การใช้ชีวิต ตลอดจนการเดินทางไปยังวัด พร้อมทั้งฝากน้อมความระลึกถึงยังพระอาจารย์ แม่ชี ทั้งหลายด้วย

นอกจากนี้ฉันได้หาข้อมูลของวัดจากทางเว็บไซต์ www.pasukato.org   แล้วกำหนดวันเพื่อที่จะหาโอกาสไปปฏิบัติเจริญสติ ที่วัดแห่งนี้ และแล้วฉันก็ได้วันที่ลงตัว คือ วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ ถึง ๒ มกราคม ๒๕๕๑ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เป็นเทศกาลหยุดนาน จึงเหมาะแก่การลางานยาวๆ แล้วนำใจสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง

พอรู้ว่าจะเดินทางช่วงไหนอย่างไร จึงต้องขออนุญาตจากทางครอบครัวคือพ่อกับแม่เพื่อแจ้งให้ท่านได้รับทราบ เมื่อท่านรู้ว่าฉันจะไปในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็ถามว่า “ทำไมไปช่วงนี้ ไม่ฉลองกับทางบ้านเหรอ” ฉันตอบว่า ช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะแก่กันปฏิบัติ และการละซึ่งความสุขทางโลกในการกิน ดื่ม เที่ยว อย่างหนึ่ง

เมื่อที่บ้านรับฟังเหตุผลแล้ว จึงเข้าใจแต่แม่ก็บอกว่า “เรามีญาติที่ชัยภูมิ แม่จะโทรหาให้เขาดูแลเรานะ” ฉันพยักหน้าและโทรศัพท์คุยกับลุงที่ชัยภูมิอยู่หลายวันเพื่อนัดหมายการเดินทางและที่พักที่บ้านลุง

ส่วนเพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนที่รู้ว่าฉันจะไปปฏิบัติธรรมตอนช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ต่างก็สงสัยต่างๆ นานา ว่าทำไมจึงไปช่วงนี้ ไม่ไปสังสรรค์กับใครเลย บ้างก็ว่าฉันอกหัก บ้างก็ว่าฉันเครียดจากงาน บ้างก็รู้ว่าฉันจะไปทำไม เดากันไปมาหลายเหตุผล จนต้องบอกว่าที่จะไปปฏิบัตินั้นเพราะต้องการฝึกเจริญสติแนวทางอื่นที่ต่างจากแนวทางเดิมที่เคยทำ บางคนที่รู้ว่าฉันปฏิบัติ ก็จะเข้าใจ บางคนก็งงอยู่ ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน สักวันฉันต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ

มีเรื่องหนึ่งที่ฉันสงสัยตลอดเวลาว่าทำไมคนเราจึงต้องปฏิบัติธรรม บางคนปฏิบัติเพราะศรัทธา บางคนอยากจะหนีทุกข์ และเหตุผลที่แตกต่างกันไป คำถามจะไม่มีมากหากคนที่ไปปฏิบัติอายุมาก ดูอยู่วัยกลางคน และวัยชรา แต่หากเป็นวัยรุ่นแบบฉันหรือเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็มักถูกมองแปลกๆ ทำนองว่าบ้าหรือเปล่า อยู่ดีๆ ไปปฏิบัติธรรม มีอะไรให้ทำตั้งมากมาย เป็นวัยรุ่นเสียเปล่าไม่เที่ยว ไม่กิน ไม่ดื่ม ทำไมทำอะไรเกินวัย เข้าถึงธรรมะเร็วไป

สำหรับฉัน มีคำตอบอยู่ ไม่กี่อย่างที่ทำให้เข้าถึงธรรมะเช่นนี้

หนึ่ง ที่ชีวิตฉันเปลี่ยนแปลงได้เพราะธรรมะ ตอนที่ปฏิบัติวิปัสสนา ๑๐ วันที่ของท่านโกเอ็นก้า เพราะอยากพักงาน อยากหนีอารมณ์สูญเสียคนรัก จึงเข้าหาธรรมะเป็นที่พึ่ง ให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ และตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าต้องปฏิบัติ หรือศึกษาธรรมะให้ลึก คิดแต่เพียงว่าจะไปปฏิบัติวิปัสสนา ๑๐ วัน ไปพักใจก็เพียงพอ

สอง เมื่อพบกับธรรมะและแนวการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การพ้นทุกข์ที่แท้จริงแล้วเน้น ก็ทำให้จิตใจโน้มเอียงเข้าหาธรรมะและเห็นคุณค่าของการเกิดเป็นคนมากขึ้น จากที่เคยเที่ยวผับทุกอาทิตย์ ดื่มเหล้าบ่อยๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป ช่วงนั้นไม่มีใครบอกว่าควรทำตนอย่างไร การเข้าถึงธรรมะคือการเข้าถึงความเป็นธรรมดาของชีวิต หลายคนมักยกตนมาอวดอ้างว่าสนใจธรรมะแต่ไม่ได้จริงจังต่อการปฏิบัติ แต่บางคนก็เฉยๆ แล้วปฏิบัติเงียบๆ ไปเรื่อยๆ ดังนั้น ฉันคิดว่าหากอยากพบกับสุขที่แท้จริงหรือสภาวะธรรมะที่สูงขึ้นนั้น จำเป็นต้องเดินตามทางสายนี้ ทางสายเอก ทางแห่งมรรค และสติปัฏฐานสี่

สาม เมื่อเกิดมาเป็นคน หากเราเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม และการเวียนว่ายตายเกิดในสงสารวัฎแล้ว จะพบว่าการได้เกิดมาเป็นคน เป็นมนุษย์นั้น ยากลำบากเพียงใด การที่เราไม่ได้เกิดเป็นเดรัจฉานหรืออบายภูมินั้นย่อมทำให้เราสามารถเข้าถึงธรรมะ เข้าถึงการนำตัวเองไปสู่การหลุดพ้นซึ่งการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่จบไม่สิ้น ที่สำคัญ มีใครบ้างที่จะรู้ว่าตัวเองจะตาย สิ้นลมหายใจตอนไหน ไม่รู้หรอก บางคนเห็นเช้าตายเย็น เห็นสายตายบ่าย เห็นตอนเย็นตายตอนเช้า ก็มีแตกต่างกันไป ฉะนั้นแล้วเมื่อเรายังมีลมหายใจ เป็นคน ที่มีสติปัญญา มีประสาทการรับรู้ จึงน่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงความหลุดพ้นอย่างแท้จริง นี่คือความไม่ธรรมดา ความหมายและคุณค่าที่เราได้เป็นคน ได้เกิดมาทันคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมเราจึงไม่ใช่ประโยชน์จากการเป็นคน เข้าถึงธรรมให้มากที่สุด

สี่ การเข้าถึงธรรมให้มากของฉัน ไม่ได้หมายเพียงแค่การอ่านหนังสือธรรมะได้หลายๆ เล่ม หากแต่หมายถึงการดำเนินชีวิตทั้งการให้ทาน การดำรงศีล และการภาวนา คือการพยายามที่จะปฏิบัติธรรม ให้เกิดปัญญา ในความหมายของมรรคองค์ ๘ คือ มรรคสุดท้าย “ภาวนามยปัญญา” การเจริญสติเพื่อให้เกิดปัญญานั้นย่อมทำให้เรารู้ทันหลายสิ่งหลายอย่างที่กระทบเข้ามากับตัวเอง คนที่มีธรรมะในใจย่อมไม่จำเป็นต้องทำตัวเคร่งเสมอไป บางคนอาจจะเคร่ง และบางคน ซึ่งรวมถึงฉันด้วยก็เคร่ง แต่เราก็ยังใช้ชีวิตตามปกติของวัยรุ่นทั่วไป เพื่อให้เข้ากับสังคมเพื่อนๆ ที่อยู่ ที่คบหากัน

อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าการที่ตัวเองไปมาพบกับธรรมและเข้าถึงได้ เพราะหลายสิ่งหลายอย่าง มีปัจจัยทั้งด้านในของตัวเอง และด้านนอกคือ ญาติธรรมที่เป็นกัลยาณมิตรคอยช่วย ตักเตือน แนะนำ สนทนา อยู่สม่ำเสมอ และที่สำคัญ ญาติธรรมที่เป็นวัยรุ่นอย่างเรา ก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียว ฉะนี้ฉันจึงมั่นใจว่าหนทางที่เราเดินมีคนเดินร่วมทางกับเรามากมาย และมีคนที่เข้าถึงธรรมและพบกับหนทางสูงสุดให้เราได้เห็นมาแล้วหลายต่อหลายท่าน

ความปรารถนาที่จะพ้นทุกข์คือความปรารถนาของจิตนี้ ฉันหวังว่าการเข้าถึงธรรมะและการเดินทางไปปฏิบัติเจริญสติที่วัดสุคะโตจะเป็นเข็มทิศนำทางใจของฉันให้พบกับปัญญาจากด้านในของตน....

 

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบอยู่กับตัวเอง เพราะมีความรู้สึกไม่มั่นคง อีกทั้งยังคิดว่าเราควรที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ บ้าง ในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีในความสัมพันธ์  แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ทำงานขับเคลื่อนทางสังคมในเรื่องชีวิตทางเพศได้เข้าร่วมภาวนา หรือ Retreat ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการภาวนาเพื่อติดตามเพื่อนๆ ที่ได้ภาวนาในรุ่นต่างๆ ก่อนหน้านี้ให้ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอย่างไร มีสุข มีทุกข์อย่างไรบ้าง
พันธกุมภา
เมื่อมีเวลาตรวจดูสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าผมได้พบกันสภาวธรรมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปหลายๆ ประการ มีเกิด มีดับ สลับกันไปในจิตแต่ละช่วงขณะ คือค่อยๆ รู้สึกตัวบ้างในบางครั้ง รู้ว่าเผลอ รู้ว่าหลง รู้ว่าประคอง ในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความคิด ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความอยาก
พันธกุมภา
ผมถามพี่ที่รู้จักกันท่านหนึ่งว่า "ที่คนทั่วไปไม่ค่อยปฏิบัติธรรมเพราะอะไร"และพี่ท่านนี้ก็ได้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง ว่า เมื่อก่อนเค้าไม่สนใจ  เพราะเป็นเด็กจะไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่พอโตขึ้นแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ในบางคำถาม แต่ธรรมะกลับตอบได้
พันธกุมภา
ถามสวัสดีค่ะเหนื่อยจัง  นอนน้อยเลยเบลอมีคำถามมาถามน้องอีกแล้วค่ะ  คือเมื่อคืนและเมื่อหลายคืนก่อน ดูละครสาปภูษา กับสุสานภูเตศวรสองเรื่องนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือ  ย้อนยุค  ทะลุมิติ  โดยมีเรื่องวิญญาณมาเกี่ยวข้องจู่ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาว่า  เชื่อเรื่อง ชาตินี้ ชาติหน้า ไหมทำให้พี่คิดขึ้นมาว่า เออ แล้วมันจริงเหรอ เรื่องนี้น่ะไม่รู้สิคะ  ตามความคิดส่วนตัวคือ เชี่อค่ะเชื่อ เลยไม่อยากทำอะไรไม่ดีเลย  อยากสั่งสมความดี สร้างบุญเพราะเราเห็นว่ามันสุขตั้งแต่นาทีที่ทำวันก่อนอ่านหนังสือคุณ ดังตฤณ พี่คิดว่าตามแนวคิดคุณดังตฤณ  มันก็มีจริงสิคะ ชาตินี้…
พันธกุมภา
ต่อจากการตอบจดหมายเรื่องทุกข์ใจกับคนที่ไม่ชอบเรา1 ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะอ่านแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล
พันธกุมภา
ช่วงที่ผ่านมา มีจดหมายจาก คุณ พรพรรณ เขียนจดหมายมาสอบถามผม 4 เรื่องดังนี้  1. การที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนที่เขาไม่ชอบเรา หรือมีทัศนคติที่ขัดแย้งกัน  เราควรทำอย่างไร2. การแผ่เมตตา  ช่วยให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นคลายลง ได้หรือไม่  และการแผ่เมตตามีคุณอย่างไร3. การไปปฏิบัติ  จะช่วยให้เกิดผลบุญถึงเจ้ากรรมนายเวรได้จริงหรือเปล่าคะ4. คุณน้องเต้าเชื่อเรื่องกรรม หรือไม่คะ ผมได้รับและตอบกลับดังนี้.................... สวัสดีครับ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้ผมได้แบ่งปันนะครับแต่...สภาวะของผมอาจเป็นคนอื่น…
พันธกุมภา
 คืนนี้ ดึกแล้วครับช่วงเวลาตีสามกว่าๆ ควรเป็นเวลาที่ผมจะได้นอนหลับอย่างสงบแต่ไม่รู้ทำไม? คืนนี้จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากจะรวมเล่มบันทึก "ธรรมใจ ไดอารี่" นี้ให้เสร็จ
พันธกุมภา
ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเพิ่งตื่น ตอนนี้ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟัน ตาก็ดูเบลอ ทำอะไรก็เบลอๆ อยู่นิดหนึ่ง ยังไม่ค่อยมีใจอยากจะทำอะไร ความขี้เกียจเป็นเพื่อนที่ไม่หนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้างๆ กายผม ไม่อยากทำอะไรเลย แม้ว่าจะมีงานมากน้อยเพียงใด ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงที่การอยู่เฉยๆ เพราะเวลาไม่ได้ทำอะไรก็ดีไปอีกอย่าง...บอกไม่ถูกครับ
พันธกุมภา
  ตอนนี้ผมพบว่าความอ่อนล้าทำให้เหนื่อยกับสิ่งกำลังทำอยู่ ไม่ว่างานจะสนุกเพียงใด แต่ถ้าอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาในชีวิตจนไม่สามารถจัดการได้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง วิธีการเรียงลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการมีชีวิตที่สมดุลกัน
พันธกุมภา
แม่เพิ่งโทรมาถามผมว่าวันเกิดปีนี้จะทำอะไร? และเตือนว่าอย่าลืมไปทำบุญถวายพระ แถมยังบอกอีกว่าปีนี้ อยากให้ทำทานโดยการซื้อผ้าเช็ดตัวให้กับผู้เฒ่าผู้แก่และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ในหมู่บ้าน ผมรู้สึกดีใจที่คุณแม่โทรมา เพราะอย่างน้อยแสดงว่าท่านจำวันเกิดของผมได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับวันเกิดเพราะมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผม แต่ที่ไหนได้วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ เพราะท่านได้ให้การเกิดผมมาลืมตาดูโลก
พันธกุมภา
ช่วงอาทิตย์กว่าที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คนรอบข้างผมต้องเสียชีวิตไปมากกว่า 3 คน คนหนึ่งเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย อีกคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และคนสุดท้ายเสียชีวิตดูความชรา การจากไปของคนรู้จักเหล่านี้ แน่นอนว่านำมาซึ่งความเสียใจ ความเศร้าโศก และมันก็ทำให้ผมคิดถึง “ความตาย” อยู่ทุกๆ ขณะ เพราะความตายนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ ซึ่งมันเป็นการบอกย้ำธรรมชาติของชีวิตว่าชีวิตทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง
พันธกุมภา
หลังจากวันที่เริ่มบันทึกมาจนถึงวันนี้ ก็ผ่านเลยมาหลายวันแล้ว มีเรื่องราวหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตแต่เท่าที่สำคัญและจำได้ดีคือ ช่วงวันที่ 5 - 15 มกราคม ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ที่ทำงานสุขภาวะทางเพศประมาณ 20 คนได้เข้าอบรมภาวนาภายในและการเรียนรู้โครงสร้างทางสังคม ที่บ้านสวนธารทิพย์ ซึ่งมีพี่อวยพร เขื่อนแก้ว เป็นกระบวนกรหลัก