Skip to main content

พันธกุมภา

20080111 เดินทางภายในที่วัดป่าสุคะโต

ถึง มีนา,

ฉันเริ่มเขียน “ธรรมตามใจ” มาได้เพียงไม่นาน ก็พบว่าอันแท้แล้ว ยังมีกัลยาณมิตรทางธรรมอีกหลายคนที่อยู่ในช่วงวัยใกล้ๆ กัน จึงน่าจะชวนกันมาแบ่งปันธรรมปฏิบัติในพื้นที่นี้ร่วมกัน

มีนา, เป็นเพื่อนรุ่นพี่ ที่ตอบรับคำเชื้อเชิญจากฉัน – เธอ เป็นผู้หญิงรุ่นพี่ ที่ฉันรู้จักมาค่อนปีทีเดียว ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าเจอกันครั้งแรกที่ไหนอย่างไร เพราะผ่านมาแล้วหลายนาน แต่ก็ไม่เป็นไร คงไม่สำคัญไปกว่าการที่ต่อไปเราทั้งสองจะได้แบ่งปัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เราต่างปฏิบัติเช่นกัน

ฉันกับเธอ, พันธกุมภากับมีนา, เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นมา ตัวตนทางโลกของเราอาจมีค่าเฉลี่ยของอายุที่ต่างกันอยู่มาก แต่ในทางธรรมแล้ว ไม่ว่าเพศใด วัยใด ย่อมมี “ความเท่า” กันอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร เพศไหน การเป็นพี่น้องทางธรรมนั้นย่อมหมายถึงความเหลื่อมล้ำต่างๆ ของเพศ วัย อายุ สถานะทางสังคม จะไม่เป็นอุปสรรค กำแพงกั้นระหว่างกันและกัน ฉะนี้แล้วเราจึงเสมือนเพื่อนร่วมเดินทางในเส้นทางนี้ด้วยกัน

ยังไงก็ดี ฉันมีเรื่องที่อยากจะเล่าให้เธอฟังว่า หลังจากที่ฉันได้อ่านประวัติและคำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ตอนนั้นจิตของฉันบอกว่าแนวปฏิบัติที่หลวงพ่อเทียน ท่านได้สอนสั่งศิษยานุศิษย์มามากมายแล้วนี้ เป็นแนวปฏิบัติที่น่าจะหาโอกาสได้ลองฝึกได้ปฏิบัติดู

บวกกับที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ฉันนับถือได้แนะนำให้ได้ลองเข้าร่วมปฏิบัติแนวหลวงพ่อเทียน ตอนประมาณเดือนเมษายนปีนี้กับกลุ่มนักพัฒนา ที่จังหวัดสกลนคร ฉันได้ตอบปากตกลงที่จะเข้าร่วม และรอเวลาที่จะมาถึงด้วยการศึกษาและอ่านคำสอนของหลวงพ่อเทียน เท่าที่จะหามาอ่านได้

ต่อมาไม่นาน วันหนึ่งมีคนบอกฉันว่าเขาจะไปบวชที่วัดป่าสุคะโต ที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นวัดที่มีแนวการสอนการปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อเทียน และที่วัดก็เปิดให้ผู้สนใจการปฏิบัติได้เข้าไปปฏิบัติตามเหตุอันควร

 

ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๐ ฉันโทรศัพท์สอบถามพี่แก้ว รุ่นพี่ที่ทำงานเอ็นจีโอในภาคเหนือ ซึ่งเคยบวชเป็นพระแล้วปฏิบัติที่วัดป่าสุคะโตมาก่อน พี่แก้วดีใจมากที่รู้ว่าฉันจะไปที่นั่น ได้เล่าเรื่องแนวทางการปฏิบัติ การใช้ชีวิต ตลอดจนการเดินทางไปยังวัด พร้อมทั้งฝากน้อมความระลึกถึงยังพระอาจารย์ แม่ชี ทั้งหลายด้วย

นอกจากนี้ฉันได้หาข้อมูลของวัดจากทางเว็บไซต์ www.pasukato.org   แล้วกำหนดวันเพื่อที่จะหาโอกาสไปปฏิบัติเจริญสติ ที่วัดแห่งนี้ และแล้วฉันก็ได้วันที่ลงตัว คือ วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ ถึง ๒ มกราคม ๒๕๕๑ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เป็นเทศกาลหยุดนาน จึงเหมาะแก่การลางานยาวๆ แล้วนำใจสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง

พอรู้ว่าจะเดินทางช่วงไหนอย่างไร จึงต้องขออนุญาตจากทางครอบครัวคือพ่อกับแม่เพื่อแจ้งให้ท่านได้รับทราบ เมื่อท่านรู้ว่าฉันจะไปในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็ถามว่า “ทำไมไปช่วงนี้ ไม่ฉลองกับทางบ้านเหรอ” ฉันตอบว่า ช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะแก่กันปฏิบัติ และการละซึ่งความสุขทางโลกในการกิน ดื่ม เที่ยว อย่างหนึ่ง

เมื่อที่บ้านรับฟังเหตุผลแล้ว จึงเข้าใจแต่แม่ก็บอกว่า “เรามีญาติที่ชัยภูมิ แม่จะโทรหาให้เขาดูแลเรานะ” ฉันพยักหน้าและโทรศัพท์คุยกับลุงที่ชัยภูมิอยู่หลายวันเพื่อนัดหมายการเดินทางและที่พักที่บ้านลุง

ส่วนเพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนที่รู้ว่าฉันจะไปปฏิบัติธรรมตอนช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ต่างก็สงสัยต่างๆ นานา ว่าทำไมจึงไปช่วงนี้ ไม่ไปสังสรรค์กับใครเลย บ้างก็ว่าฉันอกหัก บ้างก็ว่าฉันเครียดจากงาน บ้างก็รู้ว่าฉันจะไปทำไม เดากันไปมาหลายเหตุผล จนต้องบอกว่าที่จะไปปฏิบัตินั้นเพราะต้องการฝึกเจริญสติแนวทางอื่นที่ต่างจากแนวทางเดิมที่เคยทำ บางคนที่รู้ว่าฉันปฏิบัติ ก็จะเข้าใจ บางคนก็งงอยู่ ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน สักวันฉันต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ

มีเรื่องหนึ่งที่ฉันสงสัยตลอดเวลาว่าทำไมคนเราจึงต้องปฏิบัติธรรม บางคนปฏิบัติเพราะศรัทธา บางคนอยากจะหนีทุกข์ และเหตุผลที่แตกต่างกันไป คำถามจะไม่มีมากหากคนที่ไปปฏิบัติอายุมาก ดูอยู่วัยกลางคน และวัยชรา แต่หากเป็นวัยรุ่นแบบฉันหรือเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็มักถูกมองแปลกๆ ทำนองว่าบ้าหรือเปล่า อยู่ดีๆ ไปปฏิบัติธรรม มีอะไรให้ทำตั้งมากมาย เป็นวัยรุ่นเสียเปล่าไม่เที่ยว ไม่กิน ไม่ดื่ม ทำไมทำอะไรเกินวัย เข้าถึงธรรมะเร็วไป

สำหรับฉัน มีคำตอบอยู่ ไม่กี่อย่างที่ทำให้เข้าถึงธรรมะเช่นนี้

หนึ่ง ที่ชีวิตฉันเปลี่ยนแปลงได้เพราะธรรมะ ตอนที่ปฏิบัติวิปัสสนา ๑๐ วันที่ของท่านโกเอ็นก้า เพราะอยากพักงาน อยากหนีอารมณ์สูญเสียคนรัก จึงเข้าหาธรรมะเป็นที่พึ่ง ให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ และตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าต้องปฏิบัติ หรือศึกษาธรรมะให้ลึก คิดแต่เพียงว่าจะไปปฏิบัติวิปัสสนา ๑๐ วัน ไปพักใจก็เพียงพอ

สอง เมื่อพบกับธรรมะและแนวการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การพ้นทุกข์ที่แท้จริงแล้วเน้น ก็ทำให้จิตใจโน้มเอียงเข้าหาธรรมะและเห็นคุณค่าของการเกิดเป็นคนมากขึ้น จากที่เคยเที่ยวผับทุกอาทิตย์ ดื่มเหล้าบ่อยๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป ช่วงนั้นไม่มีใครบอกว่าควรทำตนอย่างไร การเข้าถึงธรรมะคือการเข้าถึงความเป็นธรรมดาของชีวิต หลายคนมักยกตนมาอวดอ้างว่าสนใจธรรมะแต่ไม่ได้จริงจังต่อการปฏิบัติ แต่บางคนก็เฉยๆ แล้วปฏิบัติเงียบๆ ไปเรื่อยๆ ดังนั้น ฉันคิดว่าหากอยากพบกับสุขที่แท้จริงหรือสภาวะธรรมะที่สูงขึ้นนั้น จำเป็นต้องเดินตามทางสายนี้ ทางสายเอก ทางแห่งมรรค และสติปัฏฐานสี่

สาม เมื่อเกิดมาเป็นคน หากเราเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม และการเวียนว่ายตายเกิดในสงสารวัฎแล้ว จะพบว่าการได้เกิดมาเป็นคน เป็นมนุษย์นั้น ยากลำบากเพียงใด การที่เราไม่ได้เกิดเป็นเดรัจฉานหรืออบายภูมินั้นย่อมทำให้เราสามารถเข้าถึงธรรมะ เข้าถึงการนำตัวเองไปสู่การหลุดพ้นซึ่งการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่จบไม่สิ้น ที่สำคัญ มีใครบ้างที่จะรู้ว่าตัวเองจะตาย สิ้นลมหายใจตอนไหน ไม่รู้หรอก บางคนเห็นเช้าตายเย็น เห็นสายตายบ่าย เห็นตอนเย็นตายตอนเช้า ก็มีแตกต่างกันไป ฉะนั้นแล้วเมื่อเรายังมีลมหายใจ เป็นคน ที่มีสติปัญญา มีประสาทการรับรู้ จึงน่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงความหลุดพ้นอย่างแท้จริง นี่คือความไม่ธรรมดา ความหมายและคุณค่าที่เราได้เป็นคน ได้เกิดมาทันคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมเราจึงไม่ใช่ประโยชน์จากการเป็นคน เข้าถึงธรรมให้มากที่สุด

สี่ การเข้าถึงธรรมให้มากของฉัน ไม่ได้หมายเพียงแค่การอ่านหนังสือธรรมะได้หลายๆ เล่ม หากแต่หมายถึงการดำเนินชีวิตทั้งการให้ทาน การดำรงศีล และการภาวนา คือการพยายามที่จะปฏิบัติธรรม ให้เกิดปัญญา ในความหมายของมรรคองค์ ๘ คือ มรรคสุดท้าย “ภาวนามยปัญญา” การเจริญสติเพื่อให้เกิดปัญญานั้นย่อมทำให้เรารู้ทันหลายสิ่งหลายอย่างที่กระทบเข้ามากับตัวเอง คนที่มีธรรมะในใจย่อมไม่จำเป็นต้องทำตัวเคร่งเสมอไป บางคนอาจจะเคร่ง และบางคน ซึ่งรวมถึงฉันด้วยก็เคร่ง แต่เราก็ยังใช้ชีวิตตามปกติของวัยรุ่นทั่วไป เพื่อให้เข้ากับสังคมเพื่อนๆ ที่อยู่ ที่คบหากัน

อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าการที่ตัวเองไปมาพบกับธรรมและเข้าถึงได้ เพราะหลายสิ่งหลายอย่าง มีปัจจัยทั้งด้านในของตัวเอง และด้านนอกคือ ญาติธรรมที่เป็นกัลยาณมิตรคอยช่วย ตักเตือน แนะนำ สนทนา อยู่สม่ำเสมอ และที่สำคัญ ญาติธรรมที่เป็นวัยรุ่นอย่างเรา ก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียว ฉะนี้ฉันจึงมั่นใจว่าหนทางที่เราเดินมีคนเดินร่วมทางกับเรามากมาย และมีคนที่เข้าถึงธรรมและพบกับหนทางสูงสุดให้เราได้เห็นมาแล้วหลายต่อหลายท่าน

ความปรารถนาที่จะพ้นทุกข์คือความปรารถนาของจิตนี้ ฉันหวังว่าการเข้าถึงธรรมะและการเดินทางไปปฏิบัติเจริญสติที่วัดสุคะโตจะเป็นเข็มทิศนำทางใจของฉันให้พบกับปัญญาจากด้านในของตน....

 

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนา อ่านเรื่องความกลัวของมีนาแล้ว ฉันเริ่มมองมาที่ตัวเองแล้วว่า ฉันกลัวอะไร? มาถึงตอนนี้ก็คิดได้ว่าคงไม่มีความกลัวอะไรที่น่ากลัวไปกว่าการที่เรา “ไม่รู้” ว่าตัวเอง “กลัว” อะไร ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้น – ใครสักคนเคยบอกเช่นนั้น ฉันมักเลือกสร้างความกลัวเพื่อให้ตัวเองกล้าหาญ และเอาชนะความกลัวให้ได้ เพราะความกลัวคือสิ่งที่ท้าทายจิตใจและมานะในตัวของฉัน แต่ยังไงก็ตามมีน้อยคนนักที่จะสามารถพัฒนาความกลัวที่มีอยู่ในตนให้กลายเป็นความเข้มแข็งในการดำรงชีวิตบางที เราอาจอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนไม่มีใครเป็นเพื่อนคอยแนะนำ ให้คำปรึกษา หรือหารือกันเรื่อง “ด้านใน” ของตนก็เป็นได้…
พันธกุมภา
มีนา
ฉันดีใจ...ที่เธอมีคนดูแลระหว่างการเดินทาง แม้ว่าเราจะเดินทางเพื่อไปปฏิบัติธรรม คนส่วนมากเขาก็มองว่าเราเติบโตมาในสังคมที่เห็นว่าการชวนดื่มเหล้า การกินอาหารร่วมกันเป็นการให้เกียรติกับผู้มาเยือน การที่เธอกล้าปฏิเสธและอธิบายความเป็นตัวเธอ นับว่าเป็นความกล้าที่จะบอกความเป็นตัวตนด้านดีของตัวเองคนจำนวนมากเกรงใจคนอื่นอย่างน่าเป็นห่วง ฉันเอง...บางครั้งยังไม่กล้าที่จะบอกถึงความเป็นตัวตน หรือความคิดจริงๆ ในเรื่องงาน หลายครั้งเป็นข้อจำกัดขององค์กร สถาบัน และเส้นแบ่งหลายๆ อย่างที่ทำให้เรา...ไม่กล้า ไม่กล้าที่จะบอกว่า เราอยากทำงานเพราะคิดถึงคนที่ลำบาก…
พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนา....เมื่อวางแผนการเดินทางเสร็จสิ้น และพยายามที่จะเคลียร์งานทุกอย่างให้แล้วเสร็จก่อนช่วงส่งท้ายปีเก่า ฉันเดินทางออกจากบ้านที่เชียงรายในวันที่ 24 ธันวาคม 2550 เพื่อมาจัดการงานต่างๆ เอกสารที่คั่งค้างจากการทำวิจัย ช่วงการเดินทางโดยรถทัวร์จากเชียงรายมายังกรุงเทพฯ ฉันนอนไม่ค่อยหลับ เพราะกลัวหลายเรื่อง กลัวรถจะชน กลัวจะมี “มาร” มาขวางไม่ให้ได้ไปปฏิบัติคำว่า “มาร” ในที่นี้ ฉันไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เท่าที่เคยสัมผัสคือ น่าจะมาเป็นลักษณะของอุปสรรค กีดกันไม่ให้เราไปปฏิบัติ อย่างเช่นบางคนพอจะไปปฏิบัติธรรม ก็ป่วยไม่สบาย หรือ ประสบอุบัติเหตุ หรือว่าคนรอบข้างเราเช่น ญาติพี่น้อง ป่วยไม่สบาย…
พันธกุมภา
มีนาถึง พันธกุมภา…แม้ว่าฉันจะไม่ได้ไปที่วัดป่าสุคะโตกับเธอ ฉันเห็นบรรยากาศไปพร้อมกับการเล่าสู่กันของเธอ อดไม่ได้ที่จะนึกถึง “ความกลัว” ตั้งแต่เด็ก เรามักถูกขู่ให้กลัวอยู่เสมอ เมื่อพ่อแม่เลี้ยงเรามา รัก ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เด็กเล็กๆ มีความอยากรู้อยากเห็นเป็นของตัวเอง เขาเพิ่งเกิดใหม่ ยังไม่รู้ว่า ไฟมันร้อน น้ำในบ่อมันลึกหรือตื้นเพียงไหน ปลั๊กไฟห้ามเอานิ้วแหย่เข้าไป อาจจะเดินไปไหนไกลๆ โดยพ่อแม่ไม่เห็นแล้วประสบอันตรายสิ่งที่เด็กไม่ได้ประสบกับตัวเอง เด็กไม่รู้ว่าอันตราย ไฟมันร้อน น้ำมันลึก เป็นอย่างไร พ่อแม่จึงมักดึงเอาสัญชาติญาณด้านลึกคือความกลัวออกมา การขู่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือ…
พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนาอย่างที่เธอได้บอกฉันนั่นแลว่า กว่าคนเราจะสามารถเอาใจมาอยู่กับกายได้นั้นต้องใช้เวลาและให้โอกาสตัวเองพอสมควร ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยคิดเลยว่าทำไมต้องเอาใจมาอยู่กับกาย หรือเอากายมาอยู่กับใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้รู้ว่าควรทำอย่างไร ควรทำเมื่อไหร่บ่อยครั้งที่ “ความสุข” ทางโลก ที่เข้ามากระทบเราทั้งทาง หู ตา จมูก ลิ้น และกาย รวมถึงใจของเรานั้นทำให้เราคิดว่านี่คือความสุขที่แท้จริง แต่หารู้ไม่ว่าการที่รับผัสสะเหล่านั้นมาปรุงแต่งก็กลับทำให้จิตใจของเรามีแต่การสร้างกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว หลายคนที่เข้าถึงธรรมปฏิบัติ บางคนพบว่าความสุขทางโลกไม่ใช่ทางออกหรือคำตอบของชีวิต…
พันธกุมภา
มีนา    ถึง พันธกุมภา ฉันต้องขอบคุณ พันธกุมภา ที่เชื้อเชิญ และพยายามดึงฉันออกมาเขียน แม้ว่าจะถูกบอกว่า "น่าจะเป็นนักเขียนได้..." แต่ฉันยังไม่...แม้แต่ลงมือทำ จะเป็นได้อย่างไร หน้านี้...และหน้าที่นี้ ต้องเป็นความต้องการของพันธกุมภา ที่จะดึงฉันออกมาจากะลาเดิมเป็นแน่ สำหรับฉันแล้ว การเดินทางไปวัดป่าสุคะโต เพื่อพบหลวงพ่อเทียนของเธอ แทบจะไม่เกี่ยวข้องอะไร หากเราไม่ใช่กัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ฉันสนับสนุนให้เดินทางเพื่อไปเรียนรู้ ให้จิตอยู่กับกาย คนสมัยนี้...ฉันเองก็เป็นคนสมัยนี้ ไม่ได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันของตนเอง ฉันเคยสังเกตตัวเองเมื่อต้องทำงาน…
พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนา,ฉันเริ่มเขียน “ธรรมตามใจ” มาได้เพียงไม่นาน ก็พบว่าอันแท้แล้ว ยังมีกัลยาณมิตรทางธรรมอีกหลายคนที่อยู่ในช่วงวัยใกล้ๆ กัน จึงน่าจะชวนกันมาแบ่งปันธรรมปฏิบัติในพื้นที่นี้ร่วมกัน มีนา, เป็นเพื่อนรุ่นพี่ ที่ตอบรับคำเชื้อเชิญจากฉัน – เธอ เป็นผู้หญิงรุ่นพี่ ที่ฉันรู้จักมาค่อนปีทีเดียว ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าเจอกันครั้งแรกที่ไหนอย่างไร เพราะผ่านมาแล้วหลายนาน แต่ก็ไม่เป็นไร คงไม่สำคัญไปกว่าการที่ต่อไปเราทั้งสองจะได้แบ่งปัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เราต่างปฏิบัติเช่นกันฉันกับเธอ, พันธกุมภากับมีนา, เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นมา ตัวตนทางโลกของเราอาจมีค่าเฉลี่ยของอายุที่ต่างกันอยู่มาก แต่ในทางธรรมแล้ว…
พันธกุมภา
บุคลิกภายนอกและนิสัยภายในของเขา ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเขาจะมีท่าทีสนใจในธรรมะและปฏิบัติเจริญสติอย่างสม่ำเสมอ หลายๆ คนที่รู้จักเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะมีความคิดที่อยากบวชเรื่องของเขาน่าสนใจตรงที่ว่า อยู่ดีๆ เขาก็บอกกับข้าพเจ้าและเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันว่าอยากจะบวช เพื่อนคนนี้ของข้าพเจ้า แต่เดิมเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แถมขี้หลีอีกต่างหาก จนวันหนึ่งตัวเองได้ไปปฏิบัติวิปัสสนา, เวลา 10 วันของการปฏิบัติ ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไป เริ่มไม่เที่ยว เริ่มไม่ดื่มเหล้า แต่ยังคงความขี้หลีสาวๆ และสูบบุหรี่อยู่ทุกๆ คนต่างรับรู้อยู่อย่างห่างๆ ว่าเขาตั้งใจปฏิบัติ…
พันธกุมภา
ดูจิต...ดูจิตคืออะไร? ข้าพเจ้ามักสงสัยตลอดเวลา เมื่อมีผู้ใหญ่ได้บอกสอนเรื่องการ “ดูจิต” บางคนถามว่าวันนี้ดูจิตเป็นยังไงบ้าง ดูจิตไปถึงไหนแล้ว แต่ละคำถามเกิดจากการติดตามผลของการปฏิบัติที่พี่ๆ แต่ละท่านต่างเฝ้าสอบถามด้วยความเป็นห่วงวันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้พบกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ ท่านได้ถามข้าพเจ้าว่าชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่ไม่ได้พบเจอกันมาเสียนาน ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องการปฏิบัติของข้าพเจ้าให้ผู้ใหญ่ท่านได้รับฟัง และเราก็ได้คุยถึงครูบาอาจารย์ที่สอนการวิปัสสนากรรมฐานแต่ละหนแห่งผู้ใหญ่ท่านนี้ได้แนะนำ และชวนเชิญให้ข้าพเจ้าได้ลองปฏิบัติตามแนวทางของ หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ…
พันธกุมภา
- 1 - ข้าพเจ้าได้อ่าน บทเขียนของ “กลางชล” ในนิตยสาร “ธรรมะใกล้ตัว” ฉบับที่ 29 ประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2550 http://www.dungtrin.com/mag  ซึ่งเป็นบทบรรณาธิการของนิตยสารดังกล่าว ที่ได้พาตัวข้าพเจ้าให้นำใจเข้าศึกษาและเรียนรู้ธรรมะจากนิตยสารธรรมเล่มนี้ในบทบรรณาธิการ “กลางชล” เล่าว่า ได้เสียงของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ดังขึ้นจากแผ่นซีดีว่า “การศึกษาธรรมะ คือการลงทุนให้กับชีวิตตัวเองนะ หลวงพ่อจะบอกให้ หลวงพ่อเองตอนอยู่กับโลก ก็ไม่ได้เป็นรองใครหรอก อยู่ในโลกก็มีความสุข แต่แล้วก็พบว่า ความสุขของโลกนี่นะ ไม่ได้เรื่องเลย ไม่ได้เรื่องเลย...”อย่างตอนเด็ก ๆ เราก็คิดว่า ถ้าเราเอนท์ติดคณะนั้นคณะนี้…
พันธกุมภา
ข้าพเจ้าเพิ่งเริ่มเข้าใจว่าชีวิตที่เกิดขึ้นมานี้มีแต่ “ทุกข์” ทั้งๆ ที่หลายเรื่องราว เราสามารถที่จะพบกับความสุขได้โดยไม่ยาก แต่นั้นอาจไม่ใช่ความสุขที่นำไปสู่การพ้นทุกข์อย่างแท้จริงชีวิตอย่างช่วงวัยของข้าพเจ้านั้น มีหลากหลายเรื่องราวที่เข้ามากระทบ ทำให้จิตใจสับสนวุ่นวายและบางคราก็ไม่สามารถที่จะหาทางออกไปสู่เส้นทางแห่งความสงบสุขได้อย่างแท้จริง ความว้าวุ่นใจที่เกิดขึ้น ได้เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ข้าพเจ้าเริ่มตระหนักแล้วว่า ควรจะนำพาชีวิตของตนเองให้พบกับความสุข-สงบ-เบิกบาน อย่างเอาจริงเอาจังเสียแต่โดยพลัน แม้ว่าที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้พาตัวเองเข้าไปสู่เส้นทางของความบันเทิงเริงใจ เที่ยวผับ เธค…