Skip to main content

"ไม่ว่าจะสูงต่ำดำขาว ทุกคนล้วนมีชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีชีวิตของใครที่มีค่ามากกว่าของใคร ท่านทั้งหลาย...ประโยคสุดท้ายในเพลง Imagine ของ จอห์น เลนนอน ไม่ได้มีความหมายแบบนี้หรอกหรือ"

Chapman Lennon

สวัสดีคุณ มาร์ค เดวิด แชปแมน วันนี้ฉันอยากเขียนอะไรบางอย่างถึงนาย ฉันรู้ ๆ ฉันน่าจะเขียนเป็นภาษาที่นายอ่านออกเพราะอย่างน้อยนายก็ยังไม่ตาย เพียงแต่การเชียนในครั้งนี้ขอฉันเป็นฝ่ายสนทนากับนายทางเดียวอย่างเอาเปรียบหน่อยก็แล้วกัน

ถึงแม้นายจะอายุขึ้นเลขห้าแล้ว แต่ฉันก็ขอถือวิสาสะเรียกอย่างสนิทสนมแบบเพื่อนร่วมรุ่นว่า "นาย" เพราะ ฉันคิดว่า การที่ฉันเขียนถึงนายในครั้งนี้เป็นเพราะว่าฉันพยายามจะเข้าใจในตัวนาย และทุกครั้งที่ฉันสร้างจินตภาพของตัวนายขึ้นมา มันไม่ใช่ภาพของตัวนายที่ค่อย ๆ แก่ตัวลงในคุก Attica เลย แต่มันมักจะเป็นภาพของตัวนายตอนอายุ พอ ๆ กับฉัน ในตอนนั้น...

ใช่ๆ ฉันหมายถึงตอนนั้น ในแปดธันวาของเมื่อยี่สิบปีกว่าที่แล้ว วันที่ต่อมาจะกลายเป็นวันที่ใครหลายคนพากันรำลึกถึงความตายของชายผู้หนึ่ง ชายผู้ที่นายเคยชื่นชม และชายผู้ที่นาย (เคย) เกลียด 'จอห์น เลนนอน' ถูกต้อง! ทุกคนจะพากันรำลึกคนๆ นี้ พูดถึงความดีงามของคนๆ นี้ พูดถึงเพลงของเขา เพลงที่คนทั่วโลกแซ่ซ้องอย่าง Imagine พูดถึงการตายของเขา พูดถึงราวกับว่ามันเป็นการสูญสลายของอุดมคติทั้งมวลกระนั้นแล ฮ่าๆ แต่นายรู้แต่แรกแล้วสินะ ว่าอุดมคติมันสลายไปตั้งแต่แรกแล้ว คนที่ชื่อ จอห์น เลนนอน มันไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้นสำหรับนาย

แล้วมันจะมีสักกี่คนกันที่คิดถึงนาย จะว่าไปก็มี มีแน่ๆ ละ แต่เหล่าบรรดาผู้ศรัทธาในตัวเลนนอนทั้งหลายคงเห็นนายเป็นฆาตกรสินะ พวกเขาอาจจะอยากตะโกนใส่หน้านายว่า "ไอ่ฆาตกรโรคจิต!" หรืออะไรประมาณนั้น พวกนั้นจะมาเข้าใจความรู้สึกอะไรนาย จริงไหม! ในวันที่แปดธันวาปี 1980 ฉันอยากรู้ว่ามันหนาวหรือเปล่า กับการที่นายต้องมายืนอยู่ริมฟุตบาทบนท้องถนนของนิวยอร์ก ใครจะมาเข้าใจความรู้สึกของนายในตอนนั้นที่ต้องซ่อน .38 เย็นเยียบกระบอกหนึ่งไว้ ขณะเดียวกันก็ก็กำคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของนาย คือหนังสือเรื่อง "Catcher in the Rye" เอาไว้แนบแน่น

คัมภีร์เล่มนี้ "Catcher in the Rye" สอนว่านายคือ โฮลด์เด้น นายคือผู้ที่ต้องคอยตามรับ "เด็กๆ" ที่ตกจากหน้าผาของความเยาว์วัยไม่ให้ตกลงไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เพราะการเติบโตเป็นผู้ใหญ่สำหรับนายมันคือการที่มนุษย์ผู้หนึ่งจะถูกห่อหุ้มด้วยมายาลวง แล้วกลายเป็นจอมปลิ้นปล้อน กลายเป็นนักโกหก กลายเป็นผู้ที่ลืมอุดมคติแบบเด็กๆ ของตัวเองไป ละวางที่จะไล่ตามความฝันนั้น เพื่ออยู่กับภาพลวงของตัวเอง

แล้วคนที่ถูกจอมมายาลวงครอบงำ จนกลายเป็นปีศาจในคราบนักบุญที่จะมาทำให้เด็กๆ ตกจากหน้าผาแห่งความเยาว์วัยเพราะการลวงหลอกของมัน คนๆ นั้นสำหรับนาย คือ จอห์น เลนนอน

ความเกลียดชังที่สั่งสมในตัวนายนี้เอง มันมากพอที่จะทำให้นายลั่นไก ห้านัด นายได้ทันนับหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่นายไม่ลนลาน ไม่ลังเล ฉันเองก็ไม่อาจรู้มากกว่านี้ว่าหลังจากนั้นนายรู้สึกยังไง รู้แต่ว่านายนิ่งสงบ ยืนพลิกหน้าคัมภีร์ของนายไปเรื่อยๆ ไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกกับสิ่งที่ตนทำลงไป ไม่แสดงความเสียใจ ไม่แสดงความยินดี ราวกับว่าความอัดอั้นในรังเพลิงของจิตใจนาย ได้ถูกลั่นออกมาจนครบแม็กแล้ว จนมันว่าง โล่ง และสงบงัน เหลือแค่เขม่าควันเล็กๆ ลอยเวิ้งอย่างไร้ความหมาย

นี่ โฮลด์เด้น ..ไม่สิ เดวิด นายนึกถึงตอนนายเป็นเด็กๆ ได้หรือเปล่า ฉันขอโทษ นายคงเห็นว่ามันเป็นช่วงชีวิตที่เลวร้ายช่วงหนึ่งสินะ มันเป็นเรื่องธรรมดา ใครบอกว่าวัยเด็กมันจะต้องมีความสุขเสมอไปเล่า นายแค่โชคไม่ดีเท่านั้นที่ดันเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่ขัดแย้งกัน อยู่ในโรงเรียนที่มีคนรังแกนาย แล้วนายก็อ่อนไหวเกินกว่าจะแข็งใจสู้มันได้ แม้ผู้ใหญ่บางคนจะชื่นชมความสามารถบางอย่างของนาย เด็กๆ หลายคนจะรักและเคารพนาย ถึงขั้นให้ฉายานายว่า "ผู้ไร้นาม" (Nemo) แต่มันคงไม่อาจช่วยชดเชยความเหนื่อยอ่อนต่อสิ่งที่นายพบเจออยู่ทุกวี่ทุกวันได้สินะ

ถ้างั้นสิ่งที่ทำให้นายยังคงมีกำลังใจอยู่ในโลกที่ไม่พึงปรารถนานี้ได้คืออะไรน่ะหรือ มันก็คือสิ่งๆ เดียวกับที่ตัวฉันและตัวใครหลายๆ คนทำกัน หนีไง! ...ลี้ภัยชั่วคราว ไปอยู่ในโลกความฝันแฟนตาซีสักพักให้หายเหนื่อย แล้วนายก็เติบโตมาในยุคของวงดนตรีอมตะของโลกวงหนึ่งพอดี ใช่แล้ว The Beatles วงดนตรีที่นายฟังเพื่อปลุกปลอบใจที่ไร้แรง วงดนตรีที่ทำให้จินตนาการนายโลดแล่น ทิ้งโลกใบนี้ไปได้ชั่วคราว ทำให้วัยเยาว์ของนายไม่โหดร้ายจนเกินไป

แต่เวลาเปลี่ยน สิ่งต่างๆ ก็แปรผันตาม...

จอห์น เลนนอน แต่งงานอยู่กินกับ โยโกะ โอโน วงบีทเทิลส์แตก ตัวเขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ กลายเป็นคนที่เพียงอยู่บนเตียงกับเมียแล้วเรียกสื่อมาดูก็บอกว่าเป็นการประท้วงเพื่อสันติภาพ ขณะที่ใครหลายคนข้างนอกยืนถือป้าย ชูกำปั้น อยู่กลางถนน เพียงเพื่อรอแก๊สน้ำตาและไม้กระบอง เขากลายเป็นคนที่เทศน์ถึงเรื่องความรักและสันติภาพ แต่มีเงินเป็นล้าน กลายเป็นคนที่เขียนประโยคว่า "จินตนาการสิว่าไม่มีการครอบครอง" ไว้ในเพลง Imagine แต่เขากลับครอบครองเงินจำนวนมหาศาล เป็นเจ้าของเรือยอชท์และที่ดินในเขตชนบท

ไอ่หมอนี้สำหรับนายแล้ว มันช่างโป้ปดสิ้นดี จริงไหม โฮลด์เด้น อ้า ! ไม่ใช่สิ เดวิด

Lennon is Dead Yay!

แล้วนายก็ได้รับโทษตามกฏหมาย ถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกอย่างต่ำ 20 ปี ถึงตลอดชีวิต แต่นายก็มีความประพฤติดีตลอดมาตอนที่อยู่ในคุก ซึ่งนายน่าจะรับการปล่อยตัวอย่างมีทัณฑ์บนมาตั้งแต่ปี 2000 แล้ว และมีอีกหลายครั้งที่นายน่าจะได้รับการปล่อยตัว แต่ยัยโยโกะ โอโน ก็คอยเอาแต่ขัดขวางตลอดมา ด้วยข้ออ้างชวนฝันว่า เพราะผู้ตายคือ จอห์น เลนนอน "ผู้นำแสงสว่างและความหวังมาสู่โลกทั้งใบ" แหม...จริง ๆ ในใจเธออาจจะคิดเพียงแค่ว่า "แก ! ไอ่ฆาตกรโรคจิต แกฆ่าผัวฉัน !" เท่านี้เองก็ได้ แล้วนอกจากนี้ยังมามีการล่าลายเซ็นห้ามไม่ให้มีการภาคทัณฑ์แล้วปล่อยตัวนายอีกแน่ะ แหงล่ะ! นายโชคร้ายมากที่เหยื่อของนายคือ จอห์น เลนนอน ผู้ที่มีแต่คนชื่นชมศรัทธา แล้วไอ่ความชื่นชมศรัทธานี้ทำให้ไม่มีใครสนเลยว่านายทำตัวดีขนาดไหนในคุก

ลองนึกในทางตรงกันข้ามดูสิ ถ้าเป็นจอห์น เลนนอน ฆ่านายบ้าง เผลอๆ จะมีแต่คนล่าลายเซ็นเพื่อให้ปล่อยตัวตาเลนนอนเร็วขึ้น ส่วนนายก็จะเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนที่ไหนไม่รู้ที่เลนนอนบังเอิญฆ่าตาย เผลอๆ จะมีแต่คนคิด (หรือหลอกตัวเอง) ว่าเป็นอุบัติเหตุด้วยซ้ำ เพราะคนที่แต่งเพลงต่อต้านความรุนแรงคนนี้จะไปฆ่าคนได้ยังไง๊ (ตลกร้ายน่ะ อย่าถือสาฉันเลย)

ความศรัทธาในตัวบุคคลบางทีมันก็น่ากลัวกว่าที่คิดนะ กรณีของนายเป็นพวกบูชาฮีโร่ไม่ลืมหูลืมตาขัดขวางไม่ยอมให้นายออกจากคุก ลองดูในประเทศฉันสิ ความศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตาในตัวบุคคลมันทำให้คนประเทศเดียวกัน อยู่ภายใต้ท้องฟ้าผืนเดียวกัน ฆ่ากันมาแล้ว...

ฆ่าอย่างเหี้ยมโหดกว่าที่นายยิงเลนนอนด้วยซ้ำ

ความเห็นอกเห็นใจเป็นเรื่องดีนะฉันว่า กระนั้นคนเรามันก็กระจายความเห็นอกเห็นใจนี้ได้ไม่เท่าเทียมกันเลย การเลือกปฏิบัติมันอาจมีบ้างในตัวมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลส ซ่อนไว้ด้วยอคติอย่างเราๆ แต่ถึงขั้นว่าอีกคนเป็นฟ้า อีกคนเป็นเหว อีกคนหนึ่งพร้อมจะได้รับความเห็นใจ ขณะที่อีกคนหนึ่งจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครสนแบบนี้ มันโหดร้ายเกินมนุษย์ไปไหม?

เลนนอน น่ะ เขาเป็นเด็กขาดความอบอุ่น ดูในเพลง Mother ที่เขาแต่งก็ได้ ว่าเขาโหยหาความรักจากครอบครัวขนาดไหน แต่ใข่ว่าครอบครัวนายเองจะสมบูรณ์ นายคงสับสนกับความขัดแย้งในครอบครัวนาย นายก็คงเคยเหงา เคยรู้สึกอยากให้ครอบครัวนาย บ้านของนาย เป็นแหล่งพำนักของจิตใจเช่นเดียวกับของใครอีกหลายคน แต่ให้ตายสิ! มีคนพร้อมจะเห็นใจความรู้สึกขาดพ่อขาดแม่ของเลนนอน แต่มีใครจะมาเข้าใจความรู้สึกของนายบ้างไหม

ฉันได้ยินได้ฟังและอ่านเจออะไรรอบตัว ก็มีแต่เลนนอนอย่างงั้น เลนนอนอย่างงี้ ส่วนนายน่ะ มาร์ค เดวิด แชปแมน มีบทบาทเป็นแค่ฆาตกร (บางทีก็เป็น "ฆาตกรโหด") ในคำบอกเล่าหรือข้อเขียนของพวกเขาเท่านั้นเอง

ไม่รู้หรอกนะ ว่านายจะได้ออกจากคุกเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ยัยโยโกะ โอโน จะให้อภัยนาย หรือบางทีนายอาจจะไม่สนก็ได้ ถ้านายได้ออกมา อดีตนักโทษมาร์ค แชปแมน อาจจะกลายเป็นเป้าให้พวกที่คลั่งเลนนอนไม่ลืมหูลืมตาประนาม หยามเหยียด กลั่นแกล้ง อีกต่างๆ นานา กระนั้นฉันก็ไม่รู้ด้วยว่านายอยู่ในคุกแล้วมีความสุขดีหรือเปล่า

เอาล่ะ ไหน ๆ ฉันก็เอานายมาใช้หากินในคอลัมน์เกี่ยวดนตรีนี่นา ฉันน่าจะพูดถึงเพลงหน่อยเป็นไร ใช่ ฉันรู้ว่ามันต้องมีคนทำเพลงรำลึกถึง John Lennon จำนวนไม่น้อยแน่ๆ แต่เพลงที่เขียนโดยใช้ชื่อของนายก็มีนะ เป็นเพลงจากวงแนว Industrial แต่งตัวบ้า ๆ ที่ชื่อ Mindless Self Indulgence น่ะ เพลงที่ชื่อ Mark David Chapman โดยส่วนตัวฉันไม่ค่อยชอบดนตรีมันเท่าไหร่เลยแฮะ แต่เนื้อหามันตลกร้ายดี พวกมันบอกว่านายจะเป็นผู้มาโปรดช่วยกวาดล้างวงดนตรีจอมปลอมให้หมดไปจากโลกแน่ะ

"When the worlds overrun
With too many bands
Who is it time for?

Mark Chapman

When they all seem absurd
He will thin out that herd
Ladies and gentlemen

Mark Chapman"

เมื่อโลกใบนี้มีวงดนตรี
ซ้าซากกันมากเกินไป
ถึงเวลาแล้วเวลาสำหรับใคร?

มาร์ค แชปแมน (น่ะสิ!)

เมื่อพวกมันเริ่มไร้สาระ
เราจะทำให้อะไร ๆ มันโล่งขึ้นเอง
ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี

มาร์ค แชปแมน"

- Mark David Chapman -

ยังไงก็เถอะ สุดท้ายแล้วถึงจะดูเหมือนพวกนี้ชู ๆ นาย แต่พวกมันก็ทำแบบล้อเลียน ๆ มันคงไม่ทำให้นายรู้สึกดีสักเท่าไหร่เว้นแต่นายมีอารมณ์ขันพอ จะมีอยู่ท่อนหนึ่งเท่านั้นที่เนื้อหาดูเหมือนจะแสดงความเข้าใจในตัวนายบ้าง

"I'm just a prisoner
In the same prison as you
We wait for other shoes to fall into position
Already obsolete
No one will miss us at all"

"ฉันก็เป็นผู้ต้องขัง
อยู่ในคุกเดียวกับคุณ
เราเพียงรอเกือกบินลอยมาตกใส่
เราพ้นสมัยไปแล้ว
ไม่มีใครจะมานึกถึงเราอีก"

มาร์ค แชปแมน เสียงปืนของนายเป็นความผิดบาปในฐานะของผู้ที่คร่าชีวิตมนุษย์ด้วยกัน แม้สำหรับหลายคนจะรู้สึกว่านายได้กระทำสิ่งที่รุนแรงเหี้ยมโหด แต่สำหรับฉันแล้วฉันรู้สึกว่า ฉันอยากบอกพวกนั้นเหลือเกิน ว่าจอห์น เลนนอนก็เป็นคนๆ หนึ่ง ที่มีเลือดเนื้อมีชีวิต เช่นเดียวกับหางเครื่องบนเวทีลูกทุ่ง เช่นเดียวกับศิลปินเร่ร่อนผู้หวังเพียงได้สร้างผลงานตามแรงปรารถนาของตน เช่นเดียวกับพระที่แอบตั้งวงเล่นไพ่เวลาเซ็งๆ เช่นเดียวกับคนขับรถตุ๊กๆ ท่ามกลางแดดเที่ยงร้อนระอุ เช่นเดียวกับนักเต้นอวดร่างเนื้อยามราตรี เช่นเดียวกับคนเข็นรถขายไก่ทอด เช่นเดียวกับคนใส่สูทให้ห้องประชุมติดแอร์ เช่นเดียวกับนักศึกษาที่นั่งหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั้งวัน ...เช่นเดียวกับฉัน เช่นเดียวกับนาย

And the World will live as one.

ไม่ว่าจะสูงต่ำดำขาว ทุกคนล้วนมีชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีชีวิตของใครที่มีค่ามากกว่าของใคร
ท่านทั้งหลาย...ประโยคสุดท้ายในเพลง Imagine ของ จอห์น เลนนอน ไม่ได้มีความหมายแบบนี้หรอกหรือ?

 

บล็อกของ Music

Music
     จำได้ว่าเทปเพลงที่ผมได้ฟังเป็นม้วนสุดท้ายคือเทปรวมเพลงของ Bob Dylan ซึ่งผมไปอัดเอามาจากคนอื่นอีกที  ผมฟังมันจากเครื่องเล่นเทปพกพา (Walkman-ของปลอมเท่านั้น) แบบเปิดลำโพงได้ รถที่ผมใช้นั้นเครื่องเล่นเทปมันพังไปตั้งแต่ช่วงที่ถูกน้ำท่วมแล้ว ช่วงหนึ่งผมจึกมักจะเอา Walkman ตัวนี้มาวางเปิดไว้ในรถแทน และเวลาเดินทางด้วยรถทัวร์หรือรถไฟก็มักจะติดเจ้าเครื่องเล่นนี้เสียบหูฟัง ฟังเทปที่ว่านี้ไปขณะเดินทางทุกครั้ง จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็น เทป Cassette คู่การเดินทางของผมไม่ว่าจะในระยะใกล้หรือระยะไกลเลยก็ว่าได้คุณภาพเสียงจากเครื่องเล่นของผมในตอนนั้น…
Music
 ที่ผ่านมาผมพูดถึงการที่ดนตรีไม่ได้ทำให้ใครกลายเป็นปัจเจกเทียมก็แล้ว พูดถึงโลกอันหลากหลายหลังปี 1970 ก็แล้ว พูดถึงการที่ตัวดนตรี Serious Music หรือ Popular Music ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการ Liberate อะไรโดยตรง (เว้นแต่วัฒนธรรมที่พ่วงมาด้วย จะว่าไป หากนับวัฒนธรรมที่พ่วงมาด้วย Popular Music น่ะ ช่วย “ปลดปล่อย” ผู้คนได้มากกว่าด้วยซ้ำ) ก็แล้วสำหรับในบทนี้ก็จะมาพูดถึงสิ่งที่อดอร์โนทำผิดพลาดมากที่สุด นั่นคือการปฏิเสธดนตรีป็อบโดยสิ้นเชิง ไม่ร่วมสังฆกรรมใด ๆ กับมันอีก เพราะเขาได้ตีกรอบมาแล้วว่าดนตรีป็อบมันย่อมเป็นอะไรที่ถูกทำให้มีมาตรฐานเดียวกัน (Standardize) และความที่มันมีมาตรฐานเดียวกันนี่เอง…
Music
   In The Flesh?"Tell me is something eluding you sunshine?Is this not what you expected to see?If you'd like to find out what's behind these cold eyesYou'll just have to claw your way through this disguise"จากเพลง ‘In The Flesh?'ของ Pink Floydอดอร์โน...ผมศึกษาและเขียนแย้งแนวคิดของคุณในเรื่องป็อบปูล่าร์มิวสิคมาพอสมควร แต่สิ่งที่ผมค้นพบได้จากตัวคุณมันมีแต่เรื่องเกี่ยวกับความคิดทฤษฎีทั้งนั้นบางขณะที่ผมเคาะแป้นคีย์บอร์ดถกเถียงกับทฤษฎีของคุณ ผมก็ไพล่นึกไปว่า ในช่วงที่คุณมีชีวิตอยู่นั้น อะไรที่ทำให้คุณบันเทิงใจกับดนตรีที่มีซาวด์แบบ Atonal จนคุณถึงกับเขียนชมมันเป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ (…
Music
    Arnold Schoenberg(นักประพันธ์เพลงคนโปรดของ Adorno)ดูเหมือนความตายของ Adorno ในปี 1969 จะทำให้ผู้ที่ใช้แนวคิดของ Adorno มาวิพากษ์ Popular Music หยุดเติบโตไปด้วย พวกเขามักจะมองดนตรีที่มีอิทธิพลตั้งแต่ยุค 70's เป็นต้นมาอย่างเหมารวมและติ้นเขิน พวกเขาถึงขั้นจัด The Beatles, Nirvana และ Linkin Park ไว้ในประเภทเดียวกันผมไม่ปฏิเสธความเป็นป็อบและร็อคของทั้งสามวงที่ยกตัวอย่างมานี้ หากความเป็นร็อคคือความหนัก และการมีจังหวะที่ชัดเจน หากความป็อบคือความติดหู ฟังง่าย ผมก็เชื่อว่าทั้ง สี่เต่าทอง, กรันจ์เจอร์นิพพาน และ สวนสาธารณะของลินคอร์น ต่างก็มีความเป็นป็อบและความเป็นร็อคทั้งสิ้น (…
Music
Theodor W. Adornoผมได้อ่านบทความเรื่อง "ทบทวนแนวคิด ‘อุตสาหกรรมวัฒนธรรม' : เมื่อวัฒนธรรมกลายเป็นอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมสร้างวัฒนธรรม" ของ อ.เกษม เพ็ญภินันท์ จากวิภาษาฉบับที่ 7 แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเคยอ่านเรื่องของนักคิด/นักวิจารณ์ ที่ชื่อ Theodor Adorno นี้ จากบทความชื่อ "อดอร์โนกับอุตสาหกรรมวัฒนธรรม : กรณีศึกษาเพลงสมัยนิยม (Popular Music)" ในหนังสือชื่อ "เหลียวหน้าแลหลัง วัฒนธรรมป็อบ" ซึ่งเป็นบทความที่พูดถึงเกี่ยวกับดนตรีโดยเฉพาะAdorno เป็นนักคิดสังคมนิยมชาวเยอรมัน ผู้นำเอาแนวคิดของทั้ง Max Waber, Marx และ แม้แต่ Sigmund Freud เข้ามาจับในงานเขียนเชิงวิพากษ์วิจารณ์ของเขา…
Music
ยามใกล้เที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม หรือวันสิ้นปี ในหลาย ๆ พื้นที่ของโลกจะมีการร้องเพลงที่ชื่อ "โอลด์ แลงค์ ซายน์" (Auld Lang Syne) ซึ่งนับเป็น New year's Anthem ฉบับสากล เช่นเดียวกับที่ในไทยมีเพลงตามประเพณีอย่าง "สวัสดีปีใหม่" นั่นแลเพลง "สวัสดีปีใหม่" ของไทยที่ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้ว ผ่านเลยมาไม่ว่ากี่ปี ๆ ก็ยังได้ยิน โดยตามประวัติศาสตร์เพลงนี้มีมาตั้งแต่ สมัยช่วงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของ จอมพล ป. (ไม่มีกุ้งเผา) เป็นช่วงที่เปลี่ยนวันปีใหม่ไทยจาก 1 เมษายน มาเป็น 1 มกราคม เพื่อความเป็นสากล (ข้ออ้างยอดฮิตของชนชั้นนำในยุคนั้น) และ "สวัสดีปีใหม่" ก็เป็นหนึ่งในเพลงเทศกาล ที่มาจากวงสุนทราภรณ์…
Music
"ถึงรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้น แต่ก็ยากจะทำใจ"คำๆ นี้ใช้ได้ดีกับสถานการณ์ในช่วงวันที่ 19-21 ที่ผ่านมา กับการที่พวก Elite ทั้งหลายที่นั่งเออออห่อหมกกับร่างกฏหมายที่จะมีผลกับประชาชนทั้งประเทศ ดูตัวเลขก็รู้แล้วว่าพวกเขาเออออห่อหมกกันขนาดไหน ไม่โปร่งใสมากขนาดไหน และเผด็จการกันขนาดไหน!เป็นที่รู้กันว่า พวก Elite ทั้งหลายนี้มาจากการคัดเลือกแต่งตั้งกันเองของคนบางกลุ่ม ซึ่งทำให้ได้กลิ่นคณาธิปไตยตุๆ แล้ว กระบวนการพิจารณากฏหมาย ที่พากันออกถี่ระรัว จนราวกับว่าพวกเขาไม่ได้คลอด กม.ลูกทั้งหลายอย่างมีสติ แต่เหมือนคนเมาสำรอกอาเจียนเอาทุกสิ่งทุกอย่างในใส้ในพุงออกมา!ใช่แล้ว!…
Music
นึกย้อนไปถึงวันที่ได้เข้ามหาวิทยาลัยวันแรกๆ ชุดยูนิฟอร์มถูกระเบียบกับตำราเรียนเล่มใหญ่ๆ หอพักในมหาวิทยาลัยที่ทำให้พานพบกับผู้คนมากหน้าหลายตา ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ต่างไปจากตอนเรียนในโรงเรียนมัธยม คือความรู้สึกว่า ที่นี่ ฉันจะมีเสรีภาพมากขึ้น มีชีวิตที่หลากหลายกว่าเก่า และพื้นที่ทางความคิดที่จะปลดปล่อยฉันจากกรงขังอันแปลกแยกของโลกใบเดิมได้แต่แล้วก็ได้พบว่า สิ่งที่คาดหวังเอาไว้มันเป็นความจริงเพียงแค่บางส่วน นอกนั้นเป็นมายาภาพที่ฉันนึกฝันเอาเองใช่ๆ ฉันเคยถูกเสี้ยมสอนเช่นเดียวกับอีกหลายๆ คนว่าผู้ใหญ่เป็นผู้มีประสบการณ์ สิ่งที่พวกเขามอบให้เราต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่ๆ แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ…
Music
"ไม่ว่าจะสูงต่ำดำขาว ทุกคนล้วนมีชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีชีวิตของใครที่มีค่ามากกว่าของใคร ท่านทั้งหลาย...ประโยคสุดท้ายในเพลง Imagine ของ จอห์น เลนนอน ไม่ได้มีความหมายแบบนี้หรอกหรือ"
Music
Magic เป็นชื่ออัลบั้มล่าสุดของ Bruce Springsteen (หรือที่เรียกกันว่า The Boss*) ในอัลบั้มนี้เขากลับมาร่วมงานกับวงแบ็คอัพที่ชื่อ E Street band อีกครั้ง ทำให้ทิศทางของอัลบั้มนี้เน้นไปที่แนวทางของร็อคอีกครั้ง หลังจากอัลบั้มที่แล้วคือ Devils and Dust ออกเป็นงานแนวโฟล์คมากกว่าแต่ไม่ว่าจะเป็น Bruce Springsteen ในแบบของโฟล์คหรือ Bruce Springsteen ในแบบของร็อค ผมก็รู้สึกว่าดนตรีของ The Boss ผู้นี้ก็ช่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นอเมริกันอยู่เสมอมาซึ่งดนตรีในอัลบั้ม Magic นี้ไม่เพียงแค่กลิ่นของความเป็นอเมริกันที่ยังคงมีอยู่ถ้วนทั่วอย่างเดียวเท่านั้น แต่ละเพลงที่ถ่ายทอดออกมาจาก The Boss กับวง E…
Music
ในคืนวันที่ 10 ของเดือนที่แล้ว (ตุลาคม)...ผมนั่งหน้าจอคอมพ์ใจจดใจจ่ออยู่กับเว็บไซต์ http://www.inrainbows.com/ เพราะได้ข่าวว่าวง Radiohead จะประกาศขายเพลงแบบ Digital Download ผ่านทางเว็บไซต์นี้และที่ทำให้คนตื่นเต้นกันอย่างหนึ่งก็คือ การที่ทางวง Radiohead ประกาศว่า จะสามารถสั่งซื้อในแบบที่ผู้ซื้อสามารถให้ราคาเองได้ตามใจชอบ ...ตามใจชอบในที่นี้หมายความว่า แม้แต่จะใส่เงินเป็น 0.00 (ซึ่งก็เหมือนขอโหลดมาฟรี ๆ นั่นแหละ) ก็สามารถทำได้ ! ซึ่งจะว่าไปเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ขนาดนั้น เพราะผมเคยเจอวงที่ชื่อว่า Craw เปิดเว็บไซต์ที่ใช้ชื่อง่าย ๆ ว่า http://www.craw.com/…
Music
"ความฉาบฉวยและความสับสนอาจจะทำให้บางคนคิดว่ามันเวอร์ไปหรือเปล่า ยุคสมัยมันหม่นมืดขนาดนี้จริงๆ หรือ ต้องไม่ลืมว่าวง Porcupine Tree มาจากประเทศอังกฤษ มิวสิควีดิโอเพลง Fear of a Blank Planet เองก็อาจชวนให้นึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่เคยเกิดขึ้นจริง (หลายครั้ง) ในสหรัฐฯ และที่สำคัญคือการเล่าของพวกเขาก็ไม่ได้ตัดสินอะไรแทนเราว่าสิ่งที่บอกผ่านออกมานี้ดีหรือไม่ดี" วง Porcupine Tree อาจจะเป็นที่รู้จักน้อยมากสำหรับคนทั่วไป และอาจจะเป็นที่รู้จักบ้างพอสมควรสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงแนว Progressive Rock ซึ่ง Porcupine Tree ถือเป็นวงที่มีแนวทางของ Psychedelic/Space อันหลอนและล่องลอยแบบ Pink Floyd เป็นหลัก…