Skip to main content

อะไรๆ ในโลกนี้มันน่าสนใจไปหมดแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีแต่ผู้คนหันไปมอง หันไปพูดถึง เก็บมาเล่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง ช่วยผลิตซ้ำ และแม้กระทั่งสร้างคู่ตรงข้ามให้กับคนที่ไม่รู้ และ/หรือ ไม่อยากรู้ :P

ขณะเดียวกันสิ่งที่ผมคิดว่ามันน่าสนใจมาก ๆ โคตร ๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือสิ่งที่อยู่ในซอกหลืบไม่ค่อยมีคนสนใจ มันดูเหมือนการได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้เราอัศจรรย์ใจหรือทำให้ผิดหวังก็ได้


เพียงแต่ในทุกวันนี้ไอ้สิ่งที่อยู่ในซอกหลืบจริงๆ มันหายากขึ้นทุกที ในวงการเพลงอินดี้อะไรทั้งหลายก็มีชื่อวงทั้งต่างประเทศและในประเทศผุดผาดขึ้นมาให้จำกันไม่ทัน และพอลองเจียดเวลา (อันน้อยนิด) จากการทำมาหากินมาลองฟัง ก็รู้สึกว่ามันไม่มีวง "เข้าหู" เลยสักวง จะด้วยประสบการณ์ที่ยังมีมีไม่มาก จะด้วยการมาสเตอร์ริ่งงานในภาวะที่งบน้อยด้อยทุน หรือจะอะไรก็ตามแต่ มันทำให้ผมเสียกำลังใจในการพยายามจะติดตามและให้ความสนใจงาน So-Called อินดี้ เหล่านี้เหมือนกัน คิดให้เข้าข้างตัวเองน้อยกว่านี้หน่อยอาจะจะเป็นเพราะว่างานพวกไม่ใช่รสนิยมของผมก็เป็นได้

นึกถึงตอนช่วงก่อนๆ ที่ผมมีโอกาสได้ฟังงานจากศิลปินสาวชาวอาเจนติน่าที่ทำป็อบร็อคได้ดีไม่แพ้งานเดวิด โบวี่ ยุค 70's ขณะเดียวกันผมก็คุ้ยอินเตอร์เน็ตไปพบงานของนักดนตรีโฟล์คสาวชาวอเมริกันที่ทำตัวลึกลับๆ แต่งานเธอมีเสน่ห์ และที่ผมชอบอีกอย่างคือเธอบอกว่าตัวเองขี้อาย เวลาที่ใครมาฟังเพลงของเธอต่อหน้าเธอจะรู้สึกแปลกๆ จนถึงขั้นเปรียบตัวเองว่าเป็นโอตาคุทางดนตรี เลยทีเดียว

(ผมว่าตรงนี้ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่าง ที่เธออยู่ในซอบหลืบ ไม่ใช่เพราะอยากสร้างความเด่นแบบใหม่ เพียงแต่ว่าตัวเธอเองขี้อายเองต่างหาก ตั้งคำถามเสียหน่อยว่า "งาน" ดนตรีมันจำเป็นต้องผลิตจากนักดนตรีที่ชอบ PR ตัวเองด้วยไหม?)

การมีงานดนตรีที่หลากหลายและพัฒนารูปแบบไปเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องดี และเป็นเรื่องที่ทั้งศิลปินและนักฟังเพลงทั้งหลายต้องการแน่ๆ แต่ภาวะที่ผมได้ฟังงาน so-called อินดี้บางวงแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยต่างอะไรกับงานศิลปินกระแสหลักเลย แค่มีการมาสเตอร์ริ่งที่ไม่ดีเท่า (ในแง่นี้อาจมีบางคนชอบ โดยเฉพาะงานแบบ Lo-fi หรืองานที่เน้นคุณสมบัติอย่างอื่นมากกว่าความละเอียดอ่อนในการเรียบเรียง) ชื่อเสียงที่รู้จักกันเป็นแค่ก๊กๆ หย่อมๆ (จนบางทีไอ่แบบนี้อาจกลายเป็นการแบ่งคู่ตรงข้ามอย่างใหม่ก็ได้) หรือจุดขายอื่นๆ ถ้าเป็นแบบนี้มันก็น่าตั้งคำถามว่าวงการ so called อินดี้ จะนำไปสู่ความหลากหลายได้จริงหรือไม่

(ผมไม่อยากเหมารวมอินดี้ทั้งหมด มีบางค่ายที่ผมชอบเป็นการส่วนตัว แม้ผมจะมีโอกาสแค่ได้ฟังเป็นบางวง แต่รู้สึกว่ามันมีอะไรที่มากกว่าอินดี้ทั่วไป)

ย้อนกลับมา...ย้อนกลับมาพูดถึงสิ่งที่ผมบอกไว้แต่แรกว่ามันน่าสนใจและเป้นที่จับตา อย่างเรื่องของศิลปินรางวัลแกรมมี่อวอร์ดในปีนี้ที่ดูจะชวนช็อคลุงๆ ป้าๆ บางคนเหมือนกัน เพราะ ผู้ที่ได้รางวัลคือ Amy Winehouse สาวแสบที่มักจะมีข่าวเรื่องเหล้ายาบ่อยๆ สมชัวร์เนมไวน์เฮาส์ของเธอเสียจริงๆ

amy_winehouse_back_to_black_cover.jpg

คุณ Amy Winehouse ผู้นี้ ได้รับรางวัลเลิกเหล้าดีเด่น อ๊ะ! ไม่ใช่ ได้กวาดรางวัลแกรมมี่อวอร์ดมาถึงห้ารางวัล คือบันทึกเสียงดีเด่น, เพลงดีเด่น, เสียงร้องหญิงดีเด่นในการแสดง จากเพลง Rehab (ที่แปลว่า "เลิกเหล้า") อัลบั้ม Pop Vocal ยอดเยี่ยมจากอัลบั้ม Back to Black และ และตัวเธอเองก็ได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่

สารภาพตามตรงแล้วผมไม่ได้ค่อยฟังแนว R&B สักเท่าไหร่ แต่เท่าที่ได้ฟัง Amy Winehouse แล้ว ผมขอประเมินแบบคนที่ไม่ค่อยฟัง R&B ว่า เสียงเธอดีใช้ได้ทีเดียว แต่สิ่งที่เธอหนีไม่พ้นเมื่อเธอเป็นทั้งศิลปินและคนในวงการบันเทิง สื่อบันเทิงจึงมักเอาเธอมาเล่นบ่อยๆ จนถึงบัดนี้ไม่ว่าจะเรื่องพฤติกรรมเฮ้วๆ ส่วนตัว (ถ้าเธอเป็นร็อคสตาร์ไอ่พฤติกรรมเฮ้วๆ นี้อาจจะถูกเอาไปบูชา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะบูชากันไปทำป๊ะอะไร) หรือเรื่องที่ว่าเธอติดเหล้าติดยาจนต้องเข้ารับการบำบัด

ซึ่งทางต้นสังกัดก็ฉลาดเฉลียวพอจะ หาเพลงที่เหมือนใช้เรื่องของตัวเธอเองมาเล่า อย่างในเพลงมาเป็นหมัดเด็ด ซึ่งก็คือเพลง Rehab ที่ไม่วายแอบขายภาพหญิงแสบของเธอผู้กำลังจะปฏิเสธการไปรับการบำบัด (แต่ในชีวิตจริงเธอดันได้ไปในที่สุด) ด้วยข้ออ้างที่...พอฟังขึ้นอยู่เหมือนกัน

They tried to make me go to rehab but I said no, no, no
Yes I been blind but when I come back you'll know, know know
I ain't got the time
And if my daddy thinks I'm fine
You tried to make me go to rehab but I won't go, go, go

- Rehab

มีครั้งหนึ่งที่ปาปาราสซี่ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม! ด้วยการไปถ่ายรูปเธอตอนเดินเท้าเปล่าออกมาจากบ้านตอนเช้าและใส่เพียงบรากับกางเกงยีนส์เท่านั้น (ไม่เห็นน่าตะลึงตรงไหน ลองเธอไม่ใส่บราด้วยสิค่อยว่ากัน) ซึ่งก็มีประชดปาปาราสซี่พวกนี้ไว้ใน MV เพลง You know I'm no good เรียบร้อย

ดูเหมือนเธอเป็นหญิงแสบใช่ไหม แน่นอน! เป็นหญิงแสบที่ทางต้นสังกัดปั้นให้เป็น ถือว่าต้นสังกัดทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม! ไม่แพ้ปาปาราสซี่เลยแม้แต่น้อย แถมยังเอามาขายภาพลักษณ์แบบหญิงแสบได้อีกต่างหาก กำไรทั้งนั้น ปาปาราสซี่เห็น MV นี้แล้วจะโกรธน่ะเหรอ พวกนี้คงรู้สึกว่าพวกตนทำหน้าที่ได้ลุล่วงแล้วต่างหาก

พูดถึงเรื่องสิลปินขี้ยาแล้ว คงหลบจะไม่พูดถึง Pete Doherty ไปได้ ปัจจุบัน Pete อยู่กับวงที่ชื่อ Babyshambles จากเดิมที่อยู่กับวง The Libertine ซึ่งเป็นวงแนว Britpop เช่นเดียวกัน Pete ถูกเพื่อนๆ ในวงขับออกมาเพราะความขี้ยาของเขานี่แหละ

แน่นอนว่านอกจากตัว Pete เองแล้ว ตัวสื่อบันเทิงเก็บเรื่องราวที่พีทเกี่ยวข้องกับยาได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องราวนัดกันมา ไม่ว่าเขาจะเดินหน้าเหี่ยวซูบนัยตาลึกโหลออกไปหาอะไรมาสูด จะเมาไปต่อยตีกับใคร หรือแม้กระทั่งเจอตำรวจจับก็กลายเป็นข่าวได้เสียทุกครั้ง (ไม่ต้องห่วง พีทเคยเข้ามาใช้บริการวัดถ้ำกระบอกของไทยแล้วครั้งหนึ่ง)

ที่ไม่น่าให้อภัยคือสื่อที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ทางเลือก" อย่าง NME ดันเอาตานี่มาเชิดชู ถึงขึ้นให้รางวัลฮีโร่แห่งปีมาแล้ว ใครที่รู้ไต๋อาจจะจับได้ว่า NME ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่เพราะนอกจากจะต่อต้านดนตรีกระแสหลักที่ทำมาขายแบบที่ตัวเองก็ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่ากันแล้ว (ก็ "ขาย" เหมือนกันอยู่ดี) ยังทำตัวเป็นคุณพ่อช่างปั้น เชิดชูศิลปินบางวงอย่างออกนอกหน้าจนแทบจะทำสกู๊ปเกี่ยวกับอาหารเช้าหรือกางเกงในลายโปรดของวงนั้นได้เลยทีเดียว

ผมไม่ได้จะบอกว่าคนติดเหล้าติดยาเป็นคนไม่ดีหรืออะไร และไม่คิดจะใช้คำอธิบายเก่าเก็บว่าเด็กๆ จะเลียนแบบเอา เพียงแต่การเอาเรื่องที่ดูเหมือน "แหกคอก" มาเป็นจุดดึงดูดอย่างหนึ่งมันก็เหมือนเป็นแค่ขบถแบบปาหี่ ไม่ว่าการกระทำแหกคอกนั้นจะเป็นสิ่งที่มาจากตัวศิลปินเองหรือเป็นแค่การสร้างภาพก็ตาม

อาจจะชวนให้ความหมั่นไส้นิดๆ เวลาสื่อมักจะเอาเรื่องความขี้ยาของศิลปินมาเล่น ซึ่งบางทีมันก็ถูกทำให้มองว่าเป็นเรื่องแหกขนบ แต่ที่สุดแล้ว มันก็เป็นแค่สิ่งที่ทำให้คนที่ตามข่าวรู้สึกบันเทิงไปกับการมีเป้าหมายใหม่ๆ ให้เอาไปด่าหรือเอาไปบูชาเท่านั้นเอง (ซึ่งถ้าทัศนะมันหลากกว่าการแค่ด่าเช็ดหรือเทิดทูนบูชามันคงจะดีกว่านี้) พูดให้ตรงกว่านี้ก็คือเรื่องพวกนี้มันไม่ได้ดูเก๋าโจ๋อะไรเพราะมันไม่ได้ต่างกับข่าวดาราตบกันแบบที่พวกคุณชอบด่าเลย

ไม่นับว่าเนื้อหาของอีกหลาย ๆ เพลงในอัลบั้ม Back to Black ของ Winehouse นี้ออกแนวปกป้องตัวเอง และมีท่าทีสะบัดหน้าแบบฉันไม่แคร์ ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้เป็นการลุกขึ้นมาท้าทายอะไรอย่างจริงจัง ความเป็นสาวแสบมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ออริจินัลเท่าไหร่แล้ว ดูจะเป็นการผลิตซ้ำจนพาลจะทำให้สาวไม่แสบดูกลายเป็นคนเฉิ่มเชยไปอีกต่างหาก ทั้ง ๆ ที่สาวเฉิ่มเชยพวกนั้นอาจจะมีอะไรลึก ๆ ที่เป็นขบถแบบไม่ต้องโชว์ออฟออกมาก็ได้

มาถึงตรงเสียงร้องมีเสน่ห์และดนตรีสนุก ๆ ของเธอ น่าจะเป็นอะไรที่ควรให้ค่ามากกว่าไหม ให้ตายสิ ! ผมนึกถึงสาวโฟล์คอเมริกันที่บอกว่าตัวเองเป็นโอตาคุทางดนตรีขึ้นมาตงิด ๆ ผมไม่รู้หรอกนะว่าเธอเล่นยาหรือไม่ หรือไปกระทืบปาปาราสซี่คนไหนมาบ้าง แต่ผมว่า...
...ความ "ขี้อาย" ของเธอนี่แหละขบถสุด ๆ

บล็อกของ Music

Music
     จำได้ว่าเทปเพลงที่ผมได้ฟังเป็นม้วนสุดท้ายคือเทปรวมเพลงของ Bob Dylan ซึ่งผมไปอัดเอามาจากคนอื่นอีกที  ผมฟังมันจากเครื่องเล่นเทปพกพา (Walkman-ของปลอมเท่านั้น) แบบเปิดลำโพงได้ รถที่ผมใช้นั้นเครื่องเล่นเทปมันพังไปตั้งแต่ช่วงที่ถูกน้ำท่วมแล้ว ช่วงหนึ่งผมจึกมักจะเอา Walkman ตัวนี้มาวางเปิดไว้ในรถแทน และเวลาเดินทางด้วยรถทัวร์หรือรถไฟก็มักจะติดเจ้าเครื่องเล่นนี้เสียบหูฟัง ฟังเทปที่ว่านี้ไปขณะเดินทางทุกครั้ง จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็น เทป Cassette คู่การเดินทางของผมไม่ว่าจะในระยะใกล้หรือระยะไกลเลยก็ว่าได้คุณภาพเสียงจากเครื่องเล่นของผมในตอนนั้น…
Music
 ที่ผ่านมาผมพูดถึงการที่ดนตรีไม่ได้ทำให้ใครกลายเป็นปัจเจกเทียมก็แล้ว พูดถึงโลกอันหลากหลายหลังปี 1970 ก็แล้ว พูดถึงการที่ตัวดนตรี Serious Music หรือ Popular Music ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการ Liberate อะไรโดยตรง (เว้นแต่วัฒนธรรมที่พ่วงมาด้วย จะว่าไป หากนับวัฒนธรรมที่พ่วงมาด้วย Popular Music น่ะ ช่วย “ปลดปล่อย” ผู้คนได้มากกว่าด้วยซ้ำ) ก็แล้วสำหรับในบทนี้ก็จะมาพูดถึงสิ่งที่อดอร์โนทำผิดพลาดมากที่สุด นั่นคือการปฏิเสธดนตรีป็อบโดยสิ้นเชิง ไม่ร่วมสังฆกรรมใด ๆ กับมันอีก เพราะเขาได้ตีกรอบมาแล้วว่าดนตรีป็อบมันย่อมเป็นอะไรที่ถูกทำให้มีมาตรฐานเดียวกัน (Standardize) และความที่มันมีมาตรฐานเดียวกันนี่เอง…
Music
   In The Flesh?"Tell me is something eluding you sunshine?Is this not what you expected to see?If you'd like to find out what's behind these cold eyesYou'll just have to claw your way through this disguise"จากเพลง ‘In The Flesh?'ของ Pink Floydอดอร์โน...ผมศึกษาและเขียนแย้งแนวคิดของคุณในเรื่องป็อบปูล่าร์มิวสิคมาพอสมควร แต่สิ่งที่ผมค้นพบได้จากตัวคุณมันมีแต่เรื่องเกี่ยวกับความคิดทฤษฎีทั้งนั้นบางขณะที่ผมเคาะแป้นคีย์บอร์ดถกเถียงกับทฤษฎีของคุณ ผมก็ไพล่นึกไปว่า ในช่วงที่คุณมีชีวิตอยู่นั้น อะไรที่ทำให้คุณบันเทิงใจกับดนตรีที่มีซาวด์แบบ Atonal จนคุณถึงกับเขียนชมมันเป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ (…
Music
    Arnold Schoenberg(นักประพันธ์เพลงคนโปรดของ Adorno)ดูเหมือนความตายของ Adorno ในปี 1969 จะทำให้ผู้ที่ใช้แนวคิดของ Adorno มาวิพากษ์ Popular Music หยุดเติบโตไปด้วย พวกเขามักจะมองดนตรีที่มีอิทธิพลตั้งแต่ยุค 70's เป็นต้นมาอย่างเหมารวมและติ้นเขิน พวกเขาถึงขั้นจัด The Beatles, Nirvana และ Linkin Park ไว้ในประเภทเดียวกันผมไม่ปฏิเสธความเป็นป็อบและร็อคของทั้งสามวงที่ยกตัวอย่างมานี้ หากความเป็นร็อคคือความหนัก และการมีจังหวะที่ชัดเจน หากความป็อบคือความติดหู ฟังง่าย ผมก็เชื่อว่าทั้ง สี่เต่าทอง, กรันจ์เจอร์นิพพาน และ สวนสาธารณะของลินคอร์น ต่างก็มีความเป็นป็อบและความเป็นร็อคทั้งสิ้น (…
Music
Theodor W. Adornoผมได้อ่านบทความเรื่อง "ทบทวนแนวคิด ‘อุตสาหกรรมวัฒนธรรม' : เมื่อวัฒนธรรมกลายเป็นอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมสร้างวัฒนธรรม" ของ อ.เกษม เพ็ญภินันท์ จากวิภาษาฉบับที่ 7 แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเคยอ่านเรื่องของนักคิด/นักวิจารณ์ ที่ชื่อ Theodor Adorno นี้ จากบทความชื่อ "อดอร์โนกับอุตสาหกรรมวัฒนธรรม : กรณีศึกษาเพลงสมัยนิยม (Popular Music)" ในหนังสือชื่อ "เหลียวหน้าแลหลัง วัฒนธรรมป็อบ" ซึ่งเป็นบทความที่พูดถึงเกี่ยวกับดนตรีโดยเฉพาะAdorno เป็นนักคิดสังคมนิยมชาวเยอรมัน ผู้นำเอาแนวคิดของทั้ง Max Waber, Marx และ แม้แต่ Sigmund Freud เข้ามาจับในงานเขียนเชิงวิพากษ์วิจารณ์ของเขา…
Music
ยามใกล้เที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม หรือวันสิ้นปี ในหลาย ๆ พื้นที่ของโลกจะมีการร้องเพลงที่ชื่อ "โอลด์ แลงค์ ซายน์" (Auld Lang Syne) ซึ่งนับเป็น New year's Anthem ฉบับสากล เช่นเดียวกับที่ในไทยมีเพลงตามประเพณีอย่าง "สวัสดีปีใหม่" นั่นแลเพลง "สวัสดีปีใหม่" ของไทยที่ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้ว ผ่านเลยมาไม่ว่ากี่ปี ๆ ก็ยังได้ยิน โดยตามประวัติศาสตร์เพลงนี้มีมาตั้งแต่ สมัยช่วงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของ จอมพล ป. (ไม่มีกุ้งเผา) เป็นช่วงที่เปลี่ยนวันปีใหม่ไทยจาก 1 เมษายน มาเป็น 1 มกราคม เพื่อความเป็นสากล (ข้ออ้างยอดฮิตของชนชั้นนำในยุคนั้น) และ "สวัสดีปีใหม่" ก็เป็นหนึ่งในเพลงเทศกาล ที่มาจากวงสุนทราภรณ์…
Music
"ถึงรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้น แต่ก็ยากจะทำใจ"คำๆ นี้ใช้ได้ดีกับสถานการณ์ในช่วงวันที่ 19-21 ที่ผ่านมา กับการที่พวก Elite ทั้งหลายที่นั่งเออออห่อหมกกับร่างกฏหมายที่จะมีผลกับประชาชนทั้งประเทศ ดูตัวเลขก็รู้แล้วว่าพวกเขาเออออห่อหมกกันขนาดไหน ไม่โปร่งใสมากขนาดไหน และเผด็จการกันขนาดไหน!เป็นที่รู้กันว่า พวก Elite ทั้งหลายนี้มาจากการคัดเลือกแต่งตั้งกันเองของคนบางกลุ่ม ซึ่งทำให้ได้กลิ่นคณาธิปไตยตุๆ แล้ว กระบวนการพิจารณากฏหมาย ที่พากันออกถี่ระรัว จนราวกับว่าพวกเขาไม่ได้คลอด กม.ลูกทั้งหลายอย่างมีสติ แต่เหมือนคนเมาสำรอกอาเจียนเอาทุกสิ่งทุกอย่างในใส้ในพุงออกมา!ใช่แล้ว!…
Music
นึกย้อนไปถึงวันที่ได้เข้ามหาวิทยาลัยวันแรกๆ ชุดยูนิฟอร์มถูกระเบียบกับตำราเรียนเล่มใหญ่ๆ หอพักในมหาวิทยาลัยที่ทำให้พานพบกับผู้คนมากหน้าหลายตา ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ต่างไปจากตอนเรียนในโรงเรียนมัธยม คือความรู้สึกว่า ที่นี่ ฉันจะมีเสรีภาพมากขึ้น มีชีวิตที่หลากหลายกว่าเก่า และพื้นที่ทางความคิดที่จะปลดปล่อยฉันจากกรงขังอันแปลกแยกของโลกใบเดิมได้แต่แล้วก็ได้พบว่า สิ่งที่คาดหวังเอาไว้มันเป็นความจริงเพียงแค่บางส่วน นอกนั้นเป็นมายาภาพที่ฉันนึกฝันเอาเองใช่ๆ ฉันเคยถูกเสี้ยมสอนเช่นเดียวกับอีกหลายๆ คนว่าผู้ใหญ่เป็นผู้มีประสบการณ์ สิ่งที่พวกเขามอบให้เราต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่ๆ แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ…
Music
"ไม่ว่าจะสูงต่ำดำขาว ทุกคนล้วนมีชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีชีวิตของใครที่มีค่ามากกว่าของใคร ท่านทั้งหลาย...ประโยคสุดท้ายในเพลง Imagine ของ จอห์น เลนนอน ไม่ได้มีความหมายแบบนี้หรอกหรือ"
Music
Magic เป็นชื่ออัลบั้มล่าสุดของ Bruce Springsteen (หรือที่เรียกกันว่า The Boss*) ในอัลบั้มนี้เขากลับมาร่วมงานกับวงแบ็คอัพที่ชื่อ E Street band อีกครั้ง ทำให้ทิศทางของอัลบั้มนี้เน้นไปที่แนวทางของร็อคอีกครั้ง หลังจากอัลบั้มที่แล้วคือ Devils and Dust ออกเป็นงานแนวโฟล์คมากกว่าแต่ไม่ว่าจะเป็น Bruce Springsteen ในแบบของโฟล์คหรือ Bruce Springsteen ในแบบของร็อค ผมก็รู้สึกว่าดนตรีของ The Boss ผู้นี้ก็ช่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นอเมริกันอยู่เสมอมาซึ่งดนตรีในอัลบั้ม Magic นี้ไม่เพียงแค่กลิ่นของความเป็นอเมริกันที่ยังคงมีอยู่ถ้วนทั่วอย่างเดียวเท่านั้น แต่ละเพลงที่ถ่ายทอดออกมาจาก The Boss กับวง E…
Music
ในคืนวันที่ 10 ของเดือนที่แล้ว (ตุลาคม)...ผมนั่งหน้าจอคอมพ์ใจจดใจจ่ออยู่กับเว็บไซต์ http://www.inrainbows.com/ เพราะได้ข่าวว่าวง Radiohead จะประกาศขายเพลงแบบ Digital Download ผ่านทางเว็บไซต์นี้และที่ทำให้คนตื่นเต้นกันอย่างหนึ่งก็คือ การที่ทางวง Radiohead ประกาศว่า จะสามารถสั่งซื้อในแบบที่ผู้ซื้อสามารถให้ราคาเองได้ตามใจชอบ ...ตามใจชอบในที่นี้หมายความว่า แม้แต่จะใส่เงินเป็น 0.00 (ซึ่งก็เหมือนขอโหลดมาฟรี ๆ นั่นแหละ) ก็สามารถทำได้ ! ซึ่งจะว่าไปเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ขนาดนั้น เพราะผมเคยเจอวงที่ชื่อว่า Craw เปิดเว็บไซต์ที่ใช้ชื่อง่าย ๆ ว่า http://www.craw.com/…
Music
"ความฉาบฉวยและความสับสนอาจจะทำให้บางคนคิดว่ามันเวอร์ไปหรือเปล่า ยุคสมัยมันหม่นมืดขนาดนี้จริงๆ หรือ ต้องไม่ลืมว่าวง Porcupine Tree มาจากประเทศอังกฤษ มิวสิควีดิโอเพลง Fear of a Blank Planet เองก็อาจชวนให้นึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่เคยเกิดขึ้นจริง (หลายครั้ง) ในสหรัฐฯ และที่สำคัญคือการเล่าของพวกเขาก็ไม่ได้ตัดสินอะไรแทนเราว่าสิ่งที่บอกผ่านออกมานี้ดีหรือไม่ดี" วง Porcupine Tree อาจจะเป็นที่รู้จักน้อยมากสำหรับคนทั่วไป และอาจจะเป็นที่รู้จักบ้างพอสมควรสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงแนว Progressive Rock ซึ่ง Porcupine Tree ถือเป็นวงที่มีแนวทางของ Psychedelic/Space อันหลอนและล่องลอยแบบ Pink Floyd เป็นหลัก…