โดย.. ประปา สุราเมืองนนท์
“พงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์” อีกหนึ่งบุรุษผู้มากสีสัน ผู้ซึ่งนอกจากที่จะเป็น “คนขับแท็กซี่” แล้ว เขายังเป็นทั้ง “สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์” “บุคคลต้องห้ามเข้าพรรคประชาธิปัตย์” “ผู้ร่วมชุมนุมกับเสื้อแดง” รวมถึงเป็น “เหยื่อจากการสลายการชุมนุม” และบทบาทอื่นๆ อีกมากมาย
และไม่ว่าเขาจะอยู่ในบทบาทไหน สิ่งหนึ่งที่สร้างชื่อของเขาขึ้นมาได้ ก็คือ การเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม ตามแบบฉบับวิธีการของเขา ซึ่งนักสันติวิธีหรือนักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ควรศึกษาเอาไว้ ว่าอารยะขัดขืนนั้น ปถุชนคนเดินดินเขาทำกันเยี่ยงไร …
(อนึ่ง ในการสืบค้นข้อมูลและเรียงลำดับเหตุการณ์นี้ใช้เครื่องมืออินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ซึ่งคาดว่ายังมีข่าวที่ตกหล่นไม่ได้รวบรวมในรายงานชิ้นนี้ที่มีข่าวลือว่า พงศ์พิชาญ เคยร้องเรียนในแก้ปัญหาในหลายเรื่องมาก่อนแล้ว เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ และได้เดินทางไปร้องเรียนตามหน่วยราชการต่างๆ หลายแห่งเพื่อขอความยุติธรรม)
0 0 0
แม้จะโดนรวบมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็มิอาจสามารถจะหยุดความเป็น active citizenship ของ “พงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์” แท็กซี่จอมเรียกร้องสิทธิได้
1. ครั้งแรกเมื่อเขา ปรากฎกาย (?) …
พงศ์พิชาญ ปรากฎตัวต่อหน้าสื่อครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2550 ในสมัยรัฐบาลขิงแก่ ที่มีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเขาได้ออกมาเรียกร้องในประเด็นที่ถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้มีสิทธิอาศัยอยู่บ้านเอื้ออาทร พร้อมด้วยมือขวามีดสปาต้าจ่อคอตัวเองและมือซ้ายถือปืนจุดเตาแก๊ส !!!
เว็บไซต์แนวหน้ารายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 11 มิ.ย. 50 เกิดเหตุระทึกใจที่บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ ถนนพิษณุโลก มีแท็กซี่สีบานเย็นหมายเลขทะเบียน ทพ 7355 กทม.ของสหกรณ์แท็กซี่ไทย จำกัด มาจอดนิ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.นางเลิ้งและตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปตรวจสอบพบคนขับเป็นชายวัยประมาณ 40 ปี ทราบชื่อคือ นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ นั่งอยู่โดยมีถังแก๊สปิ๊กนิควางบนตัก โดยมือขวามีดสปาต้าจ่อคอตัวเองและมือซ้ายถือปืนจุดเตาแก๊ส จากนั้นเมื่อตำรวจเดินเข้าไปขอพูดคุยด้วย แต่ชายคนดังกล่าวกลับลดกระจกลงแล้วยื่นเอกสารให้ ซึ่งขณะนั้นมีกลิ่นแก๊สลอยคละคลุ้งอยู่ในรถ ลอยตามออกมาด้วย จากนั้นก็ปิดกระจกรถโดยไม่ยอมพูดจาแต่อย่างใด
เอกสารระบุว่า ตนเองถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้มีสิทธิอาศัยอยู่บ้านเอื้ออาทร และสิทธิในแผงขายของ จึงขอให้เร่งปราบปรามผู้มีอิทธิพล นักการเมืองและกลุ่มนายทุนที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในการเคหะแห่งชาติโดยด่วน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาลกว่า 10 นายได้เตรียมถังดับเพลิง โล่ ปิดประตูทางเข้าทำเนียบโดยทันที และกำชับให้ระวังว่าจะเกิดระเบิด พร้อมกับให้ระวังการสูบบุหรี่ ทั้งนี้เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที ชายคนดังกล่าวก็ได้ยกมือไหว้และขับรถออกไปโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร (แนวหน้า, 11-06-2550)
2. เดินหน้าสู้ต่อ ร้องมหาดไทยค่าน้ำบ้านเอื้ออาทรแพง
เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ก.ค. 50 ที่กระทรวงมหาดไทย นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ แท็กซี่ผู้โด่งดังจากกรณีที่เคยนำถังแก๊สมาจุดไฟขู่ระเบิดบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งไม่ให้สิทธิที่อยู่อาศัยบ้านเอื้ออาทร รังสิตคลอง 1 ได้เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อนายสมัชชา โพธิ์ถาวร ผู้ช่วยเลขานุการ นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รมช.มหาดไทย 3 เรื่อง คือ 1. ปัญหาค่าน้ำประปา ที่จ่ายเงินแพงเกินจริงของบ้านเอื้ออาทร ไม่ว่าผู้อยู่อาศัยจะใช้น้ำหรือไม่ก็ตาม 2. ยกเลิกการสมัครเลือกตั้งและการเลือกตั้งผู้นำชุมชนและผู้นำสหกรณ์ในวันที่ 8 ก.ค.นี้ บ้านเอื้ออาทร รังสิตคลอง 1 เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม 3. ปัญหาผู้ร้องเรียนถูกกลั่นแกล้ง ถูกข่มขู่ ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บไม่ให้มีที่อยู่อาศัย ถูกตัดมิเตอร์น้ำ
โดยนายสมัชชาได้ชี้แจงภายหลังโทรศัพท์พูดคุยกับผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ว่า ในเรื่องของการเก็บค่าน้ำประปานั้นเป็นเรื่องการบริหารจัดการของนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งเป็นการบริหารจัดการของการเคหะแห่งชาติ การเก็บค่าน้ำประปาของ กปภ. เป็นไปตามอัตราค่าน้ำประปาตามประเภทของผู้ใช้แต่ละประเภท ส่วนเรื่องการยกเลิกสมัครเลือกตั้งเป็นกรรมการดำเนินการของสหกรณ์บริการบ้านเอื้ออาทร รังสิตคลอง 1 จำกัด ซึ่งเรื่องนี้ผู้ร้องได้ยื่นฟ้องการเคหะแห่งชาติต่อศาลปกครองกลาง และเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง สำหรับประเด็นการถูกกลั่นแกล้ง ถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกายฯ ซึ่งนายพงศ์พิชาญ มีความประสงค์จะขอเข้าพบนายเมฆินทร์ เมธาวิกุล ผู้ว่าฯปทุมธานี เนื่องจากเป็นประชาชนในท้องที่ จ.ปทุมธานี เพื่อขอให้ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นตนจะโทรศัพท์ไปยังผู้ว่าฯปทุมธานี เพื่อให้เข้าพบ และร้องขอความเป็นธรรมและให้ช่วยดูแล ในเวลา 16.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี (เว็บไซต์เดลินิวส์, 7-7-2550)
3. ขู่ฆ่าตัวตาย! จี้รัฐตรวจสอบการกระทำของนักการเมืองและกลุ่มนายทุน
นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อดีตคนขับรถแท็กซี่ ที่เคยประท้วงใช้มีดจ่อคนและขู่ระเบิดถังแก๊สในรถแท็กซี่ หน้าทำเนียบรัฐบาล ยังคงใช้วิธีคล้ายคลึงกันเพื่อเรียกร้องความสนใจ จากเจ้าหน้าที่รัฐและสื่อมวลชนประจำทำเนียบ โดยเขาบอกกับ "บางกอกทูเดย์" ว่า พยายามจะพบผู้สื่อข่าวในทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่สามารถทำได้จึงต้องใช้วิธีการดังกล่าว เพราะเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 50 ที่ผ่านมา ได้เรียกร้องให้ภาครัฐตรวจสอบการกระทำของนักการเมืองและกลุ่มนายทุน อาทิ นายกเทศมนตรีเมืองรังสิตและลูกชาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ในสังกัดฯ เพื่อขอให้ปรับอัตราโครงสร้างการจ่ายเงินค่าน้ำประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่บ้านเอื้ออาทรรังสิต (สรุปข่าว หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์, 9-8-2550)
4. บุกทำเนียบรอบแรก ร้องนายกฯ “สมัคร สุนทรเวช” ปราบทุจริตการเคหะ
เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อเวลา 08.20 น. ของวันที่ 7 ก.พ. 51 หลังจากที่รองนายกรัฐมนตรี และรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทยอยเดินทางเข้ามาทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล ได้มีแท็กซี่สีแดง-ฟ้าคันหนึ่ง หมายเลขทะเบียน 9ท. 2009 ขับเข้ามาจอดด้านหน้าป้อมตำรวจ บริเวณทางเข้าประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล ตรงข้ามสำนักงาน ก.พ. โดยได้จอดนิ่งและติดเครื่องไว้ พร้อมกับกดแตรบีบดังลั่นไปทั่วบริเวณ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยต่างกรูวิ่งเข้าไปล้อมรถคันดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น โดยบอกให้คนขับแท็กซี่คันดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่านายพงษ์พิชาติ ธนาถิรพงศ์ ลงมาจากรถ แต่นายพงษ์พิชาติไม่ยอมเปิดกระจกเจรจาหรือลงมาจากรถแต่อย่างใด ยังคงบีแตรดังลั่นต่อไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามว่าต้องการที่จะประท้วงอะไร นายพงษ์พิชาติจึงลดกระจกลงและบอกว่าที่มาวันนี้เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีปราบปรามการทุจริตในการเคหะแห่งชาติ โดยเฉพาะบ้านเอื้ออาทรที่มีผู้ใหญ่ในการเคหะแห่งชาติได้ผลประโยชน์ (เว็บไซต์เดลินิวส์, 7-2-2551)
5. จี้ "อภิสิทธิ์" เปิดสภาซักฟอกไม่ไว้วางใจโครงการบ้านเอื้ออาทร
เว็บไซต์แนวหน้ารายงานเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 51 ว่าที่รัฐสภา นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้นำฝ่ายค้าน) และสื่อมวลชน เพื่อขอให้เปิดสภาอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุธา ชันแสง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เกี่ยวกับเงินงบประมาณที่ช่วยเหลือผู้ยากไร้บ้านเอื้ออาทรรังสิต คลองหนึ่งจำนวน 200 ล้านบาทที่มีการให้โควตาที่อาจจะไม่โปร่งใส พร้อมกับขอให้ตรวจสอบสัญญาจะซื้อขายห้องชุดบ้านเอื้ออาทรทั่วประเทศโดยสัญญาไม่เป็นธรรม เอารัดเอาเปรียบและมีผลประโยชน์แอบแฝงและเป็นการรบกวนการครอบครองมิเตอร์น้ำละเมิดสิทธิและเสรีภาพสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ซื้อบ้าน ( เว็บไซต์แนวหน้า, 23-4-2551)
6. บุกทำเนียบรอบสอง ร้องทุกข์นายก "อภิสิทธิ์" ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างสะพานข้าม 5 แยกลาดพร้าว
เว็บไซต์มติชนรายงานว่าเมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 31 ก.ค. 52 ได้เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้นในทำเนียบรัฐบาล เมื่อมีรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทย 2474 กรุงเทพมหานคร ขับรถฝ่าจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประตู 8 เชิงสะพานมัฆวาฬรังสรรค์ เข้ามาจอดด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 พร้อมบีบแตรเสียงดังต่อเนื่องประมาณ 15 นาที โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล 5 นายพยายามวิ่งเข้ามาเจรจา แต่โชเฟอร์ไม่ยอมลงจากรถและพยายามเร่งเครื่องพร้อมกับบีบแตรดังต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำยางรถยนต์มากั้นทั้ง 4 ด้านและนำแผงเหล็กมากั้นด้านหน้ารถ จากนั้นโชเฟอร์ได้แสดงบัตรประชาชน ชื่อนายพงศ์เจริญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 46 ปี เป็นชาวจังหวัดปทุมธานี ก่อนที่นายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองเข้ามาขอเจรจาโชเฟอร์จึงยอมเลื่อนรถมาจอดหน้าตึกนารีสโมสร ซึ่งอยู่ด้านข้างตึกบัญชาการ แล้วให้ร้องทุกข์
นายพงศ์เจริญเปิดเผยว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างสะพานข้าม 5 แยกลาดพร้าวของกรุงเทพมหานครที่สร้างผิดแบบทำให้รถตนเกิดอุบัติเหตุและไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายให้กับเจ้าของอู่รถแท็กซี่ประมาณ 7,500 บาท จึงต้องการมาร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทางกรุงเทพมหานครรับผิดชอบและเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว (เว็บไซต์มติชน, 1-8-2552)
7. บุกพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคดีของหาย
เว็บไซต์แนวหน้ารายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 มี.ค. 53 ที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีแท็กซี่ ทะเบียน ทล 3240 สีชมพู ทราบชื่อคนขับว่านายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 47 ปี อาศัยอยู่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้พยายามขับรถเพื่อจะเข้าพรรค แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยได้ขัดขวาง ทำให้แท็กซี่คันดังกล่าวบีบแตรเสียงดังลั่นรบกวนเป็นเวลาประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามล้อมรถคันดังกล่าวและได้เชิญนายพงศ์พิชาญลงจากรถ แต่นายพงศ์พิชาญกลับปฏิเสธ จากการสอบถามทราบว่านายพงศ์พิชาญต้องการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคดีของหาย
ทั้งนี้นายพงศ์พิชาญได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนแจ้งความดำเนินคดีของหายมาเป็นเวลานานแต่คดีไม่คืบหน้า จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปทุมธานี ติดตามคดีโดยเร็ว โดยเจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้นายพงศ์พิชาญใจเย็น และให้ไปรอที่ สน.บางซื่อ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงยอมไปพร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่าหากคดียังไม่คืบหน้า จะกลับมาที่พรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง
จากนั้นเวลา 15.40 น. นายพงศ์พิชาญ ได้เดินทางกลับมาที่พรรคอีกครั้ง โดยระบุว่าไปติดตามมาแล้วคดีก็ยังไม่คืบหน้า ทำให้พ.ต.ต.สิทธิชัย ธัญญบาล สว.สส. สน.บางซื่อ ต้องลงทุนนั่งรถแท็กซี่ของนายพงศ์พิชาญ เพื่อพากลับมาเจรจาที่สน.บางซื่ออีก (เว็บไซต์แนวหน้า, 12-3-2553)
8. แจม-ป่วน "เสื้อหลากสี" บุกราบ 11 พบนายกฯ โวยถูกทหารทำร้าย
เว็บไซต์ไทยรัฐผรายงานว่า เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 30 เม.ย. 53 ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) บริเวณประตู 2 นายภัคเดช ปรีชาชนะชัย หัวหน้ากลุ่มสมาชิกเฟชบุ๊กมั่นใจหนึ่งล้านคนต่อต้านการยุบสภา และสมาชิกประมาณ 60 คน เข้ายื่นหนังสือให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ โดยนายภัคเดชได้อ่านแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลดำเนินการ ดังนี้
1.ทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินที่บรรพกษัตริย์สร้างมา โดยแสดงออกด้วยการปกป้องเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน 2.ให้ระงับและจัดการขบวนการที่ลิดรอนเสรีภาพ และความสงบของประชานส่วนใหญ่ ต้องกระทำ แม้จะมีการสูญเสียบ้างก็ต้องกระทำ เพื่อนำความสันติสุขกลับคืนมาแก่ประเทศชาติอย่างยั่งยืน และ 3.ต้องประกาศชัดเจนอย่างรวดเร็ว ให้ประชาชนทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำการทำลายชีวิตคนไทย และบุคคลที่ทำลายระบบระเบียบที่ทำให้ประเทศชาติล่มจม
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากอ่านแถลงการณ์จบ ทางศอฉ.ได้มอบหมายให้ พ.ท.วิบูลย์ ศรีเจริญสุขยิ่ง เป็นผู้มารับหนังสือ นอกจากการรวมตัวของกลุ่มเฟชบุ๊กแล้ว ยังมีกลุ่มเสื้อหลากสีจำนวนหนึ่ง เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มเฟชบุ๊กฯ โดยระบุว่า ต้องการมาให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บางคนชูป้ายคัดค้านการยุบสภา พร้อมกับตะโกนว่า “รัฐบาลอย่ายุบสภา รัฐบาลสู้ๆ ขอให้ทหารสู้ๆ” จากนั้นทางกลุ่มเฟชบุ๊กฯและเสื้อหลากสี ได้มอบดอกกุหลาบสีชมพูเพื่อให้กำลังใจแก้นายทหารที่ประจำการที่ร11 รอ.อีกด้วย จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมก็สลายตัวเดินทางกลับ
ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าว เกิดเสียงโวยวายขึ้นจากนายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 47 ปี คนขับรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน พล 3240 กรุงเทพมหานคร หลังจากที่นายพงศ์พิชาญเดินลงมาจากรถ ได้ตะโกนว่า “ผมถูกทหารทำร้าย ทหารกระชากผมลงจากรถและกระทืบผม แต่มีตำรวจช่วยผมไว้” พร้อมชูเอกสารการเข้าแจ้งความที่สน.พลับพลาไชย ที่ระบุว่าถูกทหารทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และทหารที่ปฏิบัติงานบริเวณดังกล่าวเชิญให้นายพงศ์พิชาญขึ้นรถ เนื่องจากนายพงศ์พิชาญจอดรถขวางการจราจรด้านหน้าประตูทางเข้าร.11 รอ.
จากนั้นเมื่อนายพงศ์พิชาญขึ้นรถ ก็รู้สึกไม่พอใจ จึงบีบแตรลั่นเสียงดังหลายครั้ง จนเจ้าหน้าที่คนเดิมต้องเขาไปห้ามปราบ ต่อมาเมื่อไม่มีสื่อมวลชนคนไหนสนใจเข้าไปสอบถาม นายพงศ์พิชาญจึงขับรถออกไปจากจุดดังกล่าว (เว็บไซต์ไทยรัฐ, 30-4-2553)
9. เผยร่วมชุมนุมเสื้อแดง ถูกสไนเปอร์ยิง เครียดจะฆ่าตัวตาย บุกกระทรวงยุติธรรมเรียกร้องสิทธิ
เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. 53 ที่กระทรวงยุติธรรม นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์อายุ 47 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ พักอยู่ภายในซอยอินทามระ แยก 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. นำเอกสารหลักฐานจำนวนมากเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และมาติดตามเรื่องที่เคยยื่นไว้กับกรมคุ้มครองสิทธิฯ ก่อนหน้านี้ กรณีถูกเจ้าหน้าที่ยิงแขนซ้ายทะลุขณะร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงบริเวณซอยรางน้ำ เหตุเกิดเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา และเรื่องที่ถูกชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตาซ้ายบวมปูด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงศ์พิชาญ เดินทางมากระทรวงเนื่องจากทราบว่าวันนี้ ช่วงบ่ายทางกระทรวงจะประชุมพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนและค่าชดเชยให้กับผู้เสียหายในคดีอาญา ที่ห้องประชุมชั้น 8 ตึกกระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่ ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะโดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน โดยนายพงศ์พิชาญ ขึ้นไปนั่งรอหน้าห้องประชุม กระทั่งประชุมเลิก ช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. พ.ต.อ.ทวี ออกจากห้องประชุม เหลือแต่คณะกรรมการคนอื่นๆ จากนั้นนายพงศ์พิชาญ ได้เข้าไปหาคณะกรรมการที่นั่งอยู่ แต่ไม่ได้รับคำตอบเรื่องที่ตัวเองถูกถอดออกจากวาระที่ประชุมในวันนี้ ทำให้เกิดความเครียดและร้องไห้โวยวาย จากนั้นนายพงศ์พิชาญ ได้วิ่งขึ้นไปยืนอยู่ตรงบันได ชั้น 8 ทำท่าจะกระโดดลงมาเพื่อฆ่าตัวตายหากกระทรวงไม่ดำเนินเรื่องให้เจ้าหน้าที่ต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะยอมลงมาและนำตัวไปสงบสติอารมณ์ในห้องประชุมพร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการดำเนินคดีต่างๆ จนเข้าใจ
นายพงศ์พิชาญ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ตนเดินทางมายื่นเรื่องกรณีที่ตกเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และทราบว่าวันนี้จะนำเรื่องของตนเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณาจ่ายเงิน แต่ปรากฏว่าในที่ประชุมได้ตัดเรื่องออกทำให้ตกไปทั้งที่เรื่องตนเป็นผู้เสียหายจากการกระทำของรัฐ
นายพงศ์พิชาญ กล่าวต่อว่า ในส่วนเหตุการณ์ที่ตนถูกยิงแขนทะลุ และถูกทำร้ายร่างกายที่ตาซ้ายนั้น เรื่องถูกยิงแขน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่ม วันที่ 14 พ.ค. ขณะตนไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณหน้าปั๊มเอสโซ่ ซอยรางน้ำ ถนนราชปรารภ ขณะที่ชุมนุมอยู่หน้าปั๊มสังเกตที่ตัวพบว่ามีแสงเหมือนแสงเลเซอร์ส่องมาที่ศีรษะและลำตัวนับสิบจุดจากนั้นก็ได้ยิงเสียงปืนดัง กระสุนเฉี่ยวหน้าไป จากนั้นตนได้ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะมีเสียงปืนดังตามมาเป็นนัดที่ 2 และ 3 และรู้สึกชาบริเวณท่อนแขนซ้าย มีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก กระทั่งมีผู้ชุมนุมด้วยกันหามส่งโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งขณะนั้นรถพยาบาลไม่สามารถเข้ามารับได้ เพราะทหารล้อมไว้หมดจึงนั่งมอเตอร์ไซค์ออกไป และในวันนั้นที่ถูกยิงตนยังใส่เสื้อกั๊กมีตราโล่ตำรวจยังถูกยิงขนาดนี้และในวันนั้นมีคนถูกยิงพร้อมกันตนนับสิบคนเพราะเห็นล้มลงกับพื้น
เหยื่อกระชับพื้นที่ กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่ตนถูกทำร้ายร่างกายจนตาซ้ายบวมปูดนั้น เป็นคนละวันกับที่ถูกยิง โดนทำร้ายประมาณปลายเดือนเมษายน ขณะขับรถแท็กซี่ ทะเบียน ทล-3240 กทม. สีชมพู มาหาคนบริเวณหน้าโรงพยาบาลหัวเฉียว ถนนบำรุงเมือง ขณะนั้นมีทหารเริ่มตั้งด่านและบีบเส้นทางให้รถวิ่งเลนซ้ายอย่างเดียวเมื่อขับมาถึงด่านตรวจเจ้าหน้าที่สั่งให้จอดและเปิดท้ายรถ แต่กุญแจตนเสียเปิดไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ฟัง ก่อนจะเปิดประตูรถและกระชากออกจากรถจนตัวกระเด็นไปล้มอยู่บนฟุตปาธและจับค้นตัวไม่พบอะไร ตนพยายามอธิบายว่าตนมีบัตรนักข่าวตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยตัวก่อนที่ตนจะเดินไปนั่งเบาะรถและเตรียมจะขับออก แต่ปรากฏว่ามีชายฉกรรจ์ 2 คน แต่งกายนอกเครื่องแบบใช้เท้าถีบเข้ามาในรถ ทำให้ใบหน้าตนกระแทกกับพวงมาลัยรถจนปูดบวมได้รับบาดเจ็บและไปแจ้งความไว้ที่สน.พลับพลาไชย 1 แต่ก็ไม่มีการส่งตัวไปตรวจร่างกายหรือสอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน ตนจึงร้องเรียนไปยังสำนักนายกฯขณะนี้ทราบว่าอยู่ระหว่างตั้งกรรมการสอบสวนตำรวจที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อยู่ และเรื่องได้ถูกโอนมายังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงาน ป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มนปช. บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯและแยกคอกวัว มีรายงานว่านายพงศ์พิชาญเคยขับรถแท็กซี่สีชมพูคันเดียวกันนี้ขับชนแท่งปูนบริเวณหน้าประตูทำเนียบรัฐบาล จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมก่อนจะปล่อยตัวออกมา (แท็กซี่เหยื่อสไนเปอร์-เครียดจะฆ่าตัว, เว็บไซต์ข่าวสด, 30-6-2553)
10. ปีนเสาไฟอาคารรัฐสภาประท้วง ชี้รัฐไม่เหลียวแล
เว็บไซต์ไทยรัฐเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 8 ก.ย. 53 ที่บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารรัฐสภา 2 ได้มีชายวัยกลางคน อายุราว 50 ปีคนหนึ่งสวมเฝือกที่แขนซ้าย และปิดผ้าก็อตที่ตาซ้าย ได้ปีนเสาไฟฟ้าขึ้นไปนั่งสงบนิ่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด โดยมีเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ตำรวจ และสื่อมวลชนทยอยออกมาดูเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.30 น.เมื่อมีคนมามุงดูจำนวนมาก รวมทั้งพยายามตะโกนสอบถามว่าขึ้นไปทำไม พร้อมทั้งเกลี้ยกล่อมให้ลงมาพูดคุยกันข้างล่าง ทำให้ชายคนดังกล่าวซึ่งทราบชื่อภายหลังว่าคือ นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ ได้ตะโกนตอบกลับมาแต่ฟังไม่ได้ศัพท์เนื่องจากเครื่องขยายเสียงภายในรัฐสภากำลังถ่ายทอดเสียงการประชุมนั้นมีเสียงค่อนข้างดังมาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตัดเสียงลำโพงทำให้สนทนาได้เข้าใจกันมากขึ้น
โดยหนุ่มแท็กซี่รายนี้ ได้โยนใบปลิวที่เคยทำเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงาน รวมทั้งพรรคการเมืองต่างๆ ให้กับผู้สื่อข่าวได้อ่าน พร้อมทั้งตะโกนโวยวายอย่างไม่พอใจว่า ได้ไปร้องเรียนเรื่องราวความเดือดร้อนจากหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่ได้รับการเหลียวแล ล่าสุดได้ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง นอกจากนี้เมื่อได้เจอกับนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้รับความสนใจที่จะฟังเรื่องราวของตน จึงตัดสินใจปีนเสาประท้วง
จากนั้นนายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา และนายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอร้องให้ลงมาพูดคุยกันก่อน แต่นายพงศ์พิชาญตอบกลับมาว่า อยู่ที่พื้นไม่มีใครสนใจ หากให้ลงไปจะมีใครสนใจฟังตนอีกหรือ ที่สำคัญตนก็อยากจะลง แต่ลงไม่ได้เพราะเจ็บแขนและชาไปทั้งตัวแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ ส.ส. ข้าราชการ และสื่อมวลชนที่มุงดูอยู่ต่างหัวเราะชอบใจ จากนั้นเจ้าหน้าที่รัฐสภาจำนวน 3 คนได้ปีนขึ้นไปประคองเพื่อนำตัวลงมาด้านล่าง แต่นายพงศ์พิชาญ ระบุว่าไม่มีแรงที่จะเคลื่อนไหวหรือปีนลงมาอีกแล้ว เจ้าหน้าที่จึงต้องนำเชือกขนาดใหญ่และอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ มาพยุงตัวลงด้วยความทุกลักทุเล โดยใช้เวลาช่วยเหลือนานถึง 10 นาที ทั้งนี้เมื่อถูกนำตัวลงมาด้านล่าง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวขึ้นเปลพยาบาลเพื่อนำตัวมาดูแลอาการเบื้องต้นในห้องพยาบาลภายในอาคารรัฐสภา 1 ด้านนายศิริโชค กล่าวว่า นายพงศ์พิชาญ เคยมาร้องเรียนหลายครั้งแล้วจนหน่วยงานต่างๆ เอือมระอา เพราะชอบมาร้องเรียนและขอเงินช่วยเหลือทุกครั้ง
สำหรับนายพงศ์พิชาญ นั้น ก่อนหน้านี้ก็เคยก่อเหตุไม่คาดฝันมาแล้วหลายครั้ง เช่น ขับรถแท็กซี่บุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลและพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือต่างๆ เช่น ขอให้ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่ารถแท็กซี่ ค่าโทรศัพท์มือถือและเงินสดที่ถูกปล้นในพื้นที่ สน.บางซื่อ และอ้างว่าถูกทหารทำร้ายร่างกายที่หลังและดวงตาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา และยังถูกทหารใช้สไนเปอร์ยิงที่แขนซ้ายเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา (เว็บไซต์ไทยรัฐ, 8-9-2553)
11. บุกประชาธิปัตย์ (อีกครั้ง) ขอพบ “พีระพันธ์”
เว็บไซต์สยามรัฐรายงานเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 53 ว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ คนขับรถแท็กซี่ ที่เคยก่อเหตุปีนเสาไฟฟ้า บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารรัฐสภา 2 ได้เดินทางมาที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดยอ้างว่าต้องการมาขอพบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้นำเรื่องความเดือดร้อนของตนเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาในวันที่ 29 ก.ย.เพื่อที่ตนจะได้รับเงินชดเชยจากการที่ต้องตกงานมานานกว่า 6 เดือนแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิเสธที่จะให้นายพงศ์พิชาญเข้าพบ ทำให้นายพงศ์พิชาญถึงกับร่ำไห้ก่อนจะทวงบุญคุณว่า
“สมัยที่ท่านลงสมัครส.ส.เขตดินแดง ท่านมาขอร้องให้ผมช่วยผมก็ช่วยท่าน แต่วันนี้ท่านได้เป็นรัฐมนตรีแล้วท่านจะทิ้งผมหรือ” จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายพงศ์พิชาญออกจากพรรคไป (เว็บไซต์สยามรัฐ, 28-9-2553)
12. ประกบ "สุเทพ" ร้องถูกคนร้ายปาหินใส่รถตำรวจทำคดีไม่คืบหน้า
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 54 ว่านายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่เคยขับแท็กซี่เข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และร้องเรียนกรรมาธิการในรัฐสภา และพรรคประชาธิปัตย์มาหลายหน ได้ขับแท็กซี่สีชมพูมาที่พรรคประชาธิปัตย์ และเข้าประชิดตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนว่ารถแท็กซี่ที่ขับ ถูกปาหินใส่
"ขณะนี้ได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีแล้ว จนผ่านมา 16 วันแล้ว แต่คดีไม่มีความคืบหน้า เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเฝ้าม็อบ และทำคดีนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย" นายพงศ์พิชาญ กล่าว ขณะที่นายสุเทพ กล่าวว่า พูดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ใช่อย่างนั้น จากนั้น นายสุเทพ ได้พาตัวนายพงศ์พิชาญ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อนำไปแจ้งความ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ติดรูปพร้อมชื่อนายพงศ์พิชาญ ไว้ที่หน้าพรรค เพื่อประกาศเป็นบุคคลควรระวัง (เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, 15-5-2554)
13. เห็นแววนายก จอดรถขวางร้องเรียน "ยิ่งลักษณ์" ขณะหาเสียง
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 54 ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปหาเสียงที่ชุมชนบ้านครัว สี่แยกอุรุพงษ์ โดยมีชาวบ้านในชุมนุมมารอต้อนรับและรอมอบดอกไม้ให้เป็นจำนวนมาก โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ได้เดินเข้าไปดูการทำสินค้าภายในชุมชน อาทิ การเย็บกระโปรง และการทำดอกไม้ประดิษฐ์จากสบู่ ทั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ยังได้ทดลองทำดอกไม้ประดิษฐ์จากสบู่ด้วยตัวเองด้วย โดยกล่าวทีเล่นทีจริงด้วยว่า เก่งทั้งงานบ้านและงานบริหาร นอกจากนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ยังได้กล่าวกับชาวบ้านด้วยว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะพัฒนาชุมชนชั้นในของกทม. โดยจะสร้างลานกีฬาต้านยาเสพติดขึ้น และจะพัฒนาด้านการศึกษาโดยจะมีคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กมอบให้กับเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับประถมขึ้นไปเพื่อเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ให้กับเยาวชน รวมทั้งจะส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับกลุ่มสตรีในชุมชนด้วย โดยจะตั้งเป็นศูนย์ฝึกอาชีพขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นางสาวยิ่งลักษณ์กำลังปราศรัยกับชาวบ้านในชุมนุมอยู่แต่ยังไม่ได้เดินกลับมาที่รถตู้ส่วนตัว แต่คนขับได้นำรถมาจอดไว้ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อรอนางสาวยิ่งลักษณ์นั้น ปรากฏว่านายพงศ์วิชาญ ธนาถิรพงศ์ ได้ขับรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทร-5515 กรุงเทพมหานคร มาจอดขวางหน้ารถตู้ส่วนตัวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พรรคต้องเข้าไปเกลี้ยกล่อมให้นายพงศ์วิชาญนำรถออกไป ทั้งนี้ นายพงศ์วิชาญไม่ยอมนำรถออกไปโดยระบุว่าจะมาร้องเรียนกับนางสาวยิ่งลักษณ์กรณีที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นใช้ก้อนหินขว้างใส่กระจกรถจนได้รับบาดเจ็บพร้อมกับลูกสาว ซึ่งตนเคยไปร้องเรียนกับพรรคประชาธิปัตย์และที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วแต่ไม่ได้รับความสนใจ รวมทั้งคดีก็ไม่คืบหน้าทั้งๆ ที่ทราบตัวคนร้ายแล้วว่าเป็นใครแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มักกะสันก็ยังไม่สามารถจับกุมเพื่อมาดำเนินคดีได้ จึงมาขอร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ภายหลังเจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมอยู่นานประมาณ 15 นาทีนายพงศ์วิชาญจึงยอมนำรถที่ขวางอยู่ออกนอกเส้นทาง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสามารับหนังสือร้องเรียนแทน (เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, 8-6-2554)
14. โวยเจ้าหน้าที่ให้รับเงินเยียวยางวดที่สอง ขณะที่ตนเดือดร้อน ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูกและหลาน ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน
เว็บไซต์ไทยรัฐรายงานเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 55 ว่าที่บริเวณสนามสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ได้เปิดเป็นจุดลงทะเบียนและตรวจสอบเอกสารรายชื่อผู้เสียหายจากเหตุความรุนแรงทางการเมืองตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งผ่านการพิจารณาให้ได้รับเงินเยียวยางวดแรก จำนวน 524 ราย แยกเป็นผู้เสียชีวิต 44 ราย ผู้ทุพพลภาพ 6 ราย ผู้บาดเจ็บสาหัส 568 ราย ผู้บาดเจ็บ 177 ราย ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 239 ราย ก่อนที่จะเดินทางไปรับเงินเยียวยาจากนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายได้เดินทางมาตั้งแต่เช้ามืด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเปิดรับลงทะเบียนในเวลา 09.00 น. แต่ระหว่างลงทะเบียนอยู่นั้นก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เมื่อมีรถแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทย 9522 ขับมาจอดกลางสนาม พร้อมกดเสียงแตรรถเสียงดังลั่น ทำให้กลุ่มผู้เสียหายและผู้คนแตกตื่น ก่อนจะทุบรถตะโกนส่งเสียงดัง กระทั่งได้มีการเข้าไปพูดคุย ทราบชื่อคือ นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ ซึ่งเล่าว่า ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อปี 2553 จำนวน 2 ครั้ง ที่ซอยรางน้ำและหน้าโรงพยาบาลหัวเฉียว ทำให้บาดเจ็บที่ดวงตาและแขนซ้าย ซึ่งได้มายื่นรับเงินเยียวยาและได้รับการพิจารณาให้อยู่ลำดับที่ 41 แต่เจ้าหน้าที่แจ้งให้รับเงินงวดที่สอง ขณะที่ตนเดือดร้อน ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูกและหลาน ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน จึงต้องการเรียกร้องรัฐบาลเห็นใจให้จ่ายงวดแรก (เว็บไซต์ไทยรัฐ, 24-5-2555)
15. โวยอีก ได้รับเงินเยียวยาน้อยเกินไป
เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่าเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 55 ที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี จุดลงทะเบียนและตรวจสอบรายชื่อผู้เสียหายจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ที่ผ่านการพิจารณาให้ได้รับเงินเยียวยาครั้งที่ 2 โดยในครั้งนี้มีผู้ผ่านการพิจารณาจำนวน 246 ราย แยกเป็นกรณีผู้เสียชีวิต 15 ราย, ทุพพลภาพ 4 ราย, สูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ 2 ราย, บาดเจ็บสาหัส 10 ราย, บาดเจ็บ 119 ราย, บาดเจ็บเล็กน้อย 94 ราย และกรณีผู้ยื่นขอ 2 เหตุการณ์ 2 ราย ปรากฏว่ามีกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ทยอยมาลงทะเบียนและตรวจสอบรายชื่ออย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเวลา 08.30 น. มีรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทย 9522 กทม. ของนายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ ขับเข้ามาวนรอบสนาม และบีบแตรอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10 นาที ซึ่งเป็นคันเดิมกับที่เคยเข้ามาก่อกวนเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ในการจ่ายเงินเยียวยางวดแรก เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปห้ามปรามและสอบถาม จึงทราบว่านายพงศ์พิชาญเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อปีพ.ศ.2553 บาดเจ็บที่ดวงตา และแขนซ้าย อยู่ในรายชื่อรับเงินเยียวยาครั้งที่ 2 แต่นายพงศ์พิชาญไม่พอใจที่ได้รับเงินเยียวยาน้อยกว่าที่ตนเองคิดว่าจะได้รับ เจ้าหน้าที่จึงขอให้จอดรถ และเชิญตัวเข้าไป อธิบายด้านใน (เว็บไซต์ข่าวสด, 16-6-2555)
16. ร้องถูก "สันติ พร้อมพัฒน์" กลั่นแกล้ง - ไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการจ่ายเงินเยียวยา
เว็บไซต์ไทยรัฐรายงานเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 55 ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าห้ามปรามนายพงศ์วิชาญ ธนาถิรพงศ์ ที่ขับรถแท็กซี่มาจอดขวางทางเข้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมเร่งเครื่องบีบแตรดังสนั่น สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนที่ผ่านไปมา เรียกร้องขอความช่วยเหลือ อ้างถูกนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ กลั่นแกล้ง (เว็บไซต์ไทยรัฐ, 7-7-2555)
ด้านเว็บไซต์มติชนรายงานเหตุการณ์เดียวกันนี้ว่า นายพงศ์วิชาญ ธนาถิรพงศ์ ขับรถแท็กซี่มาจอดขวางทางเข้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับเร่งเครื่องบีบแตรดังสนั่น สร้างความรำคาญให้กับประชาชน พร้อมกับโชว์ป้ายว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการจ่ายเงินเยียวยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางซื่อ ต้องมาระงับเหตุ (เว็บไซต์มติชน, 7-7-2555)
17. บุกทำเนียบรัฐบาล ทวงเงินเยียวยา ชี้ได้รับเยียวยาเพียงเหตุการณ์เดียว ทั้งที่ได้รับผลกระทบถึง 2 เหตุการณ์
เว็บไซต์ไทยรัฐรายงานเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 55 ว่า เกิดเหตุระทึกขวัญ ขึ้นเมื่อ นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ คนขับแท็กซี่เสื้อแดง ได้ขับรถแท็กซี่สีชมพู บุกเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาล และจอดรถไว้บริเวณด้านหน้าตึกบัญชาการ เพื่อเรียกร้องเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยอ้างว่าได้รับการจ่ายเงินเพียงเหตุการณ์เดียว ทั้งที่ตนเอง ได้รับผลกระทบถึง 2 เหตุการณ์
ทั้งนี้ นายพงศ์พิชาญ เคยก่อเหตุขับรถบุกเข้าทำเนียบ รัฐสภา และ พรรคประชาธิปัตย์ มาแล้วก่อนหน้านี้ โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ได้ควบคุมตัวพนักงานขับรถแท็กซี่เลือดร้อน รายนี้ไปทำการสงบสติอารมณ์เรียบร้อยแล้ว โดยอาจจะมีการแจ้งข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ กับเจ้าตัวด้วย (เว็บไซต์ไทยรัฐ, 10-7-2555)
18. บุกสภาร้องขุนค้อนถูกเบี้ยวจ่ายเยียวยา
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 55 ว่าเมื่อเวลา 11.00 น. นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 49 ปี แท็กซี่จอมป่วน ได้จอดอยู่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา พร้อมตะโกนโวยวาย และเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกกลั่นแกล้งจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ไม่ยอมจ่ายเงินเยียวยาจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง
นอกจากนี้ นายพงศ์พิชาญ ยังอ้างด้วยว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองถึง 2 ครั้ง แต่ได้รับเงินเยียวยาเพียงแค่เหตุการณ์เดียว อีกทั้ง พม.ยังไม่ยอมจ่ายเงินค่าอาการบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนอยากนำหลักฐานที่มีอยู่เข้ายื่นร้องเรียนต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เพราะเคยได้ไปดักพบมาครั้งหนึ่งแล้วที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องก็เงียบหายไป จึงต้องการให้นำเรื่องของตนเข้าเป็นกระทู้ถามในวันนี้ (1ส.ค.) จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาได้นำตัวนายพงศ์พิชาญไปถ่ายเอกสาร เพื่อนำหลักฐานยื่นต่อประธานรัฐสภา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สภาฯ ได้ระบุกับนายพงศ์พิชาญว่า เรื่องดังกล่าวต้องรอกระบวนการ ไม่ใช่ว่าร้องเรียนแล้วจะได้ทันที (เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, 1-8-2555)
เว็บไซต์ไทยโพสต์รายงานต่อว่าจากนั้นเวลา 16.20 น. นายพงศ์พิชาญได้ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวบุกเข้ามาถึงภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งนี้บุกเข้ามาที่ตึกไทยคู่ฟ้า สถานที่ทำงานของนายกรัฐ มนตรี โดยเข้ามาทางประตู 1 บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ และทันทีที่ขับมาจอดนายพงศ์พิชาญได้บีบแตรค้างไว้หลายนาที จากนั้นได้มีกลุ่มผู้สื่อข่าววิ่งไปติดตามสถานการณ์และถ่ายภาพบันทึกเหตุการณ์ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ซึ่งเจ้าหน้าที่นายหนึ่งตรงเข้าไปเคาะกระจกและบอกให้หยุดบีบแตร และพบว่ามีหญิงคนหนึ่งนั่งมาในรถด้วยแต่ปกปิดใบหน้าตัวเองไว้ ก่อนที่นายพงศ์พิชาญจะขับรถออกไปด้วยความรวดเร็ว (ไทยโพสต์, 2-8-2555)
19. บุกสภาอีก ขู่ขับพุ่งเข้าห้องประชุม ร้องเงินเยียวยาสลายม็อบ
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานเมื่อวันที่ 14 ส.ค. เวลา12.00น.ที่รัฐสภาได้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นเมื่อนายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 49 ปี ขับรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทย 9522 กทม. บุกเข้ามาบริเวณชั้น 2 ทางเข้าห้องประชุมรัฐสภาโดยได้เฉี่ยวชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สร้างตื่นตระหนกให้กับเจ้าหน้าและข้าราชการเป็นอย่างมากเพราะภายในรัฐสภากำลังอยู่ในระหว่างการประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่
ทั้งนี้ นายพงศ์พิชาญ ซึ่งนั่งอยู่ในรถได้เอามีดปลายแหลมจ่อคอตัวเองพร้อมกับยื่นข้อเรียกร้องขอพบพล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องการจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2553 ที่ได้รับเงินเยียวยาไปแล้วในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ในรัฐบาลนี้ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาต่อ
ด้าน พล.ต.ต.ขจร สัยวัตร์ สว.หนองคาย ได้เข้ามาเป็นคนกลางประสานงานให้พล.ต.อ.วิรุฬห์มาพบตามข้อเรียกร้องของนายพงศ์พิชาญ แต่ไม่สามารถเดินทางได้ทันที นอกจากนี้ นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกมธ.ต้องเข้ามาเจรจาด้วยหลังจากนายพงศ์พิชาญเริ่มแสดงความไม่พอใจด้วยการเร่งเครื่องรถยนต์เพื่อเตรียมเข้าไปภายในบริเวณห้องประชุมรัฐสภา
นายไพโรจน์ ยังได้นำเอกสารการรับเงินของนายพงศ์พิชาญจำนวนหนึ่งมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย เพื่อเป็ฯการยืนยันนายพงศ์พิชาญได้รับเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ต่อมานายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องเข้ามาเจรจาด้วยตัวเองและเชิญไปที่ห้องทำงานเพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือและยืนยันว่าจะไม่เอาผิดกับนายพงศ์พิชาญในกรณีบุกรกสถานที่ราชการ ส่งผลให้นายพงศ์พิชาญยอมลงจากรถและเข้าไปคุยกับนายเจริญเพื่อส่งเรื่องให้กมธ.พิจารณาดำเนินการต่อไป
สำหรับนายพงศ์พิชาญได้เคยกระทำพฤติกรรมลักษณะนี้แล้วหลายครั้งทั้งในการบุกทำเนียบรัฐบาล และก่อนหน้านี้ก็เคยมาที่รัฐสภาแล้วครั้งหนึ่งด้วย (เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, 14-8-2555)
20. บุกสภาอีกขู่จุดไฟเผาตัวเอง เพื่อเรียกร้องเงินจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม
เว็บไซต์แนวหน้ารายงานเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 55 ว่านายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ แท็กซี่เจ้าเก่า พยายามขับรถแท็กซี่พุ่งชนรั้ว และแผงเหล็ก อาคารรัฐสภา โดยภายในรถได้มีถังแก๊ส และน้ำมัน โดยนายพงศ์พิชาญขู่จุดไฟเผาตัวเอง เพื่อเรียกร้องเงินจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.เมื่อปี 2553 ทำให้เกิดความแตกตื่นที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันสกัดรถของ นายพงศ์พิชาญ พร้อมทั้งควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.ดุสิต แล้ว (เว็บไซต์แนวหน้า, 27-8-2555)
21. โชว์ระทึก! ระห่ำซิ่งแท็กซี่พุ่งชนขบวนรถนายกฯ
เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 55 เวลา 14.15 น. เกิดเหตุระทึกขณะที่ขบวนรถของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วิ่งออกจากรัฐสภา ถนนอู่ทองใน เพื่อเดินทางไปยังอาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ทศวรรษใหม่กองทุนหมู่บ้านฯ : เปิดปฏิบัติการเพิ่มทุน ระยะที่ 3”
ปรากฏว่าได้มีรถแท็กซี่ สีชมพู ของสหกรณ์แท็กซี่ปทุมวัน จำกัด ทะเบียน ทย 9522 กรุงเทพมหานคร ที่มีนายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงษ์ เป็นคนขับ ดักรออยู่ที่ลานพระรูปทรงม้า เมื่อขบวนรถนายกฯผ่านมาถึง รถแท็กซี่คันดังกล่าววิ่งเปิดไฟฉุกเฉินแล้วพุ่งชนมาที่ขบวนรถของนายกฯ และได้จอดรถทันที แล้วลงมาชูป้ายกระดาษที่มีข้อความเรียกร้องนายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับเงินเยียวยาซึ่งนายพงศ์พิชาญ อ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2553 โดยมีการระบุชื่อของนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยหมายเลขโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์บ้านที่อ้างว่าเป็นของนายกรัฐมนตรีด้วย รวมทั้งมีรูปภาพประกอบ ที่เป็นภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งที่นายพงศ์พิชาญบุกเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก่อนหน้านี้เพื่อประท้วงขอรับเงินเยียวยา ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี 3 คน กระโดดลงจากรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เข้ามาสกัดให้รถแท็กซี่ออกจากขบวน โดยไม่ได้ทำร้ายร่างกายใดๆ
ขณะที่ขบวนรถของนายกฯ วิ่งเบี่ยงหลบไปทันแล้วมุ่งหน้าตรงไปที่แยกมิสกวัน เลี้ยวซ้ายเข้าถนพิษณุโลก ขณะที่รถแท็กซี่ของนายพงศ์พิชาญ เครื่องดับไปครู่หนึ่ง แต่สามารถสตาร์ทเครื่องแล้ววิ่งไล่กวดจนมาทันขบวนรถของนายกฯที่ชะลอบริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ถนนพิษณุโลก เพื่อรับเอกสารสำคัญ ทำให้แท็กซี่คันดังกล่าวขับแซงเข้ามาเพื่อจะปาดหน้า และไล่บี้วิ่งสวนเลนจราจรมาจนถึงแยกพาณิชยการพระนคร รถแท็กซี่คันดังกล่าวได้เร่งเครื่องหวังที่จะเข้าตัดหน้าขบวนอีกครั้ง แต่ปรากฎว่าขบวนรถของสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวภารกิจของนายกฯ ช่วยสกัดไม่ให้เข้าขบวน
ขณะเดียวกัน รถทีมตำรวจรักษาความปลอดภัย 191 วิ่งประกบติดและสกัดเพื่อให้รถแท็กซี่หยุด แต่รถแท็กซี่ยังไม่หยุด โดยพยายามวิ่งสวนเลนเพื่อจะตัดหน้าขบวนนายกรัฐมนตรีอีกครั้งที่บริเวณแยกนางเลิ้ง หน้าราชตฤณมัยสมาคม(สนามม้านางเลิ้ง) ทำให้เจ้าหน้าที่ทีมรักษาความปลอดภัยต้องนำรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน ฏก 461กรุงเทพมหานคร เข้าสกัดและเข้าจับกุมตัวนายพงศ์พิชาญ ไปยังสน.นางเลิ้ง เพื่อสอบสวนก่อนดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ขบวนรถสื่อมวลชนเกิดการเฉี่ยวชนกันเอง โดยรถยนต์ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ชนท้ายกับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 รวมทั้งรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ก็ได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่ทั้งหมดไม่มีใครได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งนี้ หัวหน้าทีมรปภ.ของนายกฯได้ประสานไปยังพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เพื่อรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบ โดยผบช.น.ฝากเรียนไปถึงนายกฯว่าจะดูแลและดำเนินคดีกับนายพงศ์พิชาญ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวไปสอบสวนที่สน.นางเลิ้ง เพื่อพิจารณาโทษกับนายพงษ์พิชาญที่กระทำผิดมาหลายครั้ง (เว็บไซต์เดลินิวส์, 25-10-2555)